“ได้ เ้าค่อยๆ คิด ไม่รีบ” กู้ฉีอมยิ้ม
“อ่า... หน้าบ้านข้าต้องขุดหนึ่งสระใหญ่ ปลูกต้นหลิวข้างสระสักสองสามต้นคงจะดูดีขึ้นไปอีก” เมื่อนึกถึงฉากฤดูร้อนใบหลิวพริ้วไหวลู่ตามลมข้างสระได้ เจินจูก็รู้สึกได้ซึมซับความเย็นและผ่อนคลาย
กล่าวถึงสระน้ำขึ้นมา เจินจูนึกถึงพืชที่สำคัญที่สุดในสระน้ำขึ้นได้ จึงรีบถามออกไป “ท่านสามารถหาพันธุ์บัวได้หรือไม่? เร่งปลูกรากบัวขึ้นก่อนเข้าฤดูร้อน ่ปลายฤดูใบไม้ร่วงท่านก็ทานรากบัวได้แล้ว!”
รากบัว? ทั่วทั้งทางเหนือนับว่าเป็ของล้ำค่ามาก ครอบครัวฐานะมั่งคั่งจำนวนไม่น้อยมักปลูกดอกบัวอยู่ในสระน้ำบ้านตนเองเพื่อชื่นชม แต่ปลูกรากบัวมาใช้เป็อาหารกลับมีจำนวนน้อย ส่วนทิศทางใต้ผลิตผลจากในน้ำมากมายหลากหลายและการเพาะปลูกรากบัวก็ไม่น้อย แต่อย่างไรเสียเส้นทางไกลมากนัก รอให้ส่งมาจนถึงทิศเหนือล้วนไม่สดแล้ว และต่อให้ไม่สด ราคาก็ไม่ถูกอยู่ดี
ปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ทานรากบัวได้? กู้ฉีมองนางด้วยท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ เด็กสาวผู้นี้มีความมั่นใจว่าจะเพาะรากบัวออกมาได้? หรือไร้เดียงสาเกินไปจนไม่รู้เื่ราว?
“โอ๊ะ เจินจูเอ๋ย รากบัวนั่นเป็ของมีค่าสูงมาก ไม่ใช่เป็ผักในพื้นดินที่บอกว่าปลูกก็สามารถปลูกได้นะ” เจี่ยงซื่อได้ฟังถึงตรงนี้ก็อดกล่าวสอดขึ้นไม่ได้
รากบัวปลูกยากหรือ? เจินจูเอียงศีรษะคิด นางจำได้ว่ามีเพื่อนนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่บ้านปลูกรากบัว สระรากบัวหลายสิบหมู่ เมื่อถึง่ฤดูร้อนดอกบัวก็ผลิบาน ภาพเหตุการณ์นั่นสอดรับกับกลอนโบราณประโยคนั้นจริงๆ ที่ว่า เชื่อมนภาต่อใบบงกชมรกตนับอนันต์ สัตตบรรณทอตะวันหลากมณีราคหลาย [1]
เพื่อนนักเรียนชายที่อัธยาศัยดีชอบคบหาเพื่อนฝูง พอ่ปิดเทอมฤดูร้อน พวกนางเกือบทั้งห้องล้วนไปชมดอกบัวที่บ้านเขา
บ้านเขาปลูกรากบัวอยู่สิบกว่าปี เป็ครอบครัวเพาะปลูกรากบัวที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงในท้องถิ่น มีทั้งคนในท้องถิ่นและคนต่างถิ่นจำนวนมากวิ่งมาถึงบ้านของเขาเพื่อซื้อพันธุ์บัวและศึกษาการเพาะปลูก คนที่มาจากภาคเหนือก็มีไม่น้อยด้วยเช่นกัน
จำที่เขากล่าวได้ว่ารากบัวปลูกง่ายมาก ขอแค่ดินกับคุณภาพน้ำได้มาตรฐาน หลังจากนั้นเว้นระยะห่างพอสมควร ใส่ปุ๋ยให้ถึงตำแหน่งที่้า ใส่ใจโรคภัยศัตรูพืช โดยทั่วไปไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
คุณภาพของน้ำและดินที่นี่ล้วนไม่มีสิ่งปนเปื้อน
ส่วนปุ๋ยน่ะหรือ มูลคนและสัตว์ล้วนเป็ปุ๋ยได้ดีที่สุด
สำหรับโรคภัยศัตรูพืช? เจอแล้วค่อยว่ากันเถอะ
จะเอาแต่เพราะกลัวโรคภัยศัตรูพืช แม้แต่ลองยังไม่กล้าลอง แล้วก็ยอมแพ้ไปไม่ได้กระมัง
หากไม่ดีอีก ไม่ใช่ว่ายังมีน้ำแร่จิตวิญาณหรืออย่างไร
“ป้าสะใภ้ เพราะว่ามีราคาสูงถึงได้ปลูกอย่างไรล่ะเ้าคะ รอจนถึงฤดูใบไม้ร่วง่เก็บเกี่ยว ราคาย่อมสูงอีกด้วย” เจินจูยิ้มแล้วตอบ
“เ้าเด็กคนนี้ หากเงินของรากบัวได้กำไรเพียงนั้น ยังเหลือมาให้เ้าได้ปลูกหรือ เ้าต้องคิดให้มากหน่อย อย่าหลงกล ระวังปลูกรากบัวไม่ขึ้นแล้วเอาเงินทุนทบเข้าไปแทนเล่า” สกุลหูตามใจลูกหลานมากเกินไปแล้ว เื่ใหญ่เพียงนี้ แม่นางตัวเล็กหนึ่งคนก็กล้าตัดสินใจเองได้แล้วหรือ
“เจินจู ้าปลูกอะไร เ้าต้องถามผู้ใหญ่ในบ้านก่อนถึงจะถูก” เถียนซื่อภรรยาของท่านลุงหวังเป่าหยวนก็โน้มน้าวเป็นัยด้วยเช่นกัน
“…” นางแค่อยากปลูกรากบัวนิดหน่อยเอง จำเป็ต้องถามด้วยหรือ
“ป้าสะใภ้ ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วขานรับ
“ไม่เห็นเป็ไร ข้าจะช่วยเ้าหารากบัวที่ปลูกได้เอง รากบัวนี่ต้องปลูกได้ดีแน่นอน แค่กๆ” กู้ฉีเอียงกายไปไอเบาๆ สองที
“เช่นนั้นต้องขอบคุณล่วงหน้า ท่านก็รอทานตอนฤดูใบไม้ร่วงได้เลย!” เจินจูดวงตาเปล่งประกายวาววับ มีคนรู้เื่คอยช่วยเหลือ เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว “พี่ชายกู้อู่ อาการไอของท่านยังไม่หายดี อีกเดี๋ยวเอาขิงสดกลับไปสักหน่อย ตอนไม่มีอะไรทำก็ดื่มชาขิงสักถ้วย ไม่มีอะไรจะขับไล่ความเย็นและลดความชื้นได้ดีที่สุดไปกว่านี้แล้ว ผู้าุโมิใช่ล้วนกล่าวกันว่า ฤดูหนาวทานหัวไชเท้าฤดูร้อนทานขิง ไม่ต้องให้ท่านหมอสั่งยาหรือ [2]”
“…สุภาษิตของพวกเ้ามากมายจริงๆ ทำไมข้าไม่เคยได้ยิน?” กู้ฉีกล่าวยั่วเย้าอย่างขบขัน
“ฮ่าๆ บนโลกใหญ่เพียงนี้ เื่ที่ท่านไม่เคยได้ยินยังมีอีกมากมายนะ” เจินจูยิ้มหน้าแดงเป็สุขอย่างยิ่ง ใบหน้าผิวขาวนวลปรากฏสีแดงเืฝาดอมชมพู
เด็กสาวตัวน้อยยิ้มจนคิ้วและตาโค้งเป็คันธนู คล้ายกับแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยขี้ขลาดและเขินอาย คำพูดคำจาทั้งมีน้ำใจและร่าเริง แววตาไม่มีความเคารพยำเกรงและหวาดกลัว เหมือนกับว่าเขาเป็แค่สหายธรรมดาคนหนึ่งของนาง และสองคนไม่มีความแตกต่างฐานะเท่าเทียมกันทั้งหมด กู้ฉีใจลอย...
มุมด้านข้างของบ้าน เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนขยี้ผ้าไหมในมือด้วยความโมโหและเคียดแค้นเต็มหัวใจ พวกเขากำลังคุยอะไรกัน? ทำไมเจินจูสามารถพูดคุยเข้ากับเขาได้? แล้วยังยิ้มอย่างไม่รู้จักอายได้อย่างมีความสุขเพียงนั้น?
นางอยากเข้าไปข้างหน้าร่วมครึกครื้นด้วยมาก แต่ท่าทางแข็งกระด้างเมื่อครู่ของกู้ฉีทำให้นางลังเลใจ
ขณะที่ลังเลใจอยู่เช่นนี้ ผิงอันได้พากู้ฉีเดินไปทางห้องโถงแล้ว
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ทำได้เพียงกลับไปภายในบ้านดังเดิม
ภายในห้องโถงแขกต่างกลับกันไปพอสมควรแล้ว เหลืออยู่เพียงหัวหน้าหมู่บ้านกับญาติที่ชิดใกล้ของสกุลหูไม่กี่คนกำลังพูดคุยเื่ราวในชีวิตประจำวันอยู่ กู้ฉีสังเกตเห็นท่านหญิงชราหวังซื่อยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง เหนียนเสียงหลินกำลังก้มหน้ากล่าวอะไรบางอย่างกับนางอยู่
“คุณชาย!” หลิวผิงกับเฉินเผิงเฟยเดินเข้าไปตรงหน้า
“อืม” กู้ฉีเลิกคิ้วงามขึ้น “พวกเขากำลังคุยอะไรกัน?”
เฉินเผิงเฟยเดินมาตรงหน้าทันที กระซิบกระซาบสองสามประโยค คนที่ฝึกทักษะการต่อสู้เช่นเขาหูตาย่อมไวกว่าคนปกติ เสียงภายนอกบ้านเขาจึงได้ยินเจ็ดแปดส่วน
กู้ฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย พ่อค้าแสวงหาผลกำไร เหนียนเสียงหลินผู้นี้นี่จริงๆ เลย มาเป็แขกบ้านสกุลหูยังพูดคุยการค้าขายขึ้นมาอีก
หวังซื่อสังเกตเห็นพวกเขา นางกวักมือไปทางผิงอัน กระซิบข้างหูไม่กี่ประโยค เด็กชายตัวน้อยวิ่งหายวับไปทางหลังบ้านอีกครั้ง
ไม่นานเงากายชุดสีเหลืองอ่อนก็ปรากฏออกมาหน้าประตูห้องโถง
หวังซื่อจูงเจินจูเข้ามาแล้วกระซิบกระซาบกับนางสองสามประโยค
เจินจูฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เหนียนเสียงหลินผู้นี้สมกับที่เป็คนทำการค้าฉลาดเฉียบแหลมนัก มีดวงตาชำนาญหนึ่งคู่ในการค้นพบช่องทางทำเงินจริงๆ
นางปรึกษาหารือกับหวังซื่อไม่กี่ประโยค หวังซื่อก็พยักหน้าติดๆ กัน
หวังซื่อเดินมาใกล้เหนียนเสียงหลิน กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เ้าของร้านเหนียน ่นี้ท่านดูแลพวกเราสกุลหูค่อนข้างมาก ข้ากับหลานสาวปรึกษากันดีแล้ว วิธีทำของหม่าล่าต้มปลาผักดองสูตรนี้ก็มอบให้ท่านแล้วกัน เดิมทีเป็อาหารปรุงเตรียมไว้แล้ว แค่ขั้นตอนการทำและอัตราส่วนของวัตถุดิบมากหลายชนิดเท่านั้นเอง แม้ไม่มีสูตรของครอบครัวข้า เชื่อว่าพ่อครัวของโรงเตี๊ยมพวกท่านทำหลายครั้งหน่อยก็สามารถทำออกมาได้”
“โธ่ ที่ไหนกัน บอกว่าดูแลก็เกินไป พวกเราล้วนมีผลประโยชน์เอื้อต่อกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต้องขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ ล้วนเป็ฝีมือทำครัวของท่านดี หม่าล่าต้มปลาผักดองธรรมดาก็ทำออกมาได้เอร็ดอร่อยเพียงนี้ หากไม่ใช่ว่าท่านมีอายุแล้ว อยากจะเชิญท่านไปเป็คนครัวใหญ่ของโรงเตี๊ยมพวกเราเลยจริงๆ!” ได้รับคำพูดเช่นนั้นของหวังซื่อ ในใจเหนียนเสียงหลินไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าจะดีใจเพียงใด งานเลี้ยงเมื่อสักครู่นี้เขาได้ชิมอาหารแต่ละอย่างที่อยู่เต็มโต๊ะไปหนึ่งรอบ ฝีมือของหวังซื่อไม่ต้องกล่าวเลยจริงๆ ระดับของการหุงต้มกับข้าวหนึ่งโต๊ะไม่แย่ไปกว่าโต๊ะเลี้ยงที่ดีที่สุดในโรงเตี๊ยมของพวกเขาเลย
จนกระทั่งเขารู้สึกว่าเนื้อพะโล้นั้นก็ทำตามลักษณะวิธีเดียวกัน ดูเหมือนรสชาติของสกุลหูจะดีมากกว่าสองส่วนที่กล่าวไม่ออก หากให้กล่าวว่ามีอะไรแตกต่างอย่างละเอียดก็กล่าวขึ้นมาไม่ได้อีก ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือหม่าล่าต้มปลาผักดอง ความสดหอมและเผ็ดชาเต็มปาก เนื้อปลาละเอียดลื่นหอมนุ่ม เอร็ดอร่อยกว่าหม่าล่าต้มปลาผักดองที่เขาเคยทานมาทั้งหมด
ฝีมือครัวของหวังซื่อทำให้เหนียนเสียงหลินประหลาดใจอย่างแท้จริง
“ฮ่าๆ ท่านอาเหนียน ท่านย่าข้าเป็ของล้ำค่าความสงบสุขของบ้าน [3] ไปเป็คนครัวใหญ่ให้โรงเตี๊ยมท่านไม่ได้เด็ดขาดเ้าค่ะ” เจินจูหัวเราะแล้วออกปากกล่าว
“ของล้ำค่าความสงบสุขของบ้านอะไร เ้าเด็กคนนี้ก็รู้จักปั้นเื่ได้แล้วหรือ ทำให้เ้าของร้านเหนียนหัวเราะเยาะแล้ว” หวังซื่อหัวเราะเสียงดังพลางจิ้มศีรษะของนาง
“โอ้ คำพูดนี้ของเจินจูกล่าวได้ไม่ผิด ล้วนกล่าวกันว่าบ้านมีหนึ่งผู้เฒ่าดั่งมีหนึ่งของล้ำค่าเก่า [4] ท่านไม่ใช่เป็เช่นนี้หรือ!” เหนียนเสียงหลินมีความสุขจนพลั้งปากประจบผู้าุโตรงหน้าไปหนึ่งที เขาคบค้าสมาคมกับสกุลหูมานานเพียงนี้ ย่อมต้องรู้ว่าที่จริงแล้วความคิดเห็นของสกุลหูเป็หวังซื่อกับหูเจินจูสองคน ปกติสกุลหูล้วนตัดสินใจโดยสองคนย่าหลานนี้
สองย่าหลานได้ฟังต่างก็หัวเราะออกมาตามตรง
ในเมื่อตัดสินใจจะมอบวิธีทำหม่าล่าต้มปลาผักดองให้ เจินจูก็ไม่เสียเวลาอีก งานที่ต้องจัดการในบ้านยังมีอีกหนึ่งกองใหญ่จึงต้องเร่งรีบจัดการ
นางกลับไปห้องครัวหยิบตะกร้าใส่กับข้าว ให้หูฉางกุ้ยเอาไปส่งให้ยู่เซิง ตอนกลับมาก็ถือโอกาสจับกระต่ายสองตัวกับไก่สองตัวมาด้วย ผิงอันเด็กเกินไปถือของมากมายมาไม่ไหว
หลังจากนั้นนำทางเหนียนเสียงหลินเข้าไปห้องหลัก หาเครื่องเขียนออกมาแล้วให้หวังซื่อบอกวิธีทำหม่าล่าต้มปลาผักดอง และให้เหนียนเสียงหลินเขียนสูตรหนึ่งฉบับด้วยตัวเอง
ตอนนี้ตัวอักษรพู่กันของนางยังอยู่ในสภาพไม่เหมาะให้คนเห็น ที่ผ่านมายุ่งเกินไป รอให้นางว่างแล้วฝึกคัดตัวอักษรก่อน อย่างไรเสียต้องมีสักครั้งที่ตนเองลงมือเขียนตัวอักษรอยู่บ้างอย่างแน่นอน นางแลบลิ้นแล้วช่วยฝนหมึกอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม
เหนียนเสียงหลินถามรายละเอียดให้เข้าใจชัดเจน แล้วจึงนำกระดาษเซวียนจื่อ [5] ที่คุณภาพดีมาเขียน เมื่อครบถ้วนแล้วก็เก็บไปด้วยความพึงพอใจ
หลังจากขอบคุณหวังซื่อแล้วขอบคุณอีกจึงพาเด็กรับใช้ที่ขับรถม้ากลับไป
เดิมทีเหนียนเสียงหลินจะกลับไปพร้อมกับกลุ่มคนกู้ฉี แต่ถูกหลิวผิงปฏิเสธด้วยถ้อยคำสุภาพ เขาจึงนำหน้าจากไปด้วยการบอกเป็นัยทางสายตาว่าจะกลับไปก่อนแล้ว
หลังจากรถม้าของเหนียนเสียงหลินไปได้ไม่นาน พอจัดเก็บกระต่ายและไก่ที่สกุลหูมอบให้เสร็จ กลุ่มของกู้ฉีจึงอำลาจากไป ญาติของสกุลหูหนึ่งบ้านมองส่งคนถึงประตู คล้ายกับมองความครึกครื้น จนกระทั่งรถม้าไปไกลแล้วก็ยังรวมตัวถกเถียงอยู่ด้วยกัน
“พี่ชายหู ครอบครัวท่านโดดเด่นนัก คุณชายกู้ผู้นี้แม้ดูร่างกายอ่อนแอ แต่ถึงอย่างไรก็เป็คนสูงศักดิ์ที่มาจากเมืองหลวง ยอมลดเกียรติมาถึงสถานที่เล็กๆ นี้ของพวกเราได้ ครอบครัวท่านนับว่าเป็เกียรติอย่างมาก!” จ้าวเหวินเฉียงอยู่เป็เพื่อนแขกมาตลอด ในน้ำเสียงมีความชื่นชมปนอิจฉาชัดเจน
“นั่นน่ะสิ คุณชายกู้อู่ผู้นั้นมีสง่าราศรีทั่วทั้งกาย เมื่อมองก็รู้ได้ว่าเป็คุณชายออกมาจากครอบครัวร่ำรวย ชิๆ พ่อของลูกเขย ครอบครัวท่านพัวพันเข้ากับคนเช่นนี้ หากต่อไปร่ำรวยขึ้นแล้วอย่าลืมดูแลพวกเรา ผู้เป็ญาติที่ยากจนเหล่านี้สักหน่อยนะ” เฝิงซื่อเอ่ยเจื้อยแจ้วกล่าวไม่หยุดพัก มือหนึ่งก็ดึงหลานชายคนเล็กข้างกายที่เสื้อผ้ามีรอยปะทั้งตัวมา แล้วดันไปทางหูเฉวียนฝู “ท่านดู ตุนจือน้อยเป็หลายชายของหูฉางหลิน หิวจนผอมเห็นกระดูกใบหน้าซีดเหลือง ท่านไม่สนไม่ได้แล้วนะ!”
ชายชราสกุลหูเดิมทีบนใบหน้าหัวเราะร่างเริง ทันใดนั้นแข็งค้างขึ้น เฝิงซื่อผู้นี้กล่าวและทำเื่ต่างๆ ไม่หยุดพักสักนิด โอกาสเช่นนี้แสร้งร้องไห้ว่าจนให้ผู้ใดดูกัน พาหลานชายมาร่วมงานเลี้ยง เหตุใดไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้เขาสักหน่อย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงทั้งชุดมีรอยปะ แม้แต่ผ้าก็ค่อนข้างเหลืองจนเกือบจะย้อมเป็สีน้ำตาลเข้มอยู่แล้ว น้ำมูกขี้เถ้าและดินเต็มใบหน้า กล่าวว่ามีความสกปรกได้มากเท่าไรก็สกปรกได้มากเท่านั้น
สีหน้าของหวังซื่อจมดิ่งลง แม่ยายเฝิงซื่อผู้นี้คว้าโอกาสได้ก็แสร้งร้องไห้ว่าจนะโว่าเป็ทุกข์ ในปีนั้นนางตามืดบอดจริงๆ เหตุใดมองหาบุตรสาวของคนครอบครัวเช่นนี้มาทำลูกสะใภ้
“ท่านแม่” เห็นว่าแม่สามีสีหน้าไม่ดี เหลียงซื่อรีบดึงเฝิงซื่อไว้
“ทำไมหรือ สกุลหูพวกเ้าทานเนื้อ ต้องแบ่งน้ำแกงเนื้อสักหน่อย [6] ให้พวกเราญาติยากจนสิ หรือร่ำรวยขึ้นแล้วญาติทั้งหกไม่รู้จักแล้ว? [7] ปู่ใหญ่ของผิงซุ่น ท่านว่านี่เป็ความจริงหรือไม่?” เฝิงซื่อไม่ได้สนใจการกระทำของบุตรสาว หันไปเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ทางหวังหงเซิงขึ้น ล้วนเป็การเกี่ยวดองกันจากการแต่งของสกุลหู หากเขายืนอยู่ฝั่งเดียวกับนาง เช่นนั้นอย่างไรสกุลหูก็ต้องให้ประโยชน์เล็กน้อยกับพวกเขาถึงจะถูก
“เอ๋ น้องสาวใหญ่ ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้ ชีวิตความเป็อยู่ของฉางหลินกับฉางกุ้ยสองครอบครัวเพิ่งดีขึ้นได้นิดหน่อย เงินของครอบครัวผู้ใดต่างก็ไม่ใช่หล่นลงมาจากบนฟ้า พวกเขารวบรวมมาด้วยความยากลำบาก ล้วนเป็เงินที่เหนื่อยยากจากการทำงาน ครอบครัวพวกเ้าไม่ใช่ว่าเรียนรู้การเลี้ยงกระต่ายกับอบเห็ดแล้วหรือ ขอแค่ขยันหน่อย เพียงผลกำไรสองสิ่งนี้ อย่างไรปีนี้ต้องข้ามไปให้ดีได้แน่นอน” เสียงหวังหงเซิงดังก้องกังวานและเบิกบาน คำพูดหนึ่งจบลงใบหน้าของเฝิงซื่อเก้อเขินอับอายขึ้นมาทันที
เชิงอรรถ
[1] เชื่อมนภาต่อใบบงกชมรกตนับอนันต์ สัตตบรรณทอตะวันหลากมณีราคหลาย สองวรรคในกลอนของ 晓出净慈寺送林子方 (รุ่งอรุณเบิกฟ้าวัดจิงซีส่งหลินจือฟาง) ประพันธ์โดย 杨万里 (หยางว่านหลี่) ความหมายคือ ใบบัวสีเขียวผุดขึ้นมาเป็หนึ่งผืน มองออกไปจากที่ไกลๆ จะเชื่อมต่อเป็ผืนเดียวกับท้องฟ้า มองแล้วสุดลูกหูลูกตา ดอกบัวที่อยู่ในสระสะท้อนกับพระอาทิตย์ ดอกบัวเป็สีแดงชูชันขึ้นมามากมายหลากหลาย ในราชวงศ์หนานซ่ง (ค.ศ. 1127-1279) วัดจิงซี เป็วัดแห่งหนึ่งข้างทะเลสาบซีหูของหางโจว ส่วนหลินจือฟาง คือเพื่อนของหยางว่านหลี่ กลอนมีอยู่ว่า 毕竟西湖六月中,风光不与四时同。接天连叶无穷碧,映日荷花别样红。แปลว่า ในที่สุดทะเลสาบซีหูก็ถึงกลางเดือนหก ทิวทัศน์สี่ฤดูต่างกันไป เชื่อมนภาต่อใบบงกชมรกตนับอนันต์ สัตตบรรณทอตะวันหลากมณีราคหลาย ความหมายโดยรวมของกลอนคือ เพื่อบรรยายความงดงามในเดือนหกของปฏิทินจันทรคติจีน (ตรงกับเดือนเจ็ดของปฏิทินสุริยะคติ) ซึ่งในยามปกติสี่ฤดู วิวที่เห็นของทะเลสาบซีหูจะให้ความแตกต่างกันไป ตอนนี้ (เดือนหกตามปฏิทินจันทรคติจีน) ใบบัวมากมายเป็ผืนใหญ่มองไปสุดลูกตาเป็เส้นขอบฟ้า ดอกบัวสะท้อนกับพระอาทิตย์ย้อมเป็สีแดงสีชมพูและสีสันหลากหลาย
[2] ฤดูหนาวทานหัวไชเท้าฤดูร้อนทานขิง ไม่ต้องให้ท่านหมอสั่งยา คือ ่ฤดูร้อนพลังหยางในร่างกายเป็เหมือนความร้อนของดวงอาทิตย์ คือ ความร้อนจะลอยอยู่ภายนอก ทำให้อวัยวะภายในอ่อนแอขาดความอบอุ่น การรับประทานขิงหรืออาหารฤทธิ์อุ่นร้อนจะช่วยทำให้เกิดความอบอุ่นแก่อวัยวะภายใน ส่วนฤดูหนาวพลังหยางจะถูกสะสมภายใน หากกินขิงที่มีฤทธิ์ร้อนจะทำให้มีโอกาสเกิดความร้อนสะสมมากเกินไปได้ จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น หัวไชเท้า เพื่อช่วยกระจายพลังที่ปิดกั้นภายใน และเมื่อร่างกายไม่เจ็บป่วยก็ไม่ต้องไปหาหมอให้หมอจ่ายยา
[3] ของล้ำค่าความสงบสุขของบ้าน หมายถึง ของล้ำค่าที่ทำให้บ้านสงบสุข ไร้ความกังวลเื่เสื้อผ้าและอาหาร
[4] บ้านมีหนึ่งผู้เฒ่าดั่งมีหนึ่งของล้ำค่าเก่า เป็คำยกย่องผู้สูงวัย มีความหมายว่า หากในบ้านมีผู้าุโอายุยืนยาวหนึ่งคน ก็เหมือนมีเสาค้ำทะเลตงไห่ ในบ้านมีกระดูกสันหลัง (หรือเสาหลัก) หากมีเื่เล็กใหญ่อะไรก็สามารถพูดคุยกับผู้าุโได้ เพราะมีประสบการณ์และผ่านโลกมามาก
[5] กระดาษเซวียนจื่อ คือกระดาษที่มีคุณภาพสูงชนิดหนึ่ง ทำจากเมืองเซวียนเฉิน มณฑลอันฮุย
[6] สกุลหูพวกเ้าทานเนื้อ ต้องแบ่งน้ำแกงเนื้อสักหน่อย หมายความว่า สกุลหูร่ำรวยแล้วต้องแบ่งเศษความร่ำรวยให้ญาติๆ สักหน่อย
[7] ญาติทั้งหกไม่รู้จักแล้ว หมายถึง ไม่มีความสัมพันธ์กับใครทั้งสิ้น หรือไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น ญาติทั้งหก ได้แก่ พ่อ แม่ พี่ชาย น้อยชาย ภรรยา และลูก