"...าการป้องกันเมืองนั้นกินเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในส่วนของอาหารสามารถข้ามไปก่อนได้ สิ่งสำคัญที่้านั้นก็คือ ยาชนิดต่างๆโดยจัดลำดับตามความ้าสูงสุด ในส่วนของนักรบจะได้ยาแดง 5 ชุด ยาแดงเวอร์ชันอัปเกรด 5 ชุดต่อให้ดื่มขวดละนาทีก็ยังดื่มได้ถึงหนึ่งร้อยนาที นอกจากนี้ยังมียาฟื้นฟูแขนขา 1ขวด ยาคลั่ง 1 เม็ด ยาหินผา 1 ขวด ยาฟื้นฟูสภาพ 1 ขวด และยาเพิ่มพละกำลัง 1เม็ด ในส่วนของผู้ใช้เวทนั้นจะได้รับยาแดงเวอร์ชันอัปเกรด 5 ชุด ยาน้ำเงิน 5 ชุด ยาน้ำเงินเวอร์ชันอัปเกรด 5ชุด ยาฟื้นฟูสภาพ 1 ขวด ต่อไปก็จะเป็ชุดเกราะโดยในส่วนของนักรบจะได้รับชุดเกราะเกล็ดปลา ที่มีความสามารถในด้านการป้องกันสูงสุดโดยเกราะเกล็ดปลาจะคลุมจุดสำคัญของร่างกายเอาไว้ (ยกตัวอย่างเช่นหน้าอกและแผ่นหลัง) และยังเพิ่มเกราะป้องกันไว้ที่ด้านนอกสุดอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมดุลในเื่ของพลังป้องกันและพลังในการโจมตี มีความคล่องตัวสูงไม่ต่างจากปลาที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำ ในแต่ละชุดเกราะจะสลักเวทลงไปอีกสามชนิดสามารถป้องกันเวทมนตร์พื้นฐานได้สามครั้ง และเวทมนตร์ระดับกลางได้หนึ่งครั้งซึ่งเป็ชุดเกราะที่ดีที่สุดที่บริษัทของเราได้ทำการวิจัยและพัฒนาขึ้นในส่วนของผ้าคลุมที่ผู้ใช้เวทได้รับนั้น แต่ละคนก็จะได้รับพิเศษแตกต่างกันออกไปไม่เหมือนกัน ซึ่งแม้จะเป็ระดับต่ำสุดก็เป็อุปกรณ์ระดับเงินแล้ว
ในส่วนของอาวุธนั้นผู้ใช้เวทต่างก็ทำงานกันตลอดทั้งวันทั้งคืนโดยมีการสลักเวทมนตร์มากกว่าหนึ่งชนิดลงในอาวุธทุกชิ้น เพื่อที่จะเพิ่มขีดความสามารถของพลังทำลายล้างในอาวุธให้สูงที่สุด
ในส่วนของลูกธนูก็มีมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านดอกเพียงพอที่จะให้นักธนูยิงกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืนได้อย่างเพียงพอและยังมีอุปกรณ์หน้าไม้ิญญาพร้อมลูกธนูอีกหนึ่งแสนดอกซึ่งก็เป็เหมือนหน้าไม้ยิงธนูทั่วไป แต่มีความสามารถในการยิงได้รวดเร็วและระยะทางไกลความแม่นยำค่อนข้างสูง สามารถยิงได้ครั้งละ 5 ดอกในเวลาเดียวกันซึ่งค่อนข้างทรงพลังมากเพียงแต่ยังมีข้อด้อยในเื่การติดตั้งลูกธนูซึ่งเกิดปัญหาอยู่บ้างจึงเหมาะสำหรับการโจมตีเพื่อไม่ให้ตั้งตัวเสียมากกว่า
และยังมีอาวุธหนักอีก 2 ประเภท หนึ่งในนั้นก็คือ รถยิงหิน โดยจะมีกล่องใส่หินถ่วงน้ำหนักเพื่อยกให้แขนเหวี่ยงขว้างออกไปเป็วิถีโค้ง โดยสามารถใช้หินขนาดใหญ่ก้อนเดียวหรือจะเป็หินขนาดเล็กหลายก้อนก็ได้ โดยมีระยะทำการอยู่ราว 520-800 เมตร อาวุธชนิดที่สองก็คือ หน้าไม้เฉียนหนิว มีคันธนูไว้ขึ้นสายอยู่สองคันโดยใช้หอกยิงแทนลูกธนู ต้องใช้รอกเป็เครื่องทุ่นแรงในการขึ้นสายสามารถยิงได้ครั้งละ 10 ลูก ซึ่งสามารถเจาะทะลุไม้หนาขนาด 30เิเได้ในระยะยิง 520 เมตรซึ่งค่อนข้างทรงอานุภาพเป็อย่างมาก แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องใช้เวลานานในการติดตั้งลูกธนูและยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
อาวุธที่ไว้ใช้ยับยั้งเวทมนตร์ก็คือ ลูกธนูเวท มีทั้งหมด10,000 ดอก ซึ่งน่าจะพอใช้กู้สถานการณ์ในยามคับขันได้
นอกจากนี้ยังมีหินกลิ้ง รางสำหรับปล่อยหินขนาดใหญ่ให้ไหลลงไปกับท่อนซุงที่เต็มไปด้วยหนามแหลม และน้ำมันก๊าดไว้สำรองพอที่จะใช้ได้หนึ่งวัน
"ทุกคนนั้นเข้าประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้วกับดักก็ติดตั้งไว้แล้ว เหตุการณ์ต่างๆ โดยรอบเป็ไปด้วยความเรียบร้อย มีเื่ที่ต้องกังวลอยู่เื่เดียวก็คงจะเป็ช่องโหว่ระหว่างกำแพงที่ยาวประมาณ20 เมตร ที่เสร็จไม่ทัน ในเวลานี้คงมีแต่หัวหน้าเท่านั้นส่วนผู้เชี่ยวชาญยังมาไม่ถึง" หลังจากที่กั่วกั่วพูดจบก็ลดมือลงเมื่อมองลงไปเบื้องล่าง จากจุดนี้สามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวซึ่งทุกคนต่างดูไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด รอให้ฉินโจ้วสั่งการเท่านั้น
ฉินโจ้วกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้หัวหน้าที่หรูหราตัวนั้นดูคล้ายกำลังหลับ แต่เท้าขวาของเขานั้นกลับกระดิกเป็จังหวะอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
กั่วกั่วเป็เลขานุการคนแรกในกองเลขาธิการซึ่งรับใช้ฉินโจ้วเพียงในนาม และนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสพบกับฉินโจ้วหัวหน้าผู้ลึกลับ ซึ่งได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเลยสักครั้ง
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นฉินโจ้วก็คือ เขายังดูหนุ่มมาก
ภายในองค์กรมีข่าวลือเกี่ยวกับฉินโจ้วอยู่มากมายผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเขาเป็ทายาทรุ่นที่สองหรือไม่ก็ลูกของเ้าหน้าที่ระดับสูงบางทีอาจเป็ลูกหลานของตระกูลผู้ทรงอิทธิพลลึกลับ แต่ไม่มีใครเลยที่จะพูดว่า เขาเป็คนสามัญชนธรรมดาทั่วไปเมื่อกั่วกั่วได้รู้จากปากของชูหลิง ทำให้รู้สึกใมาก
นี่มันตรงข้ามกับที่คิดไว้เลย!
"มากันแล้ว" จู่ๆ ฉินโจ้วก็เอ่ยปากขึ้น
กั่วกั่วเองก็รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกแต่เมื่อเห็นว่าฉินโจ้วยืนขึ้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ประตูห้องทำงานก็มีเสียงเคาะดังขึ้นเสียงหวานสดใสของเลขาฯ หน้าห้องทำงานก็ดังขึ้น "หัวหน้าคะมีแขกมาขอพบค่ะ"
"รีบเชิญพวกเขาเข้ามา" ฉินโจ้วรีบตอบออกไปกั่วกั่วเองยังไม่ทันได้พูดและได้ทำอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงนุ่มๆ ดังขึ้นจากด้านนอก
"ไม่เป็ไรพี่ฉิน เราเข้ามาเองได้ สถานที่ที่นี่ไม่เลวเลยดูเหมือนที่นี่จะเป็กลุ่มที่มั่งคั่งที่สุดในเกมแล้วล่ะมั้ง ทั้งยังกล้าหาญและยังรวยอีกด้วยที่สำคัญที่สุดที่นี่มีแต่สาวงามเต็มไปหมดจนอดคิดไม่ได้ว่าเขาเดินเข้ามาในเมืองที่มีแต่หญิงล้วนหรืออย่างไรที่คนเขาพูดถึงพี่ฉินไว้ ดูเหมือนจะไม่ผิดไปจากที่พูดเลย"
หลังจากที่พูดจบก็มีร่างของคนสองคนปรากฏขึ้นภายในห้องทำงาน คนแรกสวมชุดคลุมยาวสีแดงแวววาวราวกับโลหิตมีใบหน้าขาวราวหิมะ ที่ไหล่สะพายดาบโค้งเล่มใหญ่สีขาววาววับเล่มหนึ่งส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นสวมชุดดำสนิทคล้ายกับหมึก ใบหน้าเหลืองซีดคล้ายกับคนป่วยสะพายไม้ที่ดูเก่าแก่โบราณเอาไว้ ยืนโงนเงนไปมาดูราวกับไม่มีน้ำหนัก
คนแรกนั้นมาตามคำเชิญชวนนั่นก็คือ ''ดาบวงพระจันทร์'' ทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ มาเพราะมิตรภาพในความเป็เพื่อน ฉินโจ้วเพียงแค่เอ่ยปากว่าจะมีการต่อสู้ขึ้นที่นี่ เขามีท่าทางกระตือรือร้นก่อนจะตอบตกลงในทันที
"พี่ชายวงพระจันทร์ ดูท่าทางสบายดีนะ"ฉินโจ้วเข้าไปจับมือแสดงการต้อนรับ
"ถ้าจะให้พูดถึงใครจะไปเทียบกับพี่ฉินได้ ''ฝนอุกกาบาต'' แค่สามลูกก็เกือบจะทำลายกิลด์ต้นไม้ทงเทียนได้แล้ว ฉิวเฉ่ากังแทบจะไม่กล้าผายลมด้วยซ้ำช่างเป็ความสำเร็จที่งดงาม ต่อให้เป็ผมเองก็คงทำไม่ได้"ดาบวงพระจันทร์ได้แต่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
"เอ่อ... ไม่ทราบว่าจะให้เรียกพี่ชายท่านนี้ว่าอย่างไร?" ฉินโจ้วหันไปมองคนที่อยู่ด้านหลังของเขา
"นายเรียกเขาว่า ''เตี้ยวสื่อกุ่ย''(แขวนคอตายกลายเป็ผี) ก็แล้วกัน ฉันรู้จักกับเขาั้แ่ตอนเข้าเกมความสามารถก็ไม่ได้ด้อยกว่าฉันสักเท่าไร พอรู้ว่านาย้าผู้เชี่ยวชาญก็เลยพาเขามาที่นี่ด้วย" ดาบวงพระจันทร์เอ่ยแนะนำขึ้น
"เสียมารยาทแล้ว ที่ไม่ได้กล่าวทักทาย"ฉินโจ้วประสานหมัดขึ้น
เตี้ยวสื่อกุ่ยได้แต่พยักหน้ารับ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
"พี่ฉิน เขาเป็ของเขาแบบนี้แหละไม่ค่อยชอบพูดไม่ต้องแปลกใจไป ั้แ่รู้จักกับเขามาได้ยินเขาพูดยังไม่ถึงยี่สิบคำเลย"ดาบวงพระจันทร์อธิบายเพิ่มเติม
"มา... มา... ที่สำคัญคือ ตอนนี้ได้รู้จักเป็เพื่อนกันแล้วเชิญนั่งก่อน รับชาหรือเครื่องดื่มอะไรดี?" ฉินโจ้วเอ่ยถามขึ้น
"ไวน์หรือเหล้าก็ได้ ยิ่งแรงยิ่งดี"ดาบวงพระจันทร์เอ่ยพลางหัวเราะร่า เมื่อพูดถึงไวน์ท่าทางของเขาก็ดูคึกคักร่าเริงขึ้นในทันที
"น้ำร้อน" เตี้ยวสื่อกุ่ยเอ่ยปากน้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างไร้เรี่ยวแรง ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกมากน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้พุ่งออกมาเหมือนปกติทั่วไป ราวกับพูดออกมาจากในน้ำฟังแล้วค่อนข้างอึดอัด
กั่วกั่วเองก็ทำหน้าที่เป็พนักงานเสิร์ฟด้วยโดยไม่จำเป็ต้องออกคำสั่ง
เมื่อไวน์มาถึง ดาบวงพระจันทร์ก็ไม่ได้รีบร้อนดื่มแต่อย่างใดก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก่อนจะดื่ม มีข่าวร้ายมาบอก แต่ไม่ฟรีนะ"
"ไม่ทำให้ต้องขาดทุนแน่นอน"ฉินโจ้วเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
"ว่ากันตรงๆ เลยกลุ่มคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ราวหมื่นคน จู่ๆ ก็ได้หายไป เท่าที่ตามดู เหมือนทิศทางก่อนจะหายไปนั้นมุ่งตรงมาทางนี้"
"ขอบคุณมากข่าวนี้ค่อนข้างสำคัญมากเลยทีเดียว" สีหน้าของฉินโจ้วยังคงนิ่งเฉย"มาดื่มกันเถอะ ได้ยินว่านี่เป็ไวน์ของคนแคระ หาได้ยากนัก"
"ฉันเองก็ได้ยินเกี่ยวกับไวน์นี้มาว่า รสชาติหอมหวานแตกต่างจากทั่วไปดูเหมือนจะเป็ไวน์ของคนแคระที่ทำมาจากแป๊ะก๊วย คราวนี้ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวคุ้มค่ายิ่งนัก" ดาบวงพระจันทร์ถึงกับหัวเราะร่าออกมาด้วยเสียงอันดัง
ในขณะที่ฉินโจ้วกำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบ เลขาฯ ก็ได้นำชายอีกสองคนเข้ามา
"พี่สุดขอบฟ้า ไม่ได้พบกันเสียนานเลยั้แ่ที่เจอกันคราวนั้น ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกครั้ง คุณกลายเป็จอมยุทธ์ที่ทุกคนให้ความเคารพยกย่องไปแล้ว"ฉินโจ้วยิ้มขณะกล่าวทักทาย
"พี่ฉิน เป็คุณนั่นเองผมต้องขอโทษด้วย ช่างน่าประหลาดใจเสียจริงใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มที่ขายยาแดงในหมู่บ้านโนวิสเวลานั้นตอนนี้จะกลายเป็หัวหน้าของฉินหวังกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงโด่งดังโลกนี้มีแต่เื่ที่ทำให้ประหลาดใจมากมายเสียจริง" ''ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้า''รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว จับมือฉินโจ้วไว้แน่นพูดพลางถอนหายใจ
ั้แ่ครั้งที่เนินหมาป่าดุหมู่บ้านโนวิส คนที่แลกแหวนหนึ่งวงกับยาแดงหนึ่งชุดนั่นก็คือ ''ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้า'' ซึ่งต่อมาแหวนวงดังกล่าวหลังจากที่นำไปประเมินวัตถุแล้วก็พบว่าเป็อุปกรณ์ระดับทองคำดำ นั่นก็คือ แหวนเรือทะเลทรายซึ่งในตอนนี้พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่า แหวนที่ดูสกปรกและไม่น่าสำคัญอะไรจะกลายเป็อุปกรณ์ระดับทองคำดำไปได้ด้วยความช่วยเหลือจากแหวนเรือทะเลทรายส่งผลกับฉินโจ้วจนแทบประเมินค่ามิได้ ฉินโจ้วรู้สึกขอบคุณย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าเป็อย่างมากซึ่งย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าอาจจะคิดว่าตนเองเสียเปรียบ และคงจะ้านำกลับคืนแต่เนื่องจากเวลาผ่านมานานแล้วก็น่าจะเป็เื่ยาก จึงลังเลที่จะเอ่ยปาก
"ครานั้นที่เห็นพี่สุดขอบฟ้า ดูน่าจะเป็คนที่ไม่ทะเยอทะยานแต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ความสำเร็จของพี่สุดขอบฟ้าจะสูงส่งถึงเพียงนี้เห็นได้จากชื่อเสียงของคำว่า จอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรมที่มีทั่วทั้งเขตเหยียนหวงผู้คนต่างให้ความนับถืออย่างสูง"ฉินโจ้วถึงกับเอ่ยด้วยความชื่นชม
"ทีแรกผมก็ภาคภูมิใจอยู่บ้างแต่เมื่อเห็นความสำเร็จของพี่ฉินแล้ว ผมเองก็รู้สึกว่าธรรมดาไปเลยทีเดียว"ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าได้แต่ส่ายหน้า จนเมื่อนึกถึงบางสิ่งขึ้นได้จึงรีบเอ่ยต่อไปว่า"ระหว่างทางที่มา ดูเหมือนจะเห็นกลุ่มโจรสายลมกลุ่มใหญ่กำลังข้ามทุ่งหญ้ามาดูจากทิศทางแล้วน่าจะกำลังตรงมายังด๊อกทาวน์ผมคิดว่าพวกเขาคงจะวางแผนบางอย่างเอาไว้ พี่ฉินคงต้องระวังเอาไว้ด้วย"
"ขอบคุณมากเลย พี่สุดขอบฟ้าข่าวนี้มาได้ทันเวลาพอดี ผมจะรีบให้คนไปจัดการ" ฉินโจ้วรู้สึกซาบซึ้งเป็อย่างยิ่ง
"ดูน่าจะรุนแรงพอดู มาๆผมจะแนะนำน้องชายของผมให้รู้จัก ''เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถว''(อัศวินพืชหญ้าน้อยในป่าใหญ่)ถึงแม้ว่าในเกมอาจจะดูไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากเท่าไรแต่ความสามารถของเขาในการจัดการกับพืชของเขานั้นดีเยี่ยม พอรู้ว่าคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญ ก็เลยคิดถึงเขาเป็คนแรก"ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวยังดูหนุ่มและอายุน้อยมากราวกับยังเป็นักเรียนอยู่ เมื่อเขาได้ยินคำยกย่องจากย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าก็ถึงกับหน้าแดง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตนว่า "อย่าไปฟังพี่สุดขอบฟ้าพูดเลยความจริงแล้วความสามารถของผมค่อนข้างต่ำต้อย ผมเลือกชื่อ ''เฉ่าเสีย''(อัศวินหญ้า) ด้วยตัวของผมเอง
ฉินโจ้วก็รู้สึกประทับใจในชายหนุ่มคนนี้ทันทีก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า "ผมเชื่อในวิสัยทัศน์ของสุดขอบฟ้าถ้าเขาว่าคุณยอดเยี่ยม คุณก็ต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน"
ใบหน้าของเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวกลายเป็สีแดงเมื่อได้ยินดังนั้น
"อ้อ...ผมจะแนะนำเพื่อนอีกสองคนให้คุณรู้จัก"ฉินโจ้วนำทั้งสองไปหาดาบวงพระจันทร์และเตี้ยวสื่อกุ่ย ในขณะที่กำลังจะแนะนำนั้นย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าได้พูดขึ้นก่อนว่า
"ดาบวงพระจันทร์ นักดาบที่ชนะไปทั่วทุกแคว้นแดนตะวันตกวันนี้ถือเป็โชคดีที่ได้มาพบ เคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว"
"ท่านจอมยุทธ์ ผมเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วคุณเป็จอมยุทธ์ที่ทุกคนต่างให้ความเคารพยกย่อง ส่วนผมน่ะไล่สังหารผู้คนจนกลายเป็คนชั่วร้ายไปเสียแล้วทำให้วิถีทางของเรานั้นสวนทางกัน"ดาบวงพระจันทร์นั้นรู้จักย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าเป็อย่างดี จึงไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าได้แต่ยิ้มแต่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจในความเฉยชาของดาบวงพระจันทร์ก่อนจะหันมองไปยังเตี้ยวสื่อกุ่ย ซึ่งค่อนข้างแปลกประหลาดมาก เมื่อแรกที่ได้เห็นเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของคนผู้นี้มีมากมายยิ่งนัก
"เถาวัลย์น้อย"หลังจากที่เตี้ยวสื่อกุ่ยจ้องมองไปทางเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถว ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่ง
"คุณ... หรือว่าคุณคือิญญาชุดคลุมดำคนนั้น?!"เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จู่ๆ จะจำบางสิ่งได้ และชี้ไปทางเตี้ยวสื่อกุ่ยพลางะโขึ้น
"นายรู้จักเขาอย่างนั้นหรือ มู่โถว?" ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้ารู้ว่าปกติแล้ว เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวนั้นชอบท่องเที่ยวในเขตเทือกเขาและป่าลึกจึงทำให้พบเจอคนไม่เกินสิบคน เขาเองรู้จักทุกคนแต่ดูเหมือนว่าที่เขาจำได้นั้นไม่มีชายคนดังกล่าว
"พี่สุดขอบฟ้าจำได้ไหมที่ผมเคยบอกว่า พบกับชายที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งในเขตป่าดำ ?" เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวอธิบายเพิ่ม
"เอ่อ... ตอนที่นายบอกว่าที่อยู่ในป่าคนเดียวและไม่มีใครมาช่วยน่ะหรือ?" ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าดูเหมือนเพิ่งจะนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาได้
"ใช่แล้ว เขานี่แหละ เป็คนที่สุดยอดมากเลย"เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวพูดขึ้นด้วยความจริงใจ
"นายเองก็ใช่ย่อย"ดูเหมือนว่าวันนี้เตี้ยวสื่อกุ่ยจะพูดมากกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่า เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวเองก็ประทับใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย
ฉินโจ้วยิ้มก่อนจะกล่าวว่า"ในเมื่อทุกคนต่างก็รู้จักกันดีแล้ว อย่างนั้นก็ดีเลย ผมจะเข้าเื่เลยเวลาใกล้เข้ามาแล้ว าการป้องกันเมืองนี้ไม่อาจที่จะล้มเหลวได้คงต้องรบกวนพวกคุณทั้งสี่แล้ว หลังจากที่งานสำเร็จแล้ว ผมจะจัดเลี้ยงฉลองให้กับพวกคุณทุกคน"
"พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด"ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้ากล่าวขึ้นอย่างจริงจัง เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวก็มีท่าทีที่ไม่ต่างกันในส่วนของเตี้ยวสื่อกุ่ยนั้นยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม ดาบวงพระจันทร์ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกันแต่ดวงตาของเขานั้นเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงเรื่ออย่างช้าๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้