ล่าสัตว์? คิดจะวางแผนอะไรอีกเล่า?
คำถามพลันปรากฏขึ้นในหัว หรือฮ่องเต้ิจะติดนิสัยจากตอนอยู่บ้านดังนั้นจึงมาล่าสัตว์ที่ต้าจิ้น?
“ได้ ข้ารู้แล้วเ้าจงกลับไปทูลท่านอ๋องว่าข้าจะตระเตรียมทุกอย่างเอง”
ดูเหมือนนางจะต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยสินะ
ชิงหูครุ่นคิดขณะมองด้านนอกประตู ร่องรอยของความสงสัยถูกวาดในดวงตา
“เ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ตอนที่ข้าออกไปข้างนอกวันนี้ ข้าได้เห็นสัญลักษณ์ของเถาฮวาอู๋มีเพียงคนของเถาฮวาอู๋เท่านั้นที่จะรู้จักสัญลักษณ์นี้”
หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าเถาฮวาอู๋ที่สงบเงียบมานานจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“เ้าสามารถสืบให้ข้าได้หรือไม่ว่าพวกเขามีจุดมุ่งหมายใด?”
ชิงหูเคยบอกว่านักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ไม่มีทางมาที่เมืองหลวงได้ง่ายๆ
น่าแปลก ทั้งที่รังของพวกเขาอยู่แถบชานเมืองของเมืองหลวงแต่พวกเขากลับถูกเตือนว่าห้ามไม่ให้เปิดเผยตัวที่เมืองหลวงอีกทั้งห้ามก่อเื่ในเมืองหลวงเด็ดขาด
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ควรระวังตัวเอาไว้ก่อน
“ได้ หลังจากนี้อีกสองชั่วโมง ข้าจะนำข้อมูลกลับมาให้เ้า”
แม้ปกติชิงหูจะมีท่าทางไม่เอาอ่าวแต่เื่งานกลับพึ่งพาเขาได้มากที่สุด
เมื่อเขาพยักหน้า ร่างของเขาก็หายไป
ไม่นาน คำสั่งจากไท่จื่อก็มาถึง
นอกจากหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้แล้ว เจียงหรู๋ฉินหลินเมิ้งหวู่จำต้องเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วย
หรือยังไม่คิดยอมแพ้เื่ดูตัวในงานวันนั้นดังนั้นจึงคิดจะจับคู่ในงานล่าสัตว์อีกครั้ง
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด จะต้องระมัดระวังเป็พิเศษ
“เย่ อยู่หรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินเมิ้งหยา ร่างของเย่พลันปรากฏตรงหน้า
เ้าพวกมีวิทยายุทธ์ขั้นสูงพวกนี้นี่หนา คิดอยากจะโผล่ก็โผล่คิดอยากจะหายก็หาย โชคดีที่นางมิใช่คนขวัญอ่อน
“ข้าน้อยอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ เชิญพระชายารับสั่งมาได้”
เย่ยังคงมีท่าทางเ็าบางทีใบหน้าภายใต้หน้ากากเองก็คงเ็ามิแพ้กัน
“ข้าอยากยืมคนของเ้าสักคนหนึ่ง วันมะรืนจะต้องไปงานล่าสัตว์ข้าอยากพาทุกคนในตำหนักไปด้วย เ้าสามารถหาคนมาเฝ้าตำหนักของข้าได้หรือไม่?”
หากมีคนคิดจะทำเื่อะไรลับหลังแล้วละก็ คนผู้นั้นอาจขัดขวางแผนการของคนเ่าั้ได้
นางมิอยากปล่อยให้คนในตำหนักต้องได้รับาเ็ดังนั้นท่ามกลางสถานการณ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เช่นนี้ นางจำต้องปกป้องดูแลทุกคน
“พระชายาได้โปรดวางใจ องครักษ์ลับจะถูกส่งมาเฝ้าตำหนักของพระชายา”
เย่ส่งเสียงหนักแน่นเพียงได้ยินก็รู้ได้ว่าเขาเป็คนสามารถพึ่งพาอาศัยได้
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง หากมีเย่อยู่ตำหนักของนางจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
“ดี เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
เมื่อคิดๆ ดู หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าหากปล่อยพระสนมเต๋อเฟยอยู่ที่จวนเพียงคนเดียวจะต้องเหงามากอย่างแน่นอนดังนั้นนางที่เป็สะใภ้ควรเข้าไปถวายคำนับ
“เข้ามา ไปตำหนักหยาเสวียน”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว เวลาผ่านไปแล้วถึงสองวัน
เมื่อถึงรุ่งสางหลินเมิ้งหยาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วพาสาวใช้ทั้งสี่และหลินจงอวี้ออกจากประตูไป
“ทูลพระชายา ท่านอ๋องตามไท่จื่อและองค์รัชทายาทล่วงหน้าไปก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวซีคนหนึ่งเข้ามากราบทูล
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง
“ดี ข้ารู้แล้ว ออกเดินทางได้”
“ไป”
หลินขุ๋ยติดตามหลงเทียนอวี้ไป พ่อบ้านเติ้งติดตามหลินเมิ้งหยา
รถม้าหรูหราสง่างามโลดแล่นบนถนนใหญ่ปรากฏเป็ภาพเื้ัอันสวยงาม
ราษฎร์พากันออกมาดูความสวยงาม
“นายหญิง ไม่มีคนอยู่เฝ้าตำหนักเช่นนี้จะไม่เป็อะไรจริงหรือเ้าคะ?”
ป๋ายจีที่มักสงบนิ่งตลอดเวลารู้สึกดีใจที่ได้ออกมาเที่ยว
ทุกครั้งนางจะต้องอยู่เฝ้าตำหนักแต่ครั้งนี้ตำหนักกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน นางกังวลว่าจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น
“จะเกิดอะไรได้เล่า? วางใจเถิด ข้าเตรียมการเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเกรงว่าการเดินทางในครั้งนี้มิได้ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็”
ชิงหูปะปนอยู่กับเหล่าองครักษ์เพื่อคุ้มครองอารักขาหลินเมิ้งหยาบนรถม้า
รายงานที่เขาได้รับเมื่อวานคือนักฆ่าทุกคนล้วนไปรอท่าอยู่ที่เขาหลิงจู
แม้เป้าหมายอาจจะไม่ใช่หลินเมิ้งหยาแต่ถึงกระนั้นกลอุบายก็ถูกวางเอาไว้แล้ว
เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หลินเมิ้งหยาจึงเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า
“นั่นซิ พี่ป๋ายจีวางใจเถิด หากพี่สาวพูดว่าเตรียมการเอาไว้แล้วจะต้องไม่เป็อะไรอย่างแน่นอน”
หลินจงอวี้ช่วยพูด วันนี้เขาสวมใส่ชุดขนจิ้งจอกสีขาวที่ป๋ายจีทำให้
เสื้อผ้าชุดนี้ขับให้เขาหล่อเหลาราวกับหยก
“ใช่แล้ว คนในจวนของเราควรออกมาเที่ยวเล่นบ้างวันนี้พวกเรามาผ่อนคลายด้วยกันเถอะ”
หลินเมิ้งหยาที่นั่งอยู่มุมหนึ่งพลิกอ่านหนังสือ
แม้จะไม่รู้ว่าฮ่องเต้ิมีวัตถุประสงค์อันใดแต่ถึงกระนั้นก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความสุขของป๋ายจื่ออีก
รถม้าของจวนอวี้คันไม่เล็ก ทั้งหกคนนั่งได้สบาย ๆ
หลินจงอวี้กลับรู้สึกเบื่อหน่าย เขาอยากขอออกไปขี่ม้า
บอกให้พ่อบ้านเติ้งตระเตรียมก่อนที่ม้าสีแดงดั่งลูกพุทราจะถูกจูงเข้ามา
“นายน้อยอวี้ ม้าตัวนี้ชื่อเลี่ยฮั่วเป็ม้าที่ท่านอ๋องเตรียมไว้ให้ท่านเป็พิเศษ งดงามเป็อย่างยิ่ง”
พ่อบ้านเติ้งเอ่ยอธิบายอยู่นอกรถม้า
หลินจงอวี้ชื่นชอบเป็อย่างมาก ลูบไล้หัวม้า ทันทีที่พลิกตัวขึ้น
มองดูม้าสีแดง ้าคือคุณชายตัวน้อยมุมปากของหลินเมิ้งหยาพลันหยักยิ้มเล็กน้อย
คำพูดของพ่อบ้านเติ้งทำให้หัวใจของนางอบอุ่น
ตระเตรียมเอาไว้ให้เป็พิเศษ?
ที่แท้ หลงเทียนอวี้ล้วนใส่ใจคนในตำหนักของนางทุกคน
“ท่านอ๋องดีกับนายหญิงมากจริงๆ”
ป๋ายจีเป็คนใส่ใจรายละเอียดเพียงได้เห็นสีหน้าของพระชายาก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดอะไร
“มีแต่คนบอกว่าท่านอ๋องเป็คนเ็า แต่ในสายตาของหนู่ปี้[1]ท่านอ๋องดีกับพระชายามากเหลือเกินพระชายาไอเพียงสองครั้งก็รีบจัดหายาชวนป๋วยปีแป่ก่อ[2]มาให้เมื่ออากาศเย็น ภายในห้องครัวเล็กมีฟืนไฟตระเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว พระชายาชอบกินอะไรก็จัดหามาให้ แม้แต่น้ำแข็งที่มีราคาสูงเสียดฟ้าเองก็ถูกเตรียมไว้ในห้องเย็นพวกหนู่ปี้ล้วนอิจฉาความรักความเมตตาที่ท่านอ๋องมอบให้พระชายาเหลือเกินเ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาไม่เคยรู้เลยว่าหลงเทียนอวี้จะทำเพื่อนางมากมายถึงเพียงนี้
รอยยิ้มที่มุมปากพลันอ่อนโยนมากขึ้น
แต่ถึงอย่างไร นางก็มิอาจเทียบกับท่านหญิงหลินหลางได้
อยากรู้เหลือเกินว่าหัวใจของหลงเทียนอวี้จะมีพื้นที่ว่างให้นางสักนิดหรือไม่?
วางหนังสือในมือลง เลื่อนสายตามองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ นางและเขาอาจไม่มีวาสนาต่อกัน
แต่ถึงกระนั้นพวกนางก็ยังเป็เพื่อนกันได้ใช่หรือไม่?
เช่นนั้นนางจะคิดมากให้รกสมองเพื่อสิ่งใดกัน?
มองหลินจงอวี้ที่กำลังขี่ม้าด้วยความสนุกสนาน หลินเมิ้งหยาตัดสินใจล้มเลิกที่จะหาความวุ่นวายให้สมอง
เป็แบบนี้ก็ดีแล้ว
รถม้าโคลงเคลง แล่นไปบนถนนอยู่นานในที่สุดก็เดินทางมาถึงูเาหลิงจูอันเป็เขตล่าสัตว์ของฮ่องเต้
แม้จะเป็ป่าทึบ แต่มีทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่ตีนเขา
ทุกคนล้วนหาที่ตั้งกันบริเวณตีนเขา
แม้จะเดินทางอย่างยากลำบากตลอดทั้งวัน แต่ถึงกระนั้นความกระตือรือร้นของพวกบุรุษจึงมิได้จางหายไปเลย
ทันทีที่มาถึงเขตล่าสัตว์ มีคนจัดเตรียมงานเลี้ยงเล็กๆรออยู่ก่อนแล้ว
หลินเมิ้งหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพาสาวใช้ไปยังกระโจมที่ถูกกางไว้ก่อนแล้ว
“ท่านอ๋อง พระชายามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลินขุ๋ยกระซิบที่ข้างหูของหลงเทียนอวี้ หลงเทียนอวี้วางแก้วเหล้าในมือก่อนจะหันมองทางด้านหน้ากระโจม
พวกบุรุษทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็ชุดเกราะหนังกันหมดแล้ว
รูปงามสง่า อีกทั้งยังหล่อเหลากว่าพวกบุรุษในเมืองหลวง
ส่วนพวกสตรีแต่งตัวแตกต่างกันออกไปบางคนสวมใส่กระโปรงยาวประหนึ่งเทพธิดา
แต่ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็ชุดขี่ม้าที่สะดวกสบายและรัดกุมกว่ามาก
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับโดดเด่นที่สุด
ด้านหน้ากระโจม ร่างบางสวมใส่ชุดสีแดงดึงดูดสายตาทุกคู่
บนชุดสีแดงปักดิ้นทองลายดอกโบตั๋น ส่งผลให้เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนางยิ่งดูงดงามมากขึ้น
เส้นผมถูกรวบและประดับไว้ซึ่งมงกุฎหยกสีม่วง
แตกต่างจากท่วงท่าสง่างามในเวลาปกติตอนนี้หลินเมิ้งหยางดงามมีเสน่ห์จนมิอาจมีใครละสายตาไปจากนางได้
“พี่หาน พี่สะใภ้สามหาได้เหมือนพระชายาไม่แต่นางเหมือนแม่ทัพหญิงมากกว่า”
ข้างกายของหลงชิงหานคือเด็กสาวหน้าขาวปากแดงคนหนึ่ง
เด็กสาวอายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น ทว่าหน้าตาน่ารักน่าชังแต่ถึงกระนั้นกลับส่งความรู้สึกเย่อหยิ่งออกมาเล็กน้อย ในอนาคตจะต้องทำให้เหล่าบุรุษยุ่งยากลำบากใจอย่างแน่นอน
“เ้าคงไม่รู้สินะว่าพี่สะใภ้ท่านนี้เก่งกาจเหนืุ์”
หลงชิงหานยกพัดขึ้นปิดบังใบหน้าทว่าเขากลับไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นตะลึงเอาไว้ได้
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสตรีจะสามารถมีความหล่อเหลาเช่นบุรุษได้เช่นนี้
หยินและหยางรวมเข้าหากันอย่างสวยงามแม้แต่เขาเองยังอดที่จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยไม่ได้
ขณะเดียวกัน เขารู้สึกอิจฉาพี่สามขึ้นมา
“พระชายาอวี้เสด็จ...”
ขันทีร้องประกาศแสดงตัวตนของหลินเมิ้งหยา
ส่งยิ้มอ่อนหวาน หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไปหยุดข้างกายหลงเทียนอวี้
“ท่านอ๋อง”
ริมฝีปากอ้าออก กลิ่นเหล้าคละเคล้าอยู่ในคำพูดทำให้คนฟังรู้สึกเมามาย
“นั่งเถิด”
หลงเทียนอวี้พยักหน้า แต่กลับไม่รู้สึกประหลาดใจ
ทว่า ร่องรอยของความตกตะลึงปรากฏขึ้นในั์ตาของเขา
ชายาของเขา ทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉา
“ฮ่าๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นชายาของน้องสาม ก็อดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้น้องสามโชคดีเหลือเกิน ข้าขอดื่มให้เ้าหนึ่งจอก”
ไท่จื่อดื่มเหล้าเข้าไปหลายจอกแล้วดังนั้นเสียงจึงอ้อแอ้ประหนึ่งคนเมา
โชคดีที่ที่นี่มิใช่งานเลี้ยงอย่างเป็ทางการดังนั้นหากใครได้ยินคงคิดว่าสองพี่น้องแซวกันเล่นแต่เพียงเท่านั้น
หลินเมิ้งหยาหุบยิ้ม แต่มิได้ตอบกลับใด ๆ
ั์ตาเผยให้เห็นร่องรอยของความเ็าคนบ้ากามเช่นนี้จะขึ้นครองราชย์ได้อย่างไร?
“ไท่จื่อเอ่ยชมมากเกินไป ข้าว่าสตรียิ่งสวย ยิ่งอันตราย”
[1]หนู่ปี้ คือคำที่ข้ารับใช้แทนตัวเอง แปลว่าบ่าว
[2]ชวนป๋วยปีแป่ก่อ คือ ยาแก้ไอ
