เช้าวันถัดมา อวี๋มู่ถูกปลุกขึ้นมาด้วยกลิ่นหอมกรุ่น เป็กลิ่นแป้งหอมๆ หวานๆ คลุ้งตลบอบอวนอยู่ในบ้าน
เขาลืมตาขึ้น หันมองดูด้านข้าง พบว่ามีเพียงผ้าห่มที่พับเก็บวางอยู่อย่างเรียบร้อย ้ามีชุดนอนที่ให้เขาใส่เมื่อคืนวางอยู่
เขาใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ เดินออกไปด้านนอกพร้อมกับหาวออกมา เห็นเหลียงหานกำลังนั่งนวดแป้งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีบะหมี่และเขียงไม้
“ครูตื่นแล้วเหรอฮะ” ใบหน้าเหลียงหานยังมีรอยฟกช้ำ ตาก็บวมเป่ง ดวงตาเรียวสวยยามปกติตอนนี้หรี่ปรือ แต่ดูจากท่าทางแล้วอารมณ์น่าจะดี เขาชี้ไปที่หม้อที่ตั้งอยู่บนเตา “เค้กข้าวใกล้จะได้แล้วฮะ ผมใส่พุทรากับถั่วเข้าไป น้ำตาลไม่ได้ใส่เยอะมาก น่าจะไม่ค่อยหวาน”
เหลียงหานรู้ว่าอวี๋มู่ไม่ค่อยชอบทานหวานมาก แต่ของว่างที่เมื่อวานเขาระบุมาอย่างหมั่นโถวไส้ถั่วกับเค้กข้าวล้วนเป็ของหวาน เขาทำได้เพียงไม่ให้มันหวานมากจนเกินไป
อวี๋มู่มองดูถั่วแดงที่บดเสร็จแล้ว เดินไปข้างเหลียงหาน นั่งลง แล้วใช้ตะเกียบชิมถั่วแดง เอ่ยถามเขา
“เธอตื่นกี่โมง?”
จะทำถั่วแดงให้กลายเป็ไส้ถั่วนั้นใช้เวลาไม่น้อย แถมยังเป็ไส้ที่บดละเอียดขนาดนี้ กระทั่งคนที่ไม่ได้ชอบทานหวานมากอย่างเขายังรู้สึกเลยว่ารสชาติเยี่ยม
อวี๋มู่นั่งเกือบชิดเหลียงหาน เขาร่างกายเผาผลาญดี โดยเฉพาะฤดูหนาว เหมือนเตาเผาเล็กๆ พอใกล้ชิดแบบนี้เหลียงหานเหมือนได้รับััอุ่นแบบผ่อนคลาย
เหลียงหานใจเต้นแรง เขาก้มหน้านวดแป้ง “ตีห้ามั้งครับ”
“ตีห้า? ฟ้ายังไม่สว่างเลยมั้ง?” อวี๋มู่ถอนหายใจ “ฤดูหนาวแบบนี้ต้องนอนให้เยอะๆ จะดีกว่า ไม่ต้องรีบลุกมาทำกับข้าวแบบนี้หรอก เราสองคนก็โตขนาดนี้แล้ว กินสายหน่อยไม่เป็ไรหรอก”
“ก็เพราะครูบ่นว่าอยากกิน” เหลียงหานนวดแป้ง ผมที่เริ่มยาวปรกหน้าบดบังใบหน้าแดงระเรื่อ “ผมอยากให้ครูตื่นมาก็ได้กินของที่อยากกินฮะ”
หัวใจเต้นดังตุบๆ
อวี๋มู่ชะงัก
[อ่ะฮ้า นี่มันอาการใจเต้นนี่ครับ!]
ระบบอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา ทั้งยังจี้จุดอวี๋มู่เข้าให้ตรงเป้า อวี๋มู่ไอแห้ง รีบลุกพรวดขึ้น มือใหญ่ที่ข้อนิ้วโผล่ออกมาชัดขยี้หัวเหลียงหานสองที “พูดดีจริงๆ รู้สึกเกรงใจเลย…….ฉันไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนดีกว่า”
เขาตักน้ำเย็นจัดลงกะละมังด้วยกระบวย ไม่ได้ผสมน้ำร้อน หลังจากพรมน้ำใส่หน้าหลายทีก็สงบสติได้ในที่สุด
เขาเป็ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องยึดมั่นในตัวเอง!
เพียงแต่ให้พูดตามความจริง เทียบกับเหลียงหานแล้ว ผู้หญิงที่เขาคบมาหลายคน ไม่มีใครดีกับเขาเช่นนี้มาก่อน
คิดต่อไปไม่ไหวแล้ว ห้ามคิดต่อ
อวี๋มู่ตบหน้าตัวเองเบาๆ หลังล้างหน้าล้างตาเสร็จ เหลียงหานเข้าสู่ขั้นตอนการหั่นแป้งหมั่นโถวให้เป็ก้อน มือเต็มไปด้วยแป้ง พูดกับอวี๋มู่ “ครูฮะ เค้กข้าวเสร็จแล้ว ช่วยปิดไฟให้หน่อยได้ไหมฮะ รอเย็นหน่อยก็กินได้เลย”
อวี๋มู่ตอบรับแล้ววิ่งไปปิดเตา จากนั้นเปิดฝาหม้อออก ใช้ตะเกียบคีบเค้กข้าวออกมาใส่ถ้วยสองอัน เขาเปิดทีวีเลือกช่องข่าวสาร แล้วหยิบเก้าอี้มานั่งข้างเหลียงหาน เขาใช้มือคีบเค้กข้าวคำเล็กๆ เข้าปากคำหนึ่ง แล้วเอ่ยเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “เค้กข้าวกับหมั่นโถวที่ทำเสร็จแล้ว ส่งไปให้แม่เธอสักหน่อยสิ ตรุษจีนทั้งที ทะเลาะอะไรกันก็ให้มันผ่านพ้นไปดีกว่า”
เหลียงหานท่าทีชะงัก ไม่ได้ตอบอะไร
อวี๋มู่พอจะเข้าใจว่าเจี่ยงหยวนเป็คนอย่างไร แต่คนเราเกิดมานานขนาดนี้ เขาหวังว่าเหลียงหานจะไม่ต้องมานั่งเสียใจอะไรภายหลัง
การจะไม่เสียใจภายหลังก็คือการทำตัวเองให้ดี ความศรัทธาในชีวิตเขาคือปกป้องแม่ เขาไม่หวังให้เหลียงหานปฏิเสธสิ่งที่เคยทำมาก่อนหน้านี้
“.....อื้อ” ท้ายที่สุดเหลียงหานก็ตอบรับเขา
อวี๋มู่โล่งใจ แล้วคีบอีกคำหนึ่งไปข้างปากหนุ่มน้อย “ชิมดูสิ ฝีมือตัวเองทำ”
ที่จริงเมื่อวานที่เขาบอกว่าอยากกินเค้กข้าวกับหมั่นโถวไส้ถั่ว เพราะรู้ว่าเหลียงหานปกติชอบทานของว่างหวานๆ บวกกับเป็ธรรมเนียมประเพณี่ตรุษจีน จึงเอ่ยไปแบบนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ ลุกแต่เช้ามาทำให้เขา
เหลียงหานชะงัก แล้วรีบงับเค้กข้าวเข้าปาก ราวกับว่ากลัวอวี๋มู่จะชักมือกลับยังไงยังงั้น
นี่เป็ครั้งแรกที่ครูป้อนของกินให้เขา!
แต่ก่อนไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว!
เขาดีใจเพราะเื่เล็กๆ แค่นี้ อวี๋มู่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร เขาเห็นท่าทางเร่งรีบของเหลียงหาน ดันนึกว่าเขาหิวแล้ว จึงป้อนอีกหลายคำ ทำให้ความมัวหมองในใจของเหลียงหานลดลงไปได้เยอะ
ทั้งสองจึงสลับกันทานคนละคำสองคำจนทานหมด เหลียงหานเคี้ยวอยู่ในปาก ในมือก็ง่วนกับการทำหมั่นโถว คุยไปคุยมาครู่หนึ่ง หมั่นโถวก็นวดเสร็จพอดี
จากนั้นใส่เข้าหม้อนึ่ง อวี๋มู่ดึงเหลียงหานไปติดแถบมงคลตรุษจีนด้านนอก
เหลียงหานเหยียบขึ้นเก้าอี้เทียบแล้วติดชุนเหลียน(แถบมงคลจีน)ด้านนอกประตู “ครูฮะ แบบนี้ได้ไหม?”
อวี๋มู่ถอยออกมาดู “เอียงซ้ายอีกหน่อย ลงมาเล็กน้อย ตั้งตรง…….โอเค เยี่ยมเลยตามนี้!”
เขาถือสก็อตเทปไว้ ใช้ฟันฉีกออกมาหนึ่งเส้น ยื่นให้เหลียงหาน มองดูเขาติดเรียบร้อย แล้วฉีกอีกเส้นให้เขา
ไม่นานนัก ทั้งสองก็ติดเรียบร้อย
อวี๋มู่กลับห้อง แล้วหยิบชุนเหลียนออกมาอีกชุด ดึงเหลียงหานมา ยิ้มแย้มให้เขา “ไปเถอะ ติดของบ้านเธอกัน เดี๋ยวครูช่วยด้วย”
*
เหลียงหานยืนอยู่หน้าประตู กำลังจะเปิดประตู เจี่ยงหยวนก็เดินออกมาพอดี ดูเหมือนเธอจะกลับมาปกติแล้ว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเหมือนเคย เมื่อเห็นเหลียงหาน เธอตะลึงไปชั่วครู่ ั์ตาฉายแววชิงชัง แล้วเดินผ่านเหลียงหานออกไปทางสวน
สีหน้าเหลียงหานมืดมนลง มือกำหมัดแน่น ในใจยังคงเ็ป
อวี๋มู่เห็นเช่นนั้น เดินหน้ามาจับมือเหลียงหาน กุมมือที่กำลังกำหมัดแน่น ััอบอุ่นส่งผ่านมาที่ใจของเหลียงหาน
“แม่ฮะ” เขาเอ่ยปาก พยายามอย่างมากให้ตัวเองเสียงนิ่ง “อย่าไปข้างนอกจนดึกดื่นเกินไปนะครับ รีบกลับมากินข้าวด้วย”
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกทำร้าย ในใจของเหลียงหานนั้นเป็รูพรุนนับพัน
แต่ตอนนี้มีครูอวี่อยู่ข้างกายเขา เขายินดีที่จะยอมเข้าใกล้แม่อีกหนตามความคาดหวังของครู
เจี่ยงหยวนชะงักฝีเท้า ไม่ได้ตอบ แต่หันหลังเดินออกไป
เหลียงหานหัวเราะเยาะตัวเอง แต่กลับถูกอวี๋มู่ใช้แขนโอบเข้ามา ขยี้ผมเขา “มาๆๆ ติดชุนเหลียนกันดีกว่า ติดเสร็จจะได้รีบกลับไปเอาซาลาเปาออกจากหม้อนึ่ง!”
พูดจบ เขาปล่อยเหลียงหาน “ไปสิ เดี๋ยวครูช่วยดูให้”
เหลียงหานถูกเขาขยี้ผมจนรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกแย่ๆ เมื่อครู่ก็เหมือนหายไปทันทีที่อวี๋มู่เข้าใกล้ เขาถือชุนเหลียนเดินไปด้านหน้า แล้วหันมามองอวี๋มู่
แสงตะวันยามเช้าฤดูหนาวเหมือนส่องแสงรอบกายเด็กหนุ่มดั่งแสงทองอ่อนๆ นาทีนี้ ทุกอย่างดูสงบนิ่งกระทั่งท้องฟ้าและผืนดิน ั์ตาสีดำขลับของเหลียงหานมีเพียงอวี๋มู่ที่สะท้อนอยู่ภายใน
เพียงคนเดียว
นี่คือตะวันของเขา ตะวันที่เขาอยากไว้แต่เพียงผู้เดียว
-----------------------------------------------------------------------------------------------