“อากาศหนาวขนาดนี้ ใส่แค่เสื้อไหมพรมออกมา?”
จู่ๆ เสียงอวี๋มู่ก็ดังขึ้น เหลียงหานเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง กลับเห็นชายหนุ่มผลักประตูแล้วเดินออกมา ในมือถือเสื้อกันหนาวไว้หนึ่งตัว เขาเดินจ้ำอ้าวมาทางเหลียงหาน แล้วนำเสื้อตัวนั้นห่มคลุมบนตัวให้เขา จากนั้นยื่นสองแขนออกมาข้างหน้า โอบกอดเขาไว้แน่น
“ดูสิ ตัวแข็งไปหมดแล้ว”เขาตบหลังเหลียงหาน ไหล่เกยอยู่ตรงบ่า ถอนหายใจ เอ่ยขำขัน “ให้ครูกอดเธอไว้ จะได้อุ่นๆ”
อวี๋มู่ไม่ถามถึงเื่ที่เขาร้องไห้ เพียงแค่โอบกอดเขาไว้ ใช้ความอบอุ่นในร่างกายส่งผ่านไปให้เหลียงหาน
เขารู้ว่าคนๆ หนึ่งโดยเฉพาะผู้ชาย ในเวลาที่อ่อนแอที่สุดนั้น ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นตัวเองหลั่งน้ำตา
แต่ปล่อยให้เหลียงหานร้องไห้อยู่ข้างนอกแบบนี้ เขาทำใจไม่ได้
ดังนั้นเขาอยากใช้วิธีนี้เพื่อส่งกำลังใจและเป็ที่พักพิงให้เหลียงหาน
ระบบมักจะมาเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาตลอดว่าเริ่มชอบเหลียงหานบ้างหรือยัง แล้วยังบอกว่าการเอ็นดูคือจุดเริ่มต้นของความชอบ
เื่นี้อวี๋มู่ก็ไม่รู้ว่าระบบพูดมั่วหรือเปล่า
แต่ถ้าจะให้พูดความรู้สึกเขาในตอนนี้
เขาพูดความจริงกับระบบได้เลยว่า เขาเสียใจมาก
เขาไม่อยากเห็นเหลียงหานเ็ปแบบนี้ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็เพียงตัวละครในนิยาย เขาก็ยังหวังว่าเหลียงหานจะมีตอนจบที่ดี แต่ไม่ใช่ฉากการฆ่าตัวตายที่เ็ปแบบนั้น
ชอบไหมน่ะเหรอ?
ไม่รู้เหมือนกัน
เพียงแต่ ณ ตอนนี้ เขาอยากโอบกอดเด็กคนนี้ ให้เขายืนหยัด อยากใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองมีเป็แสงสว่างให้เขา
“ครูฮะ…...” ััที่ครูตบหลังเขาเบาๆ น้ำตาที่เหลียงหานเพิ่งเช็ดแห้งไปก็หลั่งรินลงมาอีกรอบ
เขาตะลึงไปชั่วครู่ แล้วกอดชายคนนี้กลับ ความกระหายละโมบััอบอุ่น ความคิดที่จะถอดใจจากอวี๋มู่เมื่อซักครู่มลายหายไปทันที
เขาคิดได้แล้ว
เดิมทีเขาก็ไม่ได้เป็เด็กดีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ตอบแทนความคาดหวังของครูจึงพยายามทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด
เทียบกับคนรุ่นเดียวกันแล้ว ที่ของเขาก็เหมือนอยู่นรก เขาเสมือนิญญาชั่วร้ายที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางเปลวไฟแผดเผา ส่งพ่อแท้ๆ เข้าคุก ถูกแม่ตัวเองชี้หน้าสั่งให้ไปตายซะ
แต่เขายังอยากมีชีวิตอยู่ อยู่ต่อไป
พื้นฐานของเขาไม่ได้สูงส่งถึงขั้นจะสามารถถอดใจจากคนที่อบอุ่นที่เหลืออยู่น้อยนิดได้
เขารู้แล้วว่าอวี๋มู่ไม่มีทางยอมรับความรู้สึกของเขาได้ แต่ก็ไม่วายปล่อยให้ตัวเองชอบครูต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็เพียงหนูโสโครกอยู่ในรูอันมืดมิด แต่ก็อยากเฝ้าติดตามดวงตะวันของเขา
*
เหลียงหานซุกหน้าเข้าซอกคออวี๋มู่ น้ำตาค่อยๆ ไหลรินอาบหน้า เขากอดคนตรงหน้าแน่น ไม่ได้พูดอะไรอีก
คืนนี้ทำให้เขาคิดอะไรได้มากมาย
ถูกกระทำจากแม่อย่างเ็า ความชิงชังเ็ปตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็พบเจอความปวดร้าวที่สุดในชีวิต
เหลียงหานที่รักเทิดทูนและอยากปกป้องแม่ได้ตายจากไปแล้ว ตอนนี้ในโลกของเขามีเพียงคุณครูเท่านั้น
ต่อไปที่ๆ มีครูอยู่ถึงจะเป็บ้านของเขา
เขาไม่มีทางปล่อยมือครู ตราบชีวิตจะหาไม่
*
[คะแนนความประทับใจเพิ่มเป็สี่ดวงครึ่งแล้วครับ] เสียงของระบบดังขึ้นในหัว อวี๋มู่ชะงัก พลันขมวดคิ้วเป็ปม
เขาไม่ได้ตอบกลับระบบ รอจนเหลียงหานนิ่งสงบ อวี๋มู่ก็ดึงเขากลับเข้าบ้านตัวเอง ตักน้ำมาให้เขาล้างหน้า แล้วหยิบชุดนอนอีกชุดของตัวเองมา เรียกเขาให้มาเปลี่ยน
ทั้งสองนอนตะแคงอยู่บนเตียง อวี๋มู่พลิกตัวมาทางเหลียงหาน
“สามารถบอกครูได้หรือเปล่า?” เขาชี้หน้าตัวเอง เอ่ยถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว “แผลนั่น.. เกิดอะไรขึ้น?”
“แม่ตีผมฮะ” เหลียงหานหลุบตาลง “พวกเราทะเลาะกัน”
“ทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ? สะดวกใจที่จะเล่าไหม?”
เขารู้เื่ราวทั้งหมดจากระบบแล้ว ตอนนี้แค่อยากให้เหลียงหานเล่าออกมาเอง ให้เขาได้ระบายออกมาบ้างจะได้สบายใจขึ้น
เหลียงหานส่ายหัว “ผมทำให้แม่ไม่พอใจเอง เธอเลยตบหน้าผม ไม่ได้มีเื่ใหญ่โตอะไรครับ”
ชัดว่าเขาไม่อยากพูด อวี๋มู่ก็ไม่ได้เอ่ยถามต่อ
“อ่า ไม่มีอะไรก็ดี เวลาไม่เช้าแล้ว รีบนอนกันเถอะ” เขายื่นมือมาลูบผมนิ่มดำขลับของเหลียงหาน หันหลังไปปิดไฟ แล้วรีบซุกเข้าใต้ผ้าห่ม “พรุ่งนี้เป็วันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองตามจันทรคติ ฉันอยากกินหมั่นโถวไส้ถั่วกับเค้กข้าวที่เธอทำ”
“อื้อ” เหลียงหานตอบรับเสียงเบา แต่ยังไม่อยากละสายตาจากใบหน้าอวี๋มู่ จวบจนห้องมืดไป แสงจันทร์เล็ดลอดเข้ามาในห้อง เขาเรียกอวี๋มู่เบาๆ “ครูอวี๋ฮะ…...”
“หืม?”
“ผมนอนใกล้ครูอีกนิดได้ไหมฮะ? ผมรู้สึกหนาว”
“ได้สิ” อวี๋มู่ไม่ได้คิดมาก จนกระทั่งตัวเหลียงหานมาแนบอยู่กับตัวเขา หัวของเด็กหนุ่มแนบชิดกับไหล่เขา เขาจึงเริ่มรู้สึกเกร็งๆ
ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอเขา จรดเข้าคอเสื้อด้านใน รู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่น
เขานี่ก็นะ แม้จะรู้ดีว่าเหลียงหานคิดอย่างไรกับตัวเอง ก็ยังตอบรับคำขอแบบนี้
แต่เขารู้ว่าเหลียงหานเดิมทีขี้หนาวอยู่แล้ว ฤดูหนาวแบบนี้คงอยู่ยาก จึงจำต้องทน
คิดเช่นนี้แล้ว ชีหย่วนตอนเด็กเองก็ขี้หนาวเป็พิเศษ ชอบซุกใต้ผ้าห่มเขา นอนชิดกับตัวเขา
สองคนนี้มีอะไรคล้ายๆ กันไม่น้อย
กลางดึกแล้ว เหลียงหานหลับสนิท กลับกัน อวี๋มู่นั้นนอนไม่หลับ
เขาถามระบบ : ระบบ หากว่าคะแนนความประทับใจเต็มแล้ว ฉันจะไปจากที่นี่ด้วยวิธีไหน?
เมื่อครู่นี้ที่สวน ระบบแจ้งคะแนนความประทับใจ เสียงนั้นทำให้เขาได้สติทันใด
เขาคิดถึงเื่ที่คะแนนความประทับใจเต็มห้าดวง ตัวเองก็จำต้องหายไปจากโลกนี้ไปยังโลกต่อไป แต่สถานการณ์ของเหลียงหานในตอนนี้ เขาไม่กล้าคิดเื่ที่จู่ๆ ตัวเองก็หายไป อีกฝ่ายจะอยู่อย่างไร
ระบบตอบกลับ [หลังจากคะแนนเต็มห้าดวง จะมีเวลาให้คุณ 24 ชั่วโมง หลังจากผ่าน 24 ชั่วโมงไปแล้ว คุณต้องหายตัวไปยังโลกหน้า]
อวี๋มู่ : อืม เข้าใจแล้ว
[โฮสต์ จะทำใจจากไปได้จริงๆ หรือครับ?]
อวี๋มู่ชะงัก เงียบไปนานพักใหญ่ แล้วเอ่ย “ที่นี่ไม่ใช่โลกของฉัน โลกที่ฉันอยู่ไม่มีเหลียงหาน แต่มีชีหย่วน ฉันต้องทำภารกิจให้จบ เพื่อชุบชีวิตชีหย่วน”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ความหมายนั้นชัดเจน แม้ว่าจะมีความคิดถึงแต่จำต้องไป
[ผมดีใจมากที่คุณยังจำภารกิจได้ คุมสติดีมาก] เสียงของระบบยิ้มแบบมีเลศนัย เหมือนดีใจมาก
อวี๋มู่ไม่ค่อยเข้าใจ : ระบบทำไมฉันรู้สึกว่านายขัดแย้งกับตัวเองนะ? เดี๋ยวก็ยุยงให้ฉันเป็ไบ เชียร์ให้ฉันชอบเหลียงหาน แต่เดี๋ยวก็บอกว่าฉันคุมสติได้ดี ที่เลือกจะจากเหลียงหานไปยังโลกหน้า ตกลงนายตั้งใจยังไงกันแน่?
[เอ๋? ผมเป็แบบนั้นเหรอ?] ระบบแกล้งบื้อ [คงเป็เพราะคุณเข้าใจผิดแน่เลย ที่ผมทำทั้งหมดเพราะอยากช่วยให้โฮสต์ทำภารกิจให้สำเร็จต่างหาก! ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงแน่นอน!]
อวี๋มู่ : …...นายดูร้อนตัวนะ
ระบบแกล้งทำเป็นิ่ง [ผมเปล่านะ ไม่ได้เป็แบบนั้นสักหน่อย อย่าพูดไปเรื่อยสิครับ]
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าระบบน่าสงสัย เขาพินิจอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถาม : เ้าระบบ ทำไมตอนนั้นนายถึงแน่ชัดว่าต้องเลือกฉันล่ะ? แถมยังเอ่ยถึงเื่ชุบชีวิตชีหย่วนตอนที่ฉันปฏิเสธอีกด้วย?
[!]
อวี๋มู่ : ตอบฉันมา
[ขออภัยครับ ระบบที่ท่านเรียกไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ โปรดฝากข้อความไว้หลังเสียงสัญญาณ ติ๊ด-----]
อวี๋มู่ : …….