ภายในยอดเขาหมื่นอสูร เหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ ล้วนได้ยินเสียงแตรที่เรียกให้อพยพออกไป แต่ศิษย์หลักบางคนสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเถาวัลย์สีดำ และตัดสินใจเข้าไปยังพื้นที่หลักของยอดเขาหมื่นอสูรด้วยความคิดที่จะจับปลาในน้ำขุ่น[1]
เงาร่างหนึ่งรวดเร็วดุจแสงท่ามกลางป่าเขา เขาคือชิวซานอวิ๋น องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิเชียนซาน ผู้เป็อัจฉริยะที่โดดเด่นของสำนักอินทนิล และมีความแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ
หลังจากเขาเข้าไปในพื้นที่สาธารณะได้ไม่นาน เถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็ทะลุข้อจำกัดของสามพื้นที่หลักได้พอดี มันทำลายอาณาเขตป้องกันที่สำนัก์สร้างขึ้นเพื่อแยกพื้นที่ต่างๆ จนสิ้นซาก
เสียงเหล่าอสูรคำรามก้องูเา งูั์ตัวหนึ่งที่สูงหลายพันจั้งขดตัวอยู่บนยอดผาพร้อมมองลงมา
มันคืออสูรงูระดับสี่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็มนุษย์และสิ่งอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
เถาวัลย์โบราณทอดกิ่งก้าน อสูริญญาต่างๆ ปรากฏตัวบนใบเถาและปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัว พวกมันกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
แผ่นดินสั่นะเื ภูผาคำรามลั่น อสูริญญาทุกชนิดล้วนตื่นตระหนก คลื่นผันผวนอันน่าพรั่นพรึงก่อตัวอย่างหนาแน่นจนทำให้บรรดาศิษย์หลักทุกสำนักเกิดอาการหวาดหวั่น และผู้คนจำนวนมากก็เริ่มหลีกหนี
หนิงเทียนเองก็รีบออกจากเขตหนึ่งและเข้าสู่พื้นที่หลักของยอดเขาหมื่นอสูร เขามองเถาวัลย์สีดำสูงพันจั้งด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง
ยามที่เถาวัลย์หัวผีพันิญญาปรากฏตัวครั้งแรก มันเป็เพียงอสูริญญาระดับสอง แม้มันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ทรงพลัง
ทว่ามันได้รุกรานอสูริญญาต่างๆ มาตลอดทาง ทั้งยังบีบบังคับให้ตกเป็ทาสของตน พร้อมดูดซับและกลืนกินพลังทุกชนิด มันใช้วิธีที่ชั่วร้ายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งจนบรรลุขอบเขตอสูรระดับสาม และยามนี้ก็เข้าสู่ระดับสี่แล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูในระดับนี้ หนิงเทียนจึงต้องกัดฟันสู้ แม้แหล่งกำเนิดชีวิตของเขาจะสามารถยับยั้งการโจมตีของเถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะมัน
เถาวัลย์สีดำรุกรานทุกสิ่ง อักขระสีดำปกคลุมไปทั่วร่างราวกับหมอกแล้วก่อตัวเป็ศีรษะนับพัน แต่ละหัวมีใบหน้าและการแสดงออกที่แตกต่างกัน ซึ่งล้วนปลดปล่อยอารมณ์เชิงลบที่มืดมน ชั่วร้าย และรุนแรงไปทั่วอาณาบริเวณราวกับคำสาปแช่ง
ในขณะที่เถาวัลย์หัวผีพันิญญาค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์โดยรอบก็สึกกร่อนลง พืชสีเขียวขจีค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีดำที่แผ่รัศมีอำมหิต มันสร้างหายนะอย่างต่อเนื่องและขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ
บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย เถาวัลย์เขียว และทหาริญญาของหนิงเทียนต่างหยั่งรากลงในพื้นดิน พวกมันรับรู้ได้ถึงการคุกคามของบรรยากาศอันเน่าเปื่อย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
หนิงเทียนพยายามสู้กับเถาวัลย์แสนชั่วร้ายนี้ด้วยยุทธศาสตร์ครอง์ ก่อนจะพบว่าการจู่โจมของมันค่อนข้างคล้ายกับยุทธศาสตร์ครอง์ของตน
ยามที่หนิงเทียนเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของตน เขาได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ครอง์ และสามารถประยุกต์ใช้ได้มากขึ้น
เมื่อเผชิญกับการบุกรุกของเถาวัลย์หัวผีพันิญญาในยามนี้ หนิงเทียนจึงตระหนักได้ทันทีว่าระดับการพัฒนายุทธศาสตร์ครอง์ของเขายังน้อยกว่าหนึ่งในสาม และยังมีวิธีการประยุกต์ใช้อีกมากที่เขายังไม่เข้าใจ
เงาร่างของหนิงเทียนเปล่งประกายก่อนจะถอยกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ดีว่าต้องพ่ายแพ้เป็แน่ หากคิดปะทะคลื่นการรุกรานของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
ประการแรก คือ การประยุกต์ใช้ทักษะของเขายังด้อยกว่าเถาวัลย์หัวผีพันิญญา และประการที่สอง คือ ความแตกต่างเื่ขอบเขตที่มากเกินไป ทำให้เขายากที่จะรับมือแบบตัวต่อตัว
กระแสน้ำรูปวงแหวนตั้งมั่น แผนที่ิญญาธาราปล่อยลมหายใจอันบริสุทธิ์ และการรุกรานของเถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็แผ่รังสีแห่งความหวาดกลัวออกมา
หนิงเทียนสามารถต้านรับพลังไว้ได้ แต่เมื่อเขานึกถึงหน้าที่ที่สุ่ยหลิงมอบให้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น ร่างที่ร้อนผ่าวก็ปรากฏขึ้น พร้อมด้วยศิษย์หลักของหยวนซิวและจื๋อซิวที่รีบเร่งเข้ามาใกล้ๆ
“เ้าหนู! ออกไปให้พ้น เ้าไม่รักชีวิตแล้วหรืออย่างไร? มีพลังน้อยนิดเช่นนี้เหตุใดไม่รีบหนีไปเล่า?” เสียงดูถูกเหยียดหยามดังพร้อมเสียงฉีกห้วงอากาศ ตามด้วยแส้ยาวที่ฟาดใส่ใบหน้าของหนิงเทียน
เขาคนนี้คือศิษย์หลักหยวนซิวผู้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า เขาสะบัดแส้ยาวราวตบแมลงวัน และไม่ได้สนใจหนิงเทียนเลยแม้แต่น้อย
หนิงเทียนมองอีกฝ่ายอย่างเ็าด้วยความโกรธเคืองในแววตา พวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าตบหน้าเขาด้วยแส้ทันทีที่พบ ช่างเย่อหยิ่งเหลือเกิน!
พลั่ก!
หนิงเทียนผสานพลังร่างกายเข้ากับหมัดที่เต็มไปด้วยวิชาทะลวงพันชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มพลังให้สูงขึ้นอย่างทวีคูณ ก่อนจะบิดกระชากห้วงอากาศจนแส้ยาวต้องหดม้วนกลับไป
“จางหยิ่ง เ้าไม่สามารถปราบศิษย์ฝ่ายในของจื๋อซิวได้หรือ? นี่จะน่าอายเกินไปแล้ว”
“ดูเหมือนชื่อเสียงของเ้าในฐานะศิษย์หลักแห่งสำนักเงาทะยานจะไม่เพียงพอเสียแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีผู้ใดนับถือเ้าอีก!”
ผู้ที่มากับเขาต่างหัวเราะเยาะ ซึ่งทำให้จางหยิ่งโมโหมาก
“หุบปาก!”
เส้นลมปราณบนแขนขวาของจางหยิ่งโป่งพอง และแรงฟาดแส้ก็เพิ่มขึ้นเป็สองเท่าจนเกิดเสียงทะลวงอากาศ
“เ้าหนู ยามเ้าพบยมราช อย่าลืมบอกด้วยเล่าว่าผู้ที่สังหารเ้าชื่อจางหยิ่ง!”
ทัศนคติที่หยิ่งผยองและการปรายตามองอย่างหยิ่งยโส บ่งบอกถึงความทะนงตัวและความดื้อรั้นของศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเงาทะยานได้เป็อย่างดี
“เ้าอยากตายหรือ?” หนิงเทียนคำรามด้วยความโกรธ แสงสีทองบนหมัดของเขาเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ พลังจิติญญาของเขาเดือดพล่าน ห้วงอากาศะเิพร้อมลมโหมกระหน่ำส่งเสียงโหยหวน
จางหยิ่งเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “หึ! ก็แค่มดในขอบเขตจิตหยั่งลึก”
ปัง!
หมัดและแส้ปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงดังสนั่น แรงกระแทกอันหนักหน่วงทำให้ร่างของจางหยิ่งสั่นไหว และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็ใบหน้าสยดสยอง
ศิษย์ฝ่ายในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าผู้นี้มีหมัดที่ทรงพลังราวูเาไท่ซาน ช่างรุนแรงจนไม่น่าเชื่อ
แขนขวาของจางหยิ่งแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ เืของเขาพุ่งออกจากทวารทั้งเจ็ด และมีก้อนโลหิตจุกอยู่ในลำคอ เขาจึงทำได้เพียงส่งเสียงโอดครวญเท่านั้น
ดวงตาของหนิงเทียนไร้ความปรานี วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นกระจายไปทั่วบริเวณ มันพุ่งทำลายอวัยวะภายใน เส้นลมปราณ และกระดูกของจางหยิ่งทันที ยุทธศาสตร์ครอง์บุกเข้าไปในร่างกายของเขา พร้อมกลืนกินพลังและสกัดรากบ่มเพาะของเขาออกมา
เพียงพริบตาเดียวจางหยิ่งก็ถูกฉีกเป็ชิ้นๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็ฝนโลหิต
“เ้าหนู เ้าใช้กลลวงแบบใดต่อต้านจางหยิ่ง?”
สีหน้าของผู้เห็นเหตุการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขากำลังพูดคุยกันว่าหนิงเทียนจะสามารถต้านรับได้กี่กระบวนท่า ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นเช่นนี้
จางหยิ่งเป็ศิษย์หลักของสำนักเงาทะยาน สำนักอันดับสามจากสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ด ซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็รองเพียงโถงเพลิงทมิฬและสำนักหานเทียนเท่านั้น
ขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้าปะทะกับขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นกลับสร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง
หนิงเทียนหยิบแหวนมิติของจางหยิ่งขึ้นมาแล้วหันมองศิษย์หยวนซิวอีกหกคนอย่างเ็า พวกเขาล้วนมาจากสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดและเป็ผู้โดดเด่นซึ่งไม่เต็มใจรับความพ่ายแพ้
“กลลวงหรือ? ไม่รู้สิ”
เมื่อมองไปรอบๆ หนิงเทียนก็พบว่าแม้ศิษย์หยวนซิวที่เหลือจะอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
ด้วยรากฐานอันสมบูรณ์ในยามนี้ เขาไม่ใช่คนเดิมกับตอนที่เผชิญหน้ากับจี้ชิว เหมยเอ้าซง และเหยียนเริ่นเฟิงอีกต่อไป
ในเวลาต่อมา ศิษย์หลักอีกหลายคนก็มาถึงบริเวณนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากสำนักรากอสูรและรากพฤกษา
“หนิงเทียน นั่นเ้าหรือ? ข้ากลัวเ้าจะตายแทบแย่ ทั้งยังนึกว่าเ้าติดอยู่ในทะเลสาบ” ซิ่งอวี่เจวียนวิ่งเข้าหาหนิงเทียนด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน
“ข้าสบายดี พี่สาวไม่ต้องห่วง” หนิงเทียนซาบซึ้งใจเล็กน้อย ก่อนจะจับมือของซิ่งอวี่เจวียนไว้แน่น
พลันเสียงคำรามสั่นะเืูเาและพงไพร อสูรร้ายพุ่งออกมาจากบริเวณแกนกลาง พร้อมปลดปล่อยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาััได้ถึงความเป็ปรปักษ์และแผ่กิ่งก้านออกทันที ร่างของมันราวกับหอกคมที่เริ่มโจมตีอสูร
อสูรตนนี้มีความสูงหลายร้อยจั้ง รูปร่างหน้าตาของมันดุร้าย มีปากกว้าง และมีหัวคล้ายแกะอยู่ที่ท้อง ซึ่งกำลังส่งเสียงดังกึกก้อง
“ระวัง!” ท่าทางของหนิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เสียงคำรามดังกล่าวทำให้เขารู้สึกราวกับอยากบินหนีไปให้ไกล
ซิ่งอวี่เจวียนกรีดร้อง จิตใจของนางเริ่มฟุ้งซ่าน ทำให้จิติญญาถูกโจมตีอย่างรุนแรง ส่วนศิษย์หลักคนอื่นๆ ต่างก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ศีรษะของบางคนะเิในทันที ิญญาดับสิ้น เพียงพริบตาเดียวสถานที่แห่งนี้ก็นองเื
หนิงเทียนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ครอง์ โดยมีแส้เถาวัลย์ัปรากฏอยู่บนแผนที่ัในเส้นลมปราณที่สี่ มันเป็รอยประทับทางจิติญญาที่ผสานความหมายอันแท้จริงของอาวุธิญญาทั้งเก้า ซึ่งในขณะนี้กำลังลอยอยู่เหนือหัวของหนิงเทียน เถาวัลย์เก้าสายทอดยาวพร้อมเงาของเตา ไห อ่าง ระฆัง ขาตั้ง อาคาร แจกัน ร่ม และหอคอย เสียงระฆังอันไพเราะและขาตั้งเดือดดาลช่วยต้านทานเสียงขโมยิญญาของอสูรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนิงเทียนดึงซิ่งอวี่เจวียนออกมาแล้วกล่าวเตือน “พี่สาวรีบออกไปจากที่นี่ก่อน”
“ที่นี่อันตรายเกินไป เ้าต้องไปกับข้าด้วย”
“ข้าต้องสังหารเถาวัลย์นั่น พี่สาวรีบออกไปบอกอาจารย์เถิด ไปเร็ว!”
เมื่อซิ่งอวี่เจวียนได้ยินว่าสถานการณ์ร้ายแรง นางจึงหันหลังกลับและจากไปทันที
...
บนเถาวัลย์หัวผีพันิญญา ศีรษะมนุษย์แต่ละหัวต่างท่องคาถาแปลกๆ ราวกับคำสาป ซึ่งทำให้ห้วงอากาศพังทลาย อีกทั้งอสูรตนนี้ก็ดุร้ายอย่างยิ่ง กีบหน้ากำลังเดือดดาล กีบหลังอาบด้วยเปลวเพลิงสีเขียว หางของมันถูกเกี่ยวพันด้วยไฟอันร้อนแรง ทั้งยังสาดสายฟ้าออกมาเป็ครั้งคราว
บางครั้งศีรษะเ่าั้ก็ล้มลงกับพื้นและกลายเป็ต้นเถาวัลย์ที่อ่อนแอ ซึ่งขยายพันธุ์อย่างบ้าคลั่งและบุกรุกพื้นดินอย่างต่อเนื่อง
อสูรตนนั้นมีควันสีฟ้าพุ่งออกมาจากปากที่เปื้อนเื ราวกับถูกกระบี่หมื่นเล่มรัดคอ ซึ่งทำให้เถาวัลย์สีดำแหลกสลายไป
ศิษย์หลักของทุกสำนักหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว และพยายามหนีออกจากที่นี่อย่างคลุ้มคลั่ง
หลังจากหนิงเทียนส่งซิ่งอวี่เจวียนออกไปแล้ว เขาก็พบว่ามีคนแปลกหน้าอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง
ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงาม ทั้งยังสวมกวานสีม่วงบนศีรษะและมีสายรัดเอวสีเขียว ดวงตาบนใบหน้าหล่อเหลาส่องประกายราวกับคบเพลิงแสงสีม่วงจางๆ ซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างเถาวัลย์หัวผีพันิญญาและอสูรอย่างเพลิดเพลิน
หนิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่รู้จักชิวซานอวิ๋น แต่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากอีกฝ่าย
ราวกับััได้ถึงสายตาสอดรู้สอดเห็นของหนิงเทียน ชิวซานอวิ๋นจึงหันมามอง เมื่อดวงตาของพวกเขาสบกัน ก็ก่อเกิดประกายไฟปะทะกันทางสายตา
“เป็เ้าหรือ?” ประกายแสงประหลาดแวบขึ้นในดวงตาของชิวซานอวิ๋น
“เ้าเป็ใคร?”
“ชิวซานอวิ๋น องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิเชียนซาน ศิษย์หลักของสำนักอินทนิล”
ดวงตาของหนิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย สำนักอินทนิลเป็หนึ่งในสี่แดนศักดิ์สิทธิ์ของหยวนซิว ซึ่งอยู่เหนือสำนักชื่อหยวนปัง
ชิวซานอวิ๋นเป็ถึงองค์ชายแห่งจักรวรรดิเชียนซาน เขามีสถานะอันโดดเด่นเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงไม่ฝึกฝนอยู่ที่สำนักแต่กลับอยู่ที่นี่?
เขาไม่กลัวที่จะตายในที่แห่งนี้หรือ?
“ที่แท้ท่านก็มาจากราชวงศ์ ท่านมาที่นี่เพียงลำพัง ไม่กลัวถูกฝังอยู่ในูเาหรือ?”
ชิวซานอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าคงไม่ต่างจากเ้า”
หนิงเทียนพึมพำเบาๆ ขณะนี้เขาไม่สามารถสนใจชิวซานอวิ๋นได้ เนื่องด้วยต้องรีบจัดการอสูรร้าย พลังของอสูรระดับสี่นั้นน่ากลัวอย่างมาก หากต่อสู้ในระดับเดียวกัน ผู้บำเพ็ญย่อมพ่ายแพ้เก้าในสิบส่วน
หนิงเทียนหวังให้มันกำจัดเถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้สำเร็จ เขาจะได้หลุดพ้นจากปัญหามากมายเสียที
เมื่อพิจารณาการต่อสู้ในครั้งนี้ อสูรนั้นจะได้เปรียบในตอนเริ่มต้น ซึ่งมันสามารถครอบงำเถาวัลย์สีดำได้ด้วยพละกำลังอันล้นหลาม
แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป เถาวัลย์หัวผีพันิญญากลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเพิ่มสูงเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก เถาวัลย์ทำให้อสูราเ็หลายแผลและดูดกินเืของมันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว ทั้งยังแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนการกำจัดมันจะเป็เื่ยากเสียแล้ว
ยิ่งหนิงเทียนมองดูเหตุการณ์มากเท่าใด เขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น จำนวนเถาวัลย์สีดำในบริเวณใกล้เคียงมีมากกว่าสองร้อยสาย ส่วนใหญ่เป็อสูริญญาระดับหนึ่งและสอง และส่วนที่เหลือก็พัฒนาเป็อสูริญญาระดับสาม
เถาวัลย์สีดำเหล่านี้เป็ทายาทของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา ยิ่งพวกมันมีมากเท่าใด พลังที่สะท้อนกลับมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้เถาวัลย์หัวผีพันิญญาน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
อสูรคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เสียงของมันขโมยิญญา ซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลในบริเวณแกนกลาง ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าพิศวงและน่าสยดสยองก็พวยพุ่งออกมา
พลันเถาวัลย์สีดำล้วนหวาดกลัว อสูรคำรามก้อง หนิงเทียนและชิวซานอวิ๋นที่กำลังดูการต่อสู้ต่างก็ตื่นตระหนก จนต้องหันหลังกลับและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
---------------------------------------
[1] จับปลาในน้ำขุ่น (浑水摸鱼) หมายถึง อาศัยจังหวะชุลมุน
