หวังเค่ออยู่บนนาวาใหญ่!
อย่างไรเสีย หวังเค่อกับองค์หญิงโยวเยว่ก็ยังไม่ได้สานสัมพันธ์กันถึงขั้นนั้น หลังจูบกันอยู่สองสามยก องค์หญิงโยวเยว่ก็ขวยเขินจนผลักตัวหวังเค่อออก
“มีคนอื่นอยู่บนเรือรึ?” องค์หญิงโยวเยว่หน้าแดงก่ำทันที
หวังเค่อหันหน้าไปมองจูเยี่ยนไม่ไกลออกไป ไอ้ตัวบัดซบจูเยี่ยนนี่ จะกระอักเืก็กระอักไปสิ ทำไมต้องส่งเสียงดังปานนั้น? เ้าไม่เห็นหรือว่าผู้อื่นเขายุ่งอยู่?
“ไม่เป็ไร นั่นสหายข้าเอง จูเยี่ยน เ้าก็เคยเจอมันแล้ว!” หวังเค่อแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“จูเยี่ยน? ไม่ใช่คนที่คิดฆ่าเ้าครั้งก่อนหรอกหรือ?” องค์หญิงโยวเยว่สีหน้าแปรเปลี่ยน
“ไม่หรอก ข้ากับมันเป็สหาย แค่หยอกล้อกันเล่นเท่านั้นเอง!” หวังเค่อตอบกลั้วหัวเราะ
ไม่ไกลออกไป จูเยี่ยนที่ได้ยินก็บันดาลโทสะ พ่นโลหิตออกมาอีกคำใหญ่ หยอกล้อกันน้องสาวเ้าสิ ใครหยอกล้อกับเ้าไม่ทราบ?
“หยอกล้อกัน?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างงุนงง
“ใช่แล้ว เ้าอย่ามองเพียงสภาพน่าสมเพชของจูเยี่ยน มันเป็ถึงเทพโชคลาภประจำตัวของข้าเอง ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่เจอมัน ข้าเป็ต้องลาภลอยทุกครั้ง!” หวังเค่อส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว
“ทุกครั้งที่เจอมัน เ้าเป็ต้องลาภลอย? เพราะอะไรกัน?” องค์หญิงโยวเยว่งงกว่าเดิม
ไม่ไกลออกไป จูเยี่ยนรู้สึกเหมือนตนเองจะสะกดพิษร้ายในร่างต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เวลามีมันอยู่ด้วยแล้วข้าสบายใจทุกครั้ง! แถมยังปลอดภัยอีกด้วย!” หวังเค่อทบทวนความคิดด้วยคิ้วขมวดมุ่น
“จริงเหรอ?” องค์หญิงโยวเยว่ถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า
จูเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกลออกไปทั้งาเ็สาหัสแถมติดพิษร้าย ไม่อย่างนั้นมันคงชักดาบออกมาแลกชีวิตสับหวังเค่อเป็พันท่อนไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วง มันปลอดภัยไม่เป็อันตรายกับข้า เรามาต่อกันเถอะ!” หวังเค่อกอดองค์หญิงโยวเยว่ต่อด้วยรอยยิ้ม
ขณะหวังเค่อกำลังโอบกอดองค์หญิงโยวเยว่ต่อ แสงกระบี่สายหนึ่งก็พลันพุ่งเข้าหามัน
“บรึ้ม!”
ตอนนี้เอง องค์หญิงโยวเยว่ผลักหวังเค่อออก ก่อนกระบี่บินเล่มหนึ่งจะฟันลงใส่ดาดฟ้าเรือตรงหน้าทั้งสอง ตัดดาดฟ้าเรือจนชิ้นส่วนปลิวว่อน จากนั้นเหินขึ้นฟ้าไป
“กระบี่บิน?” หวังเค่อหน้าเปลี่ยนสี
องค์หญิงโยวเยว่รีบเข้ามาคุ้มกันหวังเค่อไว้พลางกวาดตาดูไอหมอกหนาทึบอย่างระแวงระวัง
จูเยี่ยนเองก็เบิกตากว้าง ก่อนมันจะเห็นนาวาใหญ่ลำหนึ่งแล่นฝ่าหมอกหนาเข้ามา บนนาวาใหญ่มีผู้ฝึกตนจำนวนมาก นำมาโดยชายร่างบึกบึนสวมชุดไว้ทุกข์สีหน้าดุดัน
“มู่หรงลวี่กวง?” องค์หญิงโยวเยว่จ้องอย่างโกรธเคือง
หากไม่ใช่ว่าข้าตอบสนองว่องไว กระบี่บินเมื่อครู่คงผ่าร่างหวังเค่อไปแล้ว เ้าตัวบัดซบมู่หรงลวี่กวงนี่
“ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ?” จูเยี่ยนพลันเผยท่าทีแตกตื่นลนลาน
ในอดีต ตอนจูเยี่ยนยังเป็อ๋องแห่งต้าชิง ตัวมันก็มีความรู้กว้างขวางไม่เบา มันรู้ว่ามู่หรงลวี่กวงเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ หนึ่งในสี่สำนักเซียนระดับสูงสุด เป็คู่ปรับลิทธิมารจันทรา
หากเป็ยามปกติ จูเยี่ยนไม่มีเหตุผลให้กลัวศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ เพราะมันไม่เคยมีเื่บาดหมางอันใด แต่เวลานี้ต่างออกไป ตอนนี้ตัวมันกลายเป็มารไปแล้ว ธรรมะอธรรมไม่อาจอยู่ร่วม ขัดแย้งบาดหมางชั่วนิรันดร์!
แค่มู่หรงลวี่กวงว่าเลวร้ายแล้ว ที่แย่ยิ่งกว่าคือตัวมันเวลานี้าเ็สาหัสแถมยังถูกพิษ ไม่มีทางหนีได้เลย
“องค์หญิงโยวเยว่? เ้า เ้านี่มัน…!” มู่หรงลวี่กวงบนนาวาใหญ่ไม่ไกลออกไปดวงตาแดงก่ำ
ผิดจากท่าทีของจูเยี่ยน ตอนหวังเค่อกับองค์หญิงโยวเยว่จู๋จี๋กัน จูเยี่ยนอย่างมากก็รู้สึกเหมือนโดนทิ้งพลางปาอาหารหมาใส่ แล้วมู่หรงลวี่กวงเล่า?
ในอดีต ข้าไปตามจีบองค์หญิงโยวเยว่ถึงราชวงศ์ชือกุ่ยตั้งหลายต่อหลายปีกระทั่งมือนางยังไม่ได้จับ แล้วไอ้หวังเค่อเล่า เพิ่งพบหน้ากันไม่กี่เดือนเอง? พวกมันทั้งสองกลับ…!
มู่หรงลวี่กวงทนรับไม่ไหวแล้ว จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของมันถูกความริษยากลบกลืนเสียหมด มันชักกระบี่บินออกมาทันที
“ข้าอะไร? ข้าทำอะไรเกี่ยวอะไรกับเ้า! มู่หรงลวี่กวง เ้าตามมาได้ยังไง? เ้า นี่เ้าสะกดรอยข้า?” องค์หญิงโยวเยว่จ้องเขม็งอย่างโกรธขึ้ง
“ตุบ!”
มู่หรงลวี่กวงนำกลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์กระโจนขึ้นมาบนนาวาของหวังเค่อทันที
หวังเค่อก้าวออกมาปกป้ององค์หญิงโยวเยว่
“ใช่ พวกเราสะกดรอยเ้ามา! หากไม่ใช่เพราะเ้า พวกเราจะหาตัวไอ้คนทรยศหวังเค่อเจอได้อย่างไร?” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเย็น
“เ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ามาที่ทะเลพิษ?” องค์หญิงโยวเยว่หน้าเปลี่ยนสี
“เหอะ เ้าไล่สอบถามข้อมูลเื่ทะเลพิษไปทั่ว พอเ้าซื้อเรือเพื่อเข้ามาสำรวจทะเลพิษ ศิษย์น้องที่ข้าฝากฝังไว้ก็สะกดรอยตามเ้าแล้ว ไอ้ชายชู้หญิงแพศยา แค่ตามเ้ามาก็เจอชายชู้หวังเค่อ ไอ้ตัวบัดซบ!” มู่หรงลวี่กวงตอบ
“ชายชู้หญิงแพศยาเ้าหมายถึงใคร?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างโกรธขึ้ง
ถึงเวลานี้ องค์หญิงโยวเยว่ก็ได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของมู่หรงลวี่กวงจนหมดแล้ว ไอ้สารเลวนี่กล้าด่าข้า?
“โยวเยว่ ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับไอ้บ้านี่ มันเป็คนเสียสติ! เดี๋ยวจะติดเชื้อบ้าจากมันได้!” หวังเค่อรีบปรามองค์หญิงโยวเยว่ไว้
มู่หรงลวี่กวงผู้นี้ชัดเจนว่าริษยาจนสติแตกไปแล้ว อีกฝ่ายพูดไม่หยุดแล้วจะเถียงกับมันไปให้ได้อะไรขึ้นมา?
ลูกโป่งสัจปราณปรากฏขึ้นบนฝ่ามือหวังเค่ออีกครั้ง คนระแวงระวังตัว
“หวังเค่อ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เ้านี่หาตัวยากนัก!” มู่หรงลวี่กวงมองหวังเค่อด้วยตาแดงฉาน
ขณะหวังเค่อขมวดคิ้ว กลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ก็จับกุมจูเยี่ยนเอาไว้
“ตุบ!”
จูเยี่ยนที่บอบช้ำสาหัสอยู่แล้วถูกจับโยนกระแทกดาดฟ้าเรืออย่างแรง
“ศิษย์พี่ใหญ่ คนผู้นี้มากับหวังเค่อ มันย่อมไม่ใช่คนดี ในมือมันมีถุงใส่เศษแก้วอยู่หลายชิ้น ไม่รู้ว่ามันคิดแผนร้ายอะไรอยู่!” ศิษย์น้องเอ่ย
“พวกเ้ามาหาเื่หวังเค่อรึ? นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า หวังเค่อกับข้ามีเื่บาดหมางกัน พวกเราต่างเป็พวกเดียวกัน พวกเ้าอยากฆ่าหวังเค่อ พวกเราก็คือพวกเดียวกัน! พวกเดียวกัน!” จูเยี่ยนเอ่ย คนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
แม่งเอ๊ย ทำไมอยู่กับหวังเค่อทีไรข้าซวยทุกที
เ้าพวกนี้ยกพลมาหาเื่หวังเค่อ พวกมันกลับลากข้าไปมีเอี่ยว? ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าบอบช้ำสาหัสขนาดนี้ ตัวเองยังไม่กล้าขัดขืนอะไรสักกระผีก ถ้าเกิดเผลอปล่อยไอมารออกมาสักเสี้ยวเศษ คงไม่พ้นถูกคนกลุ่มนี้รุมสับสังหารจนตาย
“หวังเค่อ เ้าพูดอะไรสักอย่าง ข้าไม่ได้สนิทอะไรกับเ้า ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย!” จูเยี่ยนได้แต่ขอร้องหวังเค่อ
หวังเค่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “มู่หรงลวี่กวง เ้ามีเื่บาดหมางโกรธแค้นอะไรค่อยพูดค่อยจากัน แต่ปล่อยองค์หญิงโยวเยว่กับจูเยี่ยนไป!”
“ใช่ใช่ ปล่อยข้าไป! เอ๊ย ไม่สิ ไม่ใช่ หวังเค่อ เ้าไม่ควรพูดจาแบบนั้น เ้าไม่ควรเอ่ยปากช่วยข้า พวกเราไม่สนิทกัน!” จูเยี่ยนพลันอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
หวังเค่อเอ่ยปากช่วยเหลือมัน นี่ตนยังเป็ศัตรูกับหวังเค่ออยู่อีกหรือไม่? นี่ไม่ใช่จะยิ่งชี้เป้าว่ามันคือพวกเดียวกับหวังเค่อหรือ?
“จูเยี่ยน เ้ากังวลอะไรนักหนา สรุปเ้ายังอยากไปหรือไม่?” หวังเค่อถลึงตา
“ไป ไป!” จูเยี่ยนหันหน้าคิดหมายคลานจากไป
ทว่ากระบี่ยาวเล่มหนึ่งพลันพาดลำคอจูเยี่ยนเอาไว้ คนเหงื่อโซมกายทันที นี่ผายลมอันใด!
“ข้าไม่ไป! มู่หรงลวี่กวง หากเ้าอยากฆ่าคน ก็ต้องฆ่าข้าไปด้วย! ข้าคือาุโเค่อชิงของพรรคเทพหมาป่า์!” องค์หญิงโยวเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงชิงชัง
“องค์หญิง ท่านไปก่อนเถอะ ข้าไม่เป็ไร!” หวังเค่อเกลี้ยกล่อม
“ข้าไม่ไป ข้าอยากอยู่กับเ้า!” องค์หญิงโยวเยว่ปฏิเสธ
มู่หรงลวี่กวงกุมขมับ มองดูคู่ชายหญิงที่กำลังจะตายอยู่รอมร่อยังจะพลอดรักให้ดูอีก พวกมันคิดว่าข้าตาบอด?
“หุบปาก!” มู่หรงลวี่กวงะโอย่างเกรี้ยวกราด
มู่หรงลวี่กวงชี้กระบี่ใส่ทั้งสองด้วยโทสะ “ไปรึ? พวกเ้าทั้งคู่อย่าได้คิดไปไหนทั้งนั้น! วันนี้ข้าในฐานะตัวแทนพรรคเทพหมาป่า์จะลงทัณฑ์คนทรยศเอง!”
“ช้าก่อน!” หวังเค่อะโสวน
“หือ? เ้ามีอะไรจะสั่งเสีย?” มู่หรงลวี่กวงถาม
“ไม่ใช่ ข้าเป็คนทรยศพรรคเทพหมาป่า์ั้แ่เมื่อไหร่? มู่หลงลวี่กวงเ้าพูดมาให้ชัดเจน ตัวข้าหวังเค่ออาจมีเื่บาดหมางกับเ้า อันนี้ข้ายอมรับ! แต่ข้าทรยศพรรคตอนไหน? ตัวข้าเที่ยงตรงภักดีต่อพรรคเทพหมาป่า์เสมอมา ไม่เคยลืมฐานะตนเอง เ้าอยากฆ่าข้าเพื่อล้างแค้นส่วนตัว คิดกลับดำเป็ขาว ฆ่าคนปิดปาก?” หวังเค่อถลึงตา
“หวังเค่อ นี่เ้าเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์?” จูเยี่ยนเบิกตามองหวังเค่อ
หวังเค่อมันไม่ใช่ศิษย์ลัทธิมารหรอกเหรอ? แล้วมันไปเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ตอนไหน? นี่เื่อะไรกัน?
“ไม่ใช่แค่เป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ แต่ยังเป็ศิษย์ประมุขพรรคเทพหมาป่า์ด้วย แต่ในเมื่อเ้าทรยศพรรค เ้าก็สมควรตาย ข้าจะเป็คนเก็บกวาดให้เอง!” มู่หรงลวี่กวงตอบ
“อะไร? นี่เ้าเป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ? นี่ นี่ นี่…!” จูเยี่ยนเบิกตากว้าง
เ้าเป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ แล้วเื่ที่เ้าทำบนเกาะเทพันั่นคืออะไร? ข้าบอกั้แ่แรกแล้วว่าเ้าไม่ใช่มาร สรุปนั่นเื่จริง? เ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับลัทธิมารเลย?
“มู่หรงลวี่กวง อย่าได้สาดโคลนป้ายสีคน ข้าเป็ศิษย์ของเฉินเทียนหยวน ประพฤติตนสมฐานะเสมอมา!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเย็น
“ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า จะตายอยู่แล้วยังพล่ามไม่เลิกอีก? ตอนนี้ทั่วหล้าต่างรับรู้ว่าเ้าอยู่ที่วังหลวงต้าชิง ร่วมมือกับพวกมาร สังหารเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยอาจารย์ข้า! นี่ไม่ใช่ทรยศพรรคหรือไร?” มู่หรงลวี่กวงจ้องเขม็ง
“เ้าก็เลยพาศิษย์พรรคเทพหมาป่า์มาตามล่าข้า?” หวังเค่อถาม
“ถูกต้อง พวกเราล้วนเป็ศิษย์ตำหนักหมาป่าบูรพา ในเมื่อเ้าตำหนักถูกเ้าสังหาร พวกเราก็จะสับเ้าเป็พันท่อน!” กลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์กล่าวอย่างขมขื่น
“สับข้าเป็พันท่อน? เฮ้อ ข้าสังหารเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา? เ้ารู้หรือไม่ว่าเนี่ยชิงชิง ไม่สิ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกลายเป็มารไปแล้ว?” หวังเค่อถลึงตา
“ผายลม ท่านเ้าตำหนักชั่วชีวิตปราบมารมานับไม่ถ้วน นางจะกลายเป็มารได้อย่างไร? ใช่แล้ว จางเสินซวีพรรคอีกาทองคำเองก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันพูดเหลวไหล! มันเป็ใครถึงกล้าใส่ความอาจารย์ข้า? ท่านอาจารย์ชั่วชีวิตไม่มีวันกลายเป็มาร! หวังเค่อตัวบัดซบ เ้าฆ่าอาจารย์ข้า วันนี้เ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” มู่หรงลวี่กวงชี้กระบี่เตรียมลงมือ
“ช้าก่อน เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่! หากเ้าไม่เชื่อข้า ถามจูเยี่ยนดูก็ได้!” หวังเค่อะโ
ทุกคนต่างหันมามองจูเยี่ยนเป็ตาเดียว
จูเยี่ยน “...!”
ถามข้าทำผายลมอะไร มู่หรงลวี่กวงมันมองข้าเป็พวกเ้าไปแล้ว มันจะยอมเชื่อเรอะ?
“ใช่แล้ว นางเซียนชิง ไม่สิ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยังไม่ตาย ตอนนี้นางเป็เ้าตำหนักลัทธิมาร!” จูเยี่ยนอธิบายด้วยสีหน้าขื่นขม
กลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ “...!”
“หวังเค่อ เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เปล่าประโยชน์ วันนี้เ้าไม่รอดแน่! ความตายของท่านอาจารย์ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า! ข้าจะตัดหัวเ้าเพื่อเซ่นไหว้ิญญาท่านอาจารย์บน์!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเย็น
“ใช่แล้ว ฆ่ามันเลย!” กลุ่มศิษย์พรรคเทพหมาป่า์กล่าวอย่างแค้นเคือง
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด พลันมีเสียงกู่ร้องคำรามดังมาจากด้านหลังนาวา
“ฮูมมมมมม~~~~~~!"
เสียงกู่ร้องของสัตว์อสูรขนาดั์ดังแว่วมากลบเสียงทุกคน มู่หรงลวี่กวงหันหน้าไปมอง แต่ไม่อาจเห็นสิ่งใดในม่านหมอกหนาทึบ
“พี่ใหญ่ ภายในทะเลพิษมีสัตว์อสูรมากมาย จะมีเสียงร้องบ้างก็ไม่แปลก!” ศิษย์น้องคนหนึ่งอธิบาย
มู่หรงลวี่กวงพยักหน้ารับ ไม่ไปสนใจอีก หวังเค่อกำลูกโป่งสัจปราณเตรียมปาใส่ องค์หญิงโยวเยว่เองก็ชักกระบี่ออกมาเตรียมสู้
มีเพียงจูเยี่ยนที่พอได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลังก็ตื่นกลัวทันที เพราะจูเยี่ยนทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“เร็ว เร็วเข้า รีบโยนเศษแก้วที่เหลือทิ้งไป เร็ว รีบโยนมันทิ้งไป!” จูเยี่ยนแหกปาก
เสียงแหกปากโวยวายของจูเยี่ยนทำให้ทุกคนชะงักมือ ก่อนจะมองจูเยี่ยนอย่างมึนงง
“ศิษย์พี่ใหญ่ มันพูดถึงเศษแก้วในถุงใบนี้!” ศิษย์น้องยื่นถุงให้มู่หรงลวี่กวง
มู่หรงลวี่กวงรับไป แต่ก็ไม่ทราบว่าข้างในถุงคืออะไร
“เร็วเข้า รีบโยนมันทิ้งไป ไม่งั้นก็ปล่อยข้า ปล่อยข้า!” จูเยี่ยนเริ่มร่ำร้องอย่างหวาดผวา
จูเยี่ยนเดิมคิดวางอุบายใส่หวังเค่อ ตามบทที่วางไว้ พอมันได้ยินเสียงสัตว์อสูรจากด้านหลัง ตนเองจะะโลงทะเลเพื่อหลบหนี ทิ้งเศษแก้วที่เหลือไว้กับหวังเค่อ โยนหม้อก้นดำให้หวังเค่อแบกแทนตน
แต่จูเยี่ยนไหนเลยจะคิดว่าตนกลับหนีไปไม่ได้? หากหนีไม่ได้ ไม่ใช่ต้องแบกรับโทสะงูปีศาจ? ทำไมถึงเป็เช่นนี้? ทำไมกัน?
“นี่คืออะไร?” มู่หรงลวี่กวงขมวดคิ้ว
“มันมาแล้ว รีบโยนทิ้งไป!” จูเยี่ยนอุทาน
อีกด้านหนึ่ง หวังเค่อก็มีสีหน้าสงสัย “จูเยี่ยน เ้าหมายถึงอะไร? ใครกำลังมา? เ้าเรียกคนมาช่วยเหรอ?”
จูเยี่ยน “...!”
จะให้ข้าอธิบายยังไง? ฟังข้าก่อนได้หรือเปล่า?
ขณะจูเยี่ยนกำลังแตกตื่นขวัญผวา มู่หรงลวี่กวงก็เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “มีคนมาช่วยรึ? เข้ามา! มาให้หมด! หวังเค่อ เ้ามีคนช่วยกี่มากน้อยก็เรียกมาให้หมด เ้าคิดว่าข้ากลัว?”
“ซูมมมมม!”
ยามนี้เอง พลันมีเสียงผิวน้ำกระจายดังขึ้นด้านหลังมู่หรงลวี่กวง มันมองเห็นดวงตาศิษย์พรรคเทพหมาป่า์พลันเบิกโพลงพลางเงยหน้าขึ้นมองอย่างแตกตื่นใ
“พวกเ้าทำอะไร? ทำไมมองอย่างนั้น?” มู่หรงลวี่กวงสงสัย
“ศะ ศะ ศิษย์พี่ใหญ่! มะ มีงู!” ศิษย์น้องกรีดร้อง
“งูมีอะไรน่ากลัว?” มู่หรงลวี่กวงถามพลางหันหลังกลับมามอง
ที่มันเห็นคืออสรพิษั์ชูคอขึ้นมาจากทะเล ร่างกายของมันใหญ่โตยิ่งกว่านาวาใหญ่ที่ทุกคนยืนอยู่เสียอีก อสรพิษั์เพียงเชิดศีรษะขึ้นก็คล้ายดูสูงเท่าตึกห้าชั้น นี่ยังไม่นับรวมส่วนลำตัวที่อยู่ใต้น้ำ มันทอดตามองดูผู้คนบนดาดฟ้าเรือ
อสรพิษั์ส่งเสียงก่อนจะจ้องมองถุงในมือมู่หรงลวี่กวงเขม็ง หรือให้เจาะจงก็คือเศษแก้วแตกที่บรรจุอยู่ในถุง ดวงตาของอสรพิษั์คล้ายลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง รังสีฆ่าฟันรุนแรงหนาแน่นราวกับแช่แข็งอากาศรอบด้านจนเย็นเยือก
“งะ งูปีศาจ?” มู่หรงลวี่กวงอ้าปากค้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้