แสงแดด และสายลม
บรรยากาศที่ราวกับภาพวาด
เฉินโย่วไม่ชอบให้ใครมาขวางทางนาง หากนางไปไม่ทันข้าวกลางวันจะทำอย่างไร นางคงจะโดนท่านน้าหลัวตีตายเป็แน่
ยามโดนตีเฉินโย่วไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ทว่าขอเพียงน้าหลัวของนางไม่มีความสุข เพียงแค่กะพริบตา น้ำตาของนางก็ไหลรินเป็กะละมังเสียแล้ว รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นได้ทำบาปมหันต์มาก็ไม่ปาน
ดังนั้นเฉินโย่วน้อยผู้ไม่เกรงฟ้ากลัวดินนั้น สิ่งเดียวที่เห็นจะหวาดกลัวคงจะเป็แม่นางหลัว
“แม่หนูน้อย เ้ากลับไปกับพวกข้าเถิด รับรองว่าเ้าจะได้กินดื่มอย่างจัดจ้านมีรสชาติแน่นอน” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
เฉินโย่วน้อยขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่ชอบกินเผ็ด”
“พี่ใหญ่ จะมัวเจรจากับเ้าเด็กนี่ทำไม ปล้นนางเสียก็สิ้นเื่” ชายฉกรรจ์คนด้านข้างกล่าวขึ้นอย่างเหลือทน ั์ตาทั้งสองของชายหนุ่มเป็ประกาย แม่หนูน้อยนี่หน้าตางดงามเสียจริง พวกเขาพี่น้องนั้นดูจากภายนอกก็เหมือนคนทำการค้าทั่วไป
ความจริงแล้วพวกเขานั้นเจาะจงตามหาเฉพาะเด็กๆ ที่มีลักษณะดีหน้าตาหมดจด ไม่เกี่ยงว่าจะเป็ชายหรือหญิง พวกเขาก็ล้วนจับไปขายให้กับหอนางโลมได้หมด ซ้ำยังทำเงินดีนัก ดีเสียยิ่งกว่าเดินทางแสนไกลไปทำการค้าที่แคว้นจิงเสียอีก
แคว้นเชินนั้นให้ความสำคัญกับการศึกษา ั้แ่ราชวงศ์จนถึงสามัญชนก็ล้วนเป็เช่นนี้
สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเชินนั้นก็ย่อมเป็สำนักเชิน ส่วนรองลงมานั้นก็เป็หออู๋เปียน
ชื่อของหออู๋เปียนนั้นมีความหมายว่าสายลมและจันทรา ที่นั่นคือหอนางโลมแห่งหนึ่ง
แม่นางในหอนั้นทั้งดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษร และวาดภาพล้วนโดดเด่นเหนือใคร ด้วยเพราะเริ่มเรียนกันั้แ่ยังเล็ก ฝีมือยามเติบโตมาจึงไม่ด้อยกว่าเหล่าคุณหนูแม้แต่น้อย
แม่นางจากหออู๋เปียนนั้นอย่าว่าแต่ได้ร่วมหลับนอน เพียงอยากพบหน้าก็ยังต้องเสียเงินหลายตำลึง
การค้าที่คนกลุ่มนี้ทำก็เป็เช่นนี้ นั่นคือคอยหาเด็กสาวให้กับหออู๋เปียน
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่มีชื่อเสียงพอๆ กับหออู๋เปียน นั่นคือศาลาตงเฟิง ด้านในนั้นล้วนมีแต่หนุ่มน้อย ทว่าค่าใช้จ่ายในหอนี้นั้นก็แพงยิ่งกว่าหออู๋เปียนเสียอีก เพราะมีข่าวลือว่าเด็กหนุ่มจากศาลาตงเฟิงนั้นลอบปลอมแปลงเป็คนอื่นไปเข้าร่วมการสอบ ซ้ำยังสอบได้ที่หนึ่ง จนเหล่าบัณฑิตนั้นพากันอาฆาต
พวกเขาเดิมทีก็เห็นว่าเ้าเด็กหนุ่มคนขายชานั้นดูแล้วไม่เลว คำพูดคำจาก็ล้วนเหมาะสมและฉลาดเฉลียว หน้าตารูปร่างก็คมสัน เหล่าคุณชายรวยๆ ชื่นชอบเด็กลักษณะเช่นนี้นัก ทว่าตรงแผงชานั้นสะดุดตาเกินไป จึงลงมือได้ยากยิ่ง
เด็กหนุ่มนั้นก็นับว่ารูปงามมากแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่ายังมีน้องสาวอีกคน พวกเขาก็นับว่าทำงานเช่นนี้มานานแล้ว ประสบการณ์ก็นับว่าโชกโชน จึงกล้าพูดได้ว่าแม่หนูน้อยนี่นับว่าเป็ยอดสตรี
ตรงนี้ก็ไม่ไกลจากจุดรับเงินนัก จึงคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงสักหน่อย
และด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ของเ้าหนูน้อย อย่างไรพวกเขาก็ต้องได้เงินก้อนใหญ่อย่างแน่นอน
เหล่าคนที่ปลอมเป็พ่อค้านั้นจึงเร่งนำเชือก และกระสอบออกมา จากนั้นก็ลงมือร่วมกันอย่างชำนิชำนาญ
เฉินโย่วน้อยเมื่อโดนล้อมไว้ทุกด้านก็ปวดเศียรเวียนเกล้า หากเป็เช่นนี้ต่อไปพี่ชายย่อมต้องไม่ไว้ใจนางยิ่งกว่าเดิม ฉะนั้นหากนางคิดจะแอบหนีไปไหนย่อมจะต้องยากขึ้นเป็แน่
“ระวังหน่อย อย่าให้ใบหน้านางเป็อะไร เดี๋ยวจะเสียราคาเอาได้”
ชายร่างใหญ่ที่ถือเชือกพยักหน้าตอบ พร้อมทั้งแกว่งเชือกในมือไปมา “ฝีมือข้า พี่ใหญ่นั้นวางใจได้เลยว่าไม่เคยพลาด”
ขณะที่กำลังพูด เชือกที่เขากำลังควงอยู่พลันนิ่งไม่ขยับ ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมเชือกในมือก็เห็นว่า มีนกอินทรีั์กำลังพุ่งลงมา ในปากคาบเชือกในมือเขาไว้ แล้วบินขึ้นไปพร้อมกับลากร่างของชายหนุ่มไปด้วย
เพียงชั่วพริบตา ชายคนที่ถือบ่วงนั้นก็ถูกทิ้งลงมาจากกลางอากาศ ตกลงกระแทกกับพื้นหญ้า หญ้าในฤดูร้อนนั้นทั้งอ่อนนุ่ม ปกคลุมไปทั้งพื้นดิน ทว่าชายคนเมื่อครู่กลับค่อยๆ มีเืไหลออกมาเป็วงอยู่ดี
ต่อมาเ้าม้าที่อยู่ใกล้เด็กหญิงที่สุดก็พลันร้องเสียงแหลม จากนั้นก็ทำท่าราวกับกำลังคลั่งดิ้นไปมาจนคนบนหลังนั้นพลันตกลงสู่เบื้องล่าง เมื่อตกลงสู่พื้นดินก็ถูกเ้าม้าสีนิลเตะกระเด็นไปกองรวมอยู่กับชายที่เพิ่งจะถูกเ้าอินทรีจัดการ
เหตุการณ์ที่พลิกผันเมื่อครู่ ทำให้คนที่เหลือพลันตื่นตระหนก
แค่ม้าหนึ่งตัว อินทรีหนึ่งตัว ถึงกับทำให้พรรคพวกของพวกเขาตายแล้วสองคน
คนที่เหลือเห็นเช่นนั้นจึงพากันถอยหลัง
“ทุกคนระวังตัว เ้าเด็กนี่ดูพิกลๆ”
เฉินโย่วน้อยที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็พลันขมวดคิ้ว “เ้าน่ะสิพิกล พวกเ้าทุกคนล้วนพิกลพิการ ท่านน้าของข้ามีแต่บอกว่าข้าหน้าตาดีเหนือใคร”
“ไม่ได้พูดว่าเ้าหน้าตาไม่ดีสักหน่อย...” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น ทันใดก็ได้ยินคนข้างๆ บอกให้ระวัง ทว่าก็ไม่ทันการณ์แล้ว เหนือศีรษะเขาพลันมีเงาพาดผ่านจนมืดครึ้ม เ้านกอินทรีหน้าคนตัวนั้นกลับมาอีกครั้งแล้ว เ้านกพลันขยุ้มหลังของชายหนุ่ม จากนั้นก็กระพือปีกบินขึ้นสูง แล้วปล่อยชายหนุ่มในกรงเล็บตนให้ร่วงหล่นลงพื้นเบื้องล่าง
“อ๊ากกก...”
จุดที่ชายหนุ่มโดนปล่อยลงมานั้นช่างแม่นยำนัก เพียงครู่เดียวก็มีร่างชายหนุ่มนอนเรียงกันถึงสามร่าง
ยังเหลืออีกห้าคน พวกเขาต่างคอยระวังให้กัน เมื่อมองตากันจนรู้นัยที่จะสื่อ ก็พากันพุ่งเข้าโจมตีเด็กหญิงตัวน้อย
ทันใดก็ได้ยินเสียงตวาดดัง “ใครกล้าแตะต้องน้องสาวข้า”
เห็นเพียงร่างเด็กชายอ้วนดำคนหนึ่งในมือกำลังแกว่งโซ่อยู่ โซ่นั้นตรงปลายยังมีลูกเหล็กกลมเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่ด้วย
เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งห้าเมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของเด็กหนุ่มตัวอ้วนดำ ก็พลันหนีเตลิดไปคนละทิศคนละทาง
ในใจของชายหนุ่มพลันรู้สึกไม่เป็ธรรม เพราะเขานั้นยังไม่ทันได้ลงมือเลยแท้ๆ
ลูกเหล็กนั่นกลมโตราวกับดวงตาที่กำลังเบิกโพลงก็ไม่ปาน เพียงครู่เดียวก็ฟาดเหล่าชายหนุ่มจนตกจากหลังม้าไปทีละคน
เฉินโย่วน้อยที่นั่งอยู่บนหลังม้า เห็นรอยยิ้มบนหน้าดำคล้ำของเด็กหนุ่มยามที่ฟาดเ้าคนเหล่านี้ลงมาจากหลังม้า จากนั้นก็เก็บร่างคนเ่าั้ไปกองรวมกัน แล้วจึงส่งรอยยิ้มที่เห็นเพียงฟันขาวๆ นั้นมาทางนาง
เฉินโย่วน้อยเห็นเช่นนั้นก็จนปัญญา
“พี่อู่ ท่านมาได้อย่างไร”
“อาสวินบอกว่าเ้าหนีลงมาจากูเาอีกแล้ว จึงให้ข้ามาตามหาเ้า” เด็กหนุ่มตัวอ้วนพูดพร้อมเหงื่อพราวเต็มใบหน้า
“ข้าแอบหนีมาเสียที่ไหนกัน ข้าเพียงตามพี่ชายลงมาเท่านั้น” เฉินโย่วแก้ต่างให้ตัวเอง
ในใจนางคิดว่าพี่สวินนี่ยังกับตัวมารร้าย ราวกับศีรษะมีตาหลังงอกขึ้นมา ทว่าเขาก็ช่างร่างกายอ่อนแอนัก หากนางคิดจะเอาคืนก็ย่อมต้องกลายเป็คนบาปทันที
“เอาเถอะ เ้าก็รีบกลับหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจับเ้าพวกนี้มันรวมกันแล้วไปส่งที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง” เสี่ยวอู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งเฉินโย่ว
เสี่ยวอู่โดดลงจากม้าอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็จับเหล่าชายที่อยู่บนพื้นมัดเข้าด้วยกัน แล้วจึงค่อยลากจากไป
ส่วนเ้าพวกม้าของเหล่าชายฉกรรจ์ก็ถูกจับมัดเข้าด้วยเชือกเช่นกัน
เสี่ยวอู่ขี่ม้าไป ด้านหลังก็ยังลากชายหนุ่มที่บ้างหัวแตก บ้างเืออกอยู่อีกเจ็ดแปดคน
ส่วนเฉินโย่วน้อยนั้นก็ยังขี่หลังเ้ามืด ด้านหลังยังมีม้าเดินตามมาอีกแปดตัว พากันกลับไปยังูเา
บนเขานั้น แม่นางหลัวกำลังนั่งเย็บกระเป๋าอยู่ในเรือน
หนังเป็ชั้นๆ ของงูนั้นแท้จริงแล้วดูน่าขนลุกนัก ทว่ายามอยู่ในมือนางก็กลายเป็รูปทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาเย็บให้ติดกัน จากนั้นก็ใช้หนังวัวเส้นหนึ่งสอดเข้าไป
เพียงเท่านี้กระเป๋าหนังงูเหลือมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เ้าหนูน้อยจะต้องชอบแน่ๆ เ้าเด็กนั่นชอบของสวยๆ งามๆ นัก” หลัวอู๋เลี่ยงยิ้มน้อยๆ มองกระเป๋าที่ตนเองทำ แววตาพลันปรากฏแววอ่อนโยน
สาวใช้เสี่ยวหลียืนอยู่ด้านข้างคอยไกวพัด เสี่ยวเถานั้นกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในครัว ส่วนเสี่ยวชุนนั้นจากไปั้แ่ปีนั้นที่นายท่านใหญ่เกิดเื่
บัดนีู้เาแห่งนี้จึงอยู่ในความดูแลของนายท่านสาม
เมื่อสามปีก่อน ูเากระดูกนั้นได้เข้ากวาดล้างค่ายไป๋หู่ บัดนี้จึงได้กลายเป็กองโจรที่ทรงอำนาจที่สุดในละแวกูเาทุ่งหญ้านี้แล้ว
นายท่านใหญ่นั้นด้วยความรู้สึกพอใจ จึงดื่มเหล้าเข้าไปมากมายนัก
ในคืนนั้นนายท่านใหญ่ยิ่งครึ้มอกครึ้มใจเป็พิเศษ ในมือก็อุ้มเฉินโย่วน้อยไม่วาง ซ้ำยังพูดว่าจะให้เฉินโย่วน้อยนั้นมาเป็ลูกสาวตน
นายท่านใหญ่พลันร้อนผ่าว ประกาศกร้าวว่านับแต่นี้เฉินโย่วน้อยนั้นจะเป็นายหญิงน้อยของค่ายนี้
จากนั้นก็เพราะเขาดื่มมากไปจึงไม่ทันระวัง ร่วงตกลงไปในสระกระดูก
เหล่าอนุของเขาจึงพากันไปติดตามคนอื่นกันหมด
เหลือเพียงหลัวอู๋เลี่ยงที่ไม่ได้ติดตามใครไป และไม่ได้จากไปไหน
เมื่อหลัวอู๋เลี่ยงเย็บกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ใช้มีดตัดด้ายเส้นสุดท้ายให้ขาดออก
“น้าหลัว ข้ากลับมาแล้ว!” เด็กหญิงตัวน้อยพลันวิ่งเข้ามาซุกอ้อมกอดของหลัวอู๋เลี่ยง
ใบหน้างามของแม่นางหลัวจึงปรากฏรอยยิ้มขึ้น
นางจะไปไหนได้เล่า นางยังต้องเลี้ยงเฉินโย่วน้อยให้เติบใหญ่ ทั้งนายท่านใหญ่ยังเป็คนพูดเองว่า เฉินโย่วนั้นเป็นายหญิงน้อยของค่ายแห่งนี้ เมื่อนางคิดได้เช่นนั้นก็พลันยิ้มออกมา ทำให้นางนั้นดูอ่อนโยนนัก
คิ้วเรียวกับรอยยิ้มบางๆ นั้น ราวกับทำให้เวลารอบข้างเดินช้าลง
ยามนางยกแขนขึ้นเล็กน้อย ก็ราวกับทำให้เวลานั้นเดินช้าลงหลายปี