ใครจะทะลุมิติมาเป็นตัวร้ายได้ห่วยเท่าข้า! (Yaoi) 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อทั้งสองเข้าไปนั่งแล้ว อ๋าวหรานก็สำรวจรอบข้างดูคร่าวๆ ห้องเรียนนี้มีนักเรียนไม่มาก รวมเขาด้วยก็แค่สิบหกคน อ๋าวหรานนั่งลงบนโต๊ะว่างๆ ตัวหนึ่งข้างหลังจิ่งเซียง คาดว่าเมื่อก่อนคงไม่มีคนนั่งตรงนี้

        ด้านขวาของอ๋าวหรานมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ รูปลักษณ์ของคนตระกูลจิ่งแน่นอนว่าไม่ต้องเอ่ยถึง หนุ่มน้อยคนนี้เองก็หน้าตาไม่เลว ทว่าคิ้วที่ชี้ขึ้นนั้น ทำให้ดูโอหังดื้อรั้นอยู่หลายส่วน ท่านั่งก็ไม่ถูกกฎระเบียบแบบคนอื่นเขา ดูตามสบายไร้ระเบียบยิ่ง ตอนที่อ๋าวหรานมองเขา หนุ่มน้อยคนนั้นก็หันศีรษะมาหา ริมฝีปากประดับรอยยิ้มดูถูกเอาไว้

        จิ่งเซียงกำลังหันศีรษะมาคุยกับอ๋าวหราน มองเห็นทั้งสองคนสบตากันอยู่ จึงแนะนำไปว่า “นี่คือจิ่งจื่อ จิ่งจื่อ นี่คือนายน้อยหมู่บ้านสกุลอ๋าว อ๋าวหราน”

        อ๋าวหรานกำลังคิดจะทักทายออกไป กลับเห็นหนุ่มน้อยคนนั้นพ่นคำดูถูกออกมาว่า “คนขี้ขลาด!”

        อ๋าวหรานยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็เห็นจิ่งเซียงตบหัวหนุ่มน้อยคนนั้น อ๋าวหรานอดรู้สึกรื่นเริงไม่ได้

        จิ่งจื่อพูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “จิ่งเซียง! หากมิใช่เพราะเ๯้าเป็๞สตรี ข้าจะต้องต่อยตีกับเ๯้าสักยก!”

        จิ่งเซียงส่งเสียงฮึตอบว่า “เ๽้าจะไม่ถือว่าข้าเป็๲สตรีก็ได้นี่!”

        จิ่งจื่อ “ฮึ!”

        อ๋าวหรานบันเทิงใจมากมายจริงๆ

        จิ่งจื่อมองอ๋าวหรานด้วยสีหน้าดุร้าย “เป็๞แค่คนขี้ขลาดกล้าหัวเราะเยาะข้าหรือ!”

        จิ่งเซียงคิดจะลงมืออีกรอบ อ๋าวหรานห้ามไว้แล้วพูดว่า “บางครั้ง การเลือกที่จะจากมาถึงจะเป็๲ความยากลำบากอย่างแท้จริง เทียบกับการมีชีวิตอยู่แล้ว ตายไปเสียถึงจะเป็๲การหลุดพ้นที่ดีที่สุด”

        อ๋าวหรานพูดจบ หนุ่มน้อยคนนี้ก็อึ้งไป ก่อนจะส่งเสียงฮึหนักๆ อีกครั้ง แล้วไม่พูดอะไรอีก

        จิ่งเซียงเม้มปาก คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง กลับได้ยินเสียงคนพูดกับนาง

        “เซียงเซียง พี่ชายเ๯้าเหตุใดยังไม่มาอีก?” คนพูดเป็๞สาวน้อยคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้าของจิ่งจื่อ

        จิ่งเซียงตอบว่า “พี่ชายข้ามีงานกะทันหัน คาดว่าอีกสักพักก็คงมาถึงแล้ว”

        เดิมทีวันนี้พวกเขาสามคนนั้นมาพร้อมกัน แต่สายลับที่อยู่ข้างนอกของตระกูลจิ่งมีเ๹ื่๪๫ต้องรายงานจิ่งฝาน ดังนั้นอ๋าวหรานกับจิ่งเซียงจึงล่วงหน้ามาก่อน

        “เ๽้าก็คืออ๋าวหรานสินะ ตอนนี้เ๽้าก็จะมาเรียนวิชาแพทย์กับพวกเราหรือ?”

        จิ่งเซียงแนะนำให้อ๋าวหรานฟังว่า “ท่านนี้คือจิ่งรุ่ย”

        อ๋าวหรานยิ้มพร้อมประคองหมัดคารวะกล่าวว่า “คารวะแม่นางจิ่งรุ่ย วันหน้าเกรงว่าคงต้องรั้งอยู่ที่ตระกูลจิ่งอีกพักใหญ่ อย่างไรก็ว่างอยู่พอดี จึงตามเซียงเซียงมาเรียนวิชาแพทย์บ้าง ภายภาคหน้าเกรงว่าคงต้องรบกวนแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

        จิ่งรุ่ยยิ้มพร้อมตอบว่า “คุณชายอ๋าวเกรงใจแล้ว มีคนเพิ่มมาสักคนก็ครึกครื้นดี”

        “ชิ เสแสร้ง” จิ่งจื่อมองเห็นคนสองคนโต้ตอบกันด้วยคำพูดดูดีมีมารยาท ก็กลอกตามองบน

        จิ่งเซียงพูดด้วยความโกรธ “จิ่งจื่อ! เ๯้าอยากเจ็บตัวใช่ไหม!”

        จิ่งจื่อส่งเสียงฮึตอบว่า “เ๽้าถือดีว่าข้าไม่ทำร้ายสตรี”

        จิ่งเซียงยิ้มอย่างชั่วร้ายตอบว่า “ก็จริงนะ ถ้าเช่นนั้นข้าให้พี่ชายข้ามาแลกเปลี่ยนวิชากับเ๯้า เป็๞อย่างไร?”

        รอบนี้ หนุ่มน้อยเงียบสนิทไปเลย

        ชั่วครู่นั้นเองที่อ๋าวหรานได้เปิดหูเปิดตาถึงความแข็งแกร่งของจิ่งฝาน เป็๞คนที่จัดการสถานการณ์ต่างๆ ได้อยู่หมัดจริงๆ!

        “อา! อาจารย์มาแล้ว!”

        เมื่อจิ่งฝานเข้ามา ในห้องก็เงียบสงบ จิ่งฝานปกติอ่อนโยนมาก แต่ตอนที่อยู่ในห้องเรียนก็ค่อนข้างเข้มงวด ที่ควรลงโทษก็ลงโทษ ไม่มีออมมือ

        “มาสายแล้ว ขออภัยด้วย” จิ่งฝานยืนอยู่ด้านหน้าชั้นเรียนพร้อมรอยยิ้ม ชุดยาวสีแสงจันทร์ ผมดำยาวขยับเล็กน้อย คิ้วดังภาพวาด ราวกับหยกชั้นดีที่สุดในโลกใบนี้ ทำให้คนไม่อาจละสายตาออกไปได้

        “วันนี้เรามาพูดต่อจากเมื่อวานกัน เมื่อวานอธิบายให้ทุกคนฟังเ๹ื่๪๫โรคระบาดของแคว้นซือไปแล้ว วันนี้มาพูดถึงวิธีจัดการกับโรคระบาดแคว้นซือนี้กัน”

        จิ่งฝานพูดเสียงเสนาะใสดังหยก ไม่ช้าไม่เร็ว คำพูดดังกังวานชัดเจน ทำให้คนที่ฟังอยู่ล้วนแล้วแต่หลงใหล ถึงจะเป็๲คนหัวแข็งดื้อรั้นเช่นจิ่งจื่อก็ยังฟังอย่างตั้งใจ บางครั้งยังจับพู่กันขึ้นมาจดบันทึกลงไปในกระดาษ บางครั้งก็ทำหน้าเหมือนจู่ๆ ก็เข้าใจกระจ่างแจ้งขึ้นมา

        อ๋าวหรานเองก็ฟังเข้าใจ น่าเสียดายที่ก็ทำได้แค่ฟังไปเพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านั้น สมุนไพรบางอย่างที่จิ่งฝานเอ่ยถึง รวมถึงวิธีใช้ ข้อควรระวัง ต่างๆ เป็๞ต้นนั้น อ๋าวหรานไม่ค่อยเข้าใจ ดังนั้น เปรียบเทียบกับความเข้าใจกระจ่างแจ้งของจิ่งจื่อแล้ว อ๋าวหรานกลับไม่รู้อะไรเลย นี่ก็เหมือนกับเวลาเราฟังเ๹ื่๪๫ตลกสักเ๹ื่๪๫หนึ่ง แต่เราไม่เข้าใจความหมายในเ๹ื่๪๫ตลกนั้นสักอัน ดังนั้น ต่อให้ฟังเข้าใจแล้ว แต่เราก็ยังหาไม่เจอว่าจุดที่ตลกนั้นมันอยู่ตรงไหน

        วิธีการสอนของจิ่งฝานนั้นไม่ใช่แค่จับความรู้ยัดเข้าไปในสมองผู้เรียนแค่นั้น เขามีความสามารถในการตั้งคำถามเพื่อชักนำเข้าสู่ประเด็น ให้นักเรียนไปขบคิดเพื่อหาคำตอบ ในระยะเวลาราวๆ สองชั่วโมงของคาบเรียนนี้ทำให้อ๋าวหรานพอจะรู้แล้วว่า หากตัดตนเองออกไป ในจำนวนคนที่เหลืออีกสิบห้าคนนั้นคนที่ฉลาดที่สุดก็เกรงว่าจะเป็๲จิ่งจื่อกับจิ่งเซียงแล้ว มักจะเป็๲ว่าจิ่งฝานตั้งคำถามขึ้นมา แล้วสองคนนั้นก็ให้คำตอบออกมาได้อย่างรวดเร็ว

        แน่นอน ในสองชั่วโมงนี้ บทสรุปสำคัญที่อ๋าวหรานได้ออกมานั้นก็คือ ความรู้พื้นฐานสำคัญมาก ยังไม่รู้วิธีปีนก็อยากจะบินแล้ว เช่นนั้นเป็๞ไปไม่ได้ เขาคงต้องไปเรียนรวมกับกลุ่มนักเรียนตัวน้อยพวกนั้นแล้ว

        เมื่อคาบเรียนนี้จบลงก็เป็๲ยามบ่ายแล้ว ตอนบ่ายยังมีคาบเรียนอื่นอีก จึงไม่จำเป็๲ต้องกลับไปเรือนด้านหน้า ฝั่งโรงเรียนนี้มีที่สำหรับรับประทานอาหาร คล้ายกับโรงอาหารของโรงเรียนในยุคปัจจุบัน ตอนบ่ายจิ่งฝานยังต้องสอนศิลปะการต่อสู้ จึงยังรั้งอยู่ที่นี่ไม่ได้กลับไปเรือนด้านหน้า เขาเดินทางไปกินข้าวพร้อมกับอ๋าวหรานและจิ่งเซียง

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้