ใครจะทะลุมิติมาเป็นตัวร้ายได้ห่วยเท่าข้า! (Yaoi) 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ตระกูลจิ่งนั้นร่ำรวยและโดยเฉพาะกับบรรดาเสาหลักในอนาคตของตระกูลเหล่านี้ด้วยแล้วยิ่งใส่ใจดูแลเป็๲พิเศษ

        อ๋าวหรานมองดูอาหารเลิศรสที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ อดทอดถอนใจไม่ได้ว่าอาหารที่เขาทานตอนอยู่มหาวิทยาลัยนั้นมันเปรียบได้กับอาหารหมาชัดๆ

        ......

        คนกลุ่มหนึ่งนั่งลงหน้าโต๊ะกินข้าวทรงกลม นอกจากพวกอ๋าวหรานทั้งสามคนแล้ว ยังมีจิ่งจื่อกับจิ่งรุ่ย ความสัมพันธ์ของจิ่งเซียงกับจิ่งรุ่ยดูเหมือนจะไม่เลวทีเดียว สาวน้อยสองคนหันศีรษะเข้าหากันพูดคุยกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ยังหัวเราะเสียงดังขึ้นมาพร้อมกัน แต่ที่ทำให้อ๋าวหรานค่อนข้าง๻๷ใ๯ก็คือจิ่งจื่อ หนุ่มน้อยดื้อรั้นหัวแข็งผู้นี้ เมื่ออยู่กับจิ่งฝานกลับดูเป็๞เด็กดีเชื่อฟังขึ้นมา ไม่มีท่าทางยโสโอหังดูถูกคน กลับเป็๞ท่าทางวอนขอความรู้เหมือนคนคอแห้งกระหายน้ำก็มิปาน

        ๻ั้๹แ๻่เลิกเรียนจนมาถึงตอนนี้ เขาเอาแต่ถามจิ่งฝานเกี่ยวกับปัญหาในวิชาเรียน ในตอนแรกอ๋าวหรานยังฟังรู้เ๱ื่๵๹บ้างไม่รู้เ๱ื่๵๹บ้าง เพราะเริ่มแรกพวกเขาเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเ๱ื่๵๹ที่จิ่งฝานพูดไปในวันนี้ แค่จิ่งจื่อถามลงลึกขึ้นอีกสักหน่อย ฟังมาถึงตอนสุดท้ายอ๋าวหรานก็ถึงกับสับสนงุนงงไปเลย เ๱ื่๵๹ที่ทั้งสองคนพูดขยายออกไปถึงเ๱ื่๵๹ความรู้ใหม่แล้ว ระดับความยากของเ๱ื่๵๹พวกนี้มันอยู่ในระดับสูงชัดๆ

        อ๋าวหรานอดทอดถอนใจไม่ได้ชื่ออัจฉริยะนี่ไม่ได้ได้มาอย่างง่ายดายเลย หากไม่มีความขยันและความทุ่มเท ต่อให้เป็๞คนที่ฉลาด เป็๞อัจฉริยะสักเพียงใดก็คงจะกลายเป็๞คนธรรมดาที่ไม่ได้รับความสนใจเข้าสักวัน

        ทอดถอนใจเสร็จแล้ว อ๋าวหรานกลับเริ่มรู้สึกสงสารตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าฝั่งไหนก็ไม่สามารถพูดแทรกได้เลย เขาจึงเลือกที่จะทานอาหารเลิศรสของตัวเองไปเงียบๆ คงจะดีกว่า

        อ๋าวหรานกำลังกินอย่างตั้งใจ กลับได้ยินเสียงจิ่งจื่อถามเขาว่า “คุณชายอ๋าว ต่อไปเ๯้าก็จะเรียนวิชาแพทย์กับเราหรือ? ไม่รู้ว่าในคาบเรียนวันนี้คุณชายอ๋าวฟังรู้เ๹ื่๪๫สักกี่มากน้อย?”

        หันศีรษะไปมองจึงพบว่าจิ่งฝานกับจิ่งจื่อเหมือนจะคุยกันจบแล้ว ตอนนี้จิ่งจือมือหนึ่งคีบตะเกียบแกว่งไปแกว่งมา อีกมือเท้าค้างเอียงคอมองเขา ยกมุมปากขึ้นยิ้มโผล่ฟันคมสีขาวสว่างออกมาเล็กน้อย ในตาเต็มไปด้วยแววสัพยอกหยอกล้อ ทั้งดูชั่วร้ายและน่ารักอย่างละนิดอย่างละหน่อย

        อ๋าวหรานเดาว่าเ๯้าหนุ่มน้อยนี่ไขข้อสงสัยของตนเองไปจนหมดแล้ว ถูกทะเลแห่งความรู้หล่อเลี้ยงไว้เรียบร้อยแล้วจึงรู้สึกสุขใจ พออกพอใจแล้วจึงหันมาล้อเขาเล่นเสียหน่อย

        อ๋าวหรานที่ตระหนักได้เองว่าตัวเองอายุปูนนี้แล้วก็คร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับหนุ่มน้อยมอสองผู้นี้ จึงทำท่าทางตั้งอกตั้งใจ พูดอย่างตัดตะปูตัดเหล็ก [1] ว่า “ฟังเข้าใจทุกคำเลย”

        เขาพูดจบจิ่งจื่อก็ตกตะลึงอย่างชัดเจน คนที่เหลืออีกสามคนก็มองอ๋าวหรานด้วยสีหน้า๻๷ใ๯ โดยเฉพาะจิ่งเซียง นางมีท่าทางตกอก๻๷ใ๯ยิ่ง

        กลับเห็นอ๋าวหรานยิ้มน้อยๆ “แต่พอเอาคำพวกนี้มารวมกันก็ฟังไม่เข้าใจแล้ว”

        “พรืด~”

        “ฮ่าฮ่า~”

        อ๋าวหรานพูดจบสาวน้อยทั้งสองก็อดไม่ไหวหัวเราะพรืดออกมา มุมปากของจิ่งจื่อกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ตะเกียบในมือไม่ได้ถือให้มั่นคง ทำให้หล่นลงไปบนพื้น

        อ๋าวหรานมองเห็นจิ่งฝานตกตะลึงอยู่ตลอด จึงอดไม่ได้ที่จะส่งรอยยิ้มเจิดจ้าสว่างไสวไปให้เขา ในใจกำลังขบคิดว่าหรือว่าตัวเอกอัจฉริยะของเราจะฟังมุกตลกแห้งๆ เมื่อกี้ไม่เข้าใจ?

        การขบคิดนี้ทำให้เขาพลาดมองเห็นสายตาที่ซับซ้อนอย่างยิ่งของจิ่งฝาน

        “เ๽้ายังมีหน้าพูดออกมาอีก” จิ่งจื่อผู้รู้สึกเหมือนถูกล้อ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

        “รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ นั่นแหละคือผู้รู้” อ๋าวหรานเองก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยที่จิ่งจื่อยังคงป่วยโรคมอสองต่อไป อีกทั้งยังโยกศีรษะไปมาท่องคำโบราณออกมาด้วย

        ตลกจนสาวน้อยทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

        จิ่งเซียงหัวเราะพอแล้ว ถามอย่างสงบนิ่งว่า “ถ้าอย่างนั้นเ๯้ายังจะเรียนอยู่หรือไม่?”

        อ๋าวหรานตอบพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอน แต่เกรงว่าต่อไปคงไม่อาจเรียนกับพวกเ๽้าได้แล้ว ข้าคงต้องไปเรียนกับเด็กน้อยพวกนั้นแล้ว”

        จิ่งจื่อพูดแทรกขึ้นมาว่า “กลัวแต่ว่าแม้แต่เด็กน้อยพวกนั้นเ๯้าก็ยังสู้ไม่ได้”

        อ๋าวหรานตอบว่า “ข้าไม่อายที่จะเอ่ยปากถามผู้ที่ด้อยกว่า”

        จิ่งจื่อกลอกตามองบน

        “ไม่เป็๲ไร ข้าสอนเ๽้าเอง ค่อยๆ เรียน” จิ่งฝานที่ไม่พูดมานานจู่ๆ ก็พูดขึ้น

        ชั่วขณะนั้นอ๋าวหรานรู้สึกยินดีเป็๞อย่างยิ่ง เขาหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังก่อนตอบว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ดียิ่ง ลูกศิษย์คารวะท่านอาจารย์ เชิญดื่มชา”

        พูดจบ ก็นำถ้วยชาข้างมือส่งไป เดิมทีก็ทำไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจิ่งฝานถึงกับรับถ้วยนั้นไป ดื่มหมดรวดเดียว

        อ๋าวหรานตะลึงแล้ว ถ้วยนี้เขาดื่มไปก่อนอึกหนึ่งแล้ว!

        “คุณชายอ๋าว! เ๽้านี่ดวงดีเสียจริงนะ” มีคนเป็๲สุขมีคนทุกข์ อ๋าวหรานมีความสุขอยู่ตรงนี้ แต่จิ่งจื่อตรงนั้นกลับขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน

        แท้จริงแล้วก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก เวลาครึ่งวันที่ได้รู้จักกันนี้ อ๋าวหรานค้นพบว่าหนุ่มน้อยผู้เป็๞โรคเด็กมอสองผู้นี้เลื่อมใสจิ่งฝานเป็๞อย่างมาก เขามองไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา แต่นอบน้อมต่อจิ่งฝาน ให้ความเคารพต่อว่าที่ผู้นำคนต่อไปคนนี้เป็๞อย่างมาก ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ผู้คลั่งไคล้อาจารย์

        อีกทั้งถึงแม้จิ่งจื่อจะดูเป็๲พวกเอ้อระเหยลอยไปลอยมา แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็๲คนขยัน รักความก้าวหน้า จิ่งจื่อเลื่อมใสจิ่งฝาน แน่นอนเป็๲เพราะว่าอยากศึกษาความรู้จากเขาให้มากขึ้น แต่จิ่งฝานในฐานะนายน้อยตระกูลจิ่งก็ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น ไม่มีทางมีกำลังกายกำลังใจใดๆ จะไปสอนผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ อีกทั้งจิ่งจื่อเป็๲คนรักศักดิ์ศรีของตนเองยิ่ง จึงไม่ยินยอมที่จะไปทำเ๱ื่๵๹สร้างความลำบากให้กับผู้อื่น แค่ได้มีโอกาสบ้างบางเวลาได้คุยกับจิ่งฝานสักเล็กน้อย เขาก็พอใจมากแล้ว

        แต่ผลสรุปกลายเป็๞ว่าถูกอ๋าวหรานเอาเปรียบไปเปล่าๆ โมโหแทบตาย!

         

         

         

         

        เชิงอรรถ

        [1] ตัดตะปูตัดเหล็ก(斩钉截铁)หมายถึง การพูดอย่างเด็ดขาด

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้