ฉินหยีหนิงขอร้องเช่นนี้ ทำให้ซุนซื่อใจอ่อนลงแล้ว
คาดไม่ถึงเลยว่า ในขณะที่นางมีความคิดว่าฉินหยีหนิงได้กระทำผิดนั้น เื่ราวกลับโยงใยเกี่ยวพันกันหลายอย่าง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกันและกันอยู่
อีกอย่างเื่ที่ซับซ้อนเช่นนั้น นางฟังแล้วยังรู้สึกยากจะเข้าใจเลย แต่ฉินหยีหนิงกลับสามารถคิดแยกแยะได้ด้วยตนเอง เพียงแค่มองไปที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงซึ่งกำลังชื่นชมด้วยรอยยิ้ม ซุนซื่อย่อมรับรู้แล้วว่าฉินหยีหนิงเป็ที่ชื่นชอบมากถึงเพียงใด
ซุนซื่อไม่เคยคิดว่าตนเองโง่เขลามาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว นางเป็ผู้หญิงที่อยู่ในบ้านจึงคิดว่าสามารถจัดการเื่ในบ้านก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้เื่ของฉินหยีหนิงทำให้นางต้องคิดใหม่
ซุนซื่อพึมพำเอ่ยขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเื่ในบ้านยังมีผลกระทบต่อราชสำนักด้วย”
เมื่อฮูหยินติ้งกั๋วกงได้ฟังเช่นนั้นก็อยากจะตบหน้าผากตนเอง
“นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ทิศลมของราชสำนักพัดเข้ามา ต้นหญ้าในบ้านก็ย่อมพลิ้วไหวไปด้วย นี่เ้ายังโชคดีที่ได้แต่งงานกับฉินเิ ถ้าเป็ตระกูลอื่นละก็ ในบ้านมีอนุมากหน้าหลายตา เ้าก็จะรู้ว่าเื่ในราชสำนักมีผลกระทบต่อเื่ในบ้านอย่างไรแล้วล่ะ หยีเจี่ยร์ขอร้องเ้าเช่นนี้ เ้ายังไม่ตอบรับว่าจะกลับไปอีกหรือ?”
ซุนซื่อมองลงไปเห็นสีหน้ามีความหวังของฉินหยีหนิง นางจึงพยักหน้าช้าๆ “ก็ได้ เห็นในความจริงใจที่เ้ายอมรับความผิดนะ แล้วก็เกรงว่าท่านพ่อของเ้าจะเสียหน้าต่อองค์ชายรัชทายาทด้วย ข้ากลับไปก็ได้”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงได้ฟังเช่นนั้นแล้วพลอยโล่งอก
ซุนซื่อยังไม่เข้าใจแต่นางเข้าใจแล้ว ที่ฉินหยีหนิงมาในครั้งนี้ เป็การทอดบันไดให้นางเพื่อไม่ให้เสียหน้ามากนัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็นับว่าเป็ความผิดของซุนซื่อ นอกจากจะเป็คนยั่วโมโหก่อน แล้วยังทำความผิดกับฉินล่าวไท่จุนกับฉินเิ บันไดนี้ไม่ช้าก็เร็ว จำต้องให้คนของติ้งกั๋วกงเป็คนทอดให้ ถึงตอนนั้นยังต้องลดสถานะของตนเอง ทำให้ตระกูลซุนต้องขายขี้หน้าต่อตระกูลฉินอีกด้วย
“หยีเจี่ยร์พ้นโทษออกมาก็รีบมาที่นี่ในทันที แล้วคนในจวนที่ไม่ได้โดนกักบริเวณล่ะ เ้าอยู่ที่บ้านแม่มาหลายวันแล้ว เหตุใดนางถึงไม่มาแสดงอะไรเลย? แม้ส่งคนมาซักถามข่าวคราวก็ทำไม่ได้เชียวหรือ ตอนที่เ้าออกจากจวน นางชักจูงเ้า บอกว่าจะอยู่เคียงข้างเ้า รอให้เ้ากลับมาที่บ้านแม่จริงๆ นางคอหดไม่ดูแลเ้าแล้ว ลูกสาวทั้งสองต่างก็เป็ลูกของเ้า ทว่าแต่ละคนนั้นมีอุปนิสัยเป็เช่นไร ตอนนี้เ้าก็ควรที่จะดูให้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดจบ ฮูหยินติ้งกั๋วกงก็ประคองฉินหยีหนิงลุกขึ้น “หยีเจี่ยร์ เ้าตามข้ามา ท่านแม่ของเ้า้าอยู่เงียบๆ พวกเราไปนั่งข้างในกันเถิด”
ฉินหยีหนิงกังวลหันหลังกลับไปมองซุนซื่อ จากนั้นถึงได้ตามฮูหยินติ้งกั๋วกงเข้าไปยังห้องข้างใน ปล่อยให้ซุนซื่อได้คิดอยู่ข้างนอกเพียงผู้เดียว
ในสมองของซุนซื่อไม่หยุดที่จะไตร่ตรองเื่ที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงได้ทิ้งไว้เมื่อสักครู่ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปหลายต่อหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน ฉินหยีหนิงอยู่ที่ห้องข้างนั่งใกล้ๆ ฮูหยินติ้งกั๋วกงบนเตียงหลั่วฮั่นลายหรูยี่ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากหน้าต่าง
ฮูหยินติ้งกั๋วกงจับมือฉินหยีหนิงและเอ่ยขึ้น “หยีเจี่ยร์ เ้าเป็เด็กดีแล้ว ยายรู้ว่าเ้ารู้สึกน้อยใจ”
ฉินหยีหนิงส่ายหน้าหลายครั้ง “น้อยใจอะไรที่ไหนกันเ้าคะ ข้าสามารถกลับมาที่บ้านได้ สามารถอยู่ดูแลคนในครอบครัว ข้าก็พึงพอใจแล้ว ความลำบากของท่านแม่ข้ารู้ดี ถึงแม้ว่าในตัวของข้ามีเืของนางอยู่ แต่ในสายตาของนางแล้ว เื่ที่ลูกแท้ๆ ถูกสลับตัวไปนั้น เป็เื่ยากที่จะรับได้ อีกอย่างท่านแม่พยายามที่สุดแล้วที่จะยอมรับข้า ครั้งนี้เป็เพราะข้าผิดจริงๆ ที่ทำให้ท่านแม่ต้องโกรธข้าเช่นนี้”
“เด็กคนนี้นี่” มือแห้งผากและอบอุ่นของฮูหยินติ้งกั๋วกงััที่เส้นผมยาวราวกับผ้าไหม ในใจของนางเสมือนมีใครมาลูบให้ครั้งหนึ่ง
ทั้งๆ ที่ตนเองนั้นเป็ผู้ถูกกระทำ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะพูดเพื่อมารดาของนาง
อาจจะเป็เพราะอายุห่างกันหนึ่งรุ่นทำให้ความใกล้ชิดมีมากขึ้น หรืออาจจะเป็เพราะว่าทั้งสองมีวาสนาต่อกัน ยามนั้นฮูหยินติ้งกั๋วกงรักฉินหยีหนิงสุดหัวใจแล้ว
ฉินหยีหนิงนิ่งคิดไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านยาย ข้ายังมีอีกสองเื่ที่จะสนทนา ท่านมีประสบการณ์มากกว่าข้า แน่นอนว่าต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะดี”
การสอนคนรุ่นหลังนั้น ฮูหยินติ้งกั๋วกงมีความอดทนั้แ่ไหนแต่ไรมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่กำลังเอ่ยถามนางอยู่คือฉินหยีหนิงที่นางชื่นชอบ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงยิ้มอย่างมีเมตตา นางจับมือฉินหยีหนิง จากนั้นก็ประคองกระถางทองเหลืองอุ่นมือลายดอกกุหลาบที่แม่นมเปายื่นให้ ใส่ไว้ในมือของเด็กสาว
“มีปัญหาอะไรหรือ เ้าพูดมาเถิด?”
ฉินหยีหนิงยิ้มด้วยความขอบคุณ นางนำกระถางอุ่นมือวางไว้ในมือของฮูหยินติ้งกั๋วกง ทั้งสองถือกระถางอุ่นมือนี้ไว้ด้วยกัน
“ท่านยาย เื่มันมีอยู่ว่า ตอนนี้ข้าได้ให้คุณหนูถางมาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมท่าหยุนชั่วคราวแล้ว นางยอมรับข้าเป็เ้านายด้วยใจจริง อนาคตจะอยู่ดูแลรับใช้ข้า นางมีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์ ข้าอยากให้นางอยู่เคียงข้างข้า ถือว่าเป็ผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่ง ข้าอยากจะหาเวลาเพื่อให้นางได้ลาสึก ท่านยายคิดว่าเช่นนี้จะดีหรือไม่เ้าคะ?”
“เ้ากังวลเื่ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาของนางกับสตรีชั้นสูงเ่าั้ จะทำให้ท่านพ่อของเ้าไม่ชื่นชอบหรือ?”
พูดคุยกับคนฉลาด จึงไม่ต้องลงแรงคิดอะไรให้มาก
ฉินหยีหนิงยิ้มและพยักหน้า “ใช่เ้าค่ะ ข้ากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของจวนติ้งกั๋วกงกับตระกูลฉาวและท่านอ๋องหนิง”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงยิ้มและเอ่ยขึ้น “เ้าไม่จำเป็ต้องกังวล ตอนนี้เื่ในราชสำนักก็มั่นคงแล้ว ท่านอ๋องหนิงก็ได้ยกคนให้เ้าแล้ว คิดว่าคนคุมประพฤติถ้าไม่มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ ก็ไม่อาจจะมาขอคนได้ ส่วนตระกูลฉาวนั้น ถึงแม้ว่าฉาวไท่ซือไม่ได้เป็ไท่ซือแล้ว แต่ว่าอำนาจในราชสำนักก็ยังคงมีอยู่ ไฟของพวกเขาตอนนี้กำลังเผชิญกับท่านอ๋องหนิงและท่านพ่อของเ้า แน่นอนว่ายามนี้คงไม่มาสนใจผู้หญิงตัวเล็กๆ
คุณหนูถางเป็เด็กที่มีโชคชะตายากลำบาก พวกเ้าก็มีวาสนาต่อกันอีก หากนางจริงใจต่อเ้าจริงๆ เ้าก็ให้นางมาอยู่เคียงข้างเ้าเถิด ส่วนเื่อื่นๆ นั้นพวกเราค่อยดูอีกที...ทีละก้าวเถิด”
สิ่งที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงได้พูดออกมานั้น เป็สิ่งที่ฉินหยีหนิงได้คิดมาก่อนหน้านี้นานแล้ว และแม้ว่านางจะได้ผลลัพธ์หลังการครุ่นคิด แต่การได้ยินจากปากของฮูหยินติ้งกั๋วกง ทำให้นางมีความรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
“เ้าค่ะ ข้ารับทราบแล้ว” ฉินหยีหนิงยิ้มกว้าง แก้มของนางมีลักยิ้มอยู่ด้วยและด้วยท่าทางอันแสนน่ารักของนาง ทำให้คนมองชื่นชอบอย่างมาก “มีท่านยายช่วยข้า รู้สึกเหมือนมีกระดูกสันหลังอย่างไรอย่างนั้นแหละเ้าค่ะ”
“เ้าเด็กโง่” ฮูหยินติ้งกั๋วกงจับไหล่ของฉินหยีหนิงแกล้งเขย่าเบาๆ ไปมา
เด็กคนนี้ใช้ชีวิตข้างนอกมาอย่างยากลำบากและโดดเดี่ยวมาหลายปี เื่เล็กใหญ่จะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ว่านางใช้ชีวิตคนเดียว เกรงว่าทุกการตัดสินใจของนางคงมีผลกระทบต่อความตายและดำรงชีวิตรอดเป็แน่ แม้กระนั้นถึงเด็กคนนี้จะเฉลียวฉลาดมากถึงเพียงไหน เลือกเส้นทางได้ถูกต้องมากถึงเพียงใด ตัวคนเดียวย่อมรู้สึกกลัวอยู่บ้างสินะ?
เมื่อวิเคราะห์ได้ดังนั้น ทำให้เข้าใจว่าหลายปีมานี้นางไม่มีคนให้พึ่งพิงเลย ก็ไม่แปลกว่าทำไมตอนที่นางได้อยู่ในอ้อมกอดจึงมีรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏออกมา
รอยยิ้มและการพึ่งพิงของนาง ทำให้ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกอึดอัดและปวดใจ เบ้าตารู้สึกร้อนขึ้นมาก ใจรู้สึกรักเหมือนเกือบจะร้องไห้แล้ว
ฉินหยีหนิงไม่ได้สังเกตฮูหยินติ้งกั๋วกง นางเอ่ยขึ้น “ท่านยาย หลานมีอีกหนึ่งเื่ที่จะขอร้องท่าน”
“เื่อะไรหรือ รีบพูดมาเถิด” ฮูหยินติ้งกั๋วกงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ฉินหยีหนิงเอ่ยพูดเื่สาเหตุที่รุ่ยหลานออกจากจวนให้นางฟังอย่างคร่าวๆ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ระหว่างคิ้วของนางมีรอยหยักที่ลึกขึ้นมาก “คิดไม่ถึงเลยว่าฉินฮุ่ยหนิงจะทำเื่เช่นนี้ ทำเพื่อความสะใจของตนเอง จนเกือบจะทำให้คนอื่นถึงแก่ชีวิตแล้ว บ้านของเราไม่เคยมีคุณหนูเช่นนี้มาก่อนเลย คนที่สามารถทำร้ายคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จนต้องถึงแก่ชีวิต”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงยืนขึ้นแล้วสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าว นางขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น “หยีเจี่ยร์ เื่นี้ให้ข้าจัดการให้เถิด”
ฉินฮุ่ยหนิงยังคงเป็ลูกบุญธรรมของซุนซื่ออยู่ ไม่ว่าฉินฮุ่ยหนิงจะกระทำเื่อะไรออกมา คนรอบข้างไม่ได้เพียงติเตียนกล่าวหาว่าฉินฮุ่ยหนิงไม่ดี แต่จะตำหนิกล่าวหาซุนซื่อว่าสั่งสอนไม่ดีต่างหาก ถึงแม้ว่าปากของนางชอบตำหนิซุนซื่อ แต่ในฐานะคนเป็แม่ แน่นอนว่าจะต้องคิดแทนลูกเสมอ
ฉินหยีหนิงเข้าใจในสิ่งที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงคิดในทันที นางพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ท่านยายจะสั่งสอนฉินฮุ่ยหนิงอย่างไรก็ได้ เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ข้ามีวิธีแล้วเ้าค่ะ”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเลิกคิ้วมองไปที่ฉินหยีหนิง
ฉินหยีหนิงได้พูดถึงแผนการที่ตนเองวางไว้ออกมา สุดท้ายนางแลบลิ้นข้างล่างและกล่าวสมทบ “ถึงตอนนี้ ยังจะต้องเอาชื่อของท่านยายมาพูดด้วยนะเ้าคะ”
“เ้านี่น้า” ฮูหยินติ้งกั๋วกงยิ้มเห็นฟัน นางชื่นชอบวิธีการต่อสู้ของเด็กสาวที่ยังคงไม่ลืมที่จะไว้ชีวิตคนอื่นอยู่ นางยิ้มและใช้นิ้วกดไปที่หน้าผากของฉินหยีหนิง “ตามใจเ้าจะทรมานเถิด”
“เ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านยายเ้าค่ะ”
ครั้นได้มองใบหน้าเด็กผู้หญิงที่น่ารักอยู่ตรงหน้า ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกชื่นชอบมากยิ่งขึ้น
คนหนึ่งเป็เด็กที่มีความกตัญญูและมีจิตใจดี อีกคนหนึ่งเป็เด็กที่มีพิษและเห็นแก่ตัว แม้ว่าเด็กทั้งสองคนนี้มีความฉลาดและสวยงามเหมือนกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบอุปนิสัยใจคอ ตาชั่งในใจของนางย่อมลำเอียงชื่นชอบไปทางฉินหยีหนิงมากกว่า
“ท่านแม่” ในตอนนั้น สีหน้าของซุนซื่อเกร็งๆ ทำตัวไม่ถูกพร้อมเดินผ่านประตูเข้ามายังห้องข้างใน
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเห็นซุนซื่อเป็เช่นนั้นก็รู้สึกอารมณ์เสีย นางเอ่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำอะไรหรือ?”
“ท่านแม่ ข้าได้สั่งให้คนเตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว” นางหมายความว่าตอนนี้สามารถกลับบ้านฉินได้ทุกเมื่อ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงอดไม่ได้ที่จะกลอกั์ตา
เห็นได้ชัดว่านางรีบร้อนอยากจะกลับไปั้แ่ก่อนหน้าที่ฉินหยีหนิงจะมา เพียงแต่ว่าจะลดสถานะตนเองไม่ได้ก็เท่านั้น ครั้งนี้ฉินหยีหนิงมาทอดบันไดให้นาง แน่นอนว่านางสามารถปีนขึ้นไปได้แล้ว
“ไปเถิด เ้ากลับไปคิดทบทวนคำพูดที่ข้าเคยพูดไว้กับเ้าให้ดีๆ ล่ะ”
“เ้าค่ะ” ซุนซื่อก้มศีรษะ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงได้สั่งให้คนไปเตรียมรถม้า และจัดเสื้อคลุมให้ฉินหยีหนิงด้วยตนเอง นางยังเอ่ยขึ้นอีกว่า “เื่ที่เ้าจะพาคุณหนูถางไปลาสึกนั้น ข้าจะจัดการให้เอง สถานที่ที่คุณหนูถางบวชเป็แม่ชีลัทธิเต๋านั้นมีนามว่า ‘เซียนกูกวน’ ระยะห่างจากเมืองหลวงนั้นไม่ไกลเลย หัวหน้าที่นั่นข้าก็รู้จักด้วย เอาอย่างนี้สิ พรุ่งนี้ข้าจัดการคนให้ไปรับเ้า ข้าเองก็จะได้ไป ‘เซียนกูกวน’ เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนาอีกด้วย”
ฉินหยีหนิงดีใจมากและมองไปยังฮูหยินติ้งกั๋วกง “ท่านยาย จะดีได้อย่างไรกัน ไกลมากถึงเพียงนั้นยังจะต้องรบกวนท่านอีก”
“กลัวอะไรกัน ข้าเองก็รู้สึกอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว อยากจะลาจากคนเยอะๆ ออกไปข้างนอกบ้าง อยากจะสงบๆ บ้าง เ้าไม่ต้องคิดมาก ถึงตอนนั้นเ้าไปกับข้า จะได้ไม่มีคนรังแกเ้าอย่างไรล่ะ” ฮูหยินติ้งกั๋วกงครุ่นคิดก่อนเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ข้าพาเ้าไปคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่เหลือข้าไม่พาไป”
ซุนซื่ออยู่ข้างๆ มีใบหน้าเก้อกระดากและเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ แม้แต่ข้าก็ไม่พาไปด้วยหรือ?”
“พาเ้าไปทำอะไร? มีเ้าอยู่ด้วยก็ทำให้ข้าต้องโมโหขึ้นมาอีก พรุ่งนี้ข้าจะพาหยีเจี่ยร์ของข้าออกไปผ่อนคลายข้างนอก”
ฉินหยีหนิงยิ้มบานและพยักหน้า นางอำลาฮูหยินติ้งกั๋วกงด้วยความรู้สึกมีความสุขและชื่นบาน จากนั้นก็ติดตามซุนซื่อนั่งรถม้ากลับจวนฉิน ในระหว่างทางก็ยิ้มแย้มหน้าบานอย่างไม่อาจระงับ