ถางเิมองดูเครื่องประดับเ่าั้และส่ายศีรษะด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“ข้าเป็ผู้หญิงที่โดดเดี่ยว ในอดีตเ้ากับข้าไม่รู้จักกันและเ้ามาเพื่อช่วยข้าอย่างจริงใจ ข้าไม่เพียงแต่ไม่สามารถให้อะไรเ้าได้แล้ว อีกทั้งยังต้องทำให้เ้าต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าอีก เ้าไม่โทษข้า...ข้าก็รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้ว เครื่องประดับเหล่านี้ถือว่าเป็ของขวัญของข้าที่มอบให้กับคุณหนูและนับเป็การขอบคุณจากข้า คุณหนูได้โปรดรับมันด้วยเถิดเ้าคะ”
“จะได้อย่างไรกัน นี่คือความปรารถนาของสตรีชนชั้นสูงเ่าั้ เป็เพราะพ่อของเ้าผูกมิตรคนเ่าั้ แน่นอนว่าข้าจะเอาไปไม่ได้ เราไม่ต้องไปสนใจเื่ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นเลย ในอนาคตเ้าเข้าจวนกับข้า ข้าอาจจะต้องให้เ้าลำบากก็ได้ ข้าแค่หวังว่าเราจะสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สำหรับของมีค่าของเ้า ข้าหมายความว่า ข้าจะไม่แตะต้องอะไรเลย”
ฉินหยีหนิงพูดพลางนำเครื่องประดับเ่าั้ใส่ไว้ในมือของถางเิ “เ้าฟังข้านะ เก็บของมีค่าให้เยอะๆ มักจะเป็ประโยชน์ไม่ใช่ข้อเสียอย่างแน่นอน”
ถางเิกับฉินหยีหนิงยื่นไปยื่นมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็จำต้องรับมัน
นางไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเองเหนียวแน่นถึงเพียงนั้น แต่ฉินหยีหนิงปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ ทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
หลังจากนำของเ่าั้ไปเก็บแล้ว ถางเิจึงคำนับให้ฉินหยีหนิง “ข้าตัวคนเดียว ด้วยความรักและความเมตตายิ่งของคุณหนู ข้าสามารถตอบแทนด้วยความภักดีต่อคุณหนูเท่านั้นเ้าค่ะ”
ฉินหยีหนิงยิ้มและประคองนางลุกขึ้น “ได้เจอกันก็เพราะมีวาสนาต่อกัน พวกเราสนับสนุนเกื้อกูลกันและกันและใช้ชีวิตให้ดี เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนะ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าจะเป็เ้านายกับบ่าว แต่ในใจนั้นมีอารมณ์ที่ซับซ้อนยิ่งนัก เพราะมันแฝงไว้ทั้งบุญคุณและมิตรภาพ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฉินหยีหนิงจึงสั่งให้รุ่ยหลานรักษาตัวให้ดีให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เรียกเสี่ยวซือของหัวหน้าจงให้เตรียมรถม้า “ข้าจะไปที่จวนติ้งกั๋วกง”
เสี่ยวซือตอบรับและเดินออกไปทันที
ถางเิเห็นว่าฉินหยีหนิงไม่มีคนดูแลรับใช้อยู่เคียงข้าง นางจึงอยากไปด้วย ฉินหยีหนิงยิ้มและเอ่ยขึ้น “สองวันนี้ข้าจะจัดการเื่ลาสึกให้เ้าเสียก่อน ถึงตอนนั้นเ้าติดตามข้าก็จะกลายเป็สิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาการาเ็ของรุ่ยหลานยัง้าการรักษาจากเ้านะ ถ้าเช่นนั้นก็อยู่รักษารุ่ยหลานก่อนเถิด”
ถึงแม้ว่าถางเิยังสวมชุดแม่ชีอยู่ แต่ในใจนั้นได้ยอมรับฉินหยีหนิงเป็เ้านายแล้ว นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“คุณหนูวางใจได้ ข้าเรียนศาสตร์การแพทย์จากท่านพ่อของข้ามาั้แ่เด็กๆ รักษาาแไม่ยากสำหรับข้าเ้าค่ะ” และนางได้จับมือของฉินหยีหนิงมาดู “รอยแผลเป็ของคุณหนูไม่น้อยเลย เมื่อก่อนนี้คุณหนูคงจะลำบากไม่น้อยใช่หรือไม่? สองวันนี้ข้าจะผสมยารักษารอยแผลเป็ออกมาให้คุณหนูทาหนึ่งกล่อง รับรองว่ามือของคุณหนูจะเป็เหมือนเดิม แม้แต่ผิวของคุณหนูข้าก็มีวิธีรักษานะเ้าคะ”
มีผู้หญิงที่ไหนที่ไม่ชอบความสวยความงามบ้าง? เห็นผิวมีน้ำมีนวลสวยเป็ประกายของคุณหนูในจวนแล้ว บางครั้งฉินหยีหนิงก็รู้สึกว่าผิวของตนเองนั้นกระด้างเกินไปแล้ว โดนแดดโดนลม มือมีรอยแผลเป็และรูหนอนยังไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ใบหน้าของนางก็มีความหยาบกระด้างกว่าคุณหนูคนอื่นๆ อยู่หลายส่วน เพียงแต่ว่าอาศัยความเป็สาว ก็เลยไม่ได้เห็นชัดมากเท่าใดนัก
ครั้นถางเิบอกว่ามีวิธี ฉินหยีหนิงย่อมดีใจและเอ่ยขึ้น “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็หวังจากเ้าแล้วล่ะ”
ถางเิตบหน้าอกอย่างมั่นใจ “วางใจเถิด เื่ศึกษาตัวยาใหม่ๆ ข้าชำนาญแล้ว”
ฉินหยีหนิงได้สั่งกำชับถางเิกับรุ่ยหลานอีกครั้ง จากนั้นก็ออกจากโรงเตี๊ยมท่าหยุน นั่งรถม้าไปจวนติ้งกั๋วกง
**
หลังทานอาหารกลางวันแล้ว เป็เวลาที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงจะฟังหัวหน้าเรือนหลายฝ่ายมารายงานและแลกเปลี่ยนเวรกัน
ในห้องอุ่นกำลังยุ่งอยู่กับการสนทนานั้น แม่นมเปาก็ได้เข้ามากระซิบกับฮูหยินติ้งกั๋วกงอย่างเงียบๆ และเอ่ยรายงาน “ฮูหยิน ฮูหยินน้อยมาที่นี่แล้วเ้าค่ะ”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงขมวดคิ้ว “ให้นางกินอิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถิด สร้างปัญหาในห้องยังไม่เพียงพออีกหรือ ที่นี่กำลังยุ่งอยู่ มีเวลามาสนใจนางเสียที่ไหนเล่า”
“ท่านแม่พูดอะไรกันเ้าคะ”
ซุนซื่อไม่รอให้แม่นมเปาออกมารายงาน นางเลิกผ้าม่านแล้วก็เข้ามา ไม่สนใจว่าหัวหน้าเ่าั้อยู่ด้วยหรือไม่ นางก้าวเดินเท้าฉับๆ เข้าใกล้ฮูหยินติ้งกั๋วกง
“ท่านแม่ ท่านว่าเหตุใดฉินเิยังไม่มารับข้าเ้าคะ”
หน้าผากของฮูหยินติ้งกั๋วกงยกสูงขึ้น นางโบกมืออย่างไม่มีทางเลือก
แม่นมเปาเข้าใจในทันที จึงพาหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ออกไป ให้แม่ลูกทั้งสองได้คุยเป็การส่วนตัว
ฮูหยินติ้งกั๋วกงถึงได้เอ่ย “ตอนนี้เ้ารีบร้อนแล้วหรือ มีที่ไหนให้เ้ากลับมาที่บ้านนี้เล่า? ข้าดูแล้ว ครั้งนี้เป็ความผิดของเ้า เ้าได้กระทำความผิดไป หรือว่ายังมีความหวังอยากจะให้คนอื่นมาก้มศีรษะอ่อนข้อให้กระนั้นหรือ? หากเ้าฉลาดพอก็รีบกลับไปเป็ฮูหยินไท่ซือโน่น อย่าทำให้ความรักของสามีภรรยาห่างไกลจนความรักต้องสูญสิ้นเลย ถึงตอนนั้นคนที่ร้องไห้ก็คือเ้านี่แหละ”
“ท่านแม่ ท่านเป็แม่แท้ๆ ของข้าหรือเปล่าเ้าคะ เหตุใดทุกๆ ครั้งที่ท่านแม่อยู่กับข้าแล้วก็ต้องตำหนิข้าอยู่เรื่อยเลย ว่าแต่ข้าที่ไม่ถูก เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ดูฉินเิบ้างว่าเขาได้ทำอะไรแล้วบ้าง”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกระอาใจ นางจับหน้าตัวเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนกล่าวประโยคต่อไปว่า “ฮั่นเจี่ยร์ เ้าก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว มีบางเหตุผลจะต้องให้ข้าพูดอีกหรือ? แม่สามีของเ้ากับสามีของเ้าก็ไม่ได้จะโจมตีเ้าเลย พวกเขาพูดถึงเื่ของหยีเจี่ยร์ เ้าก็ร้อนรนแล้ว เ้ายังเอาสถานะลูกสาวของติ้งกั๋วกงมากดขี่พวกเขาอีก? เ้าอย่าลืมสิ เ้าเป็สะใภ้ของตระกูลฉิน”
“หรือว่าสิ่งที่ข้าทำไปนั้นไม่ถูก? หยีเจี่ยร์ออกไปเจอผู้ชายข้างนอกด้วยตัวเอง ข้าสอนลูกสาว ฉินเิไม่เพียงแค่ผลักมือข้า แต่เกือบจะผลักไสข้า ข้ายังไม่พูดอะไรเลย แล้วยังตำหนิข้าอีก บอกว่ากฎระเบียบของข้าไม่ดี ลงโทษลูกสาวหนักเกินไป แล้วยังบอกอีกว่าข้าจะต้องเรียนกฎระเบียบใหม่”
ซุนซื่อเช็ดน้ำตา “ข้าทำผิดกับเขาตรงไหนกัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะหักหน้าข้าต่อหน้าคนเยอะๆ เช่นนั้น กฎระเบียบของข้าไม่ดีหรือว่าเทียบไม่ได้กับเด็กที่เพิ่งกลับจากป่าเชียวหรือ? เขายังบอกอยู่เลยว่าหยีเจี่ยร์กระทำความผิด ข้าลงโทษแทนเขา นึกไม่ถึงว่ายังมาตำหนิข้า”
เมื่อได้ฟังซุนซื่อบ่นพร่ำ พลอยให้ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกเหมือนหูมีแมลงบินเข้ามา อีกทั้งยังได้ยินเสียงร้องสะอึกสะอื้นของนาง ถ้าหากนางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง ฮูหยินติ้งกั๋วกงอยากจะเอานางไปทิ้งและปล่อยให้เป็ไปตามยถากรรมแล้ว
“ฮั่นเจี่ยร์ เ้าจะต้องรู้ว่า หยีเจี่ยร์ไม่ได้เป็เพียงลูกสาวของฉินเิเท่านั้น แต่ยังเป็ลูกสาวของเ้าอีกด้วย สามีของเ้ารักลูกสาวของพวกเ้าทั้งสอง หรือว่าเ้ายังไม่ดีใจอีกหรือ? มีแม่เช่นเ้าที่ไหนกัน ยังเปรียบเทียบตนเองกับลูกสาวอีก? ข้าว่าที่เ้าร้องไห้นะไม่ใช่น้ำตา แต่เป็น้ำในสมองมากกว่า สมองของเ้าไม่ใช่ว่าว่างเปล่าั้แ่ก่อนนี้แล้วหรือ”
“ท่านแม่ ท่านติเตียนข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกันเ้าคะ”
“หรือว่าที่ข้าพูดนั้นผิดไป? หลายวันมานี้ ข้าก็ได้ตรวจสอบเ้าแล้ว เป็เพราะสมองของเ้าไม่ดีเอง คนข้างๆ พูดอะไรเ้าก็ไม่ฟัง ได้แต่ร้องไห้โวยวาย ยังจะรอให้ฉินเิมารับเ้าด้วยรถม้าแปดคันอย่างเอิกเกริกอีก? ข้าจะบอกเ้าให้ ตอนนี้ฉินเิเป็ไท่ซือของราชสำนักแล้ว ถ้าเ้ายังไม่กลับไปอีกละก็ ระวังหยีเหนียง1จะขี่หัวเ้าขึ้นไปล่ะ”
“ข้า...”
“เ้าทั้งโง่เง่าและสะเพร่าอีก ยังไม่รู้จักคนดีพอ ฉินฮุ่ยหนิงชักจูงเ้า เ้าอายุสี่สิบแล้วยังถูกกับดักเลย ตอนนี้เ้ายังมีหน้ามาร้องไห้? ข้าว่าเ้าควรจะร้องไห้เพราะสมองของเ้าแล้ว โง่เขลาแทบไม่เหมือนลูกสาวของข้าเลย”
ซุนซื่อถูกตำหนิจนร้องไห้คร่ำครวญอีกหน
หว่างคิ้วของฮูหยินติ้งกั๋วกงกระตุกขึ้นปวดมาก จึงลุกขึ้นเพื่อจะออกไปข้างนอก
ในขณะนี้นี่เอง ข้างนอกได้มีเสียงย่ำเท้าสับสน แม่นมเปายิ้มร่าเริงอยู่ที่ระเบียงพร้อมเอ่ยขึ้น “ฮูหยิน ท่านรู้หรือไม่ว่าใครมา”
ผ้าม่านถูกเลิกขึ้น ฉินหยีหนิงยิ้มร่าเริงเข้ามา นางสวมเสื้อคลุมขนกระต่ายขาวและขนลิงอุรังอุตังสีแดงสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่ขาวผ่อง และความงดงามบนใบหน้าของนาง นางสวยงามประดุจดอกพลัมที่สวนหลังบ้านยามกำลังเริ่มผลิบาน
“ท่านยาย” ฉินหยีหนิงคำนับด้วยความจริงใจ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงดีใจและประคองนางให้ลุกขึ้น “หยีเจี่ยร์ของข้า อากาศหนาวเช่นนี้ เ้ามาได้อย่างไรกัน?”
ฉินหยีหนิงมองไปที่ซุนซื่อซึ่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็กะพริบตาให้กับฮูหยินติ้งกั๋วกง นางถอดเสื้อคลุมยื่นให้แม่นมเปา และคำนับให้กับซุนซื่อ
“ลูกสาวน้อมทักทายฮูหยิน”
ตอนนี้ซุนซื่อกำลังโกรธอยู่ เมื่อนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่เป็เพราะฉินหยีหนิงออกจากจวนด้วยตนเอง แน่นอนว่าเจอหน้ากันแล้วจะต้องไม่ชอบ นางเช็ดน้ำตา ก่อนสะบัดหน้าไปทางอื่น
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเห็นแล้วเป็ต้องนิ่วหน้า แต่นางกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
นางอยากจะรู้ว่าฉินหยีหนิงจะทำอย่างไร
ฉินหยีหนิงเห็นซุนซื่อร้องไห้จนตาแดงและมีท่าทีไม่สนใจนาง เท่านี้นางก็รู้ได้แล้วว่าเจ็ดแปดวันที่ผ่าน ซุนซื่อยังไม่เข้าใจเื่ราวอีก นางเพียงคุกเข่าหลังเหยียดตรง
“ฮูหยินอย่าโกรธเลย ทั้งหมดนี้เป็เพราะข้าผิดเอง”
ซุนซื่อเอ่ยอย่างเ็า “เ้ายังรู้ว่าเ้ามีความผิดหรือ? แล้วเหตุใดช่างกล้าออกไปเจอผู้ชายข้างนอกล่ะ อีกทั้งยังไปขอคนคืนที่จวนท่านอ๋องหนิงด้วยตัวเองเช่นนั้น เ้าช่างกล้านักนะ”
“ตอนนั้นก็เพราะว่ารีบร้อนอยากจะช่วยคน อยากจะพยายามให้มากที่สุดก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องหนิงจะคืนคุณหนูถางมาให้ข้าอย่างง่ายดาย แต่ว่าก็เพราะว่ามีเื่เช่นนี้เกิดขึ้น ท่านพ่อถึงได้ขึ้นแท่นเป็ไท่ซือ ก็ถือว่าในวิกฤติก็ยังมีโชคลาภอยู่ด้วยนะเ้าคะ” ฉินหยีหนิงก้มศีรษะพลางพูด
ซุนซื่อฟังแล้วก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ว่าแท้ที่จริงแล้วมันหมายความว่าอย่างไร
ฮูหยินติ้งกั๋วกงฟังแล้วก็พยักหน้า นางกำลังคิดว่าตนเองดูคนไม่ผิด นางเดินเข้าไปประคองฉินหยีหนิงให้ลุกขึ้น พูดบอกว่า “บนพื้นมันเย็นนะ นั่งคุยกันก็ได้ ท่านแม่ของเ้ากำลังโกรธอยู่ มีบางเื่ที่ยังคิดไม่ได้ เ้าพูดให้นาง เดี๋ยวนางก็รู้เอง”
“เ้าค่ะ” ฉินหยีหนิงซาบซึ้ง นางยิ้มให้กับฮูหยินติ้งกั๋วกง จากนั้นก็ได้เล่ากลยุทธ์ของท่านอ๋องหนิงและการเปลี่ยนแปลงรูปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์ของถางเินี้ เหตุผลที่ทำให้ตำแหน่งทางราชการของฉาวไท่ซือถูกถอดถอน และสาเหตุที่ฉินหวยหยวนได้ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งไท่ซือ...นางพูดให้ซุนซื่อฟัง
ซุนซื่อหยุดร้องไห้แล้ว อีกทั้งมองฉินหยีหนิงด้วยสีหน้าใและประหลาดใจมาก “คำพูดที่เ้าพูดนี้ ท่านพ่อของเ้าเป็คนสอนเ้าหรือ?”
“เป็ลูกที่คิดเองทั้งหมดเ้าค่ะ” ฉินหยีหนิงยิ้มด้วยความเขินอาย พร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าก็เดาสุ่มไปเรื่อย ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่ อีกทั้งข้าคิดว่า ถ้าท่านพ่อขึ้นแท่นเป็ไท่ซือเช่นนี้ จะต้องโดนกล่าวหาว่าเป็พรรคพวกเดียวกันกับท่านอ๋องหนิงในทันที”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงได้ฟังเช่นนั้น สายตาของนางเป็ประกายกะพริบ นางยิ้มและเอ่ยถาม “เหตุใดถึงพูดเช่นนี้ล่ะ?”
ฉินหยีหนิงอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอนว่าฮ่องเต้ไม่น่าจะชอบให้เหล่าขุนนางรวมกลุ่มเป็พรรคเป็พวก แต่เดิมท่านอ๋องหนิงก็คือหวู่หวางแหย่ ในด้านทหารก็มีอำนาจอยู่พอสมควร หากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไท่ซือคนใหม่ ฮ่องเต้จะวางใจได้อย่างไรเ้าคะ? ข้าคิดว่า ถึงท่านพ่อของข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ท่านอ๋องหนิงก็จะต้องถอดถอนท่านพ่อ มีเพียงแค่ทั้งสองไม่ใกล้ชิดกัน ถึงจะรักษาความสมดุลในราชสำนักได้”
“เด็กดี” ฮูหยินติ้งกั๋วกงดึงฉินหยีหนิงเข้ามากอด พร้อมตบหลังเบาๆ และเอ่ยขึ้น “ที่เ้าพูดนั้นถูกแล้ว วันนี้ท่านตาของเ้าก็ได้บอกข้าเื่การร่วมพรรคพวกกับท่านอ๋องหนิงแล้ว ที่แท้ข้าก็ดูเ้าไม่ผิดจริงๆ เ้าเป็เด็กที่เฉลียวฉลาด”
ซุนซื่อใ มองฉินหยีหนิงด้วยความตะลึงงันและประหลาดใจ
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจ
ฉินหยีหนิงคำนับให้ซุนซื่ออีกครั้ง พร้อมเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าอย่างไร ลูกออกไปเป็การส่วนตัวข้างนอกเป็สิ่งที่ผิด ฮูหยินจะสั่งสอนลูกอย่างไรก็ได้ วันนั้นท่านพ่อก็กำลังโกรธอยู่ ท่านมีอารมณ์อยู่ทำให้การพูดการจาไม่เหมาะสมอยู่บ้าง บัดนี้ท่านพ่อก็ได้ขึ้นแท่นเป็ไท่ซือแล้ว ในวันมะเื่ องค์ชายรัชทายาทจะมาเยือนที่จวน ตระกูลฉินจะต้องจัดงานรับศิษย์อีกด้วย ตอนนี้ท่านแม่เป็ภรรยาของไท่ซือแล้ว หากไม่อยู่ด้วย เกรงว่าท่านพ่อจะเสียหน้าเอาได้นะเ้าคะ ท่านกับท่านพ่อมีความรักลึกซึ้ง มีความเกลียดชังข้ามยามข้ามคืนที่ไหนกันเล่า ลูกมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อทำการชดใช้กับท่านและขอให้ท่านกลับบ้านนะเ้าคะ”
********************
1 หยีเหนียง (姨娘) ใช้เรียกสนมหรืออนุภรรยา