หากมีผู้อื่นอยู่ด้วยในเวลานี้ เกรงว่าจะต้องใจนหน้าถอดสีเป็แน่
เด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานทว่าไม่สงวนท่าทีเช่นนี้ นับว่าพบเห็นได้น้อยจริงๆ
ทว่าฮองเฮาดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างไรอย่างนั้น “เช่นนั้นเ้ารู้สึกเสียใจหรือไม่?”
ไป๋เซี่ยเหอมองฮองเฮาอย่างระแวดระวัง ท่าทีของนางดูปกติราวกับกำลังถามว่าเ้าจะกินข้าวเช้าไหมก็ไม่ปาน
“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”
ฮองเฮาหัวเราะแ่เบา “เพียงไม่กล้า แต่ไม่ได้รู้สึกเสียใจใช่หรือไม่?”
ไป๋เซี่ยเหอเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
โชคดีที่มีผู้นำยามาส่งหน้าประตู ไป๋เซี่ยเหอจึงออกไปรับด้วยตนเอง
เมื่อรับมาแล้วก็อาศัยตอนที่กำลังหันหลังให้ฮองเฮาเพื่อปิดประตู ใช้ปิ่นปักผมในแขนเสื้อแทงเข้าไปที่นิ้ว จากนั้นก็หยดเืลงไปในยา
ผู้มีบุตรยากต้องอาศัยการบำรุงเป็หลัก หากทำให้ฮองเฮาหายดีทันทีที่ดื่มยาชามนี้เข้าไป ไป๋เซี่ยเหอจะกลายเป็เป้าให้ชาวบ้านโจมตี
หลังจากให้ฮองเฮาดื่มยาแล้ว ทั้งสองก็พูดคุยสัพเพเหระกันสองสามประโยค จากนั้นไป๋เซี่ยเหอก็จากไป
ยังไม่ทันพ้นประตูวัง แม่นางน้อยผู้หนึ่งก็รุดเข้ามาหา
นางวิ่งเหยาะๆ มาตรงหน้าของไป๋เซี่ยเหอ ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าโกรธเคือง “ไป๋เซี่ยเหอ นึกไม่ถึงว่าเ้าจะหลอกใช้ข้า!”
ไป๋เซี่ยเหอจ้องมองฮั่วอวิ๋นเยียนที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาการปวดศีรษะเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าจะได้พบอีกฝ่ายรวดเร็วปานนี้
“ขออภัยเพคะ”
ถึงแม้อุปนิสัยของฮั่วอวิ๋นเยียนจะเอาแต่ใจและน่าชิงชังไปสักหน่อย ทว่าตนเองก็หลอกใช้นางจริงๆ
ฮั่วอวิ๋นเยียนคิดไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยเหอจะเอ่ยปากขอโทษตนเองอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ โทสะที่กำลังจะพรั่งพรูออกมาจึงติดอยู่ในอก
นางสะบัดมือหลังจากผ่านไปนาน “ช่างเถิดๆ ข้าให้อภัยเ้าแล้ว”
สีหน้าของไป๋เซี่ยเหอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นุ่มนวล สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เกินเยียวยา เพียงมีอุปนิสัยโผงผางไปบ้างก็เท่านั้น ทั้งยังถูกคนหลอกใช้ ทว่ากมลสันดานกลับไม่ได้เลวร้าย
หากฮั่วอวิ๋นเยียนไม่เอ่ยปาก ไป๋เซี่ยเหอก็ไม่อาจจากไป ทั้งสองคนจึงยืนเผชิญหน้ากัน
เดิมทีฮั่วอวิ๋นเยียนก็เป็คนที่เก็บงำคำพูดไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ นางก็โพล่งปากถามออกมา “เื่ในวันนั้น...คนนั้นที่อยู่ในห้องของเ้าน่ะ คงพุ่งเป้ามาที่เ้ากระมัง”
ไป๋เซี่ยเหอนึกไม่ถึงว่านางจะถามเื่นี้ ดูเหมือนเด็กสาวที่เติบโตในรั้วในวังั้แ่เล็กเช่นนางจะไม่ใช่คนโง่งม
“ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”
ไป๋เซี่ยเหอไม่โต้แย้งและไม่ยอมรับเช่นเดียวกัน เื่ที่ประจักษ์ชัดเช่นนี้จะมีอะไรให้โต้แย้งได้
หากไป๋เซี่ยเหอยอมรับ ไม่แน่ว่าคนที่มีนิสัยอารมณ์ร้อนอย่างฮั่วอวิ๋นเยียนอาจคิดว่านางให้ร้ายไป๋หว่านหนิงก็เป็ได้
จึงได้แต่ปล่อยให้นางคาดเดาไปเอง
ฮั่วอวิ๋นเยียนเติบโตในวังั้แ่เล็ก นางจึงได้เห็นได้ยินมาไม่น้อย เพียงแต่นางรู้สึกเหงาเกินไป จึงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างตนเองกับไป๋หว่านหนิงเป็อย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อถึงวันที่นางเต็มใจจะขจัดเมฆหมอกเพื่อเปิดทางสู่เบื้องหน้า นางก็จะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่าใคร
“ช่างเถอะ เ้าไปเสียเถิด”
ฮั่วอวิ๋นเยียนโบกมืออย่างหงุดหงิดแล้วจากไป เพียงแต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินนั้น ไม่ได้กระฉับกระเฉงเหมือนยามที่มา
เมื่อไป๋เซี่ยเหอกลับถึงจวนก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว
“เหตุใดเ้าถึงไม่รู้จักกินเสียก่อนเล่า!”
ฝูเอ๋อร์ได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “บ่าวรอทานด้วยกันกับคุณหนูเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย กฎเกณฑ์ที่หลอมละลายเข้าไปในกระดูก หากคิดจะแก้ไขคงทำไม่ได้เพียงชั่วข้ามคืน
“รีบเตรียมกินข้าวเถิด”
ฝูเอ๋อร์จัดวางชามและตะเกียบอย่างคล่องแคล่วและเรียบร้อย พลางลูบท้องที่ส่งเสียงประท้วงป้อยๆ และเตรียมที่จะใช้ตะเกียบคีบอาหาร
“รอเดี๋ยว!”
การกระทำของฝูเอ๋อร์หยุดชะงักทันที นางหันไปมองใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอที่ดูจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณหนู ทำไมหรือเ้าคะ?”
“ในอาหารมีพิษ”
“เป็ไปได้อย่างไรเ้าคะ!”
ฝูเอ๋อร์มีสีหน้าตื่นตระหนก ทว่านางเชื่อคำพูดของไป๋เซี่ยเหออย่างไม่มีเงื่อนไข จึงรีบวางตะเกียบในมือไว้ด้านข้าง
“คุณหนู ท่านรู้ได้อย่างไรเ้าคะ?”
แม้ว่าอดีตชาติของไป๋เซี่ยเหอจะเป็ทหารรับจ้างที่รบราฆ่าฟันกับผู้คนแบบซึ่งๆหน้า ทว่าเื่ร้ายกาจที่ทำกับผู้อื่นลับหลังก็มีไม่ขาดเช่นเดียวกัน
นางจึงค่อนข้างไวต่อพิษ
แม้ว่านางจะเข้าใจเื่พิษเพียงเล็กน้อยในอดีตชาติ ทว่าหากถูกพิษโดยไม่ระวัง ก็ทำได้เพียงรอความช่วยเหลือเท่านั้น
ทว่าชาตินี้ นางมีอีกทักษะที่เพิ่มขึ้นมาจากอดีตชาติ นั่นคือ การแก้พิษ
เพียงแต่ย่อมไม่อาจบอกเื่นี้กับฝูเอ๋อร์
“หนังสือที่ข้าอ่านเมื่อวานคือสมุดบันทึกที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้”
สมุดบันทึกเล่มนั้นได้พูดถึงวิธีแก้พิษอยู่เล็กน้อยจริงๆ ทว่าไม่มีวิธีแก้พิษในอาหารที่อยู่ตรงหน้า
เพียงแต่มันก็ไม่ได้เป็อุปสรรคสำหรับไป๋เซี่ยเหอที่จะหยิบยกขึ้นมาเป็ข้ออ้างในเวลานี้
“เช่นนั้นก็ดียิ่งนักเ้าค่ะ!”
ฝูเอ๋อร์รู้สึกดีใจกับไป๋เซี่ยเหอจากใจจริง “แล้วเราจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
“ข้าวไม่มีพิษ เ้ากินไปก่อน ส่วนอาหาร...”
มีพิษเฉียบพลัน ถึงตายได้ทันที!
หากมีคนตายในจวน บิดาสารเลวที่ตอนนี้เฝ้าอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปีของนางคงจะกลับมาที่จวนกระมัง
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม
“ถูกพิษเข้าแล้ว!”
“ช่วยด้วย มีคนถูกพิษ!”
เกิดความอลหม่านขึ้นในเรือนสุ่ยฉิงทันที
วันนี้ไป๋เหล่าฮูหยินบังเอิญกักตนสวดภาวนาพอดี ผู้ใดก็ไม่กล้ารบกวน ส่วนอี๋เหนียงรองที่แต่เดิมเป็คนตัดสินใจ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างถูกกักบริเวณเช่นเดียวกัน
ความวุ่นวายเกิดขึ้นสักพักแล้ว เหล่าสาวใช้ต่างไม่รู้ว่าเื่ใหญ่โตปานนี้ควรแจ้งใครดี
“เอะอะโวยวายอะไรกัน!”
ไป๋หว่านหนิงถาม วันนี้นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเล ช่วยขับรูปร่างอันวิจิตรงดงามของนางให้ดูเด่นชัดขึ้น
“คุณหนูรอง แย่แล้วเ้าค่ะ เรือนสุ่ยฉิงเกิดเื่แล้ว ได้ยินว่ามีคนถูกพิษเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋หว่านหนิงก็นึกถึงแผนสำรองที่มารดาพูดถึงทันที ดูเหมือนจะสำเร็จแล้วกระมัง
ไป๋หว่านหนิงพยายามระงับความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ สีหน้าของนางดูประหลาดใจอย่างยิ่ง “ถูกพิษได้อย่างไรกัน? แต่จะทำอย่างไรได้ ท่านแม่ยังอยู่ระหว่างการถูกกักบริเวณ ส่วนท่านย่าก็ห้ามไม่ให้ใครไปรบกวนการสวดภาวนามาแต่ไหนแต่ไร”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
สาวใช้ตัวน้อยจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ถึงอย่างไรไป๋เซี่ยเหอก็เป็คุณหนูของจวน หากเกิดเื่ขึ้นมาจริงๆ เหล่าคนรับใช้อย่างพวกนางต่างสมควรตายทั้งหมด
“ท่านย่าไม่อยู่ ไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะเชิญหมอหลวงมา” เนื่องจากเคร่งเครียดเกินไป ใบหน้าเล็กของไป๋หว่านหนิงจึงซีดเผือดด้วยความใ
“ยังไม่ไปพาหมอมาอีก” ซู่เนี่ยนเดินเข้ามาทำความเคารพไป๋หว่านหนิงจากข้างนอก
นางส่งสายตาให้ไป๋หว่านหนิง ฝ่ายหลังจึงเข้าใจความหมายทันที “รีบไปพาหมอมา ยิ่งเร็วยิ่งดี”
นอกจากชุ่ยเหลียนแล้ว ซู่เนี่ยนติดตามอยู่ข้างกายของลู่เป๋าเหยามานานที่สุด ถือเป็หนึ่งในคนสนิทของนาง
“คุณหนูรองเ้าคะ อี๋เหนียงได้ยินข่าวแล้ว จึงให้ข้ามาบอกท่านว่าไม่ต้องร้อนใจ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น นางจัดแจงไว้เรียบร้อยหมดแล้วเ้าค่ะ”
หลังซู่เนี่ยนกระซิบอะไรบางอย่างเสร็จก็จากไปทันที เนื่องจากนางออกมาเพราะอ้างว่าจะไปหยิบของ จึงไม่อาจรั้งรอได้นาน
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ซิ่วเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเซียว น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย รูม่านตาหดลงเพราะความหวาดกลัวอย่างรุนแรง “คุณหนูรองเ้าคะ หมอบอกว่า...”
“นางตายแล้วใช่หรือไม่!”
แม้ว่าไป๋หว่านหนิงจะวางตัวเป็ดอกบัวขาวตลอดเวลาเมื่ออยู่ภายนอก ทว่ายามที่อยู่ในจวน นางก็คร้านที่จะเสแสร้ง
กอปรกับไม่มีใครกล้านินทานางและลู่เป๋าเหยา
ซิ่วเอ๋อร์ดูเหมือนจะเคยชินกับความบ้าคลั่งของไป๋หว่านหนิงไปเสียแล้ว นางถูกอีกฝ่ายบีบไหล่และเขย่าตัวอย่างแรงจนพูดไม่ออก จึงได้แต่พยักหน้า
เนื่องจากไป๋หว่านหนิงออกแรงจนตัวสั่น รอยยิ้มบนใบหน้าจึงดูเ็าและบิดเบี้ยว
“จบสิ้นแล้ว ไป๋เซี่ยเหอ สุดท้ายแล้วเ้าก็สู้ข้าไม่ได้ เ้าแพ้แล้ว เ้าแพ้เสียแล้ว!”
“เ้าแพ้แล้ว! ฮ่าๆๆๆๆ”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้