“แต่ต้องจำเอาไว้ว่าต่อจากนี้ไปเ้าจะต้องปกป้องดูแลตัวเองให้ดีห้ามทำอะไรโง่ๆ เช่นนี้อีก เข้าใจแล้วหรือไม่?”
โชคดีที่ตำหนักแห่งนี้มียาดีดังนั้นาแของเสี่ยวอวี้จึงไม่น่ากลัวดังเดิมแล้ว
แต่ว่าความเ็ปในครั้งนี้จะยังคงติดตรึงในใจของหลินเมิ้งหยา
“พี่สาวอยู่ดูแลข้าที่นี่ได้หรือไม่?” เสี่ยวอวี้นอนบนตักของหลินเมิ้งหยาเสียงของเขาเบาเสียจนแทบจะไม่ได้ยิน
ทว่าเสียงอ้อนวอนร้องขอนั้นกลับทำให้หลินเมิ้งหยาไม่อาจปฏิเสธเขาได้
“ได้สิ พี่สาวจะอยู่ดูแลเ้าที่นี่ นอนเถอะ”
เหตุเพราะได้รับคำสัญญาจากหลินเมิ้งหยาแล้วในที่สุดเสี่ยวอวี้ก็ไม่อาจขัดขืนเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งได้อีกต่อไปไม่นานเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
หลินเมิ้งหยาพิงกายข้างเตียงก่อนจะจ้องมองใบหน้ายามหลับของเสี่ยวอวี้
หลงเทียนอวี้จะต้องรู้เื่นี้แล้วอย่างแน่นอนทว่าจนกระทั่งตอนนี้นางกลับยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
แต่ถึงอย่างนั้นหลินเมิ้งหยากลับรู้ดีว่า หลงเทียนอวี้ไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเป็แน่
ผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีเสียยิ่งกว่าชีวิตเขาไม่มีทางยอมปล่อยให้มีใครเข้ามายั่วยุตนเองได้อย่างง่ายดาย
ตัวนางเองเป็เพียงหญิงสาวที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมิมีอำนาจอันใด ดังนั้นการแก้แค้นจึงเป็เพียงฝันเท่านั้น
ดังนั้นนางต้องทำใจดีสู้เสือมีเพียงการหยิบยืมกำลังของหลงเทียนอวี้เท่านั้นนางจึงจะสามารถส่งคนที่เข้ามาทำร้ายคนของนางลงนรกไปได้!
“เ้าจะจัดการพวกคนที่ก่อเื่บนถนนในวันนี้อย่างไร?” เสียงน่าเกรงขามดังขึ้นมุมปากของหลินเมิ้งหยาหยักยิ้ม...เขามาแล้ว
“หม่อมฉันเป็เพียงหญิงสาวธรรมดาจะจัดการได้อย่างไรเพคะ ท่านอ๋องว่าอย่างไรหม่อมฉันก็ว่าตามกัน” โยนปัญหากลับไปหาหลงเทียนอวี้อย่างแเีหลินเมิ้งหยาแสดงท่าทางประหนึ่งไม่ติดใจอะไรในเื่นี้ทั้งหมดล้วนรอฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
ไม่ได้ตอบคำถามของหลินเมิ้งหยา ร่างของหลงเทียนอวี้ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
ภายในห้องนั้นมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากเปลวเทียนบนโต๊ะเท่านั้นที่พอจะส่องสว่างให้เห็นสภาพภายในห้องได้
หลินเมิ้งหยานั่งพิงหัวเตียงมองไม่เห็นสีหน้าของนางแต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงจะทนความเ็ปไม่ไหวและส่งเสียงโอดโอยออกมาเนืองๆ
เขาหลุบตาต่ำเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าสองพี่น้องช่างน่าสงสารมากถึงเพียงนี้?
“พรุ่งนี้จะมีองครักษ์แปดคนส่งเ้าไปที่หยาหาง”เขาอยากรู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะมีราคาพอที่เขาจะปกป้องหรือไม่
“เพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง” หลินเมิ้งหยาเป็คนฉลาดนี่เป็แผนการล่อเสือออกจากถ้ำของหลงเทียนอวี้ ส่วนนางเป็ตัวล่อศัตรู
“หากเ้าสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้เปิ่นหวังจะปกป้องเ้าให้พบแต่ความสงบสุข” แม้จะไม่สามารถเป็พระชายาของเขาได้แต่อย่างน้อยเป็เบี้ยในกระดานให้เขาได้ก็ยังดี
“เพคะ” หากนางมีค่ามากพอที่จะใช้ประโยชน์นั่นหมายความว่านางจะมีคนคุ้มครองชีวิตของตนเอง ถ้านางทำได้แล้วละก็ หลงเทียนอวี้ผู้หยิ่งทะนงจะต้องรักษาสัญญา!
เสียงฝีเท้าดังไกลออกไปสายตาของหลินเมิ้งหยากวาดมองไปที่หน้าประตู
เงาของหลงเทียนอวี้หายไปแล้วดวงตาเผยให้เห็นร่องรอยของความเ็าพรุ่งนี้จะต้องเจอเข้ากับเื่อันตรายใหญ่หลวง บางที...อาจจะไม่ได้อะไรเลยแต่นางไม่มีทางเลือกอื่นใด
หลินเมิ้งหยากล่อมเสี่ยวอวี้นอนจนหลับสนิท นางจึงกลับไปยังห้องของตนเอง
ป๋ายจื่อถูกเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันทำให้หวาดผวาเมื่อเห็นคุณหนูกลับมาแล้ว นางจึงรีบพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา
“คุณหนู ข้ากลัวเหลือเกิน ฮือ ฮือ...”ในหัวใจของป๋ายจื่อ ความน่ากลัวยังคงไม่จางหายไป
แม้ตอนที่อยู่ในจวนสกุลหลินจะเคยพบเจอกับเล่ห์กลมากมายแต่ถึงอย่างนั้นป๋ายจื่อก็ไม่เคยใส่ใจ เมื่อลองเทียบกันแล้ว ซ่างกวนฉิงและลูกสาวยังโหดร้ายไม่เท่ากับคนพาลที่พบเจอในวันนี้
“นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอ” ไร้ซึ่งคำปลอบโยนน้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาในเวลานี้ทำให้หัวใจของป๋ายจื่อสั่นสะท้าน
“เ้าต้องจดจำวันนี้เอาไว้นับั้แ่วันที่ข้าพาเ้ามายังที่นี่ เ้าจะไม่ใช่ป๋ายจื่อคนเดิมอีกต่อไปแล้วเ้าไม่จำเป็ต้องเก่งกาจเหมือนอย่างใคร ไม่จำเป็ต้องล่วงรู้เล่ห์เพทุบายต่างๆแต่เ้าจะต้องไม่หวาดกลัว”
ดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาจับจ้องมองทางหลินเมิ้งหยาเหตุใดคุณหนูของนางจึงดูเหมือนคนที่นางไม่รู้จักเช่นนี้?
“คุณหนู ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหนูกำลังพูดเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือเ้าคะ?” แม้จะโง่แต่ถึงอย่างนั้นป๋ายจื่อก็ยังเข้าใจความหมายของหลินเมิ้งหยา
“ใช่ วันนี้มีคนจงใจทำเช่นนั้นพวกเราไม่เคยทำร้ายใคร แต่กลับมีคนเข้ามาทำร้ายเราดังนั้นนับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป สิ่งที่พวกเราต้องทำคือการขุดคนเ่าั้ขึ้นมาจากนั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถทำร้ายพวกเราได้อีก เข้าใจหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาไม่เคยคิดทำร้ายใครมาก่อน
แต่เพราะแผนการเ้าเล่ห์กลับพุ่งเข้าหานางนับั้แ่วันที่นางก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักแห่งนี้แล้ว
แต่ใครกันนะที่กำลังคิดว่าจะกลั่นแกล้งนางได้ง่ายๆแล้วยังคิดอีกว่านางจะเป็เพียงคนอ่อนแอและปล่อยให้ใครก็ได้เข้ามาทำร้าย?
ถ้าเช่นนั้นก็มาลองดูกันว่าตกลงแล้วใครจะชนะหรือแพ้!
ตำหนักอวี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเื่อาการาเ็ของเสี่ยวอวี้มิได้ส่งผลใดๆ ต่อความสัมพันธ์ของหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
แม้แต่เื่ที่รถม้าถูกทำลายก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ราวกับว่าเื่เมื่อวานเป็เพียงอุบัติเหตุเท่านั้น
เช้าวันต่อมา หลินเมิ้งหยาอาบน้ำทำผมเสร็จเรียบร้อยจากนั้นพาน้าจิ่นเยว่และพ่อบ้านเติ้งออกจากตำหนัก
วันนี้แตกต่างจากเมื่อวานพวกเขานั่งกันด้วยท่าทางสงบนิ่งในรถม้าของตำหนักท่านอ๋ององครักษ์ที่อยู่ด้านข้างรถม้ามีมากกว่าเดิม ราวกับว่าพวกเขาถูกเื่เมื่อวานทำให้หวาดกลัวจริงๆ
ภายในรถม้า หลินเมิ้งหยาไม่มีกะจิตกะใจอ่านหนังสือแนวสายตาของนางพุ่งไปยังคนที่เดินขวักไขว่อยู่ทางด้านนอก
จิ่นเยว่ชงชาให้นางใหม่อีกครั้งก่อนจะวางไว้บนที่วางของเล็กๆ
“น้าจิ่นเยว่ไม่กลัวหรือ?”อันที่จริงนางคิดอยากพามาเพียงพ่อบ้านเติ้งคนเดียว ทว่าเมื่อถึงหน้าประตูน้าจิ่นเยว่กลับรั้งนางเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะร้องขอตามมาด้วย
“กลัวแน่นอนสิเพคะ”น้าจิ่นเยว่วางกาชาในมือลงอีกฝั่ง สายตาอ่อนโยนแต่แน่วแน่จ้องมองทางหลินเมิ้งหยา“แต่ถ้าพระชายาไม่พาบ่าวหญิงมาเลยสักคนจะเป็ที่ผิดสังเกตเอาได้”
ดูเหมือนว่าดวงตาคู่นั้นจะมองความคิดของตนเองออกหมดแล้วหรือนางเองก็รู้ถึงแผนการของหลงเทียนอวี้?
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ที่แท้คนในตำหนักนี้ก็ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาเลยสินะ
“ขอให้น้าจิ่นเยว่ระมัดระวังตัวให้ดีก็พอ”คำพูดเอ่ยถึงตรงนี้แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็ไม่อาจคาดเดาอะไรจากเื่ที่จะเกิดในวันนี้ได้
“นายหญิง อีกไม่นานก็จะถึงหยาหางแล้วขอรับ”ด้านนอก พ่อบ้านเติ้งเดินทางมาพร้อมกับองครักษ์ หลินเมิ้งหยาไม่อยากเปิดเผยตัวตนดังนั้นจึงสั่งให้เรียกนางว่านายหญิง
บริเวณด้านข้างของหยาหางคือศาลาว่าการฝูจิ่น
เหตุเพราะเมืองหลวงมีหยาหางเพียงแห่งเดียวอีกทั้งยังดูน่าสนใจ คนเข้าๆ ออกๆ เป็จำนวนมากพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศล้วนมายังที่แห่งนี้
คนคุมบังเหียนยกเก้าอี้เล็กมาวางองครักษ์ทั้งแปดเข้าคุ้มครองอย่างเข้มงวด
จิ่นเยว่ลงจากรถม้าไม่นานหลินเมิ้งหยาผู้งดงามก็เดินเข้าไปในหยาหาง
“ไม่รู้ว่าจะมีแขกอันทรงเกียรติมาเยือนดังนั้นจึงมิได้ทำการต้อนรับ ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาชายร่างท้วมคนหนึ่งรีบปรี่เข้ามาต้อนรับขับสู้
“เถ้าแก่ นายหญิงของข้าไม่ชอบทำอะไรเอิกเกริก”พ่อบ้านเติ้งเข้ามาขวางหน้าเถ้าแก่ร้านเอาไว้ ทว่าเถ้าแก่ร้านเป็คนฉลาดเมื่อมองเห็นคนคุ้มกันและผู้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองเกรงว่าคนผู้นั้นจะต้องมีฐานะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ เชิญทางนี้”นำทางคนกลุ่มนั้นเข้าไปยังห้องโถง ก่อนจะพาเข้าไปยังห้องชั้นใน
เมื่อเปรียบเทียบสถานที่มีคนพลุกพล่านทางด้านหน้าภายในกลับสงบเงียบ อีกทั้งห้องหับยังหรูหรากว่าด้านนอกมากถึงสิบเท่า
“ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ท่านนี้มีนามว่ากระไร”เสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน อีกทั้งยังเด็กมากเสียจนเถ้าแก่ร้านหยาหางประหลาดใจ
เมื่อหันกลับไปมองผู้ที่ถูกคุ้มครองอยู่อีกครั้งนางเป็หญิงสาวอายุสิบกว่าปีที่มีใบหน้างดงามมาก ความประหลาดใจจึงเพิ่มมากขึ้น
ตกลงว่านางเป็คุณหนูจากสกุลใดกัน? เหตุใดจึงมีสง่าราศีเช่นนี้
“ปี่ สกุลถงขอรับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าผู้สูงศักดิ์มาที่นี่เพราะมีเื่อันใดให้ช่วยหรือขอรับ?” เขาสั่งให้ลูกน้องเสิร์ฟชาปี่หลัวฉุนความคิดอ่านของเถ้าแก่ถงในเวลานี้แสดงออกถึงความเคารพนับถือ
รถม้าด้านนอกเป็ของท่านอ๋องอวี้ ถ้าเช่นนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคงเป็...
ขณะเดียวกัน เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากไม่ว่าใครต่างก็ไม่อาจต่อกรกับท่านอ๋องอวี้ได้เช่นนั้นเขาคงต้องรับใช้แขกตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง
“ตำหนักของข้า้าสาวรับใช้สองสามคน หากท่านมีคนแนะนำจงเรียกออกมาให้ข้าได้ดูหน่อยจะเป็ไร?”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อยระหว่างทางไม่พบความผิดปกติอันใดแม้แต่น้อย หรือคนเ่าั้จะแหวกหญ้าให้งูตื่นดังนั้นจึงไม่ลงมือทำอะไรอย่างนั้นหรือ?
“ไม่มีปัญหาขอรับ ข้าน้อยจะไปตามหยาผอประเดี๋ยวนี้รบกวนท่านลูกค้ารอสักครู่”
เมื่อได้ยินว่าเป็การซื้อขายครั้งใหญ่ริมฝีปากของเถ้าแก่ถงฉีกกว้าง ก่อนจะรีบรุดออกไปตระเตรียม
หลินเมิ้งหยาสั่งให้องครักษ์ทั้งหมดออกไปยืนด้านนอกหากมิได้รับคำสั่งจากนางห้ามเข้ามาโดยเด็ดขาด ดังนั้นภายในห้องจึงเหลือเพียงนางน้าจิ่นเยว่และพ่อบ้านเติ้ง
ไม่นานหยาผอที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างดีก็พาสาวใช้สิบกว่าคนเข้ามา
“ถวายคำนับท่านลูกค้าคนเหล่านี้ล้วนเป็สาวใช้ที่ดีที่สุด ลูกค้าได้โปรดวางใจคนเหล่านี้รู้งานบ้านงานเรือน เรี่ยวแรงแข็งขัน เหมาะที่จะพาไปรับใช้เพคะ”
คนที่จะเป็หยาผอได้ล้วนเป็คนมีฉลาดเฉลียว
เพียงพริบตาเดียวก็รู้ถึงฐานะของอีกฝ่ายได้ในทันทีดังนั้นจึงเปรียบเสมือนการกินยาถูกโรค
หลินเมิ้งหยาเหลือบมอง แม้หน้าตาของคนเ่าั้จะไม่น่ามองนักแต่กลับมีความฉลาดเฉลียวไม่น้อย
“นายหญิงสั่งว่าให้พวกเ้าเข้าไปทีละคนหากยังไม่ถูกขานชื่อ จงรออยู่ด้านนอก” จิ่นเยว่ยืนอยู่หน้าประตูสายตาเคร่งขรึมจับจ้องไปทางคนเ่าั้
ทุกคนรีบพยักหน้าลง
“นายหญิง เริ่มได้หรือยังเ้าคะ”จิ่นเยว่ปิดประตูหน้าลง มีเพียงหยาผอที่เดินเข้าๆ ออกๆ ขานชื่อ
“สาวใช้โจว เข้ามา ถึงตาเ้าแล้ว!”หลังจากดูคนอย่างต่อเนื่องไม่น้อย หลินเมิ้งหยาทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าส่วนด้านอื่นมีจิ่นเยว่และพ่อบ้านเติ้งคอยพิจารณา
หลินเมิ้งหยานั่งจิบชาอยู่บนตั่ง
คนเหล่านี้ล้วนใช้ได้มีมากถึงสามสี่คนที่หากได้รับการสั่งสอนแล้วจะสามารถเข้ามาเป็ผู้ช่วยของนางได้ นางคิ้วเลิกขึ้นก่อนสายตาจะตกลงบนร่างของสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามา
แม้จะคุกเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้นทว่าหัวใจของนางกลับเต้นระรัวอย่างแปลกประหลาด
“เ้าเป็คนที่ไหน?” จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็เอ่ยถามทุกคนในห้องต่างพากันมองสาวใช้ที่กำลังคุกเข่าตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
เสื้อผ้าธรรมดา ร่างอวบเล็กน้อย ใบหน้าหย่อนคล้อยทว่าสีหน้ากลับแข็งทื่อ
เหมือนสาวรับใช้ธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
“ขออนุญาตตอบนายหญิง บ้านของข้าน้อยอยู่นอกเมืองข้าน้อยชื่อถังหวังสื่อแห่งสกุลถังเ้าค่ะ”