“คุณชายของพวกเราหล่อใช่ไหมล่ะ”
“อืม...” ฉันตอบออกไปตามที่คิด
“เพราะงั้นก็เลยมีผู้หญิงตกลงมาประจำ”
ฉันยืนอึ้ง หมุนตัวกลับไปเห็นคุณลุงคนขับรถส่งยิ้มแปลกๆ มาให้แต่รอยยิ้มนั้นทำไมถึงได้ดูคล้ายกับใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกแบบนั้นนะ “แต่ฉันไม่ใช่นะ”
“ฉันพอจะมองออกแล้วว่าเธอดูเหมือนคนธรรมดา” คุณลุงหันใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มมองมาที่ฉันแต่ภายในแววตาที่ยิ้มแย้มของเขากลับเห็นได้ชัดถึงความเรียบนิ่ง
“อะไรคือเหมือนก็ฉันเป็คนธรรมดานี่” ในขณะที่ฉันกำลังจะอธิบายทันใดนั้นก็มีงูหลามตัวใหญ่สีขาวบินอยู่้าลมพัดมาหอบใหญ่จนเส้นผมฉันปลิวไสวขึ้นมา งูใหญ่สีขาวตัวนั้นค่อยๆ หยุดลงข้างๆ ฉันที่กำลังมองอยู่ด้วยความตื่นใบนลำตัวของมันคือร่างในชุดสีดำของซืออีนั่วที่กำลังขี่อยู่บนหลังของมันเพียงแต่ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีขาวราวกับหิมะจึงเผยออกมาให้เห็นเพียงดวงตาสีอำพันที่ดูขลาดกลัวคู่นั้นเพียงเล็กน้อย
“ระ รุ่นพี่เซวียนหยวนขะ ขอโทษครับ” พูดจบเขาก็รีบโบกมือให้ฉันราวกับหวาดกลัวเ้าชายผู้เ็าที่นั่งอยู่ข้างหลังฉันคนนั้น “พี่เสี่ยวหลัน รีบไปกันเถอะ ถ้ารุ่นพี่เซวียนหยวนไม่พอใจเดี๋ยวพี่จะถูกไล่ออกนะ”
“อะไรนะฉันเพิ่งมาวันแรกเองนะ” ให้ตายเถอะฉันจะโดนไล่ออกั้แ่วันแรกที่มาเรียนไม่ได้นะแบบนั้นมันน่าขายหน้าเกินไป
“ชู่ววววว” เหมือนซืออีนั่วจะรู้ดีว่าคนข้างหลังฉันอยู่ในอารมณ์แบบไหนจึงรีบห้ามฉันไว้และฉันก็หุบปากตัวเองลงทันทีในเมื่อที่นี่เป็มหาลัยเทพและปีศาจซึ่งมีความเป็ไปได้ว่าพวกเขาเหล่านี้อาจจะเป็ลูกหลานของเทพเ้าก็ได้
เทพเ้าแต่ละองค์บนโลกมนุษย์เราปกติก็ห้ามลบหลู่อยู่แล้วเพราะงั้นเทพเ้าที่นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยแม้แต่เทพตัวเล็กๆ ก็สามารถเสกฉันให้กลายเป็มดเป็แมลงได้อย่างสบายเลยจากนั้นฉันคงเป็ได้แค่พนักงานขนของตัวเล็กๆ เท่านั้น
ฉันรีบลุกขึ้น ไต่ออกมาจากรถซืออีนั่วยื่นมาออกมาจับมือฉันให้ฉันขึ้นมานั่งอยู่ข้างหลังเขาเขารีบหันหน้ากลับมาเหมือนกับ้าที่ซ่อนใบหน้าไว้และรีบพาฉันออกมาจากตรงนั้นความเชื่องช้าของมันทำให้ฉันต้องถอยหลังออกมา ฉันรีบกอดร่างเล็กของซืออีนั่วไว้และพบว่าตัวเขามันเย็นๆอีกทั้งยังผอมเพรียวมากเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกข้างบ้านฉันเลย
โห ดูเหมือนว่า...อืม...ร่างกายของเขา...มันดูนุ่มนิ่มมากเลย
แฮะแฮะแฮะ สติหลุดแล้วสติหลุดแล้วแบบนี้ไม่ดีเลย
ตอนที่งูหลามขาวตัวนั้นส่งฉันเหยียบลงบนพื้นดินขาของฉันก็ทรุดลงทันทีไม่ใช่เพราะฉันใ แต่ฉัน...จะอ้วก
“โอ๊ะ” นี่มันทรมานมากกว่าการนั่งรถไฟเหาะอีกนะเนี่ย ฉันว่าพ่อไม่ต้องห่วงว่าฉันจะถูกเลือกหรือไม่ถูกเลือกแล้วละฉันว่าฉันไม่มีชีวิตรอดที่จะอยู่ที่นี่ั้แ่แรกแล้วต่างหาก
“เธอไม่เป็ไรใช่ไหม” เฟิงหลิงซ่านและไป๋อิ่งวิ่งมาหาฉันสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเป็ห่วง
“ฝูซูทำเกินไปแล้วถ้าไม่มีคนรับเธอไว้เธอได้ตกลงไปในสภาพเละแน่ๆ” คำพูดของไป๋อิ่งไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลยหน้าฉันซีดลงอีกครั้ง มันทำให้ฉันนึกถึงฉากก้อนเนื้อเละๆ ในหนังเื่มนุษย์มดมหากาฬที่เคยดูขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันประคองเธอเข้าไปเอง” เฟิงหลิงซ่านจะเข้ามาประคองฉัน ฉันรีบลุกขึ้นและชักมือกลับ
“ไม่ต้องหรอกพวกเธอเป็เทพผู้ยิ่งใหญ่นี่ ฉันไม่กล้าหาเื่หรอก พวกเธอไม่ต้องเข้าใกล้ฉันอีก”
เฟิงหลิงซ่านหัวแล้วยิ้มเบาๆไป๋อิ่งตวัดสายตามองเขาด้วยความกลุ้มใจ
ฉันหันหลังและเดินไปข้างหน้าฉันก้าวขาเดินไปทางประตูเมืองที่อยู่ไม่ไกลทุกคนลากสัมภาระของตัวเองและเดินไปทางนั้น
ฉันตามพวกเขาไปแบบนี้ไม่ผิดทางแน่ซืออีนั่ววิ่งตามฉันมา “พี่เสี่ยวหลันรอผมด้วย”
“อือ” งูเหลือมตัวใหญ่สีขาวของเขากลายเป็งูตัวเล็กแล้วพันอยู่รอบตัวเขาแม้แต่ซืออีนั่วก็ยังเก่งกาจซะขนาดนั้น มีเครื่องมือบินได้เป็ของตัวเองฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าจะให้คนธรรมดาอย่างฉันมาทำอะไรที่มหาลัยเทพและปีศาจแห่งนี้เอามาเป็ตัวตลกรึไง
ตึงงงงงงทันใดนั้นฉันก็ชนเข้ากับบานกระจกที่มองไม่เห็น ฉันเวียนหัวหน้ามืดไปเลยทันทีฉันเห็นซืออีนั่วที่เดินเข้าไปในประตูเมืองหันกลับมามองฉันด้วยความใ
“พี่เสี่ยวหลันเป็อะไรครับ”
เสียงของเขาเหมือนเสียงที่ล่องลอยในอากาศฉันเจ็บระบมไปทั่วทั้งหัวอูย~~~ นี่มันเื่อะไรอีกละเนี่ย
เกิด อะไร ขึ้น เนี่ย
“พี่เสี่ยวหลันพี่เสี่ยวหลัน” ซืออีนั่ววิ่งกลับมาหาฉันพร้อมเขย่าไหล่ฉันเบาเบา
ผู้คนก็เดินผ่านไปมาไม่ขาดสายเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็ระยะ ทุกคนมองมาที่ฉันพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น” เฟิงหลิงซ่านที่เข้ามาถามด้วยความเป็ห่วง อีกแล้ว ทำไมฉันถึงสลัดพวกเขาไม่หลุดสักทีนะ
“พี่เสี่ยวหลันเข้าไปในเขตของโลกนี้ไม่ได้ครับ” ซืออีนั่วก้มหน้าตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เสี่ยวหลัน?”
“ครับพี่สาวคนนี้ชื่อเซี่ยเสี่ยวหลัน”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้วนายรีบไปรายงานตัวก่อนเถอะเดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
“เข้าใจแล้วครับ พี่เสี่ยวหลันผมไปก่อนนะ” ซืออีนั่วเดินจากไปโดยที่ยังคงหันกลับมามองเป็ระยะ
ฉันกุมหัวไว้อยากบอกเขาว่าอย่าไปแต่กลัวตัวเองจะได้ร้องะโออกมาเพราะความเจ็บแทนแบบนั้นน่าอายตายเลย ฉันจะไม่ยอมโดนเทพพวกนี้หัวเราะเยาะอีกแล้ว
“ฮ่าฮ่า” เฟิงหลิงซ่านหัวเราะขึ้นมา ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยความไม่พอใจแต่แล้วเขากลับเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของฉัน ฉันชะงักไปมือของเขาทาบทับลงมือที่หลังมือของฉันที่ยังคงจับอยู่บนหน้าผากััที่อบอุ่นจากมือของเขาทำให้ใจของฉันเต้นผิดจังหวะ
ในขณะที่ตื่นเต้นอยู่นั้นฉันกลับััได้ว่ามีกระแสน้ำอุ่นๆ ไหลผ่านเข้ามาที่หลังมือและไหลลงบนหน้าผากของฉันและความเ็ปบนหน้าผากก็ค่อยๆ จางหายไป
เขาดึงมือกลับฉันคลำหน้าผากด้วยความแปลกใจ แม้แต่ตรงที่บวมขึ้นมาก็ไม่มีแล้ว
“เธอยังไม่ได้สวมตราสัญลักษณ์ใช่ไหม” เฟิงหลิงซ่านถามฉันอย่างอบอุ่น
ฉันหยัดตัวขึ้นยืนด้วยความสงสัย “ตราสัญลักษณ์อะไร”
เขายืนขึ้นพร้อมมองฉันอย่างอ่อนโยน “เธอเป็นักศึกษาใหม่ได้รับจดหมายที่เป็หนังสือตอบรับเข้าเรียนรึยัง”
ฉันลองนึกดู “อ้อ” ฉันรีบหยิบจดหมายซองนั้นออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“ใช่อันนี้รึเปล่าแต่ว่าฉันเปิดไม่ได้อ่ะ”
เฟิงหลิงซ่านส่ายหัวพร้อมยิ้มบางๆเงาสีแดงพัดผ่านสายตาฉันไปอีกครั้ง ผ้าพันคอสีแดงของฝูซูพัดผ่านหน้าฉันไปเขาตวัดสายตามองฉัน ยักคิ้วขึ้น
“เธอเป็นักศึกษาใหม่จริงๆหรือว่ากำลังแกล้งกันแน่”
ฉันี้เีจะสนใจเขาเลยสะบัดหน้าหันหนีไปทางอื่น
เฟิงหลิงซ่านมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที "ฝูซูครั้งหน้าอย่าล้อเล่นอะไรน่าเบื่อแบบนี้อีกล่ะแบบนี้มันเสี่ยงต่อชีวิตคนอื่น"
“ห๊ะ!” ฝูซูยกมือขึ้นกอดอกด้วยความขำขัน เหลือบสายตาขึ้นมองเฟิงหลิงซ่านกระตุกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “ในดินแดนเทพแห่งนี้ฉันเคยได้ยินแต่ว่าการมีอะไรกันถึงจะเรียกว่าเป็การเสี่ยงต่อชีวิตไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีใครตกลงไปตาย ก็มีคนตักเธอขึ้นมาแล้วไม่ใช่รึไง เหอะ”
มีอะไรกัน!!!!!
นะ นะ นี่มัน โตเกินไปไหมโตเป็ผู้ใหญ่มากไปไหม
ไม่สิฉันก็โตเป็ผู้ใหญ่แล้วนี่นา
แต่ว่าทำไมฉันรู้สึกว่ามันมีตรงไหนที่มันไม่ปกตินะ
เื่ของเทพเ้าที่อยู่ในหนังสือก็ไม่ใช่เื่ที่จะแต่งขึ้นมั่วๆได้นี่นา
เฟิงหลิงซ่านยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งและไม่มองหน้าฝูซู
ฝูซูเหลือบตามองพวกเราหัวเราะเยาะเบาๆจากนั้นจึงหมุนตัวบินจากไปผ้าพันคอสีแดงปลิวอยู่ท่ามกลางแรงลมร่างที่ดูหล่อจนไม่มีใครเทียบได้นั้นดึงดูดให้ผู้หญิงส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาไม่ขาดสายและหยุดมองไปที่เขา
เป็คนดังสินะ
เชอะฉันคิดว่าพวกเทพจะไม่เหมือนกับคนธรรมดาอย่างพวกเราอย่างน้อยก็ไม่ได้มองคนแค่ผิวเผินเหมือนคนปกติ ที่ไหนได้ก็เหมือนคนธรรมดานั่นแหละสนใจแค่หน้าตา
เฟิงหลิงซ่านยิ้มบางๆ ออกมาอีกครั้ง “อย่าสนใจเขาเลยวันหลังถ้าเจอเขาก็หลบให้ไกลจากเขาหน่อย”
“วางใจได้ ฉันหลบแน่” ฉันจะหลบให้ไกลเลย ไม่จำเป็ต้องให้รุ่นพี่อย่างนายมาเตือนฉันหรอก