ดวงตามีประกายของนางกะพริบปริบๆ ยิ้มแล้วเอ่ย “ข้าว่าเ้าถั่วงอก งานนี้ช่างเหนื่อยและสกปรกเหลือเกิน อีกทั้งหาเงินได้น้อย คิดไตร่ตรองดูดีๆ ไม่คุ้มค่าเลย”
ตลกอะไรอย่างนี้ อยากจะปรับนางอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง อย่าแม้แต่จะคิด
นอกจากนี้นางได้ค้นพบแล้วว่าเ้าถั่วงอก้าให้นางทำงานนี้อย่างมาก
แน่นอนว่าเ้าถั่วงอกได้ยินดังนั้นก็ถึงกับร้อนรน “คุณจำเป็ต้องใช้เงิน ทางผมก็เรียบร้อยดี ผมแจ้งรายงานข้อมูลของหลายวันนี้ให้แก่ทางบริษัทแล้ว พวกเขาคิดว่ามีความเป็ไปได้สูงมาก เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดยังต้องรอไก่ล็อตนี้ขายออกไปได้ จึงจะให้รางวัลแก่คุณครับ”
หลิวเต้าเซียงกลอกตาไปมา “รางวัล ของเล่นบนดาวของนายฉันจะใช้ได้หรือ? นี่คือยุคโบราณ รู้หรือเปล่า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต รถบังคับ ใช้อะไรไม่ได้สักอย่าง จะเอาอะไรมาให้รางวัลฉัน”
ฮึ อย่าคิดว่าเธอไม่เคยเห็นกฎระเบียบข้อบังคับและรางวัลของพนักงานนะ คิดจะหลอกใคร
เ้าถั่วงอกเห็นว่าเธอคิดจะเลิก จึงร้อนใจแทบบ้า นานทีปีหนจะเจอโฮสต์ที่ยินยอมผูกพันธะสัญญาตลอดชีพกับมัน คงต้องให้มันถูกหนีบสมองเท่านั้นถึงจะถอดใจกับโฮสต์ที่ขยันเช่นนี้
“เฮ้อ ผมว่าโฮสต์ครับ ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน จากผลลัพธ์ที่ทางบอร์ดผู้บริหารของบริษัทได้เจรจากัน เกี่ยวกับความดีความชอบของคุณครั้งนี้ เป็การประหยัดแรงงานและทรัพยากรของบริษัทไม่น้อย แล้วยังทำให้พนักงานคนอื่นทำงานได้คุณภาพดีขึ้น ได้ยินว่าหากครั้งนี้สำเร็จ จะเตรียมรางวัลเป็พื้นที่สองไร่ นอกจากนี้ไข่ที่คุณจ่ายไปครั้งที่แล้ว ขณะเพาะพันธุ์นั้นได้มีไก่ตัวผู้เกิดมา เนื่องจากผสมพันธุ์สำเร็จบริษัทจึงฟักเป็ตัวออกมาได้”
ดังนั้นก็เท่ากับว่า อย่างน้อยนางจะได้รับลูกไก่ทั้งหมดสองร้อยตัว?
“ไม่ใช่สองร้อยครับ ครั้งหน้า คุณสามารถเจรจากับทางบริษัทโดยตรง เอาสิ่งของมาแลก เสียดายที่ระดับของผมยังสูงไม่พอ มิเช่นนั้นจะสามารถใช้ตำลึงเงินหรือเหรียญทองแดงมาแลกก็ได้”
ปริมาณข้อมูลนั้นมากมายนัก คงไม่ใช่ว่ายิ่งเ้าถั่วงอกได้ประโยชน์เท่าใด นางก็จะยิ่งหาเงินได้มากเท่านั้นสินะ
“เ้าถั่วงอก ต่อมความกล้าหาญของนายนี่ใหญ่จริงนะ พูดออกมาตามตรง ทำไมไม่บอกั้แ่แรก? แล้วก็ครั้งก่อนไม่สามารถใช้สิ่งของแลกได้นี่นา?”
หลิวเต้าเซียงกําลังพูดถึงการแลกเปลี่ยนไข่กับข้าวร่วนและรําข้าว
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดในร่างถั่วงอกถึงกับน้ำตาไหลพราก นี่โทษเขาไม่ได้ ครั้งก่อนเป็กฎบังคับของบริษัท ส่วนครั้งนี้ที่ใช้สิ่งของแลกได้ โฮสต์ที่รัก เพราะว่าขอบเขตอำนาจของมันแต่เดิมนั้นไม่เพียงพอ เข้าใจหรือเปล่า
ครั้งนี้มันเองก็เพิ่งจะค้นพบข่าวคราวรางวัลอย่างกะทันหัน แน่นอนว่า หากข้อเสนอของหลิวเต้าเซียงสำเร็จ มันเองก็จะได้คะแนนสะสมไม่น้อย กระทั่งสามารถเลื่อนขั้นไปอยู่ระดับสอง มันเองก็จะได้เปิดความสามารถใหม่ คือความสามารถที่จะให้โฮสต์ใช้สิ่งของแลก ส่วนกฎข้อนี้ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็ไข่แลกข้าวร่วนหรือรำข้าว หากแต่สามารถแลกสิ่งของได้มากมาย
“เสี่ยวเซียงเซียง อย่าโกรธเลยนะ แต่ก่อนผมมีอำนาจไม่พอ ตอนนี้คุณสามารถเอาไข่แลกลูกไก่ได้ อืม ยังสามารถเอาไข่แลกข้าว แป้ง น้ำมัน หากว่าสัตว์ปีศาจเลื่อนระดับสาม คุณจะสามารถแลกเนื้อสัตว์และปลาได้ด้วยนะครับ”
ประโยคสุดท้ายของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดได้สะกิดต่อมความสนใจของสาวน้อยคนนี้เต็มๆ ทั้งสองชาตินี้นางโปรดปรานการกินเนื้อปลาที่สุด
หลิวเต้าเซียงเองก็ตื่นเต้นดีใจเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าวิธีการนั้นของนางจะได้รางวัล ที่สำคัญคือจากนี้ไปนางไม่ต้องกวาดมูลไก่แล้ว และไม่ต้องเค้นสมองมาหาข้ออ้าง เพื่อให้คนในบ้านเห็นด้วยที่จะให้นางเข้าตำบลคนเดียว
จุดสําคัญที่สุด คือการเก็บซ่อนเต็มร้อย ราวกับอินเทอร์เน็ตไวไฟที่มีรหัสผ่าน แต่อย่าคิดว่ามีกุญแจก็เปิดเข้าใช้งานได้
มนุษย์จิ๋วในใจสะบัดผ้าเช็ดหน้า สาแก่ใจเหลือเกิน!
“เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อย พอนายพูดมาแบบนี้ หัวใจของฉันก็เต้นตามนายเลย”
บ้าบอน่ะสิ เ้าถั่วงอกไม่เชื่อแม้แต่น้อย ดวงตาของโฮสต์คนนี้เปล่งประกาย นั่นล้วนเป็เพราะเงินที่พรั่งพรู…
แน่นอนว่าการจะขับเคลื่อนได้ต้องมีแรงบันดาลใจ
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดแอบส่งข้อความไปหานักพัฒนาว่า เป็ไปตามคาด การให้กำลังใจล้วนเป็สิ่งไร้ค่า ทุกอย่างมีเพียงเื่เดียวคือเงิน มีเพียงอนาคตที่ร่ำรวยจึงจะทำให้โฮสต์นั้นมีพลัง ขณะนี้โฮสต์ถึงก้าวข้าม ลืมคำว่าี้เีได้ว่าคืออะไร โฮสต์จะแสดงท่าทีว่าไม่รู้จักคำนี้มาก่อน
อาจกล่าวได้ว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเริ่มเข้าใจหลิวเต้าเซียงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมีเงินให้หมุน เธอถึงจะมีพลังพับแขนเสื้อแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
หลิวเต้าเซียงตัดสินใจว่าเดือนนี้จะกินไข่น้อยลง ประหยัดไว้เพื่อซื้อลูกไก่ อืม ต้องโกย!
หลิวเต้าเซียงได้รับ ‘กําลังใจ’ จากสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด พลังในการตัดฟืนดูเหมือนจะใช้ไม่มีวันหมด
จะไม่ดีใจได้อย่างไร นี่หมายถึงว่านางกำลังพุ่งทะยานสู่หนทางของการสลัดคราบคนจนสู่คนรวย ใช้ไข่แลกของกินได้ สู้ๆ!
นางดีใจเกินเหตุ จนแขนขานั้นอ่อนระทวย
“โอ้ย เจ็บเหลือเกิน”
นางจำต้องสะบัดแขนทั้งสองข้างที่อ่อนแรงจากการตัดฟืน จากนั้นใช้แววตาเ็ปพุ่งมาทางเ้าถั่วงอก
มันรับประกันได้ว่าไม่ได้ดูเื่ตลก หากรู้ว่าการใช้เงินมาหลอกล่อแล้วง่ายเพียงนี้ มันคงใช้ไปนานแล้ว
“ทําไมนายไม่เตือนฉันให้เสียงดังหน่อย?” หลิวเต้าเซียงบ่นอีกครั้ง
ตอนนี้นางไม่สามารถออกแรงได้และร่างกายปวดเมื่อยไปหมด
“ผมนึกว่าคุณกำลังมีความสุข” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดในร่างถั่วงอกไม่มีทางยอมรับว่าตนเองจะทำเพียงกระซิบเสียงเบา
หลิวเต้าเซียงนิ่งเงียบ ได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้วมัดฟืนให้เรียบร้อย จากนั้นแบกขึ้นตะกร้าบนหลัง ไม่มีหลิวชิวเซียงคอยช่วย ฟืนที่เก็บได้จึงไม่มากนัก
นางแบกตะกร้าไม้ไผ่ที่แกว่งไปมาจนกลับถึงบ้าน เมื่อเห็นหลิวชิวเซียงกำลังนั่งหั่นอาหารหมูอยู่ตรงนั้น จึงวางฟืนไว้อีกฟากแล้วเอามือทุบหลังที่ปวดเมื่อย พร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ย “พี่ใหญ่ พี่ไวจริง”
หลิวชิวเซียงเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นนางกลับมาก็แอบโล่งใจ นับั้แ่ที่น้องรองถูกย่าทุบตีครั้งนั้น ก็ยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะรอดกลับมาได้ พอไปตัดฟืนบนหลังเขา หัวใจของนางก็แทบเต้นออกมา “เป็อย่างไรบ้าง? เวียนหัวหรือไม่?”
“พี่ใหญ่ ข้าสบายดีแล้ว” สําหรับความกังวลใจของหลิวชิวเซียง หลิวเต้าเซียงซาบซึ้งเป็อย่างมาก
เมื่อเห็นว่าลานบ้านเงียบมาก นางจึงกระซิบถาม “พี่ใหญ่ ทุกคนหายไปไหนหมด?”
“ย่าถูกเรียกให้ไปสอนงานเย็บปักแล้ว ส่วนอาเล็กออกจากบ้าน ป้ารองยังหลับอยู่ ลุงรองกลับไปในตำบลแล้ว ปู่กับพ่อยังอยู่ที่สวน แม่กำลังยุ่งกับการเตรียมดินที่สวนผัก” พอพูดถึงตรงนี้ นางก็ชะงัก แล้วเอ่ยเสียงค่อย “หลังจากย่าออกไป ข้าแอบเห็นพี่จูเอ๋อร์กับเ้าอ้วนเป่ากินขนมอยู่ตรงประตู”
หลิวเต้าเซียงตอบรับ แล้วถาม “ปู่ก็ไปสวนด้วยหรือ?”
“อืม สองคนนั้นแอบกินลับหลังปู่กับย่า” ใบหน้าของหลิวชิวเซียงไม่พอใจเล็กน้อย นางไม่ได้อิจฉาที่ผู้อื่นได้กินขนม หากแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห บ้านตนเองเหนื่อยแทบเป็แทบตาย ปรากฏว่าไม่ได้กินดีอยู่ดี แล้วยังต้องถูกด่าทุกวัน
หลิวเต้าเซียงเหยียดนิ้วเล็กๆ ออกมาสะกิดหลิวชิวเซียงที่เหม่อลอย จากนั้นก็ใช้ปากเล็กยกสูงไปทางเรือนใหญ่ ความหมายก็คือคนๆ นั้นยังไม่ก่อความวุ่นวายหรือ?
หลิวชิวเซียงหาได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อคุณชายน้อยที่อ้าปากก็มีแต่คนป้อนข้าว ยื่นแขนก็มีคนช่วยสวมเสื้อแต่อย่างใด นางรู้สึกว่าคุณชายผู้นั้นพักที่บ้านแล้ว งานที่บ้านก็มีแต่เพิ่มขึ้นไม่น้อย “ก่อนหน้านั้นบอกกับอาเล็กว่าอยากกินบะหมี่น้ำแกงปลา ตอนนี้อาเล็กคงออกไปซื้อปลาที่ต้นทางหมู่บ้านแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้ง
“น้ำ” เสียงเ็าดังมาจากหน้าต่างของปีกห้องทิศตะวันตก
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ซูจื่อเยี่ยมายืนอยู่ตรงหน้าต่างด้านใน ดวงตาที่เย็นเฉียบสองข้างมองสำรวจสองพี่น้อง พร้อมกับคิดว่า อืม ความลับของพวกเ้าทั้งสองคน ข้ารู้แล้ว
หลิวเต้าเซียงเข้าใจทันที อดไม่ได้ที่จะกลอกตา คุณชายบ้านี่คิดจะทำอะไรอีก?
เมื่อเห็นว่าเขายื่นนิ้วชี้ออกมาแล้วกวักมาทางนาง หลิวเต้าเซียงได้แต่จับจมูกแล้วเดินไปทางด้านล่างหน้าต่างชั้นบน
“คุณชายท่านนี้...”
ตอนนั้นเองหลิวเต้าเซียงราวกับถูกเฉือนในเสี้ยววินาที ร่างกายเหมือนมีมีดเย็นเฉียบปักมานับไม่ถ้วนให้ตัวแข็งทื่อ
“อะแฮ่ม คุณชาย...” ครั้นจะพูดออกมาก็พูดไม่ออก
จากนั้นมีดอีกหลายเล่มก็ตามมา จนนางอยากลุกขึ้นจากพื้นก็ลุกไม่ได้ คนตรงหน้าราวกับเป็ปีศาจ…ยังมีปีศาจที่ทรมานคนทั้งเป็เช่นนี้ด้วยหรือ?
หล่อแล้วทำไม?
เมื่อเผชิญหน้ากับคุณชายผู้หล่อเหลา หลิวเต้าเซียงก็ข่มความโกรธไว้อย่างไม่เอาไหน
อืม เกิดมาหล่อแล้วกินได้!
เพราะนางก็ชอบแบบนี้
“พี่จื่อเยี่ย มีเื่อะไรหรือ” นางพูด เมื่อเผชิญกับคำขอในห้องครัววันนั้นของปีศาจตัวนี้
ถ้าไม่ปฏิบัติตาม เขาจะยั่วยุหลิวฉีซื่อให้ขายนางให้เขาในฐานะคนรับใช้
เมื่อเผชิญกับูเาทองคําที่ยิ่งใหญ่ หลิวเต้าเซียงที่ยังคงต้องดำรงชีพจึงจำต้องโน้มตัวคำนับ
เมื่อมองไปที่สาวน้อยตรงหน้าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วยังน่าเกลียด มุมปากของซูจื่อเยี่ยก็ยกสูงขึ้นเล็กน้อยโดยแทบจะไม่ทันสังเกตเห็น
เห็นบรรดาลูกคุณหนูที่มีระเบียบมารยาทมากมาย ไม่เผยความผิดพลาดแม้แต่น้อย แต่พอมาเห็นหลิวเต้าเซียงที่เปรียบเสมือนแสงตะวันนั้น แววตาของซูจื่อเยี่ยถูกดึงดูดอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับมีน้ำตกผุดขึ้นกลางหัวใจของเขา ส่งเสียงดังไพเราะเสนาะหู
“ไม่มีอะไร กระหายน้ำ”
หลิวเต้าเซียงชะงัก
ผ่านหน้าต่างบานนั้น นางเห็นกาน้ำชาและถ้วยที่วางอยู่บนเก้าอี้สี่เหลี่ยมข้างหัวเตียง
“มันเย็นแล้ว” เมื่อเห็นสายตาที่ขู่ฟ่อของนางที่กำลังจะะเิขน ซูจื่อเยี่ยก็รีบลูบขนอย่างเร็วรี่
ในเวลานี้หลิวชิวเซียงวางมีดทําครัวลง แล้วเร่ง “น้องรอง รีบไปรินน้ำชาร้อนให้คุณชายท่านนี้เร็ว”
กินให้เสร็จไวๆ ตรงไหนสบายก็ไปอยู่ตรงนั้น
ซูจื่อเยี่ยเอื้อมมือออกไปััปลายจมูกของเขา หลังจากได้รับาเ็ เสน่ห์ของเขานั้นเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้แล้วหรือ?
เมื่อก้มลงมองไปที่เสื้อคลุมผ้าฝ้ายที่ทําขึ้นใหม่บนร่างกายของเขา จบกัน ม้ายังต้องมีอานที่ดี คนก็ต้องมีเสื้อผ้าดีๆ เช่นกัน
หลิวเต้าเซียงกลอกตาใส่เขาหนึ่งที แล้วหันหลังไปเตรียมน้ำร้อนมาให้ซูจื่อเยี่ยอย่างรวดเร็ว
นางเหลือบมองหลิวชิวเซียงที่กําลังเก็บกวาด กดเสียงต่ำแล้วเอ่ย “ข้าไม่ได้มีเวลาว่างนัก ต้องช่วยทำงานบ้าน”
ซูจื่อเยี่ยรับชามมาดื่ม กำลังเอียงศีรษะวิเคราะห์อย่างจริงจัง แล้วเอ่ยเสียงค่อย “เ้าคิดจะแยกบ้านสินะ?”
หลิวเต้าเซียงพูดไม่ออกจริงๆ เกี่ยวกับการวิเคราะห์ที่ฉลาดล้ำเลิศของเขา นางเพียงแค่คิด ออ ลืมไป ครอบครัวตนเองเคยปิดประตูหารือเื่นี้
พอคิดได้แบบนี้ สายตาที่มองเขาก็ผิดแปลกไป “เ้าแอบฟังผ่านผนังห้องหรือ?”
ซูจื่อเยี่ยยืนอยู่ที่หน้าต่าง ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของนาง พอใจที่ได้ยินนางอุทาน ในใจราวกับมีดอกไม้บานสะพรั่ง เขาคิดอยากทำเช่นนี้มานานแล้ว แต่ก่อนเห็นสหายทำเช่นนี้ต่อน้องสาว เขาอิจฉายิ่งนัก
ดวงตาที่สดใสของหลิวเต้าเซียงเหมือนห่อด้วยน้ำ ระยิบระยับดุจดวงดาวบนท้องฟ้า
ซูจื่อเยี่ยจดจ้องและตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัว
“กะต๊ากๆ!”
ไก่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ของหลิวฉีซื่อวางไข่แล้ว!
เสียงนี้ทำให้ฟองน้ำสีชมพูรอบตัวซูจื่อเยี่ยถูกทำลายไปในพริบตา
“อะแฮ่ม พวกเ้าพูดคุยกันเสียงดังไปหน่อย ข้าไม่้าได้ยินแต่มิอาจทำได้” ซูจื่อเยี่ยถูกปรักปรำจริงๆ เขาคือผู้ฝึกวรยุทธ์ ความสามารถในการฟังย่อมพิเศษกว่าคนธรรมดาทั่วไป
หลิวเต้าเซียงฟังแล้วดวงตาขดเป็ที่จุดกันยุง ความหมายก็คือ? บ้านนางล้วนไม่มีความลับหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว?
ทันใดนั้นนางก็จําได้ว่า เมื่อคืนนางลืมหยิบกระดาษไปด้วยตอนเข้าห้องน้ำ ะโอยู่นานครึ่งค่อนวัน ถึงได้หลิวชิวเซียงมาส่งกระดาษเช็ดให้
พริบตานั้น นางแทบอยากร้องกรี๊ด แย่แล้ว
“มีอะไรก็พูดมา!” เขาเอ่ย
ในขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังไม่สบอารมณ์ มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด
-----