เมื่อได้ยินหลิวฉีซื่อถามนาง จึงตอบว่า “ย่าไม่เห็นหรือ ข้ากําลังเลี้ยงน้องเล็ก? อีกอย่าง ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปเก็บฟืน ถึงอย่างไรย่าก็ควรต้องให้พี่ข้ากับแม่ได้พักสักเดี๋ยว หากให้คนนอกรู้เข้า คนที่ไม่รู้จะหาว่าย่าเป็คนอำมหิตเอาได้”
ริมฝีปากเล็กของนาง คำพูดที่ชอบฉีกหน้านั้นโพล่งออกมาราวกับว่าไม่คิดเงิน
หลิวเต้าเซียงพบว่า หลิวฉีซื่อรักภาพลักษณ์ของตนเอง หรือพูดให้ถูกต้องคือ กลัวว่าจะกระทบต่ออนาคตของหลิววั่งกุ้ยและสถานะท่านผู้หญิง เพราะนี่คือวัตถุประสงค์ของหลิวฉีซื่อ
หลิวฉีซื่อแทบอยากจับเด็กป่าเถื่อนตรงหน้ามากินให้ได้ แววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังราวกับใบมีดที่คมกริบ สำรวจมองเด็กสาวไปมา
หลิวเต้าเซียงเป็หมูตายไม่กลัวน้ำร้อน มองนานเท่าใดก็ไม่กังวล
ไม่ว่าจะใช้สายตามองนางเช่นใด นางก็สามารถทำเป็มองไม่เห็นได้ จึงไม่คิดมาก จิตวิทยานับว่าแข็งกร้าว
“ย่า ตาของท่านมีปัญหาหรือ? เหตุใดจึงสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้กับผู้อื่นอยู่เรื่อย ให้หลานไปเรียกหมอท้องถิ่นมาดูให้ท่านหน่อยหรือไม่ ดีไม่ดีเกิดเป็อะไรขึ้นมา ต่อไป ย่าต้องมองผู้อื่นด้วยสายตาเอียงกระเท่เร่ นั่นคงน่าหวาดกลัว”
หลิวฉีซื่ออยากพุ่งเข้าไปฉีกปากเถื่อนเล็กๆ นี้ ยิ่งรู้สึกว่านางเ้าเล่ห์เหลือเกิน
หลิวเต้าเซียงกล่าวถ้อยคํารุนแรงด้วยใบหน้าเป็กังวล พร้อมวิ่งไปเรียกหมอท้องถิ่นทุกเมื่อ
หลิวฉีซื่อไม่รู้จะะเิอารมณ์ที่ใครดี ไม่แปลกที่นางยกตนข่มท่านมานานแรมปี แม้ว่าสายตาที่อ่านคนจะเฉียบแหลม แต่เกณฑ์ในการต่อกรนั้นหากเทียบกับเด็กน้อยที่อ่านนิยายออนไลน์มานับไม่ถ้วน ความสามารถในการต่อฝีปากพูดได้คำเดียวว่า ห่วย
หลิวเต้าเซียงด่าเองไม่เป็ แต่สามารถคัดลอกคำพูดของคนอื่นได้นี่นา
“ย่า ถ้าท่านอยู่ในวิกฤติจริง หลานจะรีบวิ่งไปเรียกหมอท้องถิ่น”
แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ก้นเล็กๆ ของนางก็ยังไม่มีทีท่าจะขยับ
“ช่างหัวมารดาแกสิ” หลิวฉีซื่อถูกคำพูดของหลิวเต้าเซียงครอบงำจนควันออกหู
“ย่าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็ถึงคนที่มาจากจวนตระกูลหวง เหตุใดจึงพูดจาได้มูลค่าตกเช่นนี้”
พอจับทางหลิวฉีซื่อได้แล้ว นางก็คือเสือที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บดีๆ นี่เอง
จริงตามคาด หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็รีบข่มอารมณ์ เพียงแต่ส่งสายตาเยือกเย็นมองมา “นางเด็กบ้า ใครสั่งใครสอนให้พูดจาเช่นนี้?”
“ย่าเองก็คิดว่าข้าก้าวหน้าใช่หรือไม่ ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกัน อันที่จริงหาได้มีผู้ใดสอน เพียงแต่ได้ยินคนในหมู่บ้านพูดมา จึงลักจำมาได้สองประโยค”
หลิวเต้าเซียงยังคงเดินหน้าถมดินในหัวใจของหลิวฉีซื่อ
หัวใจของหลิวฉีซื่อจุกอีกครั้ง นางไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของเ้าสี่ จากนั้นจึงเค้นรอยยิ้มออกมา “เต้าเซียง เ้าเข้าไปดูสิว่า แม่เ้าพักผ่อนพอหรือยัง เรียกนางให้ไปทำงานที่สวนผักให้เรียบร้อย ผักของคนทั้งบ้าน ยังต้องหวังพึ่งนางอยู่นะ”
“รู้แล้ว แม่ข้าบอกว่าเหนื่อยมาทั้งเช้า ขอพักสักครู่เดี๋ยวก็ไป ย่า ท่านวางใจได้ แม้ย่าจะไม่พูด หลานก็จะเตือนแม่เอง”
หลิวฉีซื่อยิ่งมั่นใจว่าเด็กคนนี้เ้าแผนการไม่น้อย จึงตัดสินใจแน่วแน่ จำต้องขายเด็กคนนี้ไปให้ไกลๆ จะได้ไม่มีใครมาขวางหูขวางตาอีก
หลิวเต้าเซียงไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ มิเช่นนั้น นางคงคิดหาอุบายทำให้แผนการของหลิวฉีซื่อล้มเหลว
หลิวฉีซื่อยังไม่วางใจจนถึงที่สุด จึงหยิบสะดึงแล้วพาหลิวเสี่ยวหลันมานั่งใต้ระเบียง เริ่มสอนงานปักให้นาง
ในห้องปีกตะวันตก จางกุ้ยฮัวได้ยินบทสนทนาของบุตรสาวคนรองและผู้เป็ย่า พลันอยากหัวเราะออกเสียง
หลิวชิวเซียงกินโจ๊กคำสุดท้ายในชามเสร็จแล้ว และพูดว่า “แม่ น้องรองของเราร้ายกาจเหลือเกิน กระทั่งย่าก็เถียงนางไม่ไหว หากให้ข้าพูด เราเองต้องเลียนแบบน้องรองบ้าง”
อืม น้องรองบอกว่า หนังหน้าต้องหัดโบกให้หนาเหมือนกำแพง จะได้ไม่ต้องกลัวย่า
จางกุ้ยฮัวได้ยินถ้อยคําและขบคิดเกี่ยวกับมัน แล้วกล่าวว่า “คนเดียวก็เพียงพอ แล้ว ย่าเ้าคงใจกว้างไม่มากพอ อีกอย่าง หากคนในหมู่บ้านรู้เข้า จะหาว่าครอบครัวฝั่งเรานั้นอกตัญญู ยิ่งไปกว่านั้น ต่อไปพวกเ้ายังต้องถกกันเื่หมั้นหมาย หากชื่อเสียงเสื่อมเสียจะไม่ดี น้องรองเ้า นางยังเด็ก หากคนอื่นเอ่ยถึงคงมองแค่ว่านางแก่นแก้ว แต่เ้าน่ะไม่ได้เชียว”
หลิวชิวเซียงได้ยินดังนั้นก็คิดเงียบๆ แล้วเช่นนั้นนางจะรับมือกับย่าที่ร้ายกาจอย่างไรดี?
นางตัดสินใจว่าจะไปปรึกษาน้องรองดู เพื่อขอความคิดเห็น
“เอาล่ะ เ้าล้างชามให้เรียบร้อยแล้วไปเกี่ยวหญ้าหมู แม่จะพาน้องเล็กไปจัดการสวนผัก”
“แม่ อย่าลืมนะ ทำแค่ครึ่งเดียวก็พอ” หลิวชิวเซียงเอ่ยเสริมอย่างไม่วางใจนัก
จางกุ้ยฮัวยิ้มและตอบ ตอนนี้นางคิดดีแล้ว ไม่มีทางเป็ข้าทาสโง่เขลาให้ผู้อื่นอีกต่อไป
ทั้งสองคนเตรียมตัวเรียบร้อยถึงออกจากห้อง จางกุ้ยฮัวรับหลิวชุนเซียงมาจากหลิวเต้าเซียง ใช้ผ้าผูกแล้วแบกไว้บนหลัง จากนั้นหิ้วจอบเตรียมออกไปสวนผัก
ก่อนออกไป ยังกำชับให้สองพี่น้องอย่าไปไหนไกล
ทั้งสองคนตอบรับ แล้วเตรียมตะกร้าของตนเองเพื่อออกจากบ้าน หลิวชิวเซียงไปเกี่ยวหญ้าหมู ส่วนหลิวเต้าเซียงแบกตะกร้าที่มีอาหารไก่ซ่อนอยู่ นางต้องไปให้อาหารไก่ที่บ้านป้าหลี่ก่อนขึ้นไปหาฟืนบนหลังเขา
หลี่ชุ่ยฮัวนั่งทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ตรงบันไดอย่างขะมักเขม้น ดวงตาเหลือบไปเห็นตรงหน้าประตูลานบ้านปรากฏเงาศีรษะ พลันเอ่ยด้วยความดีใจ “เต้าเซียง รีบมาเร็ว แม่ข้าทำขนมเปี๊ยะหอม ข้าตั้งใจเก็บไว้ให้เ้าหนึ่งอัน”
เด็กตัวอ้วนหลี่ชุ่ยฮัวเป็เด็กดี เมื่อมีของอร่อยก็มักจะเก็บไว้ให้หลิวเต้าเซียงส่วนหนึ่ง เมื่อได้รับความอบอุ่นที่หอมหวานเช่นนี้ หัวใจของหลิวเต้าเซียงก็อบอุ่น
“แล้วป้าหลี่ล่ะ”
“เข้าเมืองไปช่วยพ่อดูร้านน่ะ เ้าก็รู้ว่าอยู่ใน่ผลผลิตของฤดูใบไม้ผลิ ทุกคนต่างก็กรูกันมา ถ้าไม่ได้มาเพื่อซ่อมก็ซื้ออุปกรณ์เหล็ก พ่อกับพี่ชายข้ายุ่งมาก จึงให้แม่ไปช่วยเฝ้าร้านอีกแรง”
หลิวเต้าเซียงยิ้มตาหยีแล้วเดินหน้าไป หยิบขนมเปี๊ยะหอมที่อยู่บนจานตรงเก้าอี้ พูดตามจริง สำหรับสาวคนหนึ่งที่เคยชินกับการกินขนมของว่างสารพัด รสชาตินี้นับว่าทั่วๆ ไป ทว่านางก็ยังดีใจอย่างมาก นี่คือน้ำใจจากสาวน้อยหลี่ชุ่ยฮัว
“อร่อย”
ใบหน้ากลมกลึงของหลี่ชุ่ยฮัว ดวงตานั้นยิ้มจนไม่มีรอยแยก
หลิวเต้าเซียงชอบกิน นางก็มีความสุข
“เหตุใดวันนี้เ้าจึงมาช้า?”
หลิวเต้าเซียงที่กำลังเคี้ยวขนมเปี๊ยะหอมหยุดชะงัก แล้วกล่าว “เฮ้อ เ้าก็รู้นิสัยย่าข้า เช้ามาต้องได้ด่า ร่างกายถึงจะสบายขึ้นมาหน่อย”
หลี่ชุ่ยหัวเห็นนอกจากอาหารไก่แล้วยังมีมีดผ่าฟืนในตะกร้าของนาง ก็เข้าใจได้ทันที “อีกเดี๋ยวเ้ายังต้องขึ้นเขาไปเก็บฟืนหรือ? ถ้าอย่างนั้นเ้ารีบไปให้อาหารไก่ ลานบ้านเดี๋ยวข้ากวาดเอง ถึงอย่างไรก็สะอาดอยู่แล้ว ใช้ไม้กวาดเก็บกวาดอีกสักหน่อยให้เป็พิธีก็พอ”
สาวน้อยชุ่ยฮัว เ้าแน่ใจนะว่านี่คือวิธีที่ถูกต้อง?
หลิวเต้าเซียงยิ้มและโบกมือให้ “ไม่เป็ไร เดี๋ยวเดียวข้าก็จัดการเรียบร้อย ถึงอย่างไรย่าข้าไม่ได้บอกว่าต้องเก็บให้เต็มตะกร้า พอประมาณก็พอ”
ในบ้านก็ใช่ว่าจะไม่มีฟืนให้ใช้ ต้องเก็บเยอะแยะเพื่ออะไรกัน นางยังต้องหาเวลาเข้าไปดูไก่ที่เลี้ยงในห้วงมิติอีก คำนวณวันเวลาแล้ว ไก่ในห้วงมิติก็น่าจะโตได้ครึ่งทางแล้ว เดาว่าน่าจะราวสองสามขีด
“งั้นข้าจะขึ้นไปเก็บฟืนกับเ้าบนหลังเขา” สาวน้อยชุ่ยฮัวคิดจะช่วยให้ได้
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองสะดึงผ้าดอกไม้ของนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ย “เหมือนลายที่ป้าหลี่วาดไว้ให้ค่อนข้างเยอะนะ”
หลี่ชุ่ยฮัวยืดมืออวบของนางออกมาทาบบนหน้าผาก “ข้าว่านะ วันนี้ข้าปักช้าไปหน่อย เนื่องจากสิ่งที่แม่ข้าสอนมันซับซ้อนกว่าสองวันก่อน”
หลิวเต้าเซียงพูดไม่ออก
หลังจากกินขนมเปี๊ยะหอมแล้ว นางก็หยิบหม้อปากแหว่งที่ใส่อาหารไก่ออกมาจากตะกร้า ต่อมาก็ให้อาหารไก่ เคยชินกับวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลูกไก่ที่เพียงพริบตาก็โตเท่าลูกโป่ง แล้วมาดูไก่ที่เลี้ยงไว้ในบ้านป้าหลี่ หลิวเต้าเซียงเริ่มรู้สึกร้อนใจเป็ครั้งแรก เหตุใดจึงไม่มีความเปลี่ยนแปลง
“เชอะ จะเทียบกับบ้านเกิดผมได้อย่างไร? นี่คือความแตกต่างของห้วงเวลา” เ้าถั่วงอกมีคำพูดที่ซ่อนไว้ ที่ไม่ได้พูดออกมาอีกก็คือ ไม่มีเงินก็คงไม่มีปัญญามากระตุ้นให้โฮสต์เหล่านี้ทำงาน
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าเ้าถั่วงอกจิ๋วพูดมาเหมือนจะสมเหตุสมผลมาก
แม้ว่าห้วงมิติจะขี้เหนียวไปหน่อย แต่นั่นคือ่เริ่มต้น หนที่แล้วหนึ่งร้อยอีแปะขยายพื้นที่ได้หนึ่งตารางเมตร คราวหน้าก็จ่ายสองร้อยอีแปะแล้วเพิ่มสองตารางเมตร ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ก็เก็บสี่ร้อยอีแปะ ขยายกว้างเป็สี่ตารางเมตร ได้รับการแนะนำเช่นนี้
พอคำนวณเช่นนี้ หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าการจะเป็เศรษฐินีเ้าของที่ดินในราชวงศ์โจวก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
“เต้าเซียง ลูกไก่ของเ้ากินอะไรหรือ? ทําไมถึงราวกับลมพัดอย่างไรอย่างนั้น?” หลี่ชุ่ยฮัวที่ทนความเหงาไม่ไหว จึงวิ่งตามมาแล้วก็เอ่ยต่อ “เ้าดูของบ้านเ้า แล้วมาดูของบ้านข้าสิ นี่เจ็ดวันแล้ว ยังไม่โตถึงไหนเลย”
หลิวเต้าเซียงกะพริบตา นางพูดไม่ถูกว่าทำไมถึงเป็เช่นนี้ แต่นางก็เห็นว่ามันโตช้าเกินไปอยู่ดี
“ก็ไม่ได้กินอะไร มีแต่มันเทศที่ต้มในข้าวแข็งที่หุงในบ้านข้าตอนเช้า”
หลี่ชุ่ยฮัวพูดไม่ออก นางเองก็ชอบกินมันเทศจึงได้ตัวอ้วน
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าหลี่ชุ่ยฮัวเชื่อตามนั้น จึงรีบจูงนางออกจากเล้าไก่แล้วเอ่ย “รีบออกห่างจากตรงนี้เร็ว อีกเดี๋ยวเ้ายังต้องปักผ้า อย่าทำให้ผ้าปักสวยๆ ปักออกมามีแต่กลิ่นขี้ไก่”
นางกลัวว่าหลี่ชุ่ยฮัวจะเอ่ยถามต่อ จึงรีบหลอกล่อนางให้ออกจากที่นี่
พระเ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ข้าวร่วนของเ้าถั่วงอกนั้นราคาถูกยิ่งนัก รำข้าวยิ่งถูกเสียจนราวกับไม่คิดเงิน
หลิวเต้าเซียงกวาดลานบ้านและเตรียมขึ้นไปหลังเขา เ้าถั่วงอกก็มาเร่งให้นางเข้ามาเติมน้ำในห้วงมิติ
“เต้าเซียง ข้าจะไปกับเ้า” หลี่ชุ่ยฮัวไม่สามารถนั่งนิ่งๆ นางไม่ชอบเย็บปักถักร้อย นางชอบเล่นอย่างมีความสุขบนหลังเขามากกว่า
“ไม่ได้ ถ้าป้าหลี่กลับมาเห็นว่าเ้าไม่ได้ปัก เกรงว่าจะโกรธเอาได้”
หลิวเต้าเซียงยืมที่ดินของครอบครัวนางมาเลี้ยงไก่ ย่อมต้องอยากช่วยป้าหลี่เฝ้าดูหลี่ชุ่ยฮัวให้ดี “ข้าขึ้นไปเก็บฟืน แล้วจะเก็บหญ้ากลับมาด้วย ถึงตอนนั้นเ้าก็น่าจะปักได้ไม่น้อย จะได้ช่วยข้าป้อนหญ้าให้ลูกไก่ด้วยกัน ดีหรือไม่?”
ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะดี หลี่ชุ่ยฮัวชอบลูกไก่ตัวน้อยขนยาวเ่าั้ เวลาร้องก็เสียงใส ช่างน่ารักเหลือเกิน
“เ้าต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ”
หลี่ชุ่ยฮัวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดใจ คิดว่าหากปักไม่เสร็จ คงต้องถูกแม่จับตีก้นอย่างทารุณ นั่นน่าขายหน้าทีเดียว
เมื่อปลอบโยนสาวน้อยตัวอวบหลี่ชุ่ยฮัวเสร็จ หลิวเต้าเซียงก็ฮัมเพลงหลงทำนอง แล้วเดินขึ้นหลังเขาอย่างได้ใจ นางคิดดีแล้ว ครั้งนี้ถ้าขายไก่ได้ นางจะได้ขยายพื้นที่เล้าไก่ในห้วงมิติให้กว้าง ขอเพียงพื้นที่กว้างเท่าใด ก็เลี้ยงได้เยอะเท่านั้น เงินที่นางจะหามาได้ก็ยิ่งมาก
ในขณะที่คิดก็เดินเข้าใกล้หลังเขา แล้วหาสถานที่ลับตาคนเพื่อเข้าไปในห้วงมิติ
“โฮสต์ครับ ทำไมคุณไม่ตรงต่อเวลาเลย หากเป็เช่นนี้ต่อไป คงต้องถูกปรับนะครับ”
ทันทีที่หลิวเต้าเซียงเข้าไปในห้วงมิติ ก็ถูกขูดรีด
-----