หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็คนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกที
ไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็ไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว
“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”
“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”
“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”
“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”
“น่าจะบอกปรายั้แ่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว
“เอาเป็ผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”
“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”
“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”
“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ยังไงหนูปรายตั้งโต๊ะหน้าบ้านรอได้เลยนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณท่าน”
แม้ปากจะพูดแต่มือเรียวก็หั่นผักอย่างคล่องแคล่ว ตระเตรียมทุกอย่างก่อนจะลงมือทำอาหาร ไปรยารีบทำอาหารอย่างรวดเร็ว ตอนที่อยู่บ้านอาธงชัยงานในครัวก็งานหลักของเธอเลย หญิงสาวเหลือบไปเห็นถุงร้อนวางอยู่ก็เดาได้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เธอรอเพียงข้าวสวยสุกเท่านั้น หญิงสาวจึงเดินมาที่หน้าบ้าน เห็นมีโต๊ะพับวางพิงอยู่ริมรั้ว เธอจึงไปยกมาตั้งไว้ เดินกลับไปหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะ และยกเก้าอี้มาเพิ่ม เพื่อจะให้ให้คุณผู้หญิงได้นั่งรอพระสบายๆ เดินกลับมาในครัวอีกที ข้าวก็สุกเรียบร้อยให้เธอได้ตักใส่ถุงลืมถามคุณผู้หญิงไปว่าต้องเตรียมกี่ชุด เธอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในครัว คิดว่าคุณผู้หญิงจึงเอ่ยถามไปทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง
“พระมาบิณฑบาตกี่รูปคะคุณท่าน”
“ปกติเห็นสามรูปนะ”
ไปรยาหันขวับมามองอย่างใ “คุณพยัต”
“ทำไมเห็นหน้าผมทีไรใทุกที” ภูมิพยัตถามแล้วต่อด้วยหาวปากกว้าง
“ก็ไม่คิดว่าคุณจะตื่นเช้า หรือตื่นมาใส่บาตรคะ”
ชายหนุ่มโบกมือไปมา “เื่ของผมช่างเถอะ จัดสำรับอาหารเตรียมใส่บาตรก่อน”
“ค่ะ” ไปรยาหันหลังให้แล้วจัดการเตรียมสำรับอาหารสำหรับใส่บาตรพระเสร็จ เธอจัดเรียงใส่ถาดและจัดยกออกไปแต่ภูมิพยัตยื่นมือมาแย่งไปถือเสียเอง
“คุณพยัตค่ะ คุณมาแย่งงานปรายแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ไม่ได้แย่ง ผมแค่กลัวคุณจะเดินไปไม่ถึงหน้าบ้าน เมื่อวานก็เดินสะดุดก้อนอิฐ เดี๋ยวเดินสะดุดขาตัวเองขึ้นมา แม่ผมจะไม่ได้ใส่บาตร”
ไปรยากัดริมฝีปาก พยายามไม่ตอบโต้ ได้แต่มองเขาเดินถือถาดอาหารมาที่โต๊ะหน้าบ้าน คุณรำเพยออกจะแปลกใจที่เห็นลูกชายมาแต่เช้า
“นี่พายุจะเข้าหรือไง ตาภูมิมาใส่บาตรกับแม่”
“เปล่า แค่มาดู ผมกลับไปอาบน้ำก่อนล่ะ”
ภูมิพยัตเสยผมยุ่งๆ แล้วเดินงุดๆกลับบ้านตัวเองไป คุณรำเพยเองยังงุนงงกับลูกชายคนเดียวของนาง รวมทั้งคุณบุญมาที่เดินตามมาที่หลังยังประหลาดใจ
“นั่นไอ้เสือนี่”
“ก็ลูกชายคุณไงล่ะ”
“มันมาทำอะไรของมัน”
“คุณพยัตมาช่วยยกถาดอาหารค่ะ” ไปรยารีบพูดขึ้นก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองจะเข้าใจผิด แต่เธอไม่รู้หรอกว่าคุณบุญมากับคุณรำเพยคิดอะไรอยู่
“พระมาแล้วค่ะ” ไปรยาเปลี่ยนเื่ เธอคอยช่วยอยู่ด้านหลัง แต่ก็ได้อธิษฐานจิตให้ชีวิตได้เจอสิ่งดีงามไปด้วย เมื่อรับพรพระเสร็จ เธอก็ประคองคุณบุญมากลับเข้ามาในบ้าน แล้วเธอก็เดินไปโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วรีบเข้ามาในครัว จัดแจงเตรียมเครื่องดื่มให้คุณท่าน
“ตอนเช้าเป็น้ำเปล่าก่อนหนึ่งแก้วนะคะ แล้วลองดื่มน้ำผักสมุนไพร นี้น้ำใบบัวบกปรายเตรียมไว้ั้แ่เมื่อวานแล้วค่ะ”
“พ่อไม่ชอบเลย ไอ้น้ำเขียวๆนี่” คุณบุญมาเบ้ปาก
“ค่อยๆ จิบนะคะ”
ท่าทางคะยันคะยอของไปรยาทำให้คุณบุญมายกแก้วมาค่อยๆจิบ แต่เมื่อรู้สึกว่าไม่มีรสฝาดและไม่เหม็นเขียวก็ดื่มได้จนหมดแก้ว
“โอโห้ นี่หนูปรายใส่เวทมนต์อะไรไปจ๊ะ ปกติคุณพ่อไม่ชอบเลยนะเนี้ย”
“ปรายแต่ต้มใบเตยไปด้วยได้กลิ่นหอมและไม่รู้สึกเหม็นเขียวใช่ไหมคะ”
“จริงด้วยแบบนี้ดื่มง่ายกว่าเยอะเลย”
“ไว้ปรายจะทำไว้ให้คุณท่านทั้งสองดื่มอีกนะคะ มีหลายเมนูเลยค่ะ” ไปรยาดีใจที่ผู้ใหญ่ทั้งสองชอบ อายุมากแล้วไม่อยากให้ดื่มกาแฟมากนัก
“คุณท่านคะ ปกติอาหารสดนี่เราซื้อที่ไหนเหรอคะ”
“อ้อ... ที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้านะ แต่ปกติจะมีตลาดนัดตอนเช้าหน้าโรงงานทุกวันพุธหรือไงนี่แหละ พวกของสดนี่แม่จดรายการไว้ให้ตาภูมิเขาจัดการซื้อให้”
“แล้วตอนที่แม่บ้านคนเก่าอยู่ละคะ”
“มีตลาดสดอยู่ไม่ไกลนักหรอก แถวท่ารถน่ะ” คุณบุญมาพูดเสริม “หนูอยากได้อะไรหรือเปล่าล่ะ”
“ปรายถามไว้นะคะ จะได้ทราบว่าต้องซื้อของสดที่ไหนยังไงบ้าง แล้วอีกอย่าง ปรายมีเสื้อผ้ามาไม่กี่ชุด คิดว่าต้องซื้อเพิ่มสักตัวสองตัวค่ะ”
“เสื้อผ้าเหรอ จะไปซื้อทำไมกัน ถ้าไม่รังเกียจเอาชุดเก่าๆของแม่ไปใส่ก็ได้นะ มาเลือกดูเอา ตัวไหนพอใส่ได้ก็เอาไปใส่เถอะ”
“จะดีหรือคะ ปรายใส่ทำงานในบ้าน เสื้อผ้าดีๆจะเสียหมดค่ะ”
“ถ้าไม่ใส่พับเก็บไว้ก็ปลวกกินเสียหมดเหมือนกันนั้นแหละ”
“เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้วไปช่วยแม่เสื้อผ้าในตู้ดีกว่า ไม่ได้จัดนานแล้ว อันไหนไม่ได้ใส่จะได้โละๆออกจากตู้บ้า ง”
“ได้ค่ะคุณท่าน”
ภูมิพยัตเดินกลับมาเรือนใหญ่อีกครั้ง คราวนี้เขาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปทำงานแล้ว เขาเดินเข้ามาไม่ทันได้ยินที่แม่คุยกับไปรยา แต่หันไปคุยกับพ่อแทน
“อีกสามสี่วันลูกค้าจากญี่ปุ่นจะมาดูสินค้าที่โรงงาน เขาอยากดูไม้อัดน้ำยาของเราก่อนจะสั่งออเดอนะพ่อ”
“แล้วเราจะคุยกันรู้เื่ไหมล่ะ เขาพูดภาษาไทยได้รึ”
“ก็พูดภาษาอังกฤษซิพ่อ แต่ผมกำลังหาล่ามอยู่ ถ้าเขาเอาล่ามเขามาฝ่ายเดียวผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาแปลตรงทุกคำหรือเปล่า”
ไปรยาได้ยินเข้าก็ยกมือขึ้นเหมือนเด็กขออนุญาต ภูมิพยัตเหลือบตามองเหมือนไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
“ปรายพอพูดภาษาญี่ปุ่นได้นะคะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ค่ะ”
“ตลกล่ะ” ภูมิพยัตหัวเราะแบบเหยียดๆ แต่คุณแม่ตีแขนเข้าให้ทำให้หยุดหัวเราะเยาะ
“คุณคิดก่อนพูดแล้วใช่ไหมคุณไปรยา” ชายหนุ่มพูดแบบประชด
“ค่ะ ฉันพอได้ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ถ้าคุณ้าฉันก็ยินดีค่ะ”
“อย่างคุณไปเรียนภาษาญี่ปุ่นจากไหนล่ะ” เขาเอียงหน้าลงกระซิบถาม “เรียนจากแขกหรือไง”
“แขก?” ไปรยาทำหน้างุนงง เธอไม่เข้าใจคำพูดของเขา แต่ดันคิดว่าแขกนี่หมายถึงคนแขก คนอินเดียอะไรทำนองนั้น แต่จะบอกว่าจบสายภาษามา ก็คงพูดได้ไม่เต็มเสียงนัก
“ผมต้องเจรจากับลูกค้า ซื้อขายกันมูลค่าหลายล้านบาท ไม่ได้เล่นขายของนะคุณ”
“ปรายก็แค่คิดว่าตัวพอทำได้ก็เลยเสนอตัวไปก็เท่านั้นเอง”
“เอาล่ะ เอาไว้ถ้าลูกค้ามาก็ลองให้หนูปรายไปด้วย เผื่อช่วยอะไรกันได้” คุณรำเพยตัดบท “ทานข้าวเถอะ คุณพ่อต้องทานยาแล้วลูกจะได้ไปทำงาน”
“ครับ”
ไปรยายกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เช้านี้เป็ข้าวต้มทะเลของโปรดของคุณบุญมา หญิงสาวไม่ให้มีรสคาวของหมึกกับกุ้งทำให้คุณบุญมาทานอาหารได้มาก รวมทั้งภูมิพยัตด้วย เมื่อทานอาหารเสร็จเขาก็ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารก่อนเพราะจะรีบไปโรงงาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้