บ้านหลังน้อยของเวียงพิงค์
เวียงพิงค์....
“อีผิง! แกรีดเสื้อฉันยังไงเนี่ย แกเอาลูกกระตามองรึป่าว!!!”เสียงของพี่แพรวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ต้องรีบล้างมืออย่างไวและรีบลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปหาเธอ
“พี่แพรมีอะไรรึป่าวคะ?”ฉันรีบเข้าไปยืนและก้มหัวถามเธอ ในมือของพี่แพรวามีเสื้อนักศึกษาสีขาวตัวเล็กของเธออยู่ที่เสื้อมีรอยไหม้สีนำ้ตาล ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีรอยไหม้บนเสื้อของเธอนั้นได้ยังไง
“หึ ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีกเรอะ แกนี้มันโง่ อีโง่ๆๆๆๆๆๆๆๆ”พี่แพรวาว่าฉันพลางจิ้มนิ้วมือของเธอมาบนขมับของฉันเธอจิ้มแรงมาก จนฉันรู้สึกเจ็บ
“ผิงไม่ได้รีดเสื้อพี่แพรไหม้นะคะ ผิงไม่ได้ทำ”ฉันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางยกมือไหว้พูดบอกเธอว่าฉันไม่ได้เป็คนทำ
“ถ้าแกไม่ทำ แล้วใครจะทำ ฉันเป็คนทำเองอย่างนั้นเหรอ!!!”เสียงพี่เเพรวาะโลั่นบ้านทำให้ฉันตัวสั่นด้วยความกลัว
“มีอะไรเหรอจ๊ะลูกแพร?”เสียงคุณน้าพราวมณีพูดขึ้นข้างหลังพี่แพรวา ฉันรีบก้มหน้าหลบสายตาคุณน้าพราวมณีทันที
“ก็นังผิงน่ะสิะคะ มันทำเสื้อแพรไหม้ แล้วที่นี้แพรจะทำยังไงล่ะคะ แม่เอาเงินมาให้แพรเลย แพรจะไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่!”พี่แพรวาหันไปบอกคุณน้าพราวมณีพลางแบมือขอเงินเธอ เธอก็มองมาที่ฉันทันทีด้วยสายตาดุดันน่ากลัวฉันก้มหน้าลงหลบสายตาของเธอตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“อีผิง เงินค่าขนมเมื่อวานที่แกเอาไปขายน่ะอยู่ไหน!!”คุณน้าพราวมณีพูดขึ้น รีบทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธอทันที เงินค่าขนมที่เธอพูดถึงคือขนมตาลที่ฉันเป็คนทำเองเพราะฉันไปขอวิธีทำจากคุณยายข้างบ้านมาและฉันก็นำมาทำขายเองและเงินนั้นฉันจะเอาไปเป็ค่าสมัครเรียนน่ะ
“เงินนั้นผิงจะเอาไปเป็ค่าสมัครเรียนนะคะคุณน้า”ฉันเอ่ยบอกคุณน้าพราวมณีไปเธอก็มองฉันด้วยสาสตาไม่พอใจ
“แกจะเอาไปเรียนทำไม โง่ๆๆแบบแกน่ะไปอยู่ในซ่องโน้น ไปนอนขายตัวน่าจะดีกว่าน่ะ!!”คุณน้าพราวมณีเดินเข้ามาหาฉันพลางเอ่ยบอกฉันด้วยนำ้เสียงเสียงดัง ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้เธอทันทีด้วยความกลัว
“คุณน้าค่ะ แต่ผิงอยากเรียนจริงๆนะคะ”ฉันพนมมือไหว้เธอ เธอก็มองฉันด้วยสายตาดูถูกแบะเกียจชังที่จริงเธอเป็น้องสาวของแม่ฉัน แม่ของฉันท่านล้มป่วยเเละเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน คุณน้าพราวมณีเลยย้ายเข้าอยู่ที่บ้านหลังนี้บ้านของคุณแม่ฉันและเธอก็ได้เสียกับคุณพ่อของฉัน
“ไม่ต้องเรียนหรอกแกน่ะ เอาเวลาไปนึ่งขนมขายโน่นไป!!”พี่เเพรวาเอ่ยบอกฉันพลางเดินเข้ามากระชากผมฉันอย่างแรง
“พี่แพรผิงเจ็บ อึก”ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บพลางยื่นมือขึ้นไปจับมือของเธอให้เอาออกไปจากผมฉัน
“อี๋ๆๆๆแกเอามือสกปรกมาจับมือฉันทำไม!!!”พี่แพรวาโวยวายขึ้นพลางผลักศีรษะของฉันอย่างแรงจนทำให้ศีรของฉันกระแทกกับต้นเสากลางบ้านอย่างแรง
โป๊ก
“พี่แพร”ฉันเอ่ยเรียกชื่อพี่แพรวาทันทีที่เอามือไปจับศรีษะของฉันที่ตอนนี้มีเืออกชิบๆแล้ว
“เอ้า มานั่งเรียกฉันอยู่ได้ แกก็ไปทำแผลสิ มานั่งทำหน้าโง่อยู่ได้ อีโง่!!!”พี่แพรวาหันมาว่าฉันพลางเดินจับแขนคุณน้าพราวมณีเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฉันเมื่อเห็นว่าเธอสองคนนั้นเดินไปแล้วก็ร้องไห้ออกมาทันที
“แม่จ๋า หนูผิงคิดถึงแม่พอใจจัง แม่จ๋าอึก”ฉันเรียกร้องหาแม่พอใจและเอามือไปกุมศรีษะตัวเองด้วยความเจ็บและสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาเรือนเก่าที่แขวนอยู่บนผนังบ้านก็ต้องใ เกือบเลยเวลาแล้ว
“โอ้ย!เจ็บจัง”ฉันลุกขึ้นยืนและก็ต้องเจ็บจี๊ดที่ศรีษะข้างที่หัวแตกนั้นดีน่ะไม่ได้ถึงกับแตกแค่ะถลอก ฉันรีบไปล้างแผลและรีบเอาพลางเตอร์ยามาแปะลงไปที่หัวคิ้วทันที และรีบไปนำขนมตาลออกจากฉึงและจัดใส่ตะกร้าไม้เพื่อนำไปส่งให้คุณหญิงบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านถัดไปโน้นน่ะ
“สายแล้ว”ฉันรีบถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยขนมตาลหลายปุแล้วรีบใส่เกียร์หมาวิ่งอย่างไว
“เดี๋ยวก่อนเวียงพิงค์!”เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกฉัน ฉันรีบหันกลับไปทางต้นตอของเสียงก็พบกับพี่พลพี่ที่อยู่แถวๆนี้ กำลังปั่นจักรยานตามหลังฉันมาอย่างไวที่จริงฉันยังไม่รู้จักบ้านของเขาด้วยซำ้เขาเองก็ไม่เคยบอกฉันว่าบ้านเขาอยู่ไหน
“มีอะไรคะพี่พล ผิงรีบ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ”ฉันหันไปะโบอกพี่พลแต่ขายังไม่ได้หยุดวิ่ง
“ไปรถพี่สิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ขึ้นมาๆๆๆ”พี่พลปั่นจักรยานมาเสมอกับฉันและเอ่ยบอกฉัน
“ไม่ดีกว่าค่ะ เกรงใจพี่พล ผิงวิ่งไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“มันจะอีกนิดเดียวได้ยังไงผิง อีกตั้งสองซอยก็ราวๆสองกิโลเมตรเลยน่ะ!”พี่พลพูดขึ้นพลางรีบยื่นมือมาแย่งตะกร้าไปจากฉัน นี้ฉันวิ่งช้าหรือเขาปั่นจักรยานไวกันน่ะ
“พี่พลคะ!”ฉันหยุดวิ่งและเรียกพี่พล ที่ตอนนี้เขาหยุดปั่นจักรยานแล้ว
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง เดี๋ยวเราจะได้แวะไปตามคุณลุงนัยที่บ่อยด้วยไง”พี่พลบอกฉันนั้นยิ่งทำให้ฉันะโขึ้นซ้อนท้ายพี่พลอย่างไว เพราะพ่อของฉันท่านไปเล่นการพนันอยู่ที่บ่อนในซอยบ้านคุณหญิงบ้านหลังใหญ่นั้นและที่สำคัญฉันอายุยังน้อยไม่สามารถเข้าไปตามพ่อในบ่อนได้ พี่พลที่มีอายุมากกว่าฉันเขาจึงอาสาไปตามพ่อฉันในบ่อนนั้นให้บ่อยๆ
“เกาะเอวพี่แน่นๆๆพี่จะซิงแล้ว!!”พี่พลหันมาบอกฉันพลางรีบปั่นจักรยานลงเนินอย่างไวทำให้ฉันที่กลัวว่าจะตกจากจักรยานจึงรีบคว้าเอวจับพี่พลไว้ทันที พี่พลปั่นจักรยานไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่
“เห้อ ถึงแล้ว”ฉันลงมาจากจักรยานด้วยความเหนื่อยหอบเพราะกลัวตกจากจักรยานของพี่พล
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”พี่พลถามฉัน ฉันจึงพยักหน้าให้เขาและรีบเดินไปกดกริ่งบ้านเพื่อรอให้คนในบ้านออกมาเอาขนมตาลนี้
แอ๊ดดด
“อ้อ หนูนี้เอง พรุ่งนี้เอาเหมือนเดิมอีกนะจ๊ะ คุณหญิงและท่านเ้าสัวชอบมากเลย^_^”พี่ที่ทำงานเป็แม่บ้านหลังนี้ออกมาเอาตะกร้าขนมตาลน้นจากฉันทุกวันและเธอก็เป็คนสั่งฉันให้เอามาส่วทุกวัน สงสัยคุณหญิงและท่านเ้าสัวจะชอบขนมตาลของฉันจริงๆคนแก่อยู่บ้านหลังใหญ่สามีภรรยากันและนั่งกินขนมตาลของฉัน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ^_^”ฉันยกมือไหว้เธอที่ส่งเงินแบงค์สีเทาน้ำตาลแบงค์พันมาให้ฉัน
“เอ๊ะ พี่คะ คือหนูไม่ได้นำเงินมาทอน ขอโทษนะคะพอจะมีเศษเงินที่พอดีกับค่าขนมไหมคะ”
“ไม่เป็ไรจ๊ะ คุณหญิงท่านให้^_^”
“แต่ งั้นหนูจะทำขนมตาลมาให้ครบกับจำนวนเงินนี้นะคะ”
“จ๊ะ^-^”
“งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ^_^”ฉันยกมือไหว้เธอ เธอก็ยกมือรับไหว้ฉันและฉันก็รีบวิ่งกลับมาหาพี่พลที่นั่งคร่อมจักรยานรอฉันด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มฉันเอาเงินแบงค์พันใส่กระเป๋าตังค์เก็บทันที คุณหญิงบ้านนี้ใจดีจังเลย ฉันเคยเห็นท่านท่านอายุปนะมาณห้าหกสิบปลายๆได้แล้ว ส่วนท่านเ้าสัวสามีของท่านฉันยังไม่เคยเห็นเลยน่าจะใจดีเหมือนคุณหญิงนั่นแหละ
“เก่งจังอายุแค่เนี่ยทำขนมขายเองได้ด้วย^_^”
“ก็ต้องเก่งสิคะ อยากเรียนหมอนี้หน่า”ฉันพูดบอกพี่พลพลางนั่งคร่อมจักรยานพี่พล พี่พลก็ค่อยๆปั่นจักรยานไปตามทางเรื่อยๆซอยนี้มีแต่บ้านของคนรวยๆบ้านหลังใหญ่ๆโตๆสวยๆทั้งนั้นเลย
“บ้านพี่พลอยู่ซอยไหนเหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่พลไป
“ซอยเดียวกับเรานั่นแหละ อยู่หลังสุดท้าย ท้ายหมู่บ้านโน่นไง”พี่พลชี้สะเปะสะปะไปทั่วเขาบอกฉันแบบนี้ประจำแหละ ฉันจึงย่นจมูกใส่เขาและชะเง้อคอมองไปทางบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ที่ถูกตั้งอยู่ท้ายสุดของซอยเศรษฐีนี้
“ผิงรอพี่อยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวพี่ไปตามคุณลุงนัยมาให้”พี่พลจดจักรยานไว้ข้างป่ารกเหมือนเดิมและเอ่ยบอกฉันเหมือนเดิม
“ค่ะ รบกวนพี่พลอีกแล้ว”ฉันเอ่ยบอกเขาไปและจับแฮนจักรยานที่เขายื่นมาให้ฉันจับ และเขาก็ยิ้มให้ฉันและรีบวิ่งเข้าไปในบ่อนนั้น พี่พลเข้าออกได้สบายชายชุดดำสองคนหน้าบ่อนนั้นก็ก้มหัวให้เขาอย่างนอบน้อมฉันยืนรอพี่พลอยู่สักพักสายตาก็มองไปเรื่อยจดไปสบเข้ากับรถสปอร์ตคันสีดำหลายคันที่กำลังขับผ่านหน้าฉันเข้าไปในบ่อนนั้น ฉันก็ก้มตัวลงหลบหลังจักรยานและแอบมองพวกชายชุดดำที่พากันลงมาจากรถอย่างไวมีอยู่คนหนึ่งลงไปเปิดประตูรถให้ใครสักคนเดินออกม
“ว้าวววว หล่อจัง^_^”ฉันพูดขึ้นเหมือนตัวเองตกอยู่ในภวังค์ออร่าของผู้ชายในชุดสูทสีดำที่สวมแว่นกันแดดสีดำที่เพิ่งจะเดินลงมาจากรถนั้น หล่อสูงขาวหุ่นดี พูดได้คำเดียวว่าหล่อมากและเพอร์เฟคมากๆๆเช่นกัน
“อุ๊ย!”ฉันร้องขึ้นด้วยความใที่แวบหนึ่งเหมือนผู้ชายคนนั้นจะมองมาทางนี้ฉันรีบก้มตัวลงตำ่ลงหลบเขากลัวว่าเขาจะเห็นฉันและสั่งคนมาเก็บฉัน เพราะเขาน่าจะเป็หัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำนั้น เพราะเขาเดินนำหน้าชายชุดดำเข้าไปในบ่อนนั้นและชายชุดดำก็เดินตามหลังเขาไป
“เห้อออ โล่งอกไปที นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและตบหน้าอกตัวเองเบาๆที่มันตื่นเต้นหรือลุ้นกันแน่ก็ไม่รู้
“ทำไมพี่พลไปนานจัง มีอะไรเกิดขึ้นรึป่าว”ฉันที่ชะเง้อคอมองหาร่างของพี่พลที่หายไปนาน
“เวียงพิงค์!”เสียงพี่พลวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากบ่อนและรีบตรงเข้ามาหาฉัน
“รีบหนีเร็ว!”ใบหน้าแตกตื่นของพี่พลทำให้ฉันใ
“มีอะไรคะ แล้วไหนคุณพ่อของผิงล่ะ?”ฉันที่มองหาคุณพ่อที่นึกว่าจะเดินออกมาพร้อมกับพี่พลแต่ก็ไม่มีวี่แววของท่านเลย
“พ่อของผิงขายผิงให้เ้าของบ่อนนี้เพื่อใช้หนี้น่ะสิ!!”พี่พลรีบพูดบอกฉันพลางรีบยกจักรยานไปกลับหัวอย่างไว
“ไม่มีทาง ผิงไม่เชื่อ”ฉันที่ใกับคำพูดของพี่พล
“จริงผิงเร็วๆ ไปอยู่บ้านพี่ก่อน!”พี่พลรีบฉัดแขนฉันให้ขึ้นรถจักรยานของเขาเมื่อฉันขึ้นรถจักรยานพี่พลก็รีบปั่นออกมาอย่างไวจนไม่ได้ดูทางจนชนเข้ากับรถยนต์คันหนึ่งเข้าเต็มๆทำให้ฉันกับพี่พลล้มจักรยานและร่างของฉันกลิ้งหลายตลบไปบนพื้นถนนศีรษะของฉันไปกระแทกเข้ากับโขดหินทับที่แผลเดิม
โครม
“ว๊าย พี่พล!!!”
“เวียงพิงค์!!!”
“จับผู้หญิง แม่มันขายให้เราเเล้ว!!”เสียงสุดท้ายก่อนที่สติของฉันจะดับลงดังขึ้นเสียงฝีเท้าหลายคู่ต่างพากันเดินเข้ามาหาฉัน
“อย่าจับเธอไป!!!”เสียงของพี่พลและเงาของพี่พลกำลังจะเข้ามาช่วยฉันแต่ก็โดนชายพวกนั้นรุมกระทืบ
“ช่วย พี่พล ด้วย”ฉันพูดขึ้นและหลับลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้