สถานที่จัดพิธีถูกจัดขึ้นในห้องโถงของตำหนักองค์หญิงใหญ่
ตามธรรมเนียมก่อนเริ่มพิธีบวงสรวง ทั้งองค์หญิงใหญ่และเหนียนยวี่ต้องชำระร่างกาย ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ก่อน
เหนียนยวี่ออกมาจากห้ององค์หญิงใหญ่และถูกนำตัวไปที่ห้องอาบน้ำโดยสาวใช้ขององค์หญิงใหญ่ ในห้องอาบน้ำ เหนียนยวี่เอนกายลงในสระอาบน้ำ และให้สาวใช้สองคนขัดผิวกาย ล้างตัวให้เหนียนยวี่
ทันใดนั้นก็มีเสียงฉินอันไพเราะเสนาะหูดังมาจากข้างนอกห้องอาบน้ำ
เสียงฉินนั้นนางรู้สึกคุ้นเคยเป็อย่างมาก ‘หงส์คู่โบยบิน’ เป็เพลงที่จ้าวเยี่ยนเคยดีดบรรเลงให้นางฟังบ่อยที่สุด
เหนียนยวี่ฟังเสียงบรรเลงฉินและพิจารณาอย่างละเอียดละออ ในชาติก่อน นางได้ยินเพียงความรักลึกซึ้งระหว่างหงส์สองตัว ทว่ายามนี้นางกลับได้ยินเป็อย่างอื่น
มุมปากยกยิ้มเบาบาง หลังอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เหนียนยวี่เดินออกจากห้องอาบน้ำที่รายล้อมไปด้วยสาวใช้ เงาร่างหนึ่งในชุดสีขาวที่เห็นอยู่ไกลๆ บรรเลงฉินอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ งดงามไม่สนใจราวกับละทางโลกชื่อเสียงเงินทอง ราวกับเทพเซียนที่ถูกลงโทษให้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์
"บุคลิกอันมีเสน่ห์ของท่านอ๋องหลี ไร้คนเทียบเทียมได้จริงๆ " ไม่รู้ว่าเป็สาวใช้ผู้ใด ทว่าคำพูดในประโยคชื่นชมที่เอ่ยออกมาเบาๆ นั้น เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
เหนียนยวี่ฟังเข้าหู ทว่าสายตากลับดูถูก
แม้นท่าทางมีเสน่ห์ ทว่าก็เป็เพียงเปลือกนอกของเขา
นางเหลือบมองจ้าวเยี่ยน ก่อนจะถอนสายตา เพิ่มจังหวะก้าวย่างอย่างรวดเร็ว
ณ บริเวณโถงตำหนักองค์หญิงใหญ่
ไม่นานหลังจากเหนียนยวี่มาถึง องค์หญิงใหญ่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน สาวใช้เป็ขบวนติดตามเข้ามาในโถงอย่างผ่อนคลายไม่เร่งรีบ
สตรีในวัยสี่สิบกว่าที่เคยผ่านการสมรสมาแล้ว เปลี่ยนมาใส่ชุดหรูหราล้ำค่าทั้งตัวขับท่าทางให้ดูสูงส่งยิ่งกว่าเดิม เหนียนยวี่เฝ้ามอง อดไม่ได้ที่จะใจลอย ย้อนกลับไปในปีนั้น บุคลิกอันมีเสน่ห์ขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอมีชื่อเสียงในแคว้นเป่ยฉีนางดูมีเสน่ห์เหนือกว่าสิ่งใดทั้งนั้น!
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่จือเถาช่วยประคองมานั่งลงในตำแหน่งประธาน คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่างยืนเรียงเป็แถวอยู่ทั้งสองฝั่งข้างของห้องโถง
เหนียนยวี่ค้นพบว่านอกจากจ้าวอี้ จ้าวเยี่ยน หนานกงเลี่ย ยังมีสมาชิกที่เป็สตรีคนอื่นๆ อีกเพียงไม่กี่คน ไม่ว่าจะในชุดปกติหรือชุดที่สวยหรูงดงาม
ได้ยินว่า ในจวนของอัครเสนาบดีมีห้องของเหล่าอนุอยู่สองสามห้อง คงจะเป็เหล่าอนุของอัครมหาเสนาบดี
ในสมัยนั้นองค์หญิงคนโตและบันฑิตยากไร้รักกันอย่างแรงยิ่ง ทว่ายามนี้บัณฑิตยากจนกลับมีอนุข้างกายงั้นหรือ?
"คุณหนูยวี่ ยกน้ำชาให้องค์หญิงใหญ่เถิด" หนานกงจื้อเอ่ยขึ้น มีสาวใช้ถือน้ำชารออยู่ด้านข้าง
เหนียนยวี่กลับมาได้สติ นางพยักหน้า คุกเข่าลงกับพื้น คำนับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอสามครั้งอย่างเคารพนอบน้อม ทันทีที่ลุกขึ้น สาวใช้ก็ยกน้ำชาไปให้เหนียนยวี่ด้านหน้า
เหนียนยวี่หยิบถ้วยชาขึ้นมาอย่างสะดวกราบรื่น กลิ่นหอมของชาโชยเข้าจมูก กลิ่นหอมสดชื่นสบายใจ ทว่าเพียงชั่ววินาที ร่างกายของเหนียนยวี่พลันชะงักงันตกตะลึง
นางพินิจมองน้ำชาในถ้วย และใกับสิ่งที่ตนค้นพบ
นี่ไม่ใช่น้ำชาธรรมดา...สิ่งที่ปกคลุมความหอมของชา อาจทำให้นางตายได้!
เป็ผู้ใด?
คนผู้นั้นอยู่ในห้องโถงนี้ด้วยหรือไม่?
เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งอย่างไม่แสดงออก ในใจปั่นป่วน ทว่าภายนอกกลับยังคงแสดงสีหน้าเฉกเช่นปกติ ถือชาในมือก้าวเข้าไปหาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอทีละก้าวๆ แต่ละฝีก้าว ก้าวเดินอย่างหนักหน่วงกดดัน
ในห้องโถง ไม่มีผู้ใดที่สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเหนียนยวี่
ในที่สุดเหนียนยวี่ก็เดินไปถึงด้านหน้าขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ และยื่นชาในมือ "ยวี่เอ๋อร์ยกน้ำชาให้ท่านแม่เพคะ ขอให้ท่านแม่อายุยืนยาวเพคะ"
“ดี ดี” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอพยักหน้าติดๆ จากใจ นางยิ่งรู้สึกชื่นชอบเหนียนยวี่ผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชา ทว่าทันทีที่กำลังจะััถ้วยชา กลับได้ยินเสียงดังเพล้งของถ้วยที่แตกลงบนพื้น
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนในห้องโถงล้วนตกตะลึง
นี่...
"เหนียนยวี่รับผิด เหนียนยวี่...เหนียนยวี่รู้สึกเป็กังวลจนเหงื่อออกลื่นมือแล้ว ทำให้องค์หญิงใหญ่ตื่นตระหนก ขอองค์หญิงใหญ่ทรงรับสั่งลงโทษด้วยเพคะ" เหนียนยวี่คุกเข่าคำนับโขกศีรษะลงไปบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหวาดกลัว ทว่าในใจนางกลับสงบนิ่งเป็อย่างมาก
ในห้องโถง นอกจากการขอความเมตตาของเหนียนยวี่ บรรยากาศกลับเงียบอย่างน่าประหลาด ผู้คนต่างเฝ้าดูเื่ทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเหมือนว่าจะมีใครบางคนตั้งสติขึ้นมาได้
“เสี่ยวเปี่ยวเม่ย เ้าดูเ้าสิ เหตุใดถึงไม่ระวังเช่นนี้!” มู่อ๋องจ้าวอี้ขมวดคิ้วและดุอย่างรุนแรง ทว่าก็รีบหันไปหาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอทันที รวมถึงเริ่มขอร้องอ้อนวอนแทนนาง “ท่านป้า เสี่ยวยวี่เอ๋อร์เมื่อครู่นี้นางอาจตื่นเต้นจริงๆ วันสำคัญเช่นนี้ การจะลงโทษอะไรนั้นควรเลี่ยงไปเถิด เ้า... ยกชาถ้วยใหม่ให้คุณหนูยวี่ ยกชาใหม่อีกครั้ง”
จ้าวอี้ออกคำสั่ง พยายามที่จะช่วยเหนียนยวี่ไกล่เกลี่ย
ทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับดูจะไม่ได้เจรจาง่ายเช่นนั้น
ในขณะนั้น องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมีสีหน้าดำดิ่งมืดคล้ำลงไปแล้ว "รอก่อน เลี่ยงการยกน้ำชาออกไปก่อน"
"ท่านป้า..." จ้าวอี้ขมวดคิ้วแน่นขึ้น อยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าถูกองค์หญิงใหญ่ชิงเหอตัดบทขึ้นมาก่อน "ส่วนเื่ลงโทษ..."
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหลือบมองเหนียนยวี่ที่ก้มหัวอยู่บนพื้นอย่างราบเรียบ "เมื่อครู่นี้ทำให้เปิ่นกงตื่นตระหนกแล้ว พิธีบวงสรวงวันนี้ก็ไว้เพียงแค่นี้ก่อน จือเถา ประคองเปิ่นกงไปพักผ่อน"
จือเถารีบเข้าไปประคององค์หญิงใหญ่ทันที เพิ่งก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจู่ๆ ก็หยุดชะงักกะทันหัน "เหนียนยวี่ คุกเข่าอยู่ที่นี่คงไม่ดีนักมิสู้ไปคุกเข่าอยู่นอกห้องเปิ่นกงจะไม่ดีกว่าหรือ?"
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าผู้คนที่นั่นล้วนแสดงออกไปต่างๆ นานา
ยามนี้เป็เวลาเที่ยงพอดี ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแผดเผาในฤดูร้อนเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอสั่งให้นางไปคุกเข่านอกห้อง เกรงว่านางคงทนคุกเข่าได้ไม่นาน
เหนียนยวี่ผู้นี้...เพิ่งได้รับความโปรดปราน จะสูญเสียความโปรดปรานรวดเร็วเช่นนี้เลยหรือ?
เหนียนยวี่สูดหายใจลึก สำหรับนางแล้ว การคุกเข่าเป็การลงโทษที่เบาที่สุด ถ้าเมื่อครู่นี้องค์หญิงใหญ่ดื่มชาถ้วยนั้นจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้น...เกรงว่าชีวิตนี้ของนางคงจะถูกใส่ความไม่พ้นต้องตายเป็แน่
เหนียนยวี่ลุกขึ้นและติดตามองค์หญิงออกจากห้องโถง
ใบหน้าของจ้าวอี้เต็มไปด้วยความกังวล ทว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน สีหน้าดวงตาของเขามืดมนราวกับว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
"พิธีนี้...นับว่าสำเร็จหรือไม่?"ไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดที่จู่ๆ ก็เอ่ยถามประโยคเช่นนี้ขึ้นมา
ผู้คนฟังด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน...
ดวงอาทิตย์แผดเผายิ่งนัก
เหนียนยวี่คุกเข่าภายใต้แสงแดดแผดเผาร้อนแรง ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เสื้อผ้าบนร่างกายก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หัวเข่าของนางก็รู้สึกราวกับไม่ใช่ร่างกายของตัวเองอีกต่อไป แสงแดดที่แผดเผาทำให้นางรู้สึกเวียนหัว
เหนียนยวี่รู้ว่าใน่เวลานี้มู่อ๋องจ้าวอี้ได้ขอเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ ทว่าถูกจือเถากั้นขวางไว้ด้านนอกประตู
ในที่สุด ครั้นเหนียนยวี่คุกเข่าได้สองชั่วโมง สุดท้ายองค์หญิงใหญ่ก็สั่งให้จือเถาสาวใช้มาแจ้งและปล่อยให้เหนียนยวี่เข้าพบ
เหนียนยวี่เข้ามาในห้อง เห็นองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ก็ย่อเข่าคำนับด้วยท่าฝูเชิน ขาที่คุกเข่าเป็เหน็บชาสั่นสะท้านไม่เป็ไปตามที่้า เกือบจะล้มลงกับพื้น โชคดีที่จือเถาตาไวใช้มือเข้ามาช่วยประคองอย่างรวดเร็ว
"เหนียนยวี่เข้าพบองค์หญิงใหญ่เพคะ" ปากของเหนียนยวี่แห้งเผือด เสียงก็แหบแห้งฟังไม่ชัด
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมองสีหน้าซีดเซียวของเหนียนยวี่ นางขมวดคิ้วแน่น "จือเถา รีบประคองยวี่เอ๋อร์มานั่งข้างๆ เปิ่นกง"
คำว่ายวี่เอ๋อร์คำนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเหนียนยวี่ และสิ่งที่ทำให้นางยิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือการกระทำต่อมาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ
ทันทีที่เหนียนยวี่นั่งลง องค์หญิงใหญ่ชิงเหอก็เอื้อมมือออกไปนวดเข่าทั้งสองข้างของนาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ขาที่คุกเข่าสองข้างนี้เจ็บหรือไม่?”
"องค์หญิงใหญ่ ท่าน..." องค์หญิงใหญ่เฉลียวฉลาดเช่นเหนียนยวี่ ในสายตาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ในใจมีการคาดเดาผุดขึ้นเบาบาง "ท่าน..."
เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอก็ไม่เสแสร้งทำตัวดุดันเช่นก่อนหน้านี้อีก "วันนั้นเ้าขอแลกป้ายอภัยโทษจากข้า และคืนฐานะเด็กสาวต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ได้อย่างสุขุมเยือกเย็น ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าโอกาสเช่นนี้ในวันนี้ เ้าจะตื่นเต้นกังวลจนมือลื่นทำถ้วยชาแตก?”
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมององค์หญิงใหญ่อย่างชมเชย ที่แท้ หัวใจองค์หญิงใหญ่พิสุทธิ์ราวกับกระจกใส ในห้องโถงเมื่อครู่นี้ ท่าทางที่ดูโกรธมากนั้น ล้วนเป็สิ่งที่แสร้งสร้างขึ้นมาหลอกผู้คนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้อง!
"ชาถ้วยนั้นมีปัญหางั้นหรือ?"องค์หญิงใหญ่ชิงเหอถามขึ้นอย่างจริงจัง
"องค์หญิง..."
"เรียกแม่เถิด"
เหนียนยวี่ใเล็กน้อย รอยยิ้มผลิบานบนใบหน้า และกล่าวต่อไปว่า "ท่านแม่จะเชื่อเหนียนยวี่หรือไม่?
"เชื่อ แน่นอนว่าต้องเชื่อ" องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวอย่างหนักแน่น
"ในชามีกลิ่นของน้ำดอกยี่โถ [1] เพคะ" เหนียนยวี่กล่าว ในความทรงจำของนาง แม้เวลาจะผ่านไปนานทว่ากลิ่นของชานั้นก็ยังคงชัดเจนมาก
"ยี่โถหรือ?" จู่ๆ จือเถาก็ร้องขึ้นอย่างใเบาๆ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเองก็แปรเปลี่ยน
ทุกคนต่างก็รู้กันว่าน้ำยี่โถเป็พิษ โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ ััก็ััไม่ได้ ทว่าในน้ำชานั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีน้ำดอกยี่โถผสมอยู่ด้วยงั้นหรือ?
เช่นนั้นหรือ...คงไม่แคล้วมีใครบางคน้าฆ่าทารกในครรภ์ขององค์หญิงใช่หรือไม่?
“เพราะสาเหตุนั้น เมื่อครู่นี้เ้าจึงจงใจพลิกถ้วยน้ำชาเพื่อไม่ให้ข้าดื่มชานั่น?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจ้องมองเหนียนยวี่และในใจก็รู้สึกสงสารนางมากขึ้น องค์หญิงใหญ่ชิงเหอหยุดชะงักคิดอะไรบางอย่าง และค่อยเอ่ยขึ้นมาต่อว่า “ยวี่เอ๋อ เ้าคิดออกหรือไม่ว่าผู้ใดกันแน่ ที่คิดอยากทำร้ายเ้าเช่นนี้?”