ความเ็ปบนข้อมือของเหนียนอีหลานรุนแรงขึ้น
นางคิดว่าเหนียนยวี่รู้อะไรบางอย่างแล้วใช่หรือไม่ถึงได้ตั้งใจจับนาง...
การคาดเดานี้ทำให้ในใจของเหนียนอีหลานสั่นไหว สายตามองไปที่เหนียนยวี่อย่างสำรวจความจริง
เหนียนยวี่เองก็กำลังมองนางอยู่พอดี เมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดเซียวของนาง เหนียนยวี่ก็ขมวดคิ้วสีหน้าเป็กังวล "ท่านพี่ ท่านเป็อะไรไปหรือ? เหตุใดสีหน้าถึงดูย่ำแย่เช่นนี้?"
เหนียนอีหลานเห็นความกังวลบนใบหน้านั้นที่ไม่ได้เสแสร้งก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย นางฉีกยิ้มมุมปาก "ข้ากลัวว่าเ้าจะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในภายหลังหากเมื่อคืนโจรนั่นทำร้ายเ้าขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นจะทำอย่างไร?"
หวาดกลัวขึ้นมาในภายหลังงั้นหรือ?
เกรงว่าในใจเหนียนอีหลานยามนี้คงกำลังโมโห จู่ๆ ก็มีใครบางคนไม่รู้ว่าผู้ใดเข้ามาทำลายแผนดีๆ ของนาง
“ยวี่เอ๋อร์อย่างไรก็เป็คุณหนูจวนเหนียนของพวกเราแม้เมื่อก่อนตอนที่แต่งตัวปลอมกายเป็บุรุษเดินไปมาอย่างอิสระ ก็ช่างไปเถิดทว่าในเมื่อยามนี้กลับคืนฐานะของเด็กสาวแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ควรมีสาวใช้คอยปรนนิบัติดูแล หากเมื่อคืนนี้มีคนคอยเฝ้าอยู่โจรนั่นคงมิอาจเข้าใกล้ตัวเหนียนยวี่ได้"
“ใช่ ควรมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ ข้าจะให้พ่อบ้านจัดสรรให้...”เหนียนเย่ารับสั่ง สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย"ยามนี้ยวี่เอ๋อร์เป็บุตรีบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอแล้วสาวใช้ที่คอยดูแลข้างกายควรเป็อย่างไร?
"ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องจัดการแล้ว เื่เล็กน้อยพวกนี้อีหลานจะเป็คนจัดการให้เองเ้าค่ะ" เหนียนอีหลานดึงมือที่เหนียนยวี่จับออก นางก็รู้สึกสบายข้อมือขึ้นมากเดินไปที่ประตู รับสั่งกับคนที่ยืนอยู่นอกประตูว่า "พวกเ้าสองคนมานี่"
เพียงครู่หนึ่ง สาวใช้ทั้งสองก็เดินเข้ามาและคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว เสียงของเหนียนอีหลานดังขึ้นตามมาว่า“เื่สาวใช้ อีหลานมองหาไว้ให้นานแล้ว ทว่าตลอดมายังเลือกคนที่ถูกใจไม่ได้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ได้เลือกพวกนางสองคนมา เดิมทีอยากจะพาตัวมาให้เหนียนยวี่นานแล้วทว่าก็อยากส่งให้วันสำคัญเช่นวันนี้ เพราะจะยิ่งทำให้มีความหมายมากขึ้น ทว่าหากรู้เร็วกว่านี้ว่าจะมีอันตรายดังเช่นเมื่อคืนเข้าใกล้เหนียนยวี่ล่ะก็ข้าคงพาตัวสาวใช้สองคนนี้มาให้เ้าั้แ่ตอนนั้นแล้ว เป็เพราะอีหลานไม่ดีเองหากเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรกับเหนียนยวี่จริงๆ ข้าคง...”
เหนียนอีหลานเอ่ยจนจบ ท้ายที่สุดก็สะอื้นไห้ออกมาใบหน้าเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง หากนางไม่รู้หน้าตาที่แท้จริงของพี่สาวคนนี้เหนียนยวี่คงโดนนางหลอกเข้าเต็มเปา
“ท่านพี่ ข้าจะตำหนิท่านได้อย่างไร ถึงอย่างไรยวี่เอ๋อร์ก็ไม่ได้เป็อะไรมิใช่หรือ? ท่านอย่าร้องไห้เลย ท่านพี่ร้องไห้เช่นนี้ หัวใจของยวี่เอ๋อร์เองก็พลอยเป็ทุกข์ไปด้วยนะเ้าคะ"คำพูดไพเราะ เหนียนยวี่เองก็พูดเป็ นางก้าวไปข้างหน้าและลูบหลังของเหนียนอีหลานอย่างนุ่มนวล
ความรู้สึกของเหนียนอีหลานค่อยๆ เบาบางลง นางหันมองไปที่เหนียนยวี่ "เช่นนั้นสาวใช้สองคนนี้ เ้าก็เก็บไว้ข้างกายเ้าให้ดีเช่นนี้ข้าและท่านพ่อจะได้วางใจได้ขึ้นมากสักหน่อย"
เหนียนยวี่เหลือบมองสาวใช้สองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นนางจะรับไว้ได้อย่างไร?
ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเหนียนยวี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ยวี่เอ๋อร์ขอบคุณท่านพี่ ทำให้ท่านพี่ลำบากแล้ว"
“เป็พี่น้องกัน พูดขอบคุณไม่ขอบคุณอะไร”เหนียนอีหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งนี้ช่วยบรรเทาเื่ไม่พอใจที่แผนการเมื่อคืนไม่สำเร็จได้สาวใช้สองคนนี้...เหนียนอีหลานคิดอะไรบางอย่างได้ก็รีบเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองทันทีว่า"พวกเ้าฟังให้ดี จงดูแลคุณหนูรองให้ดี หากนางมีเื่ไม่สบายใจอะไรล่ะก็ข้าจะจัดการพวกเ้าแน่นอน"
"เ้าค่ะ บ่าวจะดูแลคุณหนูรองให้ดีอย่างแน่นอน"สาวใช้ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน
เหนียนเย่ามองดูท่าทางผูกพันระหว่างสองพี่น้องก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“พวกเ้าพี่น้อง ภายภาคหน้าต้องสนับสนุนกันและกันให้ดี”
เหนียนเฉิงหมดหวังแล้วสิ่งเดียวที่เขาสามารถวางใจได้คือบุตรีทั้งสองคนนี้!
พิธีบวงสรวง เดิมทีจัดในวัดหลวง
ทว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อเป็ห่วงองค์หญิงใหญ่ที่กำลังตั้งพระครรภ์กลัวว่านางจะทนไม่ไหว จึงรับสั่งลงมายังกรมพิธีการเป็พิเศษให้รวบรัดขั้นตอนในพิธีให้จัดพิธีในตำหนักองค์หญิงใหญ่แทน
ยี่สิบกว่าปีก่อน ่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนครองราชย์อยู่นั้นทรงรักใคร่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมาก
ยามนั้นองค์หญิงใหญ่ชิงเหอมีชื่อเสียงเรียงนามไปทั่วแคว้นเป่ยฉีมีคุณชายมากมายหลากหลายตระกูลนับไม่ถ้วนปรารถนาจะเป็ที่โปรดปรานขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอไม่แม้แต่จะชายตามองคุณชายจากหลายตระกูลพวกนั้นเลย ทว่านางกลับตกหลุมรักบัณฑิตยากจนไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่ง
บัณฑิตยากจนเช่นนั้นจะเหมาะสมที่จะเคียงคู่กับราชนิกุลได้อย่างไร?
เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมเรียงเคียงคู่กับคนรัก องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจึงหนีไปกับบัณฑิตยากจนผู้นั้น ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนส่งคนตามหาจนเจอกล่าวกันว่านี่เป็ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทำตัวโหดร้ายกับน้องสาวที่ตัวเองรักโดยรับสั่งให้ขังนางอยู่แต่ในวัง ไม่ให้ออกจากห้องเป็เวลาหนึ่งเดือนทั้งยังจับบัณฑิตยากจนคนนั้นขังไว้ในคุกหลวง
หลังจากที่องค์หญิงใหญ่รู้เื่นี้ นางก็ใช้ชีวิตตัวเองมาข่มขู่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงรักน้องสาวคนเดียวของตนผู้นี้มาก หลังใช้ใจชั่งดูแล้วมีแต่ต้องประนีประนอมเท่านั้น
ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงมีพระราชโองการพระราชทานงานสมรสออกมางานสมรสขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอนั้น ไม่ได้จัดอย่างหรูหราใหญ่โตเพียงสร้างตำหนักองค์หญิงใหญ่ไว้นอกวัง และให้คู่รักแสนหวานอาศัยอยู่ในรังรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ต่อมาบัณฑิตท่านนั้นก็ก้าวเข้ามาสู่หนทางการใช้ชีวิตของขุนนางแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ค่อยๆ เลื่อนระดับ จากขุนนางธรรมดากลายเป็อัครเสนาบดี
สิบปีก่อน ฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงรับสั่งให้ขยายตำหนักองค์หญิงใหญ่และสร้างตำหนักอัครเสนาบดีไว้ด้านข้างตำหนักองค์หญิงใหญ่
ยามนี้ตำหนักองค์หญิงใหญ่และตำหนักอัครเสนาบดีก็ตั้งอยู่เคียงข้างกันทว่าข้างในเรือนกลับมีเส้นทางที่เชื่อมต่อกัน
เหนียนยวี่ยืนอยู่นอกตำหนักองค์หญิงใหญ่ มองดูประตูของตำหนักอัครเสนาบดีที่อยู่ไม่ไกล ชาติก่อน นางพอจะได้ยินเื่เกี่ยวกับอัครเสนาบดีผู้นี้มาบ้าง
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนยึดอำนาจและครองบัลลังก์ได้ อัครเสนาบดีผู้นี้เองก็มีบทบาทอย่างมากในเื่นี้เช่นกัน!
“คุณหนูยวี่ องค์หญิงใหญ่ทรงรออยู่ในตำหนักแล้วเ้าค่ะองค์หญิงใหญ่ทรงรับสั่งว่าเมื่อคุณหนูยวี่มาถึงแล้วให้บ่าวนำทางท่านเข้าไปเ้าค่ะ" เป็จือเถา สาวใช้ส่วนตัวขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่ถูกส่งให้มาต้อนรับเหนียนยวี่
เหนียนยวี่พยักหน้าให้จือเถาอย่างสุภาพนอบน้อม "รบกวนพี่สาวจือเถาแล้ว"
จือเถายิ้มแย้มตอบอย่างสุภาพนำทางเหนียนยวี่เข้ามาในตำหนักองค์หญิงใหญ่ เมื่อครู่ที่เห็นเหนียนยวี่นางอดไม่ได้ที่จะตาพร่า คุณหนูรองผู้นี้มีเสน่ห์งดงามยิ่งกว่าตอนนั้นที่เจอในซื่อฟางกว่านเสียอีกร่างกายเติบโตได้อย่างน่าซาบซึ้งทีเดียว
ได้ยินว่าเมื่อวานมู่อ๋องทรงจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูรองตระกูลเหนียน...
ไม่ว่าผู้ใดต่างรู้กันดีว่าท่านอ๋องมู่ยากที่จะปรนนิบัติดูแลใครไม่สนใจผู้ใดทั้งนั้น ทว่ากลับปฏิบัติกับคุณหนูรองอย่างแตกต่าง
เฮ้อ องค์หญิงใหญ่กล่าวไม่ผิดจริงๆ คุณหนูรองผู้นี้ไม่ธรรมดา!
เหนียนยวี่เพิ่งมาถึงประตูเรือนขององค์หญิงใหญ่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันมีเอกลักษณ์โดดเด่นของจ้าวอี้ดังออกมานางอดไม่ได้ที่จะชะงักฝีเท้า เขามาได้อย่างไร?
เหนียนยวี่ประหลาดใจ หลังจากที่เดินเข้าประตูมาก็พบว่าไม่ใช่มีเพียงแค่จ้าวอี้คนเดียวเท่านั้น นอกจากพวกเขาสองคนแล้วยังมีบุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมของขุนนางรูปร่างหน้าตาประมาณยี่สิบกว่าปี คนผู้นั้นเหนียนยวี่เองก็จำได้
หนานกงจื้อ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหนานกง!
“ท่านป้า ท่านกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องนักยวี่เอ๋อร์เป็บุตรีบุญธรรมของท่าน เช่นนั้นก็เป็เปี่ยวเม่ยของข้า ข้า้าเชิญเสี่ยวเปี่ยวเม่ยของข้ามาร่ำสุราจะถือว่าเกินขอบเขตได้อย่างไร?” จ้าวอี้ยิ้มแย้มสบายใจเมื่อเห็นเหนียนยวี่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาเป็ประกายโดยทันที เร่งรีบเข้ามาต้อนรับเหนียนยวี่โดยไม่สนใจผู้คนมากหน้าหลายตาตรงนั้น
เหนียนยวี่มองดูบุรุษคนนี้ที่กำลังเดินเข้ามาหานางรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีในใจ อย่างที่คิด แขนนั่นโอบบ่านางทำให้นางไร้ทางหลีกเลี่ยง
และผู้ก่อหายนะนั่นกลับยังทำสีหน้าตื่นเต้น "เสี่ยวยวี่เอ๋อร์เมื่อวานสุราของข้าเป็อย่างไร?
เหนียนยวี่ฉีกยิ้ม "สุราของมู่อ๋อง แน่นอนว่าเป็สุราที่รสชาติดีมากเพคะ"
"เฮ่ ท่านป้า ท่านได้ยินหรือไม่ เสี่ยวยวี่เอ๋อร์สรรเสริญสุราข้าข้าเปี่ยวเกอผู้นี้จะดูแลเสี่ยวเปี่ยวเม่ยให้ดี"จ้าวอี้เลิกคิ้วและยิ้มอย่างพึงพอใจ
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมองรอยยิ้มผะอืดผะอมบนใบหน้าของเหนียนยวี่ในใจก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เหลือบมองด้านข้างจ้าวอี้ "เอาล่ะ พอแล้ว อย่างไรเหนียนยวี่ก็เป็สตรี เ้าอย่าไปก่อกวนสอนอะไรไม่ดีๆ ให้นาง ยวี่เอ๋อร์ เ้ามานี่มา..."
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกวักมือเรียกเหนียนยวี่ และเหนียนยวี่จึงหลุดจากวงแขนของจ้าวอี้เดินเข้าไปย่อเข่าคำนับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอด้วยท่าฝูเชิน"ยวี่เอ๋อร์เข้าพบองค์หญิงใหญ่เพคะ"
"หลังจากวันนี้ไป เกรงว่าเ้าต้องเปลี่ยนคำพูดแล้ว"องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม กุมมือเหนียนยวี่อย่างรักใคร่
จ้าวอี้ขยับแขนที่ห้อยอยู่กลางอากาศของเขา รู้สึกมึนงงเล็กน้อยทว่าเพียงไม่นานก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้า "ใช่แล้ว ใช่แล้วหลังผ่านวันนี้ เสี่ยวยวี่เอ๋อร์ต้องเปลี่ยนไปเรียกข้าว่าเปี่ยวเกอแล้ว"
จ้าวอี้กล่าวคำนี้ออกมาก็ทำให้ผู้คนในห้องยิ้มแย้มมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอแสดงความยินดีกับองค์หญิงใหญ่ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูยวี่ขอรับ กระหม่อมจัดเตรียมพิธีบวงสรวงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้วองค์หญิงใหญ่และคุณหนูยวี่ชำระร่างกายผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ"หนานกงจื้อที่คอยเฝ้ามองอยู่ด้านข้างมาตลอดก็เอ่ยขึ้นเสียงใสให้อารมณ์แบบบัณฑิต
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาเขาในตอนนี้เป็ผู้ช่วยเ้ากรมพิธีการงั้นหรือ?
ตระกูลหนานกง นอกจากคุณชายรองแล้ว ที่เหลือล้วนอยู่ในท้องพระโรงและหนานกงจื้อผู้นี้ก็เป็ลูกหลานของตระกูลหนานกงที่เป็ขุนนางในท้องพระโรงซึ่งเป็คนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุด ยังมีคุณชายรองอีกคนหนึ่ง..
เมื่อนึกถึงคุณชายรองผู้นั้น สีหน้าของเหนียนยวี่ก็ยิ่งจริงจังเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
ตระกูลหนานกง...พวกเขาถูกกำหนดให้มาเป็ศัตรู!