นางเบือนหน้าหนีก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำให้ความรู้สึกของตนเองมั่นคงอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ถึงได้กลับมามองตาจี๋โม่หาน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาและหนักแน่น “จี๋โม่หาน ข้าคิดว่าข้าคงจะชอบเ้าแล้ว”
จี๋โม่หานที่พันปีไม่เคยเปลี่ยนสีหน้า ในที่สุดก็ปรากฏออกมาให้เห็น เขาเผยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อผ่านทางสีหน้า ทั้งยังมีความดีใจติดมาด้วย
ซูิเยว่ปล่อยมือจากคางของจี๋โม่หาน นางลูบหน้าเขาก่อนจะไปที่ดวงตา
ดวงตาของจี๋โม่หานสวยมากจริงๆ จากการรักษาอยู่หลายครั้ง พิษก็ถูกระบายออกมาไม่น้อยแล้ว สีดวงตาของเขาค่อนข้างอ่อนเหมือนกับเพชรเม็ดหนึ่ง ดวงตาที่ลืมขึ้นเพราะว่าประหลาดใจเมื่อครู่มีแววตาเลือนลอยไม่มีจุดสังเกต แต่ก็ยังคงสวยงาม
ซูิเยว่พูดเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงชอบเ้า แต่สำหรับข้าแล้วเ้าไม่เหมือนกับใครคนไหน ข้าสามารถเลือกที่จะเชื่อใจเ้าได้ในทันที ในใจก็รู้สึกพึ่งพาเ้าอย่างน่าประหลาด ข้าไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย”
ั้แ่ที่ตัดสินใจมาพบจี๋โม่หานจนถึงตอนที่เข้าห้องมาเมื่อครู่ ทั้งตัวของนางเครียดเกร็งไปหมด แต่หลังจากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปจนหมด ทั้งกายของซูิเยว่ก็ผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด
มือที่จับที่วางแขนของจี๋โม่หานก็ปล่อยออก เขาขยับร่างกายที่แข็งเล็กน้อยของตัวเองก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งพร้อมถอนหายใจออกมา
ซูิเยว่คิดว่าเขาจะพูดอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมามือของจี๋โม่หานจะโอบเอวของนางอย่างไม่คาดคิด ร่างกายพุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทั้งตัวของนางตกอยู่ในอ้อมกอดของจี๋โม่หาน
ซูิเยว่ร้องออกมาอย่างใ สองมือยันอยู่บนอกของจี๋โม่หาน ทั้งตัวนั่งอยู่บนขาของเขา
“ข้า...” ซูิเยว่อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มือของจี๋โม่หานกลับจับที่หลังคอของนางแล้วกดลงมาก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือของนางไปหมดสิ้น
ััที่ทั้งเย็นและนุ่มแผ่ขยายบริเวณริมฝีปาก ซูิเยว่เบิกตากว้างน้อยๆ อย่างใ มองเห็นใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบ
จี๋โม่หานขบริมฝีปากของนางไม่แรงและไม่เบาเกินไป ซูิเยว่เจ็บจึงอ้าปากออกเล็กน้อย จากนั้นลิ้นของจี๋โม่หานก็เปิดปากของนางออกแล้วบุกเข้าจู่โจม
ลมหายใจของทั้งสองคนค่อยๆ แรงขึ้น ซูิเยว่รู้สึกแค่ว่าร่างกายในตอนนี้อ่อนปวกเปียก ครึ่งท่อนบนติดอยู่บนตัวของจี๋โม่หาน
ซูิเยว่ไม่รู้ว่าจูบนี้ดำเนินติดต่อกันนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีจี๋โม่หานก็ปล่อยนางที่อยู่ในอ้อมกอดออก แต่มือของเขายังคงวางไว้ที่เอวของนาง แล้วกดให้นั่งอยู่บนตักของตัวเอง
ซูิเยว่ดิ้นอยู่สองทีก็ไม่หลุดจึงทำได้แค่ปล่อยไป ตอนนี้แก้มกับกกหูร้อนไปหมด
“แม่หนู”
จี๋โม่หานหัวเราะเสียงต่ำและแหบพร่าซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากเกินบรรยายที่ข้างหู ซูิเยว่ในตอนนั้นรู้สึกว่าครึ่งตัวด้านข้างกรอบไปหมดแล้ว
ปีศาจ เขาเป็ปีศาจจริงๆ ด้วย
“อืม” ซูิเยว่รับคำและแอบลอบพูดเสียงเบา คนลามก
จี๋โม่หานก็พลันยกมือขึ้นลูบแก้มนาง จากนั้นก็เลื่อนไปด้านหลังหู ตรงจุดที่ปลายนิ้วลูบผ่านมีความเย็นที่ทำให้รู้สึกจั๊กจี้
จี๋โม่หานยกยิ้มมุมปาก สุดท้ายปลายนิ้วก็ไปหยุดที่ริมฝีปากของซูิเยว่ก่อนจะพูดเสียงเบา “เ้าเขินหรือ”
“เปล่าเพคะ” ซูิเยว่รีบปฏิเสธทันที แต่แก้มกับกกหูไม่รักดีก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
จี๋โม่หานไม่ได้หยอกล้อนางอีก เขาโอบกอดนางแน่นพร้อมสูดกลิ่นหอมบนตัวของนาง
จากนั้นก็พูดเสียงเบา “แม่หนู ข้าไม่เคยชอบใครเช่นนี้มาก่อน เ้าเป็คนแรกและจะเป็คนเดียว เ้าไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่มาสั่นไหวความรู้สึกของข้าได้ง่ายๆ”
ร่างกายของซูิเยว่แข็งเกร็งขึ้นมาทันที ต่อมาก็ผ่อนคลายลง สองมือวางอยู่บนบ่าของจี๋โม่หาน นางยกยิ้มขึ้น “เช่นนั้นข้าก็รู้สึกเป็เกียรติมากเลยนะ”
จี๋โม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าเองก็รู้สึกเป็เกียรติมากเช่นกัน”
ซูิเยว่พิงไปด้านหลัง นางมีความกล้าขึ้นมา สองมือจับที่หน้าของจี๋โม่หานแล้วพูดแหย่ “แต่เ้ายังมองไม่เห็น ไม่กลัวว่าข้าจะหน้าตาน่าเกลียดหรือ?”
“แม่หนูของข้า ไม่ว่าเ้าจะหน้าตาเป็อย่างไร ข้าก็ชอบอยู่ดี” จี๋โม่หานพูดออกมาอย่างจริงจัง เขาพูดพร้อมยกมือมาลูบใบหน้าของซูิเยว่
จากริมฝีปากไปจนถึงจมูก แล้วก็ไปที่ดวงตา จากนั้นก็ค่อยๆ ลูบไปช้าๆ ก่อนจะพูดต่อ “ถึงแม้ข้าจะมองไม่เห็น แต่ข้ารู้สึกได้ว่าแม่หนูน้อยของข้าไม่ได้น่าเกลียด แต่กลับสวยมากต่างหาก”
ซูิเยว่หัวเราะฮ่าๆ สองที นางกอดคอของจี๋โม่หานใหม่อีกครั้ง
เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วถาม “เช่นนั้นเ้าไม่รังเกียจที่ข้าตาบอดหรือ?”
ซูิเยว่ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาตามความจริง “ไม่มีทาง ไม่ว่าเ้าจะเป็อย่างไร ข้าก็ชอบ ถึงแม้จะตาบอดพิการข้าก็ยังชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะต้องรักษาดวงตาเ้าให้หายแน่นอน”
“เช่นนั้นเ้าไม่รังเกียจที่ข้าอายุมากกว่าเ้าหรือ?”
“ไม่นี่” ซูิเยว่ร้องจิ๊ออกมา นางยกมือขึ้นเชยคางเขาเบาๆ แล้วพูดแทะโลม “ขอแค่พี่ชายหน้าตาดี ถึงอายุมากแค่ไหน ข้าก็ไม่สนใจ”
ที่ซูิเยว่พูดออกมานั้นเป็ความจริง ถึงแม้จี๋โม่หานจะเป็ท่านอ๋องคนหนึ่ง แถมยังเป็คนรุ่นเดียวกับฮ่องเต้ในตอนนี้ แต่เขาก็เป็บุตรชายของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เป็ท่านอ๋องที่อายุน้อยที่สุด
ในตอนนี้ก็แค่อายุสามสิบ ถึงแม้จะอายุมากกว่าซูิเยว่ประมาณหนึ่งรอบ แต่เมื่อยืนอยู่กับพวกองค์ชายพวกนั้น ก็ไม่เหมือนลุงกับหลาน กลับเหมือนพี่ชายน้องชายมากกว่า
จี๋โม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ เขายกมือขึ้นแตะจมูกของซูิเยว่เบาๆ
“จริงด้วย” ซูิเยว่คิดอะไรขึ้นมาได้จึงล้วงของออกมาจากอก “เ้าให้ของข้าไม่ใช่หรือ ข้าเองก็มีของจะให้”
นางพูดแล้วก็มองของสร้อยหยกแกะสลักที่ไม่เป็รูปร่างในมืออย่างเขินอาย
จี๋โม่หานเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามอย่างสนใจ “อะไรหรือ”
ซูิเยว่เอาสร้อยมาสวมที่คอของจี๋โม่หานก่อนจะบอก “เป็สร้อยคอเส้นหนึ่ง”
จี๋โม่หานยกมือขึ้นจับหยกแล้วใช้ปลายนิ้วััอย่างละเอียด เขาใที่ลูบแล้วไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ซูิเยว่พูดอย่างเขินอาย “มันค่อนข้างน่าเกลียด ข้าแกะสลักเอง เ้าห้ามรังเกียจนะ”
จี๋โม่หานหัวเราะออกมา “ไม่มีทาง ขอแค่เ้าให้ข้า ข้าก็ชอบมากแล้ว มันมีความสำคัญสำหรับข้ามาก”
พอเขาพูดจบแล้วก็จับมือของซูิเยว่มาไว้ที่ฝ่ามือของตัวเอง แต่กลับไปโดนแผลที่ปลายนิ้วของซูิเยว่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ซี๊ด....” ซูิเยว่ร้องซี๊ดออกมา นางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เป็อะไรไป?”
หัวใจของจี๋โม่หานก็ระมัดระวังขึ้นมาทันที เขาขมวดคิ้วกุมมือของซูิเยว่เบาๆ แล้วลูบปลายนิ้วที่ใช้ผ้าพันเอาไว้เบาๆ “มือเ้าเป็อะไร?”
“ไม่เป็อะไรเพคะ” ซูิเยว่ส่ายหน้าแล้วใช้น้ำเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาตอบ “ก็แค่ไม่ทันระวังจนโดนบาดเข้า เป็แผลที่เล็กมากๆ เท่านั้น”
“เด็กโง่” จี๋โม่หานจับมือของนางไปที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตลงบนแผลเบาๆ
“แหะๆ” ซูิเยว่อดที่จะหัวเราะออกมาสองทีไม่ได้
จี๋โม่หานเองก็หัวเราะตามอย่างหน่ายใจ “เ้าบื้อหรือ เหตุใดถึงได้ชอบหัวเราะขนาดนี้?”
“เพราะว่าข้าดีใจนี่เพคะ” ซูิเยว่กอดคอของจี๋โม่หานเอาไว้แล้วพูดอย่างไม่ปิดบัง นางดีใจมากจริงๆ โดยเฉพาะหลังจากรู้ความคิดของจี๋โม่หานอย่างชัดเจนแล้ว