เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายวันมานี้หานโม่ได้เดินเที่ยวรอบๆ เมืองหลิงหยวนทุกวัน จึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของเมืองหลิงหยวนแล้ว
ขณะที่กำลังวางแผนสำรวจเส้นทางในโลกใหม่ต่อไป วันแห่งการจัดประมูลก็ได้มาถึงแล้ว
หานโม่เดินตามกลุ่มนักฆ่ารับจ้างเข้าไปในสถานที่จัดงานประมูล
นี่เป็ครั้งแรกที่หานโม่ได้มาัักับการประมูลที่โลกแห่งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ดูหรูหรามากนักแต่บรรยากาศนั้นครึกครื้นนัก
หานโม่เลือกนั่งที่มุมหนึ่งสำหรับผู้นำสินค้ามาเข้าร่วมการประมูล นางยื่นเซียนหลิงเฉ่าให้แก่หูเลี่ยงและให้พวกเขาเข้าร่วมการประมูลในนามของกลุ่มนักฆ่ารับจ้าง
หูเลี่ยงเป็ชื่อของชายมีหนวดเครา และในหลายวันมานี้หานโม่ก็สนิทกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
เซียนหลิงเฉ่าก็คือบททดสอบบทหนึ่งที่หานโม่มอบให้แก่หูเลี่ยงและคนอื่นๆ
ในฐานะเพื่อนร่วมกลุ่ม สิ่งแรกที่้าคือความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นางมอบความไว้วางใจให้กับหูเลี่ยงและหวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้นางผิดหวัง
ยังคงเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนการประมูลจะเริ่มขึ้น หานโม่ไม่ได้ลงไปร่วมทักทายกับคนอื่นๆ มากมายนัก ด้วยผู้ที่นางรู้จักภายในเมืองหลิงหยวนเองก็มีไม่เยอะ หานโม่จึงเลือกที่จะนั่งอยู่คนเดียวตรงมุมห้องและคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้คนอย่างละเอียดรอบคอบ สิ่งนี้คือนิสัยติดตัวอย่างหนึ่งของหานโม่
ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งมานั่งข้างๆ หานโม่จึงพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง “ต้องขออภัยด้วย ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว”
“โอ้? ผู้ใดรึ?” น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นเหนือหัว หานโม่จึงเงยหน้ามาและพบกับดวงตาที่ยิ้มแย้มของตี้เฉิน
เจอผีแล้ว! [1]
ภายในใจของหานโม่นึกสงสัย คนผู้นี้เหตุใดถึงได้รู้สึกว่าสามารถพบเจอไปเสียทุกที่
“เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานโม่มองไปรอบๆ และพบว่าการมาถึงของตี้เฉินไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใดเลย
ตี้เฉินหัวเราะ “มาเข้าร่วมงานประมูลอย่างไรเล่า”
หานโม่นิ่งเงียบ
ภายในดวงตาเย็นะเืคู่นั้นเป็ประกายราวกับมองคนโง่งม
ตี้เฉินยิ่งหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิม “สายตาเ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ข้าไม่คิดว่าสิ่งที่ท่านขาดแคลนจะมีอยู่ในการประมูล”
ตลกยิ่ง! หัวหน้ากลุ่มนักฆ่ารับจ้างเปลวเพลิงสีชาด้ามาประมูลเพื่อซื้อของบางสิ่งอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่ว่าเขาแค่ยื่นมือออกไปก็มีคนคอยส่งของมาให้หรอกหรือ
ตี้เฉินไม่แปลกใจที่หานโม่จะรู้จักสถานะของเขา ยังคงยิ้มอย่างน่าเกรงขามพลางเอ่ยว่า "เ้ารู้จักข้าดีจริงๆ ไม่ใช่ว่าตกหลุมรักข้าไปแล้วหรือ?"
หานโม่เหลือบมองตี้เฉินอย่างเหยียดหยาม แวบหนึ่ง
ช่างน่าชมท่านว่าผีหัวโตนัก
“หากไม่มีอะไรแล้วท่านได้โปรดลุกออกไปด้วย นี่เป็ที่นั่งที่ข้าจองไว้ให้สหาย”
เสียงของหานโม่ค่อยๆ เบาลง ที่นั่งด้านข้างถูกจับจองไปแล้วเรียบร้อย
หานโม่ขมวดคิ้ว มองไปยังตี้เฉินที่นั่งลงโดยไม่ได้รับเชิญ จึงเอ่ยถามอย่างเ็าว่า “ท่านฟังที่ข้าพูดไม่เข้าใจหรือ?”
ตี้เฉินพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ข้าเข้าใจ”
“ฟังเข้าใจแล้วทำไมท่านถึงยังนั่งอยู่อีกเล่า?”
ชายรูปงามแย้มยิ้ม ดูกวนนัก “อย่างไรเสีย ตอนนี้เพื่อนของเ้ายังไม่มา ทำไมไม่ให้ข้านั่งตรงนี้ไปก่อนเล่า? อีกอย่าง รอพวกเขามาก่อนแล้วถ้าพวกเขาบอกให้ข้าลุก ข้าก็จะคืนที่นั่งให้พวกเขา”
เมื่อหานโม่ได้ยินก็เบ้ปากโดยไม่ได้พูดอะไร
หูเลี่ยงและคนอื่นๆ รู้จักตัวตนของตี้เฉิน ถ้าจะกล้าขอให้ตี้เฉินลุกก็คงเจอผีหลอกแล้ว
หานโม่ไม่ค่อยสันทัดในการรับมือกับคนหน้าหนาอย่างตี้เฉินนัก ด้วยบุคลิกคงเส้นคงวาของหานโม่จึงไม่ถนัดพูดคุยให้มากความ และฝีมือการต่อสู้ก็จัดว่ายอดเยี่ยม แต่ว่าตี้เฉินผู้นี้ มีความแข็งแกร่งลึกระดับก้นสมุทร [3] ภายในใจของหานโม่จึงรู้สึกอึดอัด แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงทำเป็ไม่สนใจตี้เฉิน ด้วยี้เีคิดอะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน หูเลี่ยงและคนอื่นๆ ก็กลับมา
เมื่อเห็นว่ามีผู้อื่นนั่งอยู่ที่นั่งข้างๆ หานโม่โดยไม่มีสาเหตุ ใบหน้าของหูเลี่ยงและคนอื่นๆ ก็พลันดำคล้ำพลางก้าวเท้ายาวๆ เดินตรงเข้ามาหา
เดิมทีหลายคนเป็นักฆ่ารับจ้างอยู่ก่อนแล้วรอบตัวของพวกเขาจึงมีรังสีสายหนึ่ง และถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับพูดได้ว่าพวกเขาก่อกรรมทำชั่วไปเสียหมด แต่ก็เคยทำการโจรกรรมด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคง "ไม่ต่อยตี ก็ไม่รู้จัก" กับหานโม่ได้
ในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาราวกับทะยานไปข้างหน้าราวกับพยัคฆ์ ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างก็มองมา และในดวงตาของพวกเขาปรากฏแววใกลัวเล็กน้อย
เมื่อหูเลี่ยงและคนอื่นๆ เดินเข้ามาใกล้และเห็นว่าที่นั่งข้างๆ หานโม่คือตี้เฉิน ทั้งกลุ่มก็ยืนตัวตรงและเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ยม......ใต้เท้า ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกันขอรับ?”
เมื่อหูเลี่ยงเห็นว่าเป็ตี้เฉิน ก็เกือบจะโพล่งออกไปว่า "ยมบาลหน้าเย็น" แต่เมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งของตี้เฉิน คำพูดเ่าั้ก็ถูกกลืนกลับเข้าไปทันที
ตี้เฉินเหลือบมองหูเลี่ยงอย่างเ็า ท่าทางของเขานั้นแตกต่างจากตอนแสดงออกกับหานโม่อย่างสิ้นเชิง
“เข้าร่วมการประมูล” เป็ห้าคำที่ช่างเ็าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ยิ่ง
หูเลี่ยงและคนอื่นๆ เมื่อได้ฟังก็อดหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อถูกตี้เฉินแช่แข็งแล้ว หูเลี่ยงและคนอื่นๆ ก็เหลือบมองหานโม่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกราวกับไม่ได้รับความเป็ธรรมเล็กน้อย
ซึ่งวิธีการเช่นนั้นราวกับเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังถูกรังแก แล้วมองหาญาติผู้ใหญ่ให้มาปกป้องด้วยความน่าสงสาร
หานโม่มองพวกหูเลี่ยงโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าหานโม่จะรู้ว่าคนพวกนี้จะต้องไม่กล้าขวางตี้เฉินอย่างแน่นอน แต่ว่าเมื่อเห็นพวกเขาทำท่าทางขี้ขลาดเช่นนี้แล้ว หานโม่ก็รู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย
“พวกเ้าไปหาที่นั่งเอาเองเถอะ” หานโม่ไม่อยากพูดคุยกับตี้เฉินมากนัก ดังนั้นจึงทำเพียงเอ่ยสั่งหูเลี่ยงเสียงเรียบ
หูเลี่ยงและคนอื่น ๆ ต่างพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
อันที่จริงแล้วยังมีที่นั่งว่างอยู่ข้างๆ หานโม่อีก แต่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างตี้เฉินอยู่ด้วย พวกเขายังจะกล้าดีนั่งลงอีกหรือ?
ท้ายที่สุดแล้วหูเลี่ยงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้จากไป พวกเขาทำเพียงยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนเท่านั้น
คนตัวใหญ่หลายสิบคนยืนเรียงแถวสองแถวล้อมรอบคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง ในสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะจัดอย่างหรูหราและค่อนข้างใหญ่โต ขณะนี้การประมูลยังไม่เริ่ม ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและกำลังพูดคุยกันต่างหันมามองภาพนี้เป็ระยะๆ
ตี้เฉินและหานโม่ต่างเมินเฉยต่อสายตาของผู้อื่นที่มองมาและนั่งด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง
เมื่อการประมูลใกล้จะเปิดม่าน ตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลิงหยวน และแม้แต่ผู้คนมากมายจากตระกูลใหญ่ในเป่ยิก็ปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้คนมากมายจากตระกูลใหญ่ๆ ล้วนชมชอบที่จะแย่งชิงความโดดเด่น พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าตนเองเป็คนสำคัญ ดังนั้นไม่ว่าจะออกไปทำอะไรก็ชอบให้ผู้คนทั้งหมดมาถึงงานก่อนแล้วพวกเขาถึงจะแสดงตัวภายหลัง
เนื่องจากเ้าของร่างเดิมไม่ติดต่อกับผู้อื่นมากนัก หานโม่จึงไม่คุ้นเคยกับเหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองหลิงหยวนเลย เพราะงั้นเมื่อตอนที่แต่ละตระกูลเดินเข้ามา สีหน้าของหานโม่ล้วนไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
ตี้เฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างของหานโม่ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หานโม่อย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของหานโม่ไม่มีการผันผวนเลยแม้แต่น้อย ก็อดที่จะหัวเราะภายในใจไม่ได้ ชายหนุ่มยิ่งสงสัยในตัวสาวน้อยผู้นี้มากขึ้นไปอีก
แต่เพียงไม่นาน ตี้เฉินก็เห็นมุมปากของหานโม่บิดโค้งขึ้น เผยรอยยิ้มที่ทั้งซุกซนและแฝงไปด้วยความเกลียดชังออกมา
รอยยิ้มนี้หานโม่เป็ผู้เดียวที่รู้ความหมาย มันไม่สามารถมองออกว่าใบหน้าที่บิดเบี้ยวนี้จะหัวเราะหรือร้องไห้ แต่หานโม่เกิดมาพร้อมความงาม แม้ว่าบนใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ซับซ้อนเช่นนี้ นางก็ยังคงดูงดงาม
ในสายตาของตี้เฉินแล้ว ไม่ว่าหานโม่จะแสดงออกเช่นไรก็ล้วนงดงามไปเสียหมด
มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น ตี้เฉินจึงหันไปมองที่ทางเข้า
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ตี้เฉินก็เข้าใจแล้ว
ปรากฏว่าคนของตระกูลหานมาถึงแล้ว
แม้ว่าคราวนี้คนจากตระกูลหานจะไม่ได้มาพร้อมหน้าทุกคน แต่คนที่มีชื่อเสียงในตระกูลหานล้วนต่างมากันหมด
อาจเป็เพราะหานโม่นั้นโดดเด่นเกินไปสำหรับที่นี่ ด้วยเพราะนางนั่งอยู่ท่ามกลางการปกป้องของกลุ่มคนพวกนี้ ทุกคนล้วนคิดว่านางต้องเป็ผู้ที่สูงศักดิ์ยิ่ง ดังนั้นเมื่อตอนที่ตระกูลหานเดินเข้ามาจึงมองไปยังฝั่งที่พวกเขานั่งอยู่
คนตระกูลหานไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าพวกเขาจะได้พบกับหานโม่
ทันใดนั้นความเกลียดชังในดวงตาของหานซินก็ปรากฏขึ้น นางคว้าแขนเสื้อของหานเทียนพี่ชายของนางแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า "ท่านพี่ คือหานโม่นางสารเลวนั่น!"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] เจอผีแล้ว หมายถึง เปรียบเปรยว่าเป็เื่พิลึก/ประหลาด
[2] ลึกระดับก้นสมุทร หมายถึง ประเมินไม่ได้ หรือ วัดไม่ได้