ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 104 ถูกแจ้งความ

        สวี่จือจือและลู่ซือหยวนเดินออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับหัวเราะกันอยู่

        ตรงกำคำว่าคนชั่วก็ย่อมมีคนชั่วมาจัดการเองจริงๆ

        “ไปกันเถอะค่ะ” สวี่จือจือรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เธอเข็นจักรยานไป “ไปซื้อเค้กไข่ให้คุณย่ากัน”

        เผื่อจะได้ดูด้วยว่าขนมไหว้พระจันทร์ของปีนี้เป็๲ยังไงบ้าง?

        นี่ก็เป็๞จุดประสงค์ที่เธอพาลู่ซือหยวนมาด้วยในวันนี้

        ตอนนี้นโยบายยังไม่เปิดเสรี แต่ถ้ารอถึงปีหน้าเมื่อนโยบายคลายตัวลง เธอจะให้คนไปตั้งเตาอบที่ไกลออกไปหน่อย แล้วก็จะทำขนมไหว้พระจันทร์ได้

จ         ากที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ที่พวกเธอทำขนมไหว้พระจันทร์กัน สวี่จือจือรู้สึกว่าถ้าใช้เตาอบทำออกมา มันจะต้องอร่อยยิ่งกว่าตอนนี้แน่ๆ รับรองว่าไม่ต้องกลัวขายไม่ออก

        ยังคงเป็๲ร้านขายของชำร้านนั้น ไม่รู้ว่าเป็๲เพราะมีวาสนากับพี่สะใภ้สองคนนั้นหรือเปล่า ครั้งนี้ที่สวี่จือจือไป เธอยังเจอพี่สะใภ้สองคนที่เคยคุยกันครั้งก่อนอีก

        พี่สะใภ้ที่อวบหน่อยเป็๞พนักงานขายขนม เห็นสวี่จือจือมาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “น้องสาว ไม่ได้มาซื้อเค้กไข่ตั้งนานแล้วนะ”

        เมื่อก่อนเพราะคุณนายลู่อยากกินเค้กไข่ เธอเลยมาซื้อบ่อยๆ ทุกสามวันห้าวัน ทำให้คุ้นเคยกับพี่สะใภ้ร่างอวบคนนี้

        แต่๰่๭๫นี้ที่บ้านทำขนมไหว้พระจันทร์กัน คุณย่าก็เลยไม่ค่อยอยากกินเค้กไข่แล้ว

        “ใช่ค่ะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วถามพี่สะใภ้ร่างอวบ “พี่สะใภ้คะ ปีนี้จะหาขนมไหว้พระจันทร์ได้ไหมคะ? อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลแล้ว”

        “คงยาก ของเยอะๆ ถูกหน่วยงานรัฐจองไปหมดแล้ว” พี่สะใภ้ร่างอวบส่ายหน้า แล้วกระซิบกับสวี่จือจือว่า “น้องสาว ของแบบนั้นไม่อร่อยหรอก มีเงินขนาดนี้ซื้อเค้กไข่เพิ่มดีกว่า หรือไม่ก็ซื้อเนื้อมากินยังดีกว่าซะอีก”

        ยังไงก็แค่บรรยากาศของเทศกาล ชาวบ้านธรรมดาจะกินของแบบนั้นไปทำไม?

        แข็งแถมมีเส้นไหมสีแดงสีเขียว ไม่เห็นจะอร่อย

        พี่สะใภ้บอกว่าถ้ามีเงินกับคูปองอาหารขนาดนี้ ซื้อเนื้อมากินไม่อร่อยกว่าหรือ?

        “ขอบคุณพี่สะใภ้ค่ะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ค่ะ” แล้วบอกอีกว่า “ขอเค้กไข่หนึ่งจินแล้วกันค่ะ”

        “ทำไมซื้อแค่จินเดียวล่ะ?” พี่สะใภ้ร่างอวบยิ้มแล้วพูด “ปกติเธอซื้อทีสองสามจินไม่ใช่เหรอ?”

        “พี่สะใภ้ไม่ใช่บอกเหรอคะว่าให้เก็บเงินไว้ซื้อเนื้อมากิน” สวี่จือจือกะพริบตาปริบๆ

        พี่สะใภ้ร่างอวบตำหนิเธอเบาๆ “เด็กคนนี้ มาดูตาชั่งสิ”

        ตาชั่งสูงๆ

        สวี่จือจือก็หัวเราะแล้วคุยกับพี่สะใภ้ร่างอวบต่ออีกหน่อย ถึงจะดูเหมือนแค่คุยเล่น แต่จริงๆ แล้วก็มีชั้นเชิงอยู่

        พอออกมาข้างนอก สวี่จือจือยิ้มมองลู่ซือหยวน

        “พี่หยวนหยวน มีความคิดอะไรบ้างไหมคะ?” สวี่จือจือยืนอยู่ตรงนั้น มองลู่ซือหยวนด้วยรอยยิ้ม

        ลู่ซือหยวนยืดหลังตรง

        ปกติถ้าสวี่จือจือถามเธอแบบนี้ แปลว่าอีกฝ่ายกำลังทดสอบอะไรบางอย่าง

        เธอแปลกใจอยู่เหมือนกัน เด็กสาวคนนี้เด็กกว่าเธอตั้งเยอะชัดๆ แต่ทุกครั้งที่พูดเ๹ื่๪๫แบบนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนครูสอนหนังสือ

        ยิ้มแย้มอยู่แท้ๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับน่ากลัวกว่าคุณครูที่โรงเรียนที่ชอบทำหน้าบูดบึ้งเสียอีก

        “ขนมไหว้พระจันทร์ที่พวกเราทำ ถ้าสามารถเอามาขายที่นี่ได้ ต้องขายดีแน่ๆ” ลู่ซือหยวนคิดแล้วพูด “แล้วก็เค้กไข่นั่น จริงๆ ฉันก็ทำได้นะ” แถมไม่แพ้ของที่ขายเลยสักนิด แค่ตอนนี้ยังขายไม่ได้ ทำกินเองในบ้านมันฟุ่มเฟือยเกินไป

        สวี่จือจือเผยรอยยิ้มอย่างคุณน้าผู้พึงพอใจ แต่ปากกลับพูดอย่างเสียดาย “ใช่สิ ถ้านโยบายเปิดให้เราค้าขายได้ พี่หยวนหยวนอาจจะได้เป็๲ราชินีของกินเล่นเลยก็ได้นะคะ”

        ราชินีของกินเล่นอะไรลู่ซือหยวนไม่เข้าใจ เธอรู้แค่ว่าน้องสะใภ้คนนี้พูดเกินจริงเพื่อชมเธอ

        ทั้งคู่ไปซื้อผลไม้เพิ่มอีกหน่อย แล้วพาลู่ซือหยวนตรงไปที่สถานีขนส่ง

        วันนั้นที่เธอเอาไปฝากหัวหน้าสถานีกับผู้อำนวยการคงกินกันไปแล้ว

        ใครจะรู้ว่าพอสองคนเดินมาถึงสถานีขนส่ง ลุงยามเฝ้าประตูกลับรีบกวักมือเรียกพวกเธอ “แม่หนู พวกเธอมาได้สักที คงได้ยินข่าวมาแล้วสินะ?”

        ได้ยินอะไร?

        สวี่จือจืองง “คุณลุง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

        “พวกเธอไม่รู้เหรอ?” ชายชราพูดเบาๆ “เมื่อกี้มีคนมาสองสามคน บอกว่าหัวหน้าสถานีกับผู้อำนวยการถูกแจ้งความ เกี่ยวกับซาลาเปาของบ้านเธอ”

        ถึงชายชราจะแค่เฝ้าประตู แต่ก็กินซาลาเปาของบ้านสวี่จือจือมาพอสมควร

        “ขอบคุณคุณลุงค่ะ” สวี่จือจือพูดด้วยความขอบคุณ

        “จือจือ คราวนี้เราจะทำยังไงดี?” ลู่ซือหยวนพูดด้วยความตื่นตระหนก “เราจะถูกจับข้อหา...” เก็งกำไร!

        “อย่าตื่นตระหนกไป” สวี่จือจือจับมืออีกฝ่าย ตอนเซ็นสัญญาเธอคิดถึงเ๹ื่๪๫นี้แล้ว และก็เคยพูดถึงไป ตอนนั้นหัวหน้าสถานียังบอกให้เธอไม่ต้องกังวล เขาจะจัดการเอกสารให้ครบถ้วน

        “พวกเราไปรอดูตรงนั้นกันก่อน” สวี่จือจือพูด ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี

        ทักทายชายชราไปคำหนึ่ง ทั้งสองคนก็ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ฝั่งตรงข้ามสถานี ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน แน่นอนว่าเข้าไปมั่วๆ ไม่ได้

        พวกเธอไม่ได้รอนาน ก็เห็นชายใส่ชุดจงซาน[1]สองสามคนเดินออกมาจากสถานี

        สวี่จือจือดึงลู่ซือหยวนไปหลบหลังต้นไม้ รอจนคนเดินไปไกล เธอมองเวลาแต่ไม่ได้เข้าสถานี กลับไปรอที่ปากทางอีกทางหนึ่ง

        ไม่นานก็เห็นหวังไห่จวินขี่จักรยานมา พอเห็นสวี่จือจือก็๻๠ใ๽ “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

        “ฉันเพิ่งไปที่สถานี ลุงยามที่ประตูบอกว่าเราโดนแจ้งความเหรอคะ?” สวี่จือจือพูด “ฉันไม่กล้าเข้าไปในสถานีเลยรอคุณที่นี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

        “มีเ๱ื่๵๹แบบนั้นจริง” หวังไห่จวินเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูด “เธอมาพอดีเลย ฉันกำลังจะให้คนไปบอกเธออยู่”

        คราวนี้ไม่ต้องแล้ว เขาพาทั้งคู่ไปที่มุมซอย “คงมีคนอิจฉา แต่ไม่ต้องห่วง เอกสารของพวกเราครบถ้วน คงไม่ใช่เ๹ื่๪๫ใหญ่”

        “แค่กลัวว่าต่อไปจะไม่ได้กินซาลาเปาของบ้านเธอแล้ว” หวังไห่จวินยิ้มขมขื่น

        “ฉันว่าวันนี้อาจมีคนไปสืบที่หมู่บ้านเธอด้วย” หวังไห่จวินพูด “เตรียมใจไว้หน่อย อย่าตื่นตระหนก...”

        เขาพูดถึงตรงนี้แล้วมองสวี่จือจือด้วยความชื่นชม “ยังดีที่วันนี้พวกเธอไม่ได้เข้าไป” ไม่งั้นบางคำพูดคงพูดไม่ได้

        “งั้นฉันก็สบายใจแล้วค่ะ” สวี่จือจือได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจโล่งอก

        “พวกเธอรีบกลับบ้านไปก่อน ถ้ามีอะไร” หวังไห่จวินคิดแล้วพูด “รอฉันที่ปากซอยข้างหน้า อย่าไปที่สถานี”

        ถ้าแค่การแจ้งความธรรมดา เอกสารพวกเขาครบ คงแค่ถูกตรวจสอบตามขั้นตอน แต่ดูจากท่าทางวันนี้เหมือนจะไม่ใช่

        แต่ก็ไม่กล้าพูดมากกับสองสาวนี้ กลัวว่าพวกเธอจะ๻๠ใ๽

        “ค่ะ” สวี่จือจือพยักหน้า แล้วถามเขาอีก “เมื่อกี้ฉันเห็นคนคนหนึ่ง รูปร่างสูงเหมือนคุณเลยค่ะ อ้อ สวมรองเท้าหนังด้วย คุณรู้จักเขาไหมคะ?”

        “โจวต้าไห่ เธอรู้จักคนนี้เหรอ?”

        หวังไห่จวินถาม “เขาตอนนี้เป็๞ประธานคณะปฏิวัติในอำเภอ เ๹ื่๪๫แจ้งความครั้งนี้เขาเป็๞คนรับผิดชอบ”

        แซ่โจว?

        สวี่จือจือคิด แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลย

        แต่พอถึงบ้าน เธอก็รู้ทันทีว่าแซ่โจวคนนี้คือใคร

            .............................

        [1] ชุดจงซาน หมายถึง ชุดกองทัพแดง หรือชุดเหมา

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้