บทที่ 175 องครักษ์เทวัญ
หลิงจื้อะโออกไป และด้วยเสียง “ฟุ่บ” เกราะแสงโปร่งใสก็ครอบทั่วร่างกายของเขา ส่องแสงระยิบระยับ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นโจมตี
นี่คือทักษะลับทางิญญาของตระกูลหลิง เกราะศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่พลังป้องกันก็สูงมาก เมื่อมองแวบแรก จะดูเหมือนระลอกคลื่น สวยงามจนทำให้ผู้นำสำนักบางคนขมวดคิ้ว สิ่งนี้ไม่ควรประมาท
ทันใดนั้น ผู้เฒ่าหลิงก็ตวัดมือขวา เกิดเมฆดำขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง
สายฟ้าฟาดเสียงดัง “ตูม” กระแทกเข้ากับฉู่เจิ้นหนานบนเวที!
ในขณะเดียวกัน ตงฟางเยี่ยนก็ไม่รอช้า เขาสูดจมูกอย่างเ็า กล้ามเนื้อปริออก กระทบหมัดเข้าหากันจนเกิดคลื่นลมแรง จากนั้นก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังออกมา
นี่คือวิชายุทธ์ที่เรียกว่าหมัดปีศาจวัว ด้วยพรของวิชายุทธ์อันทรงพลังของตระกูลตงฟาง ทำให้สามารถใช้พลังที่ไม่มีใครเทียบนี้ได้
“ปัง!”
ตงฟางเยี่ยนะโขึ้นไปบนเวที ต่อยออกไปหลายที และะโก้องฟ้า ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่เขายังเร็วมาก ทำให้ผู้คนหวาดกลัวขึ้นมาไม่น้อย
ชั่วพริบตา พลังสายฟ้าและหมัดได้ห่อหุ้มฉู่เจิ้นหนานที่อยู่คนเดียวบนเวทีอย่างสมบูรณ์ หากเขาไม่หลบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะถูกบดขยี้อย่างไรบ้าง!
แต่เมื่อเผชิญกับการโจมตีอันทรงพลังของชายทั้งสอง จิ้งจอกเฒ่ายังคงสงบนิ่ง ยืนหลังตรง และไม่มีร่องรอยความตื่นตระหนกเลย ทำเพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ดูเหมือนเขาจะคาดหวังฉากนี้ไว้อยู่แล้ว
“อย่าประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป!”
“สุนัขเฒ่า ตายซะ!”
หลิงจื้อและตงฟางเยี่ยนพุ่งมาโจมตีจากซ้ายและขวา พ่นคำด่าออกมาไม่หยุด และในตอนนี้ที่พลังสายฟ้าและหมัดปีศาจวัวใกล้ตกลงโดนตัว พวกเขากำลังจะฆ่าฉู่เจิ้นหนานได้!
แต่ทันใดนั้น ก็มีสายฟ้าแลบสว่างวาบออกมา
“ฟิ้ว-”
มองเห็นคลื่นน้ำที่เชี่ยวกราดลอยวนไปมากลางอากาศ กวาดไปมาเหมือนั ทำให้อากาศเต็มไปด้วยหมอก
นี่คือธารปราณที่ถูกควบแน่นด้วยพลังปราณ มันก่อตัวเป็น้ำสีทองปกคลุมร่างกายของฉู่เจิ้นหนาน
“ปังปัง--”
ชั่วขณะต่อมา ได้ยินเสียงดังเพียงสองครั้ง ฟ้าร้องบนท้องฟ้าถูกทำลาย แสงหมัดก็หายไป การบุกรุกที่เอาแต่ใจหายไปทันทีที่ัักับผืนน้ำที่ดูคล้ายจะอ่อนแอนั้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิงจื้อและตงฟางเยี่ยนต่างก็มีสีหน้าไม่เชื่อ เมื่อยืนอยู่บนเวทีดวงตาของเขาเคร่งขรึม
“อะไรกัน?...เกิดอะไรขึ้น?”
“ทะเลาะกันแล้วหรือ?”
ผู้คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุดูสับสนเพราะผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป พวกเขาทันเห็นเพียงฉู่เจิ้นหนานที่ในยามนี้ ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำส่องสว่าง
“ให้ตายเถอะ! เกือบจะฆ่าสุนัขเฒ่านั่นได้แล้ว มีคนเข้ามาขวางเสียได้!” ฉู่อวิ๋นตื่นตัวมาก และด้วยประสาทััทั้งห้าในตอนนี้ของเขา เขาย่อมมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางอู้ฟู่คนหนึ่งลอยมาในอากาศ จากนั้นก็ร่อนตัวลงมาอยู่ตรงหน้าฉู่เจิ้นหนาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
คือทูตจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ ฉู่เจียง!
“ท่านทั้งสอง กล้าดีอย่างไรมาโจมตีผู้นำตระกูลย่อยของตระกูลฉู่เราอย่างเปิดเผยเช่นนี้? หรือไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยหรือ?”
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงก็กางฝ่ามือออกอย่างสบายๆ ปล่อยให้ผืนน้ำกลายเป็กระแสน้ำอีกครั้ง ให้กระแสน้ำลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นจึงพุ่งไปที่ฝ่ามือของเขาด้วยเสียง “ฟุ่บ” เบาๆ และรวมตัวกันเป็ก้อนน้ำใสขนาดเล็ก
ทันใดนั้น ทูตของตระกูลฉู่ก็ถอนมือกลับ แสดงสีหน้าเ็าและจริงจัง จ้องไปที่หลิงจื้อและตงฟางสยงตามลำดับ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าบุ่มบ่าม
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก!
“ฮึ่ม คนตระกูลฉู่ล้วนหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้หรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉู่เจิ้นหนานผู้นี้กล้าหลอกลวงเรา กลับกลอกเล่นเล่ห์ ตระกูลตงฟางจะไม่มีวันกล้ำกลืนฝืนทนเป็แน่!”
ตงฟางเยี่ยนโกรธ แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้เฒ่าอีกสามคนของตระกูลตงฟางก็ะโขึ้นไปบนเวทีและยืนเคียงข้างเขา สร้างแรงกดดันอันทรงพลังต่อฉู่เจียง
“สิ่งที่เ้าพูดไร้มูลความจริง! มีหลักฐานอะไรมายืนยันเล่า?” ฉู่เจียงขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “ใส่ร้ายคนตระกูลฉู่ของข้า ถือเป็ความผิดร้ายแรง พวกเ้ายังจะมาสร้างปัญหาต่ออีก? รีบไสหัวไป!"
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลิงจื้อก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านทูต แน่นอนว่าเรารู้ว่าคนตระกูลฉู่ไม่อาจถูกรังแกได้ แต่ถ้าเราไม่ถูกทำลบหลู่ ไหนเลยจะหาญกล้าสร้างปัญหาเช่นนี้ได้?”
เขาหันหน้าไปพูดเสียงดัง “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน! เราทุกคนล้วนมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก ข้าเชื่อว่าพวกท่านย่อมมีสายตาที่เฉียบคม”
“พวกเราตระกูลหลิงและตระกูลตงฟาง จำเป็ต้องสร้างปัญหาโดยไม่มีมูลเหตุ และปลอมแปลงข้อเท็จจริงเพียงเพื่อการแต่งงานหรือ?”
“ฉู่เจิ้นหนานผู้นี้สัญญาว่าจะเลือกคนของข้าเป็คู่แต่งงาน และใช้ข้อสัญญานั้นกลืนของหมั้นของเราลงท้อง!”
ยามนี้ หลังจากได้ยินคำพูดจากใจนี้ ทุกคนต่างก็ใ และคิดว่ามันเป็เื่จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองกำลังที่เป็กลางและตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลตงฟาง ล้วนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและจ้องมองที่ฉู่เจิ้นหนานด้วยความดูถูก
“ผู้นำตระกูลฉู่กำลังทำลายชื่อเสียงของตระกูลตัวเองเข้าแล้ว”
“สิ่งนี้ต่างอะไรกับการปล้นชิงกัน? ไม่รู้ว่าตระกูลหลิงและตระกูลตงฟางต้องสูญเสียไปมากเพียงไร”
แน่นอนว่ายังมีพันธมิตรหลายคนของตระกูลเสวี่ยและตระกูลฉู่ที่ปกป้องฉู่เจิ้นหนานอยู่ พูดคำพูดที่ไม่น่าฟังอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังดุด่าสาปแช่งหลิงจื้อ ตงฟางสยงและคนอื่นๆ บนเวที
“ตาแก่ตายยากพวกนี้ เพื่อให้ทายาทได้แย่งภรรยาผู้อื่นไป ช่างทำได้ทุกวิถีทางจริงๆ วิธีการนี้แย่มาก”
“ถูกต้อง พอไม่ได้คนงามกลับไป ก็มาปล่อยข่าวลือและสร้างปัญหาที่นี่ พฤติกรรมแบบนี้น่าอายจริงๆ”
่หนึ่ง จัตุรัสของศาลเ้าก็เกิดความโกลาหล ความคิดเห็นและคำสบถด่าข้ามไปข้ามมา อื้ออึงไปทั่วทั้งลาน
ส่วนผู้ชมที่อยู่รอบนอกก็มองหน้ากัน จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อรู้ว่าการแต่งงานในวันนี้ คงจะวุ่นวายและปั่นป่วนขึ้นมา
ในเวลานี้ เมื่อได้ยินผู้ชมทั้งหมดส่งเสียงะโ สีหน้าของฉู่เจียงก็เปลี่ยนไป เมื่อหันกลับมามองฉู่เจิ้นหนาน ก็เห็นว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทันทีว่าคดีการหลอกเอาของหมั้นนี้ดูท่าจะเป็ความจริง
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ทูตจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ก็ไม่รู้มาก่อนว่าฉู่เจิ้นหนานโลภมากจนแอบกลืนเอาของหมั้นไว้ในท้อง
“ท่านทูต ท่านต้องมอบความยุติธรรมให้กับผู้แซ่ฉู่นะขอรับ!” ฉู่เจิ้นหนานประสานมือโค้งคำนับ แต่มีรอยยิ้มมากเล่ห์บนริมฝีปาก
จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ แม้แต่คนจากเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ก็ถูกเขาคิดวางตัวเอาไว้ในแผน ให้อีกฝ่ายเป็คนระงับเื่วุ่นวายที่ตนก่อ
ท้ายที่สุด อย่างไรก็เพื่อหน้าตาของตระกูล เขาจำเป็ต้องช่วย
“เหอะ!” ยามนี้ ฉู่เจียงทำได้เพียงส่งเสียงเหอะอย่างเ็า มองดูหลิงจื้อ ตงฟางเยีย่น และคนอื่นๆ แล้วพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไร ในฐานะพยานของการแต่งงานครั้งนี้ ข้าจะต้องทำให้งานแต่งงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น!”
“ส่วนเื่การหลอกฮุบเอาของหมั้น ค่อยสอบสวนกันต่อทีหลัง”
“อีกอย่าง คู่แต่งงานก็ได้รับเลือกเป็คุณชายชุยเสวี่ยแห่งจวนตระกูลเสวี่ยแล้ว แม้ว่าพวกเ้าจะสร้างปัญหาที่นี่ แต่ผลลัพธ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง! ต้องทำกันถึงเช่นนี้เลยหรือ? กลับไปเถอะ!”
แต่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ที่เทียบได้กับการขับไล่ หลิงจื้อ ตงฟางเยี่ยนและคนอื่นๆ ก็ไม่คิดจะล่าถอย
พลังของคนทั้งห้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การแสดงออกของพวกเขาเ็าลงเรื่อยๆ เพราะเห็นได้ชัดว่าฉู่เจียงกำลังพยายามทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการโดนหลอก
สอบสวนทีหลัง? คำพูดผายลม
“คนจากตระกูลฉู่ล้วนโเี้นัก!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟันด้วยความโกรธ เขาะโขึ้นไปบนเวทีเพื่อเผชิญหน้ากับฉู่เจียง
สถานการณ์วุ่นวายในยามนี้ คือเวลาที่ดีที่สุดในการช่วยคน แม้ว่าเขาจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่เขาก็ต้องช่วยฉู่ซินเหยาออกมาให้ได้!
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าตงฟางสยง ไม่ยอมรับผลของการแต่งงานครั้งนี้ คนงามนั้นเป็ของข้า! งานแต่งของตระกูลฉู่และเสวี่ยวันนี้ อย่าแม้แต่จะคิดเลย!” ตงฟางสยงพูดอย่างเ็าและขึ้นไปบนเวที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ยามนี้ มีคนเจ็ดคนที่เผชิญหน้ากับฉู่เจียงบนเวที ได้แก่ ฉู่อวิ๋น หลิงจื้อ และคนจากตระกูลตงฟาง
ในขณะที่ตระกูลตงฟางที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชม นักรบเปลือยอกที่มาด้วยต่างก็ส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลา ทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้น
“นี่จะจบลงอย่างไร?”
“จะเริ่มทะเลาะกันหรือ? ไม่คิดเลยว่าวันแต่งงานอันแสนวิเศษจะกลายเป็แบบนี้”
ฝูงชนอยู่ในความโกลาหล เสียงถกเถียงดังขึ้นไม่รู้จบ
ในความเป็จริง ทุกคนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การเผชิญหน้าอย่างธรรมดาทั่วไป เมื่อทั้งสามฝ่ายเริ่มากัน มันจะเป็การต่อสู้ระหว่างตระกูลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“พวกเ้าช่าง... กล้ามาก!” แม้ว่าใบหน้าของฉู่เจียงจะมืดมน แต่จริงๆ แล้วเขากลับลอบขมวดคิ้วอยู่ในใจ
เพราะเขาได้รับคำสั่งให้ดูแลการแต่งงานครั้งนี้ แต่ตอนนี้เื่กลับเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว ยากจะยุติลงจริงๆ
หากเขาจัดการได้ไม่ดี ยามกลับถึงเชื้อสายหลักเขาต้องถูกลงโทษขั้นสูงแน่
“พวกเ้าคิดจะขัดขวางการแต่งงานใช่ไหม?!” ฉู่เจียงะโด้วยความโกรธและ เวทีก็แตกออกด้วยแรงกดดันที่ไม่มีใครเทียบได้
แต่ฉู่อวิ๋น หลิงจื้อ และตระกูลตงฟางไม่กลัว กลับแอบรวบรวมลมปราณ
“ได้ยินมาว่าเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่มีพลังในด้านวิชายุทธ์โดดเด่น ขอคำแนะนำด้วย!” หลิงจื้อพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
“อย่างไรเสีย ตระกูลตงฟางของเราก็เป็ตระกูลที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก เหตุใดต้องยอมกล้ำกลืนความอยุติธรรมนี้ด้วย? น่าขันนัก!”
“ตระกูลตงฟางไม่อาจลบหลู่!”
“ตระกูลตงฟางไม่อาจลบหลู่!”
ตงฟางเยี่ยนเป็ผู้นำและะโ ทำให้ผู้าุโคนอื่นๆ ตงฟางสยงและนักรบตระกูลตงฟางในกลุ่มผู้ชมเริ่มส่งเสียงะโพร้อมกัน
น้ำเสียงที่ะโออกมานั้น บอกได้เลยว่าโกรธมาก!
ในเวลานี้ ดวงตาของฉู่อวิ๋นที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากกำลังจ้องมองไปที่ฉู่เจิ้นหนานที่ยืนหลบอยู่หลังฉู่เจียงอย่างได้ใจ
“สุนัขเฒ่า! เ้าต้อง... ตาย!” ฉู่อวิ๋นกำหมัดแน่นและหายใจเข้าอย่างแรง
ศึกครั้งนี้ ยากหลีกเลี่ยง!
“ก็ได้!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เจียงก็เยาะเย้ยและพูดว่า “เดิมที ข้าไม่้าเรียกพวกเขามา แต่ในเมื่อพวกเ้าไม่ยอมเลิกรา เช่นนั้นก็อย่าตำหนิที่ข้าลงมือโหดร้าย”
“องครักษ์เทวัญฟังคำสั่ง! ยามนี้มีคนขัดขวางการแต่งงาน รีบพาพวกเขาออกจากลานแห่งนี้โดยเร็ว!”
“ไม่ว่าจะเป็หรือตาย!”
ทันทีที่เสียงะโของฉู่เจียงสิ้นสุดลง ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็ตกตะลึง พวกเขาใมากจนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ในเวลานี้ เด็กๆ ในตระกูลที่อายุน้อยบางคนก็ถูกพ่อแม่กอดอยู่ในอ้อมแขนด้วยอาการสั่นกลัว
องครักษ์เทวัญ ฉู่เจียงส่งองครักษ์เทวัญไปปรามที่เกิดเหตุจริงหรือ?!
ต้องรู้ว่าองค์รักษ์เทวัญเป็นักรบที่ทรงพลังที่สุดในเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ แต่ละคนมีความเด็ดขาดและเืเย็นในการลงมือเข่นฆ่า พวกเขามีความสามารถที่โดดเด่นและมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยที่สุด ในพวกเขาย่อมมีนักรบขั้นพื้นพิภพ!
ยิ่งไปกว่านั้น องครักษ์เทวัญยังเชื่อฟังและจงรักภักดีอย่างยื่ง แม้ว่าเ้านายของพวกเขาจะสั่งให้ตนไปตาย พวกเขาก็จะไม่บ่นอะไรออกมาสักคำ
พูดได้ว่า นี่คืออาวุธสังหารที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เป็สิ่งที่ทำให้นักรบจำนวนมากในราชวงศ์เซี่ยตะวันออกหวาดกลัวได้
เมื่อคิดต่อไป เชื้อสายหลักของตระกูลฉู่และแม้แต่นักรบาล้วนเป็นักรบขั้นพื้นพิภพ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพลังนี้ยิ่งใหญ่และไม่อาจหยั่งรู้ได้
“ควับ!”
ท่ามกลางเสียงอึกทึกของฝูงชน มีคนเห็นร่างสิบร่างลอยมาในอากาศด้วยความเร็วที่พอๆ กับแสงที่แวบผ่าน ทำให้ผู้คนตื่นตา
“ชิ้ง!”
ในเวลาเพียงครู่เดียว ฉู่เจียงก็ถูกล้อมรอบด้วยนักรบสิบคนที่สวมชุดเกราะ แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม เ็าราวกับก้อนหิน ร่างกายสง่าผ่าเผย
ชุดเกราะที่ไหล่ ทำจากขนนกเหล็กที่ทับซ้อนกัน พาดเอียงขึ้น้า ส่องสว่างด้วยแสงเย็นเฉียบ แหลมคมและน่ากลัว
“องครักษ์เทวัญ 'ทำความสะอาด' คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเ้าเสีย ข้าี้เีเกินจะลงมือเอง”
ฉู่เจียงพูดอย่างเ็า จากนั้นดึงฉู่เจิ้นหนานและพูดกับเขาเสียงเบา “เ้านี่มัน ช่างคิดคำนวณเก่งนัก ถึงกับให้ข้ามาช่วยเ้าแก้ปัญหา?”
ฉู่เจิ้นหนานยิ้มเ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงไป ท่านทูต ข้ายังมีของหมั้นอยู่อีกมาก รอท่านมีเวลาแล้วค่อยไปเลือกสรร ฮิๆ”
หลังจากได้ยิน ดวงตาของฉู่เจียงก็สั่นไหว เขายิ้มแล้วพูดว่า “นี่ถึงจะค่อยยังชั่ว”
ในเวลาเดียวกัน แสงเย็นส่องไปทั่วลานจัตุรัส องครักษ์เทวัญทั้งสิบล้อมรอบฉู่อวิ๋นและอีกเจ็ดคนทันที คิดจะโจมตีเข้ามาโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ!