วันที่หลินฝานกลับเข้าประเทศมาเป็วันเดียวกันกับที่เกิดเื่ลักพาตัวฟางหยวน จากนั้นเขาก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเลย ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะหาที่พักอาศัย ฟางหยวนเดิมทีซึ่งไม่คุ้นชินกับการอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับคนอื่น แต่เนื่องจากเป็รุ่นพี่ที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอจึงยอมให้เขานอนที่โซฟาในห้องรับแขก
กลางดึก มีพายุไต้ฝุ่นเข้าเมืองหลินไห่ อุณหภูมิลดฮวบจาก 28 องศาลงมาอยู่ที่ 15 องศา คืนนั้นฟางหยวนหลับๆ ตื่นๆ เพราะเสียงฟ้าร้อง ในขณะที่เธอกำลังลุกขึ้นมาปิดหน้าต่าง หญิงสาวก็พาลนึกถึงชายที่อยู่ตรงโถงทางเดิน เธอลังเลอยู่หลายนาน ก่อนจะหยิบผ้าปูที่นอนสีชมพูแล้วค่อยๆ ย่องออกไปนอกห้อง
เสิ่นิยังนั่งอยู่ตรงนั้น ทางเดินเป็แบบเปิดโล่ง มีลมโกรก ขนาดฟางหยวนที่สวมเสื้อและกางเกงขายาวยังรู้สึกหนาว คงไม่ต้องพูดถึงเสิ่นิซึ่งสวมเพียงเสื้อแขนสั้น
“เฮ้ หนาวตายไปหรือยัง?” ฟางหยวนใช้ขาเตะเสิ่นิเบาๆ
“อากาศแบบนี้ ถ้าเทียบกับไซบีเรียที่ผมเคยอยู่ ถือว่าเป็์” เสิ่นินั่งตัวตรง
“พูดบ้าพูดบออะไร เอานี่ไปห่มซะ ฉันไม่อยากเปิดประตูมาเห็นศพกองอยู่ เดี๋ยวดวงจะซวย” ฟางหยวนยื่นผ้าปูเตียงให้เสิ่นิ แต่เสิ่นิก็แค่มองเท่านั้น ไม่ได้รับมันมา
“นี่มัน Hello Kitty black velvet รุ่น limited ผืนโปรดของคุณไม่ใช่หรือ? บนโลกมีแค่ 10 ผืนเท่านั้น” เสิ่นิไม่กล้ารับไว้ ด้วยเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมของเขาตอนนี้ ถ้ารับมาเขาคงทำผ้าผืนนี้เน่าเป็แน่
“คุณรู้ได้ยังไง...ลืมไปว่าคุณเป็บอดี้การ์ด ข้อมูลของฉันคุณคงอ่านมาหมดแล้ว” ฟางหยวนกอดผ้าปูที่นอนไว้ เธออารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันล่ะไม่เข้าใจคุณจริงๆ ทำไมคุณถึงต้องทรมานตัวเองแบบนี้ด้วย? คิดว่าฉันจะเห็นใจคุณหรือยังไง? เวลาจะทำตัวน่าสงสารน่ะ รบกวนคุณช่วยใช้สมองด้วยได้ไหม? บ้านคุณอยู่ห่างแค่ 2 เมตร คุณก็ยังจะนั่งหาเื่ตายอยู่ตรงนี้ ใครเขาจะไปสงสารคุณกัน?”
“ไม่กลับ มันไกลเกินไป ห่างจากคุณเกินไป ผมจะปกป้องคุณไม่ได้ ตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย ประมาทไปแค่ 1 วินาที ก็อาจจะทำให้ผมบกพร่องในหน้าที่” เสิ่นิกล่าวอย่างดื้อดึง
“ตามใจคุณก็แล้วกัน โรคจิต” ฟางหยวนคุยกับคนสมองปลาโอแบบเขาไม่รู้เื่ เธอจึงเดินกลับเข้าไปห้องพร้อมกับเอื้อมมือปิดประตู ตอนที่เห็นหลินฝานนั่งอยู่ที่โซฟา หญิงสาวถึงนึกขึ้นได้ว่าในบ้านหลังนี้ยังมีแขกอยู่
“ฉันทำพี่ตื่นหรือเปล่า?” ฟางหยวนรู้สึกผิด
“เปล่า พี่แค่เจ็ตแล็กยังปรับเวลาไม่ได้ ถ้าเธอนอนไม่หลับ เรามานั่งคุยกันไหม” หลินฝานกล่าวพลางอมยิ้มและประสานมือไว้ที่ท้ายทอย ฟางหยวนซึ่งกอดผ้าปูที่นอนอยู่นั่งลงข้างๆ หลินฝาน
“รุ่นน้อง เธอรู้ตัวไหม? กลับมาคราวนี้ พี่รู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะเลย”
“ฉันรู้ ฉันแบนขึ้นเยอะเลย สมัยก่อนพี่ชอบหัวเราะล้อว่าหน้าอกฉันแบนเหมือนกับสนามบิน ส่วนตอนนี้ก็นับว่าเป็ทุ่งราบโดยสมบูรณ์แบบแล้ว”
“พูดไปเรื่อย ที่พี่หมายถึงก็คือ เธอเข้าถึงได้มากขึ้น แต่ก่อนเธอมักจะตีตัวออกหากจากคนอื่นหลายพันไมล์ พี่เป็คู่ซ้อมเธอมา 3 เดือน เธอถึงจะพูดคำแรกกับพี่ ทุกครั้งที่พี่ช่วยเธอเก็บอุปกรณ์ต่อสู้ เธอก็มักจะปาเงินใส่พี่”
“แต่ตอนนี้ เธอกลายเป็เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง เป็เพราะเขาหรือเปล่า?” หลินฝานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใช่มั้ง?” ฟางหยวนลดศีรษะลง เธอไม่ได้ปฏิเสธ
“รุ่นน้อง เธอชอบเขาหรือ?” หลินฝานถามอย่างตรงไปตรงมา
“จะเป็ไปได้ยังไง?! เราเพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเอง!” ฟางหยวนปฏิเสธเสียงดังลั่น
“ถ้าอย่างนั้นเธอชอบพี่หรือเปล่า?”
“ชอบสิ รุ่นพี่โตมากับฉันั้แ่เล็กนี่!” พูดจบ ฟางหยวนก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวชักจะไม่ชอบมาพากล แสงไฟในห้องมืดสลัว พายุไต้ฝุ่นนอกหน้าต่างนั่นส่งเสียงคำราม ดวงตาของหลินฝานเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา ร่างอันแข็งแกร่งโน้มเข้าไปใกล้เธอ ริมฝีปากเตรียมพร้อมที่จะจู่โจม
หลินฝานหน้าตาหล่อเหลา ทั้งสูง ทั้งกำยำ สมัยก่อนรุ่นน้องที่โรงยิมต่างพากันชื่นชอบเขานับไม่ถ้วน แต่เขากลับชอบเล่นแต่กับฟางหยวนเท่านั้น
ในขณะที่ััได้ถึงลมหายใจของกันและกัน จู่ๆ ฟางหยวนก็ผลักหลินฝานออก “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ความชอบที่ฉันมีต่อพี่เป็แค่ความรู้สึกชอบแบบพี่ชาย น้องสาวเท่านั้น!”
“โอเค พี่อกหักแล้ว ฮ่าๆๆ” หลินฝานแสร้งทำเป็เศร้าสลดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา
“วันหลังถ้าล้อเล่นแบบนี้อีก ฉันอัดพี่แน่ ฉันไปนอนล่ะ” ฟางหยวนยิ้มพลันลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องและปิดประตู
“เฮอะ ตอนนี้บอก ‘หยุดเดี๋ยวนี้’ เดี๋ยวอีกไม่กี่วัน ฉันจะทำให้เธอร้อง ‘อย่าหยุด’ เอง” หลินฝานบ่นพึมพำพลางเอนกายลงบนโซฟา ก่อนจะหลับต่อไป
หลังจากพายุไต้ฝุ่นเมื่อคืนผ่านไป สภาพอากาศของเมืองหลินไห่ก็กลับมาร้อนชื้น ท้องฟ้าไร้เมฆปกคลุมอีกครั้ง อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 39 องศา ประกอบกับที่ฝนตกหนักเมื่อคืน ทำให้ความชื้นในอากาศอบอ้าวราวกับอยู่ในห้องซาวน่า เหมือนกับหม้อนึ่งที่มีฝาครอบมนุษย์เอาไว้
เนื่องจากได้รับาเ็ ฟางหยวนจึงลาหยุดหนึ่งสัปดาห์ แต่ปรากฏว่าวันที่ 3 เธอก็หายดีแล้ว เสิ่นิก็เลยกลายร่างเป็ภูตผีไปโดยปริยาย
แม้ว่าโรงยิมรุ่งเรืองจะไม่ได้เปิดสอนแก่บุคคลภายนอก แต่หลังจากที่ฟางหยวนซื้อมันมาแล้ว เธอก็ได้ทำนุบำรุงมันเป็อย่างดี เธอจะให้บริษัททำความสะอาดเข้ามาทำการปัดกวาดเช็ดถูหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เธอรักษาอุปกรณ์ทุกชิ้นไว้เหมือนเดิม แม้แต่ภาพถ่ายของเหล่าคณาจารย์บนกำแพงทุกท่าน ถ้วยรางวัล หรือ เหรียญรางวัล ทุกประเภทที่ได้รับใน่ที่ผ่านมา ฟางหยวนก็ยังคงเก็บรักษาไว้คงเดิม
รู้สึกเหมือนเวลาได้หยุดนิ่งอยู่ ณ ตรงนั้น หลินฝานเดินทอดน่องผ่านทุกซอกทุกมุมของโรงยิม ทุกห้วงลมหายใจ ัักับบรรยากาศที่เขาเติบโตมา เขาอดเศร้าโศกไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าโรงยิมรุ่งเรืองอันเลื่องชื่อในวันนั้น จะกลับมาตกต่ำเฉกเช่นในวันนี้ได้
ถ้าอาจารย์ยังอยู่ คงไม่อาจนอนตายตาหลับ”
“อย่าพูดแบบนั้นเลย พี่ก็รู้ อาจารย์หญิงไม่รู้เื่การบริหารธุรกิจ ศิษย์หลายคนก็อยากจะออกไปตั้งหลักปักฐานของตัวเอง อาจารย์ไม่อยู่แล้ว นักมวยที่แกร่งพอจะสอนได้ก็ไม่มี ตอนแรกอาจารย์หวังกับพี่มาก ท่านถึงขั้นคิดว่าอยากจะส่งต่อโรงยิมนี้ให้พี่เป็ผู้สืบทอด แต่ว่า...” ฟางหยวนไม่อาจพูดประโยคถัดไปได้
“ชีวิตก็อย่างนี้แหละ อาจารย์แกร่งขนาดนั้น บทจะไปแล้วก็ไปลับ พี่อยากเดินบนเส้นทางสายอื่น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปล่า” หลินฝานหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้โรงยิมก็กลับมาเป็ของเธอแล้ว ถือว่าได้พบกับเ้าของที่คิดจะถือครองในระยะยาว ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนทุบกลายเป็ตึกระฟ้า”
“รุ่นพี่อย่าเพิ่งท้อนะ พี่เพิ่งจะ 22 เอง เป็่ที่ร่างกายแข็งแกร่งที่สุด ยิ่งฝึกฝนมานานหลายปีแล้ว ถ้าได้ท้าชิงกับแชมป์อีกรอบล่ะก็ รับรองได้เลยว่าพี่ต้องชนะแน่ๆ” ฟางหยวนสนับสนุน
“ก็แน่ล่ะ แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว หลังจากจบการแข่งขันไปหนึ่งเดือน แชมป์คนนั้นก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ต่อให้กลับไปท้าชิงอีกรอบ ก็กลายเป็แชมป์คนอื่นไปแล้ว ไม่ได้ประโยชน์อะไร นี่สหาย นายรู้จักมวยไทยไหม?” หลินฝานอ้อมตัวผ่านฟางหยวนไปแล้วหันไปะโถามเสิ่นิซึ่งนั่งอยู่ที่หน้าประตู
เสิ่นิไม่สนใจเขา เขาเงียบกริบราวกับว่าตัวเขาเองเป็แค่กระสอบทรายถุงหนึ่ง
“ไหนๆ ก็มาแล้ว จะนั่งเซ็งอยู่เฉยๆ ได้ยังไง มาออกแรงกันหน่อย!” หลินฝานสาวเท้าเข้าไปหาเสิ่นิ
“รุ่นพี่คิดจะทำอะไร? พี่เป็นักมวยมืออาชีพนะ!” ฟางหยวนกล่าวอย่างตื่นตระหนก
“คุณอยากให้ผมหายไปเงียบๆ ไม่ใช่เหรอ? เรามาเล่นเกมกันดีกว่า คุณช่วยเป็กระสอบทรายมนุษย์ให้ผมสักรอบ หากไม่โดนชกตายก่อน ผมก็จะจากไปอย่างเงียบๆ ความจริงแล้วเป็สายลับก็ได้เงินแค่ไม่เท่าไร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฟางหยวนนั้น อย่างไรเธอก็ไม่ลืมผม ไว้ผมยืมเงินเธอไปผลาญเล่นสักแปดสิบล้านก็ยังได้เลย ฟังดูไม่เลวนะ” หลินฝานโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของเสิ่นิ
เสิ่นิราวกับโดนสะกดจิต จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนในทันที
“จะสู้ยังไง?” เสิ่นิถามเนิบๆ
“แบบการแข่งขัน ทั้งหมด 3 ยก ยกละ 5 นาที ระหว่างยกมีพัก 2 นาที” หลินฝานวางแผนมาก่อนแล้ว
“แต่ละยกใช้เวลานานเกินไป การแข่งขันปกติใช้เวลาเพียง 2 ถึง 3 นาทีเท่านั้น” ฟางหยวนแย้ง
“แค่เล่นๆ เอง 5 นาทีน่ะเดินแกว่งไปแกว่งมาบนเวทีก็หมดเวลาแล้ว ไม่เป็ไรหรอก” หลินฝานตบไหล่ของเสิ่นิ
“ได้” เสิ่นิรับคำอย่างง่ายดาย
ถึงปากหลินฝานจะบอกว่าแค่เล่นๆ แต่เขากลับสวมอุปกรณ์ป้องกันครบเซต ไม่ใช่แค่นวมและยางกัดฟันเท่านั้น เขาเปลี่ยนกางเกงเป็กางเกงมวย เผยให้เห็นกล้ามเป็มัดๆ และอุ่นเครื่องกับกระสอบทราย ฟางหยวนซึ่งช่วยเขาเลี้ยงกระสอบทรายยังััได้ถึงความร้ายกาจของหมัดอันน่ากลัวนี้ นี่ไม่ใช่แรงแบบที่จะชกกันเล่นๆ แน่
ฟางหยวนรู้ว่าหลินฝานอยากจะช่วยสั่งสอนเ้าบอดี้การ์ดน่ารำคาญคนนี้แทนเธอ แต่ฟางหยวนเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าความจริงแล้วเธอชอบให้เสิ่นิคอยตาม หรืออยากให้เขาจากไปกันแน่
ในที่สุดเสิ่นิก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเป็กางเกงขาสั้นสีขาว ทำนองเดียวกันกับหลินฝาน ก่อนจะออกมาประจันหน้ากันที่กลางโรงยิม บนตัวของเขามีแต่รอยแผลเป็อันน่าสยดสยอง ทำเอาหลินฝานและฟางหยวนพากันจ้องด้วยความตกตะลึง
“ดูเหมือนว่าจะเจอคู่ซ้อมที่ยอดเยี่ยมเข้าให้แล้ว” หลินฝานกล่าว ชายผู้นี้ต้องเคยผ่านสมรภูมิรบ หรือไม่ก็คงผุดขึ้นมาจากขุมนรกเป็แน่
“คุณจะอุ่นเครื่องหน่อยไหม?” ฟางหยวนกระตุ้นถาม
เสิ่นิบิดคอซ้ายขาวดังแกรก แกรก “เครื่องร้อนแล้ว เริ่มได้” หลังจากพูดจบ เขาก็พลิกกายขึ้นไปบนเวที
ฟางหยวนเดินมาถึงขอบเวทีด้วยอารมณ์อันซับซ้อน ในฐานะผู้ชม ผู้ตัดสิน และโค้ช ขณะนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้น
หลินฝานกระโจนไปที่กลางเวทีด้วยฝีเท้าอันช่ำชอง เขาแสดงท่าทางเป็มิตรกับเสิ่นิพลางกระซิบว่า “อย่าลืมข้อตกลงระหว่างเรา กระสอบทรายมนุษย์นะ กระสอบทรายมนุษย์”
“คุณนั่นแหละอย่าลืม ครั้งสุดท้ายที่มีคนโกหกผม ลิ้นของหมอนั่นถูกตัดแล้วยัดเข้าไปในตูด ผมจับหมอนั่นฝังไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ลืมไปแล้ว” เสิ่นิตอบหน้าตาเฉย
“แน่นอน!” หลินฝานออกหมัดอัพเปอร์คัทซ้ายด้วยความรวดเร็ว มันพุ่งตรงไปยังขมับ นี่คือท่าไม้ตายของเขา แต่ด้วยความแรงและความเร็วที่ไร้ที่ตินั้น หมัดไม่เพียงแต่จะไม่เข้าเป้า ทว่าจู่ๆ ปลายจมูกของเสิ่นิก็หายลับไป
ฝีเท้าของเสิ่นิมีความยืดหยุ่นสูงมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่ได้เคลื่อนย้ายตัวแต่กำลังล่องหน ฝีเท้าอันมั่นคงไม่มีความจำเป็ที่จะต้องะโไปมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับฝ่ายตรงข้าม แต่ทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้กลับอยู่ในสายตาของเขา
“ไม่เลวนะ มาอีกรอบ!” หลินฝานขยับตัวอย่างตื่นเต้น หมัดซ้ายตรงๆ ตามด้วยวาดศอกขวา ออกเข่าซ้ายขวาสับถี่ราวกับถีบจักรยาน ภายใน 3 วินาที เขาแทงเข่าไป 10 หน คาดว่าทั้งประเทศน่าจะมีหลินฝานแค่เพียงคนเดียวที่ทำได้
เสิ่นิได้แต่ปัดป้อง เขาไม่ได้ออกแรงสู้กลับ เขาถูกจู่โจมอย่างหนักจนกระทั่งล่าถอยไปจนมุม เขาถอยจนติดมุม
“แยกกัน! อย่ามัวยืนบื้อซิ! อยากตายหรือไง!” ฟางหยวนที่ขอบเวทีตื่นตระหนกจนกระทั่งลุกขึ้นยืน
“จับได้แล้ว!” หลินฝานลงศอกขวา น้ำหนักราวกับค้อน แต่ในขณะนั้น เสิ่นิกลับพบจุดบอดของหลินฝาน ด้วยสัญชาตญาณ กำปั้นขวาของเขาพุ่งเข้าไปที่เส้นเืแดงบนคอของหลินฝาน ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าหลินฝาน หลินฝานไร้หนทางป้องกัน
“ไอ้กระสอบทราย!” หลินฝานคำราม ชั่วพริบตาเดียว เสิ่นิหุบหมัดลง ไหล่ของเขาถูกศอกกระแทกเข้าอย่างแรง ั้แ่กลับเข้าเมืองมา นี่เป็ครั้งแรกที่เสิ่นิถูกศอกกระแทกจนเข่าทรุดลงกับพื้นสังเวียน
“แบบนี้ค่อยว่าง่ายหน่อย” หลินฝานหัวเราะพลางะโกลับไปที่กลางสังเวียน ในเมื่อบอกแล้วว่ามันเป็เกม ก็ต้องเล่นตามเกมกันหน่อย