เฟิงซื่อคลอดบุตรชายบุตรสาวให้หวังไห่อย่างละหนึ่งคน
บุตรสาวก็คือ หวังเยี่ยน ปีนี้อายุสิบสี่แล้ว ใบหน้าละม้ายคล้ายกับเฟิงซื่อมาก จึงเรียกได้ว่าธรรมดามาก แต่นางฉลาดเฉลียว ฝีมือปักผ้าดีที่สุดในหมู่สตรีวัยเดียวกันในหมู่บ้าน
ส่วนบุตรชายหวังจื้อเกา ปีนี้อายุสิบสอง ร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าได้สัดส่วน ตอนนี้กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักศึกษาในตำบล
ความหวังทั้งหมดของเฟิงซื่ออยู่กับหวังจื้อเกา เงินที่เหลือจากการกินใช้อย่างประหยัดของครอบครัวก็นำไปเป็ค่าเล่าเรียนของหวังจื้อเกาทั้งหมด
หวังลี่ตงและหวังชุนเฟิน บุตรชายของหวังไห่ที่เกิดจากภรรยาเก่า พูดเื่แยกบ้านมาหลายครั้งแล้ว หวังไห่ถูกรบกวนเพราะเื่นี้หลายครั้งจนเริ่มคล้อยตาม ทว่าเฟิงซื่อต้องส่งหวังจื้อเกาเรียน นางกลัวว่าหากแยกบ้านจะมีเงินไม่พอใช้ จะเป็จะตายจึงไม่ยอมเห็นด้วย
เมื่อครอบครัวใหญ่มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน จึงทำให้มีเื่ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ทำเอารำคาญแทบตาย
ภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ หวังจื้อเกาจะมีกะจิตกะใจไปเรียนหนังสือได้อย่างไร เขาเคยบอกหวังเยี่ยนว่า เขาเห็นด้วยเื่การแยกบ้าน และเคยพูดกับ เฟิงซื่อมาหลายครั้งแล้วด้วย
หากเฟิงซื่อมีเงินอยู่ในมือย่อมเห็นด้วยกับเื่แยกบ้านแน่นอน แต่นางไม่มีเงินเลย อีกอย่างหวังไห่อายุมากแล้ว นางกลัวว่าหากเขาตายไป ตนและลูกๆ จะไม่มีที่พึ่ง
เฟิงซื่อกระซิบ “แป้งขาวของครอบครัวเราพอขายแค่หนึ่งเดือนกว่า ส่วนไข่ไก่ เมื่อถึงฤดูหนาวไก่จะออกไข่น้อยลง”
หวังเยี่ยนพูดเสนอขึ้นว่า “ท่านก็ไปกล่อมให้ท่านพ่อซื้อแป้งขาวและไข่ไก่มาจากนอกหมู่บ้านสิเ้าคะ”
เฟิงซื่อถาม “พวกเราไปรับซื้อแป้งขาวและไข่ไก่จากข้างนอก แล้วนำมาขายให้บ้านหลี่อีกทีหรือ?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ทำเช่นนี้ยังได้เงินบ้าง” หวังเยี่ยนกระซิบข้างหูเฟิงซื่อ “บ้านหลี่สนิทกับบ้านสวี่ที่สุด แต่ยังมาซื้อแป้งและไข่ไก่กับบ้านเราเป็ที่แรก ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านของท่านพ่อหรอกหรือ?”
เฟิงซื่อพยักหน้า
เมื่อปีนั้นนางวางแผนจนได้แต่งกับหวังไห่ แต่ทำให้ชื่อเสียงเสียหายไปบ้าง จ้าวซื่อเป็คนมีคุณธรรมสูง จะอย่างไรก็ทนดูไม่ได้จึงเหินห่างกันไป
ทว่าจะอย่างไรความสัมพันธ์ของพวกนางก็ยังคงดีอยู่
“ตอนนี้ท่านพ่อเป็หัวหน้าหมู่บ้าน สนิทสนมกับหัวหน้าหมู่บ้านอื่นๆ แล้ว หากไปรับซื้อแป้งขาวและไข่ไก่จากหมู่บ้านอื่นต้องราบรื่นแน่” หวังเยี่ยนกล่าวเตือนเป็พิเศษ “เงินที่พวกเราได้ถือเป็ค่าวิ่งเต้น ไม่ต้องกลัวผู้อื่นนินทา”
“ข้าขอคิดดูก่อน”
หวังเยี่ยนพูดต่อ “ท่านแม่ ปีนี้หวังซานนิวอายุสิบห้าแล้ว หวังซื่อนิวก็อายุสิบสามแล้ว หากท่านยังไม่ยอมแยกบ้านอีกก็ต้องเตรียมทรัพย์สินเดิมให้พวกนาง หากท่านเตรียมทรัพย์สินเดิมน้อย ท่านพ่อก็จะโกรธ บ้านของพี่ใหญ่ก็จะพูดจาว่าร้ายท่านไปทั่ว เช่นนี้จะมิน่ารำคาญมากหรือ”
หวังลี่ตงมีลูกสาวสี่คน
หวังต้านิวและหวังเอ้อร์นิวแต่งออกไปแล้ว
ตอนนั้นเฟิงซื่อเตรียมทรัพย์สินเดิมให้กับหวังต้านิวไม่มากนัก หวังไห่จึงโกรธนางเพราะเื่นี้ หวังลี่ตงและภรรยาถึงกับบอกว่า เฟิงซื่อใจร้าย
หวังเอ้อร์นิวแต่งงาน หวังไห่จึงกำชับให้เฟิงซื่อเตรียมทรัพย์สินเดิมให้มากหน่อย เฟิงซื่อจึงกัดฟันเพิ่มทรัพย์สินเดิมให้เป็เงินห้าตำลึง
ตอนนี้หวังซานนิวเริ่มพูดเื่แต่งงานแล้ว ทรัพย์สินเดิมที่เฟิงซื่อต้องเตรียมให้นางจึงไม่อาจน้อยกว่าห้าตำลึง
่นี้เฟิงซื่อกำลังกลุ้มใจเื่ทรัพย์สินเดิมที่ต้องเตรียมให้กับหวังซานนิว นางจึงพูดอย่างเนิบช้าว่า “นี่ต้องดูว่าการค้าต่อจากนี้ของบ้านหลี่จะเป็อย่างไร”
หวังเยี่ยนรีบร้อนพูดขึ้นว่า “ทุกวันนี้บ้านหลี่้าแป้งขาวสามสิบชั่งกับไข่ไก่สองชั่ง เดือนหนึ่งนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว หากท่านรอจนบ้านหลี่ไปขอซื้อแป้งขาวกับไข่ไก่จากที่อื่น ท่านคงได้แต่เสียใจ”
บ่ายวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส หวังไห่ผู้เป็หัวหน้าหมู่บ้านหลี่เพิ่งกลับมาจากไปดื่มเหล้ากับหวังลี่ตงบุตรชายคนโต
เฟิงซื่อคิดว่าบ้านหลี่ซื้อไข่ไก่และแป้งขาวจากบ้านของตนทุกวัน การค้าจะต้องดีมากเป็แน่ จึงหารือกับหวังไห่เื่ซื้อไข่ไก่และแป้งขาวจากนอกหมู่บ้านด้วย
หวังไห่ปรายตามองเฟิงซื่อ แม้นางจะยังสาว แต่หน้าตาน่าเกลียด แข้งขาก็ไม่ดี เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าได้ยินว่าเ้ายังไม่ได้เตรียมทรัพย์สินเดิมให้กับหวังซานนิวหรือ?”
เฟิงซื่อได้กลิ่นเหล้าจึงรู้สึกรำคาญใจ “ข้าเป็อะไรกับนางถึงต้องให้เตรียมทรัพย์สินเดิมให้นาง?”
หวังไห่ถลึงตาดุ ตะคอกว่า “ซานนิวเป็หลานสาวข้า เ้าเป็ภรรยาข้า เ้าก็ต้องดูแลนาง”
เฟิงซื่อไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเ็าว่า “ท่านไม่เคยดูแลบุตรชายบุตรสาว วันๆ สนใจแต่หลานสาว ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ปีหน้าหวังเยี่ยนก็ถึงวัยปักปิ่นแล้ว แล้วนางก็ต้องแต่งงานเช่นกัน แต่ไม่เคยได้ยินหวังไห่ถามถึงเื่ทรัพย์สินเดิมของหวังเยี่ยนมาก่อน คงไม่ใช่เพราะว่า หวังไห่รังเกียจที่หวังเยี่ยนหน้าตาไม่ดีหรอกกระมัง หวังเยี่ยนมักสานรองเท้าให้หวังไห่บ่อยๆ ทั้งยังคอยปะชุนเสื้อผ้าให้กับเขา นับว่านางกตัญญูต่อเขามาก
หวังไห่ตะคอก “เ้าอย่าพูดจาไร้สาระ”
“ท่านสิพูดจาไร้สาระ” เฟิงซื่อต่อว่า “ไม่สนใจเื่บุตรสาวบุตรชาย วันๆ เอาแต่สนใจหลานสาว นางเป็ลูกของท่านหรือไร? ถ้าเป็ลูกของท่าน ก็ให้นางเรียกข้าว่าแม่ ไม่ต้องเรียกข้าว่าย่า!”
หวังไห่ยกมือใหญ่ขนาดเท่าพัดขึ้นมา หมายจะตบหน้าเฟิงซื่อ
เฟิงซื่อถลึงตาเล็กๆ ของตน บอกว่า “หากท่านกล้าตีข้าก็ลองดู ข้าจะลองไปถามทุกคนในหมู่บ้านดูเสียหน่อยว่า ท่านปู่บ้านใดเอาแต่สนใจเื่ของหลานสาวบ้าง!”
หวังไห่ตะคอกด้วยความโกรธ “หากไม่แยกบ้าน ข้าก็คือเ้าบ้าน ถ้าข้าไม่สนใจแล้วผู้ใดจะสนใจ?”
เฟิงซื่อตบโต๊ะพูดเสียงเย็นว่า “เช่นนั้นท่านก็สาบานมา หากแยกบ้านแล้วท่านยังไปยุ่งเื่หลานสาวหลานชายอีก ถือว่าท่านเป็ไอ้ลูกเต่า!”
หวังไห่หายโกรธทันควัน ถามว่า “เ้าเห็นด้วยกับเื่แยกบ้านแล้วหรือ?”
เฟิงซื่อไม่ได้หลบตา ทำเพียงยิ้มเ็า “เ้าสาบานมาก่อน”
หวังไห่ถึงกับสร่างเมา แต่ยังไม่ได้สาบานออกไป เขาเดินไปล้างหน้าโดยไม่ตอบ เมื่อกลับมาเห็นเฟิงซื่อยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนและไม่พูดกับเขาอีกจึงไปเข้านอน
เฟิงซื่อถาม “กลัวหรือ?”
“ผู้ใดกลัวกัน? รอให้ข้าตื่นก่อนค่อยพูดเื่แยกบ้าน” จากนั้นหวังไห่ที่อยู่บนเตียงจึงส่งเสียงกรนออกมา
เฟิงซื่อมองไปยังเนื้อก้อนใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียง ในใจของนางไม่มีความรักต่อชายผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
ตอนแรกหากไม่ใช่ว่านางสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปเพราะโรคระบาด และาเ็ที่ขาระหว่างหนีภัย จะอย่างไรก็คงไม่เลือกหวังไห่
หวังไห่ไม่ใช่คนประเภทที่ว่ามีแม่เลี้ยงก็เหมือนมีพ่อเลี้ยง[1]
หลังจากแต่งงานกับเฟิงซื่อแล้ว เขายังคงดีต่อบุตรชายทั้งสองที่เกิดจากภรรยาเก่าเช่นเดิม แต่กลับไม่ได้สนใจถามไถ่หวังเยี่ยนที่เกิดจากเฟิงซื่อเลยสักนิด แต่ยังถือว่าดีต่อหวังจื้อเกา แต่นั่นเป็เพราะหวังจื้อเกาฉลาดเฉลียว ซิ่วไฉที่สำนักศึกษายังชมเขาว่า หากเรียนรู้ดีๆ อาจเข้าสอบและสร้างชื่อเสียงได้
เขาทำตัวปกติกับเฟิงซื่อมาก แม้ว่าเขาจะแก่กว่าเฟิงซื่อยี่สิบปี แต่ก็ยังไม่อาจทำให้เขาสนใจนางได้
เฟิงซื่อให้กำเนิดหวังเยี่ยน สำหรับนางนี่ถือเป็ลูกคนแรก แต่เป็ลูกคนที่สามของหวังไห่
หวังไห่ไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย ทั้งยังพูดอีกว่า หวังเยี่ยนเกิดมามีหน้าตาน่าเกลียด ไม่เหมือนคนในครอบครัวหวังคนอื่นๆ
ตอนที่เฟิงซื่ออยู่เดือน หวังไห่ก็ยังออกไปกินเหล้าข้างนอกเช่นเดิม ไม่เคยทำอาหารให้เฟิงซื่อกินสักมื้อ ครอบครัวหวังลี่ตงและหวังชุนเฟินไม่สนใจนาง หวังไห่ก็ไม่ว่าสักคำ กลับเป็ภรรยาของพี่ชายและน้องชายของเฟิงซื่อที่ผลัดกันมาส่งข้าวส่งอาหารให้กับนาง
กระทั่งเฟิงซื่อโกรธมากจนทำลายข้าวของในบ้าน หวังไห่จึงให้ลูกสะใภ้ทั้งสองคอยทำอาหารให้
เมื่อถึงเทศกาลชิงิ[2]ของทุกปี หวังไห่จะพาบุตรชายทั้งสองไปเซ่นไหว้หลุมศพของภรรยาคนก่อน เื่นี้เฟิงซื่อยังเข้าใจได้ แต่วันตรุษจีนหวังไห่จะไปที่บ้านเดิมของภรรยาคนก่อน ทั้งยังเอาเงินและข้าวของไปให้บ้านนั้นด้วย ปีๆ หนึ่งก็ใช้เงินไปหนึ่งตำลึงแล้ว หลายปีมานี้ก็เสียไปสิบกว่าตำลึง มากพอที่จะซื้อวัวตัวหนึ่งได้เลยทีเดียว เื่นี้เฟิงซื่อไม่เข้าใจจริงๆ
เื่ที่ทำให้เฟิงซื่อทุกข์ใจและเจ็บใจเช่นนี้มีมากมาย
นางเช็ดน้ำตาไปไม่รู้กี่ครั้ง จากนั้นจึงหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดกล่องที่อยู่มุมกำแพง หยิบผ้าฝ้ายสีแดงผืนหนึ่งออกมาจากกล่อง จากนั้นจึงพาหวังเยี่ยนผู้เป็บุตรีไปที่บ้านหลี่
นางได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาแต่ไกล เฟิงซื่อและลูกสาวน้ำลายไหล มองหน้าสบตากัน ในใจก็คิดว่าชีวิตของบ้านหลี่ดีขนาดนี้เชียว ถึงกับกินเนื้อทั้งๆ ที่ไม่ใช่เทศกาลหรือวันสำคัญ
หลี่ิ่หานมีใบหน้าหล่อเหลากระจ่างใส กำลังให้อาหารไก่สีเหลืองขนสั้นตัวเล็กๆ ทั้งสิบตัวที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเฟิงซื่อมาหา จึงรีบพูดว่า “ท่านน้าเฟิง พี่เยี่ยน เชิญเข้าไปนั่งก่อนขอรับ”
.......................................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] มีแม่เลี้ยงก็เหมือนมีพ่อเลี้ยง หมายถึง บิดาประเภทที่แต่งงานใหม่แล้วจะใจร้ายกับลูกๆ เหมือนไม่ใช่ลูกของตนเอง
[2] เทศกาลชิงิ(เชงเม้ง) เป็เทศกาลเซ่นไหว้บรรพบุรุษของชาวจีน