หลี่อิงฮว๋าลูบจมูก กล่าวด้วยท่าทีกระซิบกระซาบว่า “ซื่อโก่วจื่อบอกว่า อู่โก่วจื่อรู้จักแต่กินทั้งยังงกของกินมาั้แ่เด็กๆ แล้ว มีของอร่อยๆ ก็ไม่ยอมแบ่งใคร”
ซื่อโก่วจื่ออายุสิบเอ็ดแล้ว เป็พี่ชายของอู่โก่วจื่อ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่อิงฮว๋า
“หึ... บ้านสวี่ยากจนเพียงนั้น จะมีของกินอะไรให้อู่โก่วจื่องกกัน” หลี่หรูอี้ไม่คิดว่าการกินนกตายคือการงกของกิน จึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อีกอย่าง ซื่อโก่วจื่อก็ใจร้ายเกินไป น้องสาวหายไปทั้งคน ยังไม่รู้จักออกไปตามหาทีู่เา ทั้งยังไม่รู้จักพูดปลอบใจดีๆ สักคำ!”
หลี่อิงฮว๋ากรอกตาไปมา คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ซื่อโก่วจื่อไม่ใช่คนเช่นนั้น มีดผ่าฟืนของครอบครัวหายไป ตอนนี้เขาไม่ไปตัดฟืนบนูเาแล้ว ต้องคุกเข่ารับโทษอยู่ที่บ้านแน่นอน ข้าจะไปถามเขาเดี๋ยวนี้!”
จ้าวซื่อถามเสียงเบาๆ “หรูอี้ เหตุใดพี่รองและพี่สี่ของเ้ายังไม่กลับมาอีก?”
“นี่ยังเช้าอยู่เลยเ้าค่ะ” แต่ในใจของหลี่หรูอี้ก็เป็ห่วง แค่ไม่ได้แสดงออกเท่านั้น
พูดถึงก็มาพอดี หลี่ฝูคังและหลี่ิ่หานเดินกลับมาด้วยรอยยิ้ม
หลี่หรูอี้ปรายตามองไป เห็นตะกร้าไผ่สานที่พวกเขาถือว่างเปล่าจึงถามอย่างยินดี “ขายหมดเลยหรือเ้าคะ?”
หลี่ิ่หานยิ้มตอบ “ขายหมดเลย”
หลี่ฝูคังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แป้งย่างต้นหอมสามสิบแผ่น แป้งย่างใส่ไข่ห้าสิบแผ่น ขายหมดเลยขอรับ”
จ้าวซื่อมองไปยังบุตรีสุดที่รักซึ่งมีรอยยิ้มเต็มหน้าเช่นเดียวกัน ถามว่า “วันนี้ขายแป้งย่างแค่แปดสิบแผ่นหรือ?”
“ท่านปู่ร้านเกี๊ยวในตำบลขายแป้งย่างต้นหอมแข่งกับพวกเรา สองร้านขายของเหมือนกัน ข้ากลัวว่าทำแป้งย่างมากไปจะขายไม่หมด จึงทำน้อยกว่าเมื่อวันก่อนยี่สิบแผ่น แต่แป้งย่างใส่ไข่ เมื่อหักทุนแล้วจะได้กำไรมากกว่าแป้งย่างต้นหอมเ้าค่ะ” เพื่อพิสูจน์ว่าตนพูดจริง หลี่หรูอี้จึงปิดประตูห้องโถงแล้วเริ่มคำนวณบัญชี
หลี่ฝูคังและหลี่ิ่หานคำนวณมาระหว่างทางกลับแล้ว
แป้งย่างใส่ไข่ใช้ไข่ไก่สองชั่ง น้ำมันผักกาดก้านขาวครึ่งชั่ง และแป้งขาวสี่ชั่ง
ไข่ไก่หนึ่งชั่งหกทองแดงใช้ทั้งหมดสองชั่งเป็เงินสิบสองทองแดง น้ำมันผักกาดก้านขาวครึ่งชั่งสิบห้าทองแดง แป้งขาวสี่ชั่งสิบสองทองแดง
แป้งย่างใส่ไข่หนึ่งแผ่นขายสามทองแดง ถ้าสองแผ่นขายห้าทองแดง ลูกค้าประจำในตำบลจินจีต่างก็ซื้อกันรวดเดียวสองแผ่นเพื่อประหยัดเงินหนึ่งทองแดง
แป้งย่างใส่ไข่ห้าสิบแผ่นใช้เงินทุนไปทั้งหมดสามสิบเก้าทองแดง ขายได้หนึ่งร้อยสิบเก้าทองแดง
แป้งย่างต้นหอมสามสิบแผ่นใช้ทุนสิบสองทองแดง ขายได้สามสิบทองแดง
“หากไม่คิดค่าแรง ค่าฟืน ค่าเสื่อมของกระทะ พวกเราก็หาเงินได้เก้าสิบเจ็ดทองแดง” หลี่ฝูคังบอกตัวเลขออกมาอย่างละเอียด
“หาเงินได้มากขนาดนี้เชียวหรือ” จ้าวซื่อยิ้มอย่างยินดีจนแก้มแทบปริ แต่ก็สงบจิตใจได้โดยพลัน
หลี่ิ่หานยิ้มและพูดว่า “น้องสาว ลูกค้ากินแป้งย่างใส่ไข่ของบ้านเราแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าอร่อย”
หลี่เจี้ยนอันเพิ่งกลับมาจากแปลงผักนอกหมู่บ้าน เมื่อได้ยินเสียงคนหัวเราะดังแว่วมาจากห้องโถง จึงรีบร้อนผลักประตูเข้ามา ถามว่า “การค้าขายของบ้านเราเป็อย่างไรบ้าง?”
หลี่ฝูคังเห็นพี่ชายคนโตมีเหงื่อออกเต็มกาย ท่าทางเมื่อครู่คงเสียแรงไปกับแปลงผักไม่น้อย เขาพูดขึ้นว่า “ย่อมดีมากอยู่แล้ว แป้งย่างใส่ไข่ที่น้องสาวทำ คนในตำบลต่างก็บอกว่า ไม่เคยกินมาก่อน กินแล้วก็พูดชมกันทั้งนั้น”
หลี่เจี้ยนอันสบายใจไปได้บ้าง ถามขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านปู่ที่ขายเกี๊ยวจะขายแป้งย่างใส่ไข่เหมือนพวกเราหรือไม่?”
หลี่ิ่หานยิ้มด้วยท่าทางมีความสุขโดยไม่ได้สนใจความทุกข์ของผู้อื่น “วันนี้ไม่ได้ออกมาตั้งร้านเกี๊ยวเลยขอรับ”
หลี่เจี้ยนอันหัวเราะคิกคัก “เมื่อวานฝนตกเขาออกมาตั้งร้าน วันนี้ฟ้าใสกลับไม่ยอมออกมา ท่านปู่คนนี้แปลกประหลาดจริงๆ”
“เดาว่าเมื่อคืนคงเปียกฝนจนไม่สบาย วันนี้เลยไม่ได้ออกมาตั้งร้านกระมัง” หลี่หรูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถามขึ้นว่า “พี่รองพี่สี่ ท่านปู่ไม่ได้ออกมาตั้งร้านแล้ว เหตุใดพวกท่านจึงขายแป้งกันนานเพียงนี้?”
หลี่ฝูคังและหลี่ิ่หานสบตากัน หลี่ฝูคังพูดขึ้นก่อน “น้องสาว พวกเราได้ยินว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวในตัวตำบลเริ่มขายแป้งย่างต้นหอมั้แ่เมื่อวานแล้ว”
จ้าวซื่อเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ร้านก๋วยเตี๋ยวในตำบลเปิดมานานกว่าร้านเกี๊ยวเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเขาเห็นแป้งย่างต้นหอมขายดีแล้วจะขายตาม
หลี่เจี้ยนอันขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงเลียนแบบบ้านเราเล่า”
หลี่หรูอี้พูดอย่างไม่กังวล “ไม่เป็ไร มีการแข่งขันจึงจะมีความก้าวหน้า วันนี้บ้านพวกเราทำแป้งย่างใส่ไข่ ดูสิว่านานเพียงใดกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวจะทำออกมาได้”
จ้าวซื่อมองหน้าบุตรสาว ถามขึ้นอย่างเป็กังวลว่า “หากพรุ่งนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวทำแป้งย่างใส่ไข่ออกมาขายเล่า?”
หลี่หรูอี้ยิ้มอย่างมั่นใจ “วิธีทำแป้งย่างใส่ไข่ยากกว่าแป้งย่างต้นหอม หาก้าทำแป้งย่างใส่ไข่จะต้องมีทักษะฝีมือที่ดี คนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลอกเลียนแบบได้ไม่เร็วเพียงนั้นหรอกเ้าค่ะ ไม่เป็ไร ข้าทำอาหารจากแป้งได้เยอะมาก ไม่ต้องกลัว”
หลี่ฝูคังพูดปลอบใจ “ท่านแม่ขอรับ ท่านไม่ต้องเป็ห่วง การค้าของพวกเราพี่น้องจะไม่ถูกร้านก๋วยเตี๋ยวบีบจนแย่หรอก”
“ยังไม่มีแป้งสำหรับตอนบ่ายเลยเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้นับเงินออกมาเก้าสิบทองแดง มองไปยังพี่ชายทั้งสาม “พวกท่านไปขอซื้อแป้งขาวจากบ้านหัวหน้าหมู่บ้านที และถือโอกาสถามด้วยว่า มีไข่ไก่หรือไม่ หากมีให้ซื้อมาในราคาสองชั่งสิบเอ็ดทองแดง ไข่ร้าวๆ ให้ซื้อสามใบหนึ่งทองแดง”
ดวงตาของจ้าวซื่อเปล่งประกาย “บ้านของหวังไห่เลี้ยงไก่มาก จะต้องมีไข่ไก่เป็แน่ ราคาที่หรูอี้บอกก็สูงกว่าที่ร้านรับซื้อในตัวตำบลเสียอีก บ้านหวังไห่ต้องยินดีขายให้บ้านเราแน่นอน”
นี่เป็ครั้งแรกที่บ้านหลี่ไปซื้อแป้งขาวที่บ้านของหวังไห่ หลี่เจี้ยนอันจึงพาน้องชายทั้งสองไปด้วยกันเสียเลย ขณะเดินผ่านบ้านสวี่ได้ยินเสียงปรับทุกข์ของ ซื่อโก่วจื่อกับหลี่อิงฮว๋า จึงเรียกน้องชายมาด้วย
พี่น้องทั้งสี่จึงไปที่บ้านหวังไห่ด้วยกัน
เฟิงซื่อให้ความสนใจกับการค้าขายของบ้านหลี่อยู่ตลอด เมื่อครู่ได้ยินหวังเยี่ยนบุตรีของตนบอกว่า หลี่ฝูคังและหลี่ิ่หานเพิ่งกลับมาจากตำบลแล้ว จึงรอคนบ้านหลี่มาซื้อแป้ง
คนบ้านหลี่คล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่ทันไรก็มากันแล้ว แถมยังมาด้วยกันสี่คน
หลี่เจี้ยนอันเป็พี่ชายคนโต เขาจึงออกหน้าคุยกับเฟิงซื่อ
ทั้งสองฝ่ายเจรจากันสำเร็จอย่างรวดเร็ว ต่างก็แลกเปลี่ยนกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจ
เฟิงซื่ออยากทำการค้ากับบ้านหลี่ในระยะยาว จึงไม่ชั่งน้ำหนักน้อยกว่าความเป็จริงแต่อย่างใด นางชั่งน้ำหนักอย่างถูกต้อง
ไม่ทันไรสี่พี่น้องก็ซื้อแป้งขาวมาได้สามสิบชั่ง เป็เงินเจ็ดสิบห้าทองแดง
เฟิงซื่อได้ยินว่า หลี่เจี้ยนอันอยากซื้อไข่ไก่จึงยิ้มกว้างมากขึ้น “ไข่ไก่บ้านข้าทั้งสดใหม่ทั้งอร่อย ไปขายที่ตัวตำบลหนึ่งชั่งสี่ทองแดง เพียงร้านที่ตัวตำบลรับซื้อปริมาณมาก ครั้งหนึ่งรับยี่สิบชั่ง บ้านเ้ารับปริมาณน้อย ข้าขายให้เ้าสองชั่งเก้าทองแดงเป็อย่างไร?”
หลี่เจี้ยนอันแอบยินดีในใจ “ได้ขอรับ หากบ้านท่านมีไข่ไก่ร้าวๆ แต่สดใหม่ บ้านพวกเราก็รับซื้อนะขอรับ สามใบหนึ่งทองแดง”
เฟิงซื่อยิ้มเล็กน้อย “ไข่ร้าวๆ มีอยู่สองใบพอดี เช่นนี้แล้วกัน คราวนี้พวกเ้าเอาไปก่อน คราวหน้าค่อยมาเอาอีก แล้วพวกเ้าค่อยให้เงินข้าหนึ่งทองแดง”
พี่น้องบ้านหลี่ซื้อแป้งขาวและไข่ไก่จากบ้านหวังไห่เสร็จแล้วก็พากันเดินกลับไป
พริบตาเดียวเฟิงซื่อก็ได้เงินไปแปดสิบสี่ทองแดงแล้ว ไม่ว่าจะคุยกับใครก็อารมณ์ดี
หวังเยี่ยนรอให้พี่สะใภ้ทั้งสองที่มาสอบถามกลับไปก่อน แล้วจึงแอบถามเฟิงซื่อ “ท่านแม่ พรุ่งนี้บ้านหลี่ยังจะมาซื้อแป้งขาวกับไข่ไก่ที่บ้านเราหรือไม่เ้าคะ?”
“ดูข้าสิ ถึงกับลืมคิดเื่นี้ไปเสียสนิทเลย” เฟิงซื่อตบหน้าอกตนเองเบาๆ
หวังเยี่ยนพูดเตือน “หากพวกเขามาซื้อทุกวัน หนึ่งเดือนก็ได้สองตำลึงกว่า เป็ค่าเล่าเรียนของน้องชายได้หนึ่งปีพอดี” เงินสองตำลึง หักทุนแล้วยังได้กำไรไม่น้อย สรุปแล้วยังคุ้มกว่าขายให้ร้านที่ตำบลมาก
.......................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้