องค์ชายออร์จิลยังไม่รู้ว่าเฟิงมี่แต่งงานแล้ว เพื่อที่จะได้เข้าเมืองไปสารภาพความในใจ องค์ชายได้ออกรบด้วยองค์เอง หากรบชนะเขาจะเรียกร้องให้ฮ่องเต้ต้าลู่ยกเลิกปิดประตูด่าน และให้เปิดการค้าระหว่างแคว้นอีกครั้ง ชนเผ่าอูลาน้าเสบียง หากมีอาหารที่เพียงพอพวกเขาก็ไม่รุกราน เนื่องจากภูมิศาสตร์ของชนเผ่าอูลานมีแค่ทุ่งหญ้าและทะเลทรายยากต่อการเพาะปลูกจึงขาดเสบียงอาหารที่เพียงพอต่อประชากร
ส่วนเฟิงมี่ได้เป็ฮูหยินขุนนางอย่างถูกต้องตามประเพณี มีสิทธิ์ดูแลจวน และมีอำนาจเต็มในการบริหารการค้าข้าวของตระกูลโหย่ว ตลอดจนไปถึงสามารถใช้งานผู้ดูแล และบ่าวรับใช้ได้ทุกคน
ณ โถงรับแขกเรือนตระกูลโหย่ว ผู้ดูแลเย่เป็ผู้ดูแลการค้าข้าวตระกูลโหย่ว เข้ารายงานผลประกอบการ สาขาร้านค้า และบัญชีทั้งหมดให้ฮูหยิน ต่อจากนั้นพ่อบ้านชงรายงานรายการสมบัติที่ตระกูลโหย่วมี พร้อมกับรายงานจำนวนคนและบ่าวทาสภายใต้ตระกูลโหย่ว หลังจากนั้นแม่บ้านฮวยรายงายบัญชีรายรับรายจ่าย และงานในจวนทั้งหมดให้ฮูหยินฟัง ต่อด้วยการแนะนำตัวของบ่าวโดยให้ขานชื่อแซ่และประวัติเบื้องต้น และเฟิงมี่เลือกบ่าวรับใช้คนสนิท 1 คน ที่เป็งานฉลาดคล่องแคล่ว มาติดตามนาง มีนามว่าทู่จื่อ
“คนเก่าแก่ ให้ทำงานหน้าที่ตำแหน่งเหมือนเดิม ทุกคนต้องฟังคำสั่งข้า ใครทำดีมีรางวัล ทำไม่ดีจะถูกลงโทษ” เฟิงมี่กล่าว
“เ้าค่ะ/ขอรับ” หัวหน้าแต่ละฝ่าย และบ่าวขานตอบรับ
“ข้าเป็คนง่ายๆ ไม่เื่มาก ขอให้ทุกคนอยู่ในกฎระเบียบ วันนี้พอแค่นี้ออกไปได้” เฟิงมี่ใช้เวลาทั้งวันกับเื่พวกนี้ โดยมีแม่นมเฝิงเป็คนแนะนำ
แม่นมเฝิงอดีตเคยเป็นางกำนัลรับใช้ในตำหนักพระสนมซูผิน (แต่ไม่ใช่นางกำนัลคนสนิท) เคยทำงานในวังมาก่อน จนอายุครบ 25 ปี ตามกฎจึงได้ออกจากวังตามกำหนด ด้วยความลำเอียงรักของชินอ๋อง อยากให้ท่านหญิงมีแม่นมดีๆ ที่มากประสบการณ์ จึงเชิญแม่นมเฝิงมาดูแล ความรู้เื่มารยาทหญิง การดูแลจวนล้วนถูกถ่ายทอดมาจากแม่นมเฝิงทั้งสิ้น ดังนั้นจวนขุนนาง ขั้น 9 เล็กๆ ไม่คณามือท่านหญิงเลย
ทุกวันเฟิงมี่จะให้หัวหน้าแต่ละฝ่ายเข้าสอนงาน นางเป็คนใฝ่รู้ อะไรที่อยากรู้ก็ให้คนที่รู้มาสอน อะไรที่ไม่ถนัดก็ใช้คนที่รู้ไปทำ สิ่งที่ถนัดที่สุดของนางคือใช้งานคน
ในขณะนี้เกิดาหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านตกทุกข์ได้ยาก และโดนผู้นำกลุ่มการค้าข้าวตอกย้ำความทุกข์ เอาเปรียบขึ้นราคาข้าวมากกว่าเดิม เป็ 5 เท่า และสั่งให้การค้าข้าวทุกตระกูลทำตาม ปรับราคาขึ้นตาม
เฟิงมี่เห็นโอกาสในวิกฤต เปิดคลังข้าวตระกูลโหย่ว ใช้ข้าวสารทั้งหมดที่มี กระจายไปทุกสาขา และปรับราคาข้าวลง เป็ราคาปกติ ทำให้ราคาถูกกว่าทุกที่ ชาวบ้านจึงมีข้าวกินในราคาที่เป็ธรรม เป็เช่นนั้นการค้าข้าวตระกูลโหย่วจึงถูกขับออกจากกลุ่มการค้า และไม่มีตระกูลไหนในกลุ่มส่งข้าวสารให้อีก
ในขณะนั้นเอง เฟิงมี่วางแผนแนะนำให้สามีนำข้อมูล เดินทางไปขอพบเ้าเมือง คือท่านโหวอวิ๋น บรรดาศักดิ์เ้าเมืองเถี่ย เป็ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองนี้
“ข้าน้อย โหย่วจิ้ง ขุนนางขั้น 9 มีเื่สำคัญเร่งด่วน มาขอพบท่านเ้าเมือง” ขุนนางโหย่วกล่าวขอเข้าพบที่ว่าการเ้าเมือง
ท่านโหวอวิ๋นอนุญาตการให้เข้าพบ
“เชิญขุนนางโหย่ว เข้าพบท่านเ้าเมือง” เ้าหน้าที่ประกาศแจ้งให้เข้าพบ
“ข้าน้อย โหย่วจิ้ง ขอคารวะท่านโหว” ขุนนางโหย่วกล่าวพร้อมทำมือคำนับคารวะ
“มีอะไร ว่ามา” ท่านโหวอวิ๋นกล่าว
“าที่ดุเดือดทำให้ราคาข้าวขึ้น 5 เท่า แท้จริงแล้วไม่เป็เช่นนั้น ผู้นำการค้าข้าวละโมบกำไรสั่งปรับราคาข้าวขึ้น ชาวบ้านอดอยากเพราะสู้ราคาข้าวไม่ไหว ตอนนี้ตระกูลโหย่วเปิดคลังขายข้าวราคาถูก ให้ชาวบ้านมาซื้อข้าวกิน แต่ไม่รู้จะยื้อได้อีกนานเท่าไหร่” ขุนนางโหย่วรายงาน
“เ้ากำลังรายงานข้ามขั้น เหตุใดไม่รายงานนายอำเภอ” ท่านโหวอวิ๋นถาม
“เพราะนี่ไม่ใช่เื่แค่อำเภอเจี้ยนเค่อแค่อำเภอเดียว แต่เป็เื่ของทั้งเมือง และกำลังจะกลายเป็เื่ของทั้งแคว้น” ขุนนางโหย่วตอบด้วยความหนักแน่น
“ได้ สั่งการลงไป ส่งคนไปตรวจสอบผู้นำการค้าข้าว และผู้สมรู้ร่วมคิด สั่งควบคุมราคาข้าวทุกพื้นที่ ใครขัดขืนจับกุมไต่สวน” ท่านโหวอวิ๋นสั่งการขุนนาง และทหารใต้บังคับบัญชา
“ส่วนเ้าโหย่วจิ้ง ข้าจะตั้งให้ตระกูลโหย่วเป็ผู้นำการค้าข้าวชั่วคราว หลังจากตรวจสอบ ถ้าเป็จริงอย่างที่เ้าพูด จะมีความดีความชอบ” ท่านโหวกล่าว
“ยังมีเื่อื่นรายงานอีกขอรับ” ขุนนางโหย่วพูด
“อะไรอีก ว่ามา” ท่านโหวอวิ๋นกล่าว
“ยังมีสินค้าอื่นๆ ขึ้นราคาสูงผิดปกติ จากกลุ่มการค้าอื่น ที่ขึ้นราคาตามอำเภอใจ ท่านโหวโปรดตรวจสอบ“ ขุนนางโหย่วรายงาน
“ข้าจะสั่งคนตรวจสอบ เ้ามีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีออกไปได้” ท่านโหวอวิ๋นกล่าว และสั่งคนตรวจสอบทุกพื้นที่
หลังจากตรวจสอบแล้ว เป็จริงตามที่ขุนนางโหย่วรายงานทุกประการ เ้าเมืองจึงมีคำสั่งให้ตระกูลโหย่วเป็ผู้นำการค้าข้าวทันที ทุกตระกูลขายข้าวที่ปรับราคาลงเป็ราคาส่งให้ตระกูลโหย่ว ทำให้ในคลังข้าวตระกูลกลับมามีข้าวอีกครั้ง ข้าวสารถูกกระจายไปทุกร้านค้าทุกสาขา พร้อมทั้งร้านค้าข้าวตระกูลอื่นๆ ก็ปรับราคาลง ส่งผลให้ชาวบ้านมีข้าวที่ราคาถูกกินในภาวะา ตลอดไปถึงกลุ่มการค้าสินค้าอื่นๆ เห็นดังนั้น จึงพากันลดราคาลงแทบทุกอย่าง เพราะการจัดการแบบเดียวกัน นอกจากนั้นเมืองอื่น ที่มีปัญหาราคาสินค้าขึ้นผิดปกติก็ถูกแก้ไขในรูปแบบเดียวกัน ส่งผลให้ประชาชนเกือบทั้งแคว้นต้าลู่มีกินมีใช้อีกครั้ง
เฟิงมี่ใช้โอกาสนี้ส่งคนไปกระจายข่าวเื่ขุนนางโหย่วร้องทุกข์แทนชาวบ้าน ข่าวถูกแพร่สะพัดกระจายปากต่อไปอย่างรวดเร็วข่าวดังไปทั่วทั้งเมือง ดังไปถึงเมืองต่างๆ ใกล้เคียง ไม่นานเื่ก็ไปถึงพระกัณฑ์ของฮ่องเต้
ท่านโหวอวิ๋นชิงแต่งตั้งขุนนางโหย่วเป็ปลัดอำเถอเจี้ยนเค่อ เป็ขุนนางขั้น 8 ในการแต่งตั้งตำแหน่งขุนนาง ต้องยื่นรายชื่อไปยังเมืองหลวงก่อนเพื่อขอรับการแต่งตั้ง โดยปกติทั่วไปเ้าเมืองส่งรายชื่อไปก็อนุมัติทุกราย รวมถึงท่านปลัดโหย่วด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้