คำขอหรือ?
“อืม เ้าพูดมาเถิด เ้า้าอะไร ไม่ว่าเป็สิ่งใด ข้าและบิดาอ๋องของเ้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหามาให้เ้า” จิ้นหวังเฟยรีบเช็ดน้ำตาในทันที นางระงับจิตใจ จับมือของจ้าวอิ้งเสวี่ย ทว่าก็กลัวว่าจะเผลอไปจับโดนแผลที่มือนางอีก
“วันมะรืนนี้ระหว่างทางไปจวนเหนียน ข้าปรารถนาที่จะได้รับการคุ้มกันจากแม่ทัพหลวง” จ้าวอิ้งเสวี่ยกล่าวทุกถ้อยคำในใจนาง เงาร่างลางเรือนในใจนางนั้นชัดเจนมากเป็พิเศษ
“ท่านแม่ทัพ...” จิ้นหวังเฟยขมวดคิ้ว ฉู่ชิงบุตรชายของท่านแม่ทัพงั้นหรือ?
จิ้นหวังเฟยมองจ้าวอิ้งเสวี่ย วันนั้นถ้ามิใช่เพราะฉู่ชิง อิ้งเสวี่ยคงไม่รอดจากกองเพลิงนั้นแล้ว ทว่าความคิดของอิ้งเสวี่ยที่มีต่อฉู่ชิงนั้นเป็แค่ความรู้สึกขอบคุณจริงหรือ?
จิ้นหวังเฟยอดไม่ได้ที่จะกังวล ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า “อิ้งเสวี่ย ในเมื่อเ้าต้องแต่งเข้าจวนเหนียน เื่ของท่านแม่ทัพนั้น...”
“ข้ารู้” จ้าวอิ้งเสวี่ยดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่จิ้นหวังเฟย้าจะกล่าวอออกมา นางรีบตัดบทขึ้นมาทันที “ท่านแม่ทัพมีพระคุณช่วยชีวิตอิ้งเสวี่ยไว้ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ ข้าคงชดใช้ตอบแทนให้ไม่หมดแน่ ท่านแม่ นี่เป็เพียงคำขอเดียวของข้า ให้เขาไปส่งข้าออกเรือน”
"ตกลง ข้าจะนำเื่นี้ไปเกลี้ยกล่อมพ่อเ้าให้คิดหาทางมาให้ได้" จิ้นหวังเฟยเอ่ยปากตอบอย่างหนักแน่น
"ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว" จ้าวอิ้งเสวี่ยเอนกายอยู่บนเตียง หลับตาลง ยังคงเป็เช่นเดิมทุกคืน ความหวาดหวั่นสั่นกลัวในเหตุการณ์เพลิงไหม้และความอัปยศในวันนั้นหลอกหลอนจนนางนอนหลับไม่ลง
ในวันที่เก้าเดือนแปด ฤกษ์สมรส
ในวันนี้ งานสมรสระหว่างตระกูลเหนียนและตระกูลของจิ้นหวังเฟยได้รับความสนใจอย่างมาก
ก่อนรุ่งสางหนานกงเยวี่ยพาคนไปรอนอกคุกหลวง เตรียมรับเหนียนเฉิงกลับจวน
หนึ่งเดือนของการทรมานในคุกทำให้เหนียนเฉิงเ็ปยิ่งกว่าความตาย ยามที่เขาถูกผู้คุมลากตัวออกมาจากคุก ทั่วทั้งร่างของเหนียนเฉิงเต็มไปด้วยรอยเืแห้งกรัง แทบจะฟกช้ำไปทั้งตัว
“ลูกข้า...” หนานกงเยวี่ยเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเหนียนเฉิง อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาทันที “พวกมัน พวกมันกล้ามาก...กล้ามาทรมานเ้าเยี่ยงนี้...”
หนานกงเยวี่ยประคองเหนียนเฉิงด้วยตัวเอง เมื่อหนานเฉิงได้ยินเสียงของหนานกงเยวี่ยเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ "ท่านแม่ เป็ท่าน...ข้า...ท่านแม่ ท่านรีบพาข้าออกไป ข้าไม่อยากอยู่ในที่ที่น่ากลัวเช่นนี้อีก เจ็บมาก ข้าเจ็บไปทั้งตัว พวกมันตีข้า...พวกมันอยากตีข้าให้ตาย..."
ดวงตาของเหนียนเฉิงอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่ากำลังคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายก็มิปาน เขาจับข้อมือของหนานกงเยวี่ยแน่น
ท่าทางเช่นนี้ทำให้หนานกงเยวี่ยเ็ปใจ "ได้ แม่มาพาเ้ากลับจวน ไม่เป็ไรแล้ว พวกเราจะออกไปจากที่นี่ หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเ้าอีก"
หนานกงเยวี่ยส่งสายตาให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมา คนจำนวนหนึ่งจึงรีบเข้ามาประคองเหนียนเฉิงพาเขาขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวังในทันที ระหว่างทางหนานกงเยวี่ยโอบกอดเหนียนเฉิงปล่อยให้เขาอิงตัวในอ้อมอก เพราะกลัวมากว่าการกระแทกของรถม้าจะทำให้เหนียนเฉิงเจ็บ
อาจจะเพราะได้รับความทุกข์ทรมานจากากรถูกจองจำในคุกหลวง เหนียนเฉิงสับสนมึนงง ราวกับถูกปลุกจากความฝัน
ครั้นถึงจวนเหนียน ท้องฟ้าก็สว่างขึ้นอีกเล็กน้อย ตอนที่เหล่าข้ารับใช้พาเหนียนเฉิงลงจากรถม้า พวกนางไม่ระวังจึงปลุกให้เหนียนเฉิงตื่น เหนียนเฉิงลืมตาและเห็นผ้าไหมสีแดงทั่วทุกแห่งของจวนเหนียน อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกัน?"
วันที่เขาอยู่ในคุกหลวงชีวิตราวกับตายทั้งเป็ นึกไม่ถึงเลยว่าจวนเหนียนจะจัดงานรื่นเริง?!
"เฉิงเอ๋อร์..." หนานกงเยวี่ยปรากฏแววตาคลุมเครือ เกี่ยวกับเื่สมรสพระราชทาน ตลอดมานางยังไม่ได้เอ่ยปากพูดเื่นี้กับเหนียนเฉิง ทว่ายามนี้...วันนี้ที่ต้องเข้าพิธีสมรส หนานกงเยวี่ยรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาถ้าไม่พูดก็คงไม่ได้ "วันนี้เป็วันเข้าพิธีสมรสของเ้า?"
"สมรส? กับผู้ใด?" แม้เหนียนเฉิงจะลุ่มหลงสตรี ทว่าสภาพที่ถูกทรมานมาเช่นนี้ ยามนี้เขาจะไปมีจิตใจไปคิดเื่รักใคร่ชายหญิงจากที่ใด?
"จวนจิ้นอ๋อง...ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย" หยานกงเยวี่ยขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
เมื่อคำพูดคำนั้นหลุดออกมา คาดไม่ถึงเหนียนเฉิงกลับมีท่าทีตื่นตระหนกหวาดหวั่น
"ท่านแม่พูดอันใด? จวนจิ้นอ๋อง...อิ้งเสวี่ย...ไม่ สตรีผู้นั้น...สตรีผู้นั้นต้องรอฆ่าข้าอยู่เป็แน่ ท่านแม่ ข้าจะแต่งกับนางได้อย่างไร? ข้าไม่ยอมแต่งกับนางแน่นอน ไม่มีทางแน่!"
เหนียนเฉิงไม่สามารถปกปิดความตื่นตระหนกหวาดกลัวในใจได้ เขาพรากความบริสุทธิ์ของจ้าวอิ้งเสวี่ย สร้างความแค้นกับนาง แต่งคู่แค้นคู่อริเข้าจวน นั่นไม่เรียกว่าเลวร้ายยิ่งกว่าเลวร้ายหรือ?
ยิ่งกว่านั้น จ้าวอิ้งเสวี่ยนั่นถูกเพลิงไหม้าเ็ ได้ยินว่าใบหน้าพังยับเยินจนไม่น่ามอง สตรีของเขา เหนียนเฉิงผู้นี้ จะเป็คนที่อัปลักษณ์น่ากลัวได้อย่างไร?
"ท่านแม่ ไปยกเลิกงานแต่งเถิด ท่านแม่ ข้าขอร้อง ข้า..." เหนียนเฉิงยิ่งคิดในใจก็ยิ่งหวาดกลัว ฝืนทนร่างกาย มองหนานกงเยวี่ยอย่างอ้อนวอน
"ยกเลิกงานแต่งหรือ? เ้าลูกเลว เ้าคิดว่างานแต่งนี่มันยกเลิกได้ง่ายขนาดนั้นหรือ?” เสียงะโโกรธเกรี้ยวดังขึ้น เหนียนเย่าแต่งกายชุดไหมงดงามทั้งตัว ใบหน้าดุดันเคร่งขรึมเดินเข้ามาทางนี้
ในใจเหนียนเฉิงอึดอัด ท่านพ่อเองก็กลับมาด้วยหรือ?
ทว่าเมื่อนึกถึงงานแต่ง พลังของเหนียนเฉิงกลับยังไม่ลดหย่อน "เหตุใดจะยกเลิกมิได้? ข้าจะไปขอท่านตา ท่านยาย พวกเขาต้องช่วยข้าได้แน่..."
เหนียนเฉิงเดินกะโผลกกะเผลกออกจากจวนไปอย่างร้อนรน หนานกงเยวี่ยเร่งรีบไล่ตามเข้าไปคว้าเหนียนเฉิง ปลอบโยนอย่างจนปัญญา "เฉิงเอ๋อร์ งานแต่งครั้งนี้ฝ่าาเป็ผู้รับสั่ง ถ้าเ้าไม่แต่งกับจ้าวอิ้งเสวี่ย แม้แต่คุกหลวงเ้าก็คงออกมาไม่ได้ สิ่งที่จวนจิ้นอ๋อง้าคือชีวิตของเ้า ถ้าไม่แต่งกับจ้าวอิ้งเสวี่ย ชีวิตกับการแต่งงานนี่มันไม่คุ้มหรือ?
เหนียนเฉิงแข็งทื่อทั้งตัว นึกถึงเื่ในคุก นับว่าเป็ความกลัวอีกอย่างหนึ่ง
"เฉิงเอ๋อร์ เ้าฟังนะ พวกเรายอมถอยมาก้าวหนึ่ง เพียงแค่สตรีผู้หนึ่งแต่งแล้วก็แต่งไปเถิด หากเ้าไม่ชอบ ภายภาคหน้าข้าจะหาอนุให้เ้า เ้าอยากจะมีกี่คนในจวนก็ได้" หนานกงเยวี่ยลูบหลังปลอบประโลมเหนียนเฉิง ถ้ามิใช่มีแค่งานแต่งนี้ที่จะช่วยเฉิงเอ๋อร์ได้ นางจะยอมเกี่ยวดองกับจวนจิ้นอ๋องหรือ?
เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าการแต่งจ้าวอิ้งเสวี่ยเข้ามาก็เท่ากับลากหายนะเข้าจวนเหนียน!
"ทว่า...จ้าวอิ้งเสวี่ยต้องฆ่าข้าแน่" การต่อต้านของเหนียนเฉิงอ่อนลงเล็กน้อย ทว่าในใจยังคงกลัวจ้าวอิ้งเสวี่ย
"นางกล้าหรือ!" หนานกงเยวี่ยกล่าวอย่างเ็า "นางเข้ามาในจวนเหนียนของเรา เ้าเป็สามีของนาง แม้ว่านางจะเป็ท่านหญิง ทว่าก็ต้องทำตามหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา[1] ตามธรรมเนียมปฎิบัติ เ้าวางใจเถิด เพียงปลายเล็บ แม่ก็จะไม่ปล่อยให้นางทำร้ายเ้า ข้าให้ท่านลุงเ้าหาคนติดตามฝีมือดีสองคนมาปกป้องเ้าแล้ว จ้าวอิ้งเสวี่ยนางไม่มีทางทำอะไรเ้าได้แน่!"
หนานกงเยวี่ยกล่าวออกมาเช่นนี้ เหนียนเฉิงก็รู้สึกวางใจขึ้นมาเล็กน้อย
"เ้าประพฤติตัวไม่เรียบร้อย หลังจากนี้ก็ยั้งหน้าไว้ให้ข้าบ้าง" เหนียนเย่าจ้องหน้าเหนียนเฉิงจนเขาใกลัวหลบเข้าด้านหลังหนานกงเยวี่ยอย่างไม่รู้ตัว "ท่านพี่ เฉิงเอ๋อร์ก็เป็เช่นนี้อยู่แล้ว ท่านอย่าโทษเขาเลย ผลสุดท้ายอย่างไรเขาก็ไม่อยาก..."
"อะไรกัน? หากเ้ายังปกป้องเขาเยี่ยงนี้ ไม่ช้าก็เร็ว เ้าเด็กไร้ยางอายนี่จะก่อหายนะครั้งใหญ่" เสียงดุดันรุนแรงของเหนียนเย่าตัดบทคำพูดของหนานกงเยวี่ยเขาจ้องเหนียนเฉิงอย่างกราดเกรี้ยวดุร้าย สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
หนานกงเยวี่ยมองตามแผ่นหลังของเหนียนเย่า คำพูดของเหนียนเย่ายังคงดังก้องอยู่ในหูนาง เหนียนเฉิงบุตรชายคนเดียวของนาง ถ้านางไม่ปกป้องเขาแล้วจะให้ไปปกป้องผู้ใด?
หนานกงเยวี่ยสูดหายใจลึก คิดถึงงานมงคลสมรสในวันนี้ก็หันมองไปที่เหนียนเฉิง "ชุดนี้ต้องไปเปลี่ยนให้ดี ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็วันงานมงคลครั้งใหญ่ของเ้า..."
ถึงแม้เ้าจะไม่พอใจเพราะงานแต่ง แต่ก็เพื่อเหนียนเฉิงที่ออกมาจากคุก ถือเป็การเฉลิมฉลองที่รักษาชีวิตหนึ่งเอาไว้ได้
หนานกงเยวี่ยพาเหนียนเฉิงเดินจากไป พวกเขาที่เพิ่งผลักประตูเข้ามา เหนียนยวี่ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างประจักษ์ในดวงตา ั์ตานางสงบไร้คลื่น ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน
ชีวิตในชาติก่อน เหนียนเฉิงก่อเื่หายนะมากมาย ทว่าหนานกงเยวี่ยก็ยังคงปกป้อง ในเมื่อมีหนานกงเยวี่ยปกป้องอยู่ เหนียนเฉิงผู้นี้จึงใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยมาตลอด
ทว่าในชาตินี้...
ถ้าไม่มีตระกูลหนานกงแล้วล่ะก็...ไม่รู้ว่าแม่ลูกคู่นี้ยังจะสามารถมีชีวิตที่อิสระเช่นชาติที่แล้วอยู่หรือไม่
เหนียนยวี่มองไปรอบๆ งานเฉลิมฉลองอันรื่นเริงในจวนเหนียน หลังจากนี้จวนเหนียนจะคึกคักยิ่งกว่านี้เสียอีก
จวนจิ้นอ๋อง ลานหลิ่วซี
ภายในห้องมีชุดแต่งงานสีแดงวางอยู่ข้างๆ แม่นมสาวใช้ทั้งหมดแต่ละคนล้วนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
"ท่านหญิง นี่คือชุดสมรสที่ฝ่าาทรงประทานมาให้ด้วยตนเองเพคะ ท่านสวมเถิดเพคะ ฮองเฮาทรงเลือกชุดมงคลชุดนี้ให้ด้วยตัวเองเลยนะเพคะ ท่านดูสีของเสื้อผ้า ช่างงดงาม..." แม่นมเฉินเป็นางกำนัลที่ส่งมาจากในวัง นางมองจ้าวอิ้งเสวี่ยที่นั่งอยู่ขอบเตียง สวมชุดขาว ไร้การแต่งทรงองค์เครื่องประดับประดา สวมหมวกซาเม่าสีขาว ปล่อยผ้าโปร่งสีขาวห้อยทิ้งตัวลง
ได้ยินว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ยถูกไฟไหม้ทำลายใบหน้า มิน่าเล่าถึงได้ปกปิดมิดชิดเยี่ยงนั้น
"งานมงคลหรือ? ไม่มีเื่รื่นเริง แล้วต้องฉลองมงคลอะไร?"จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเ็า เสียงนั้นประชดประชันเป็พิเศษ
ท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยร้องรำอีกทั้งยังเต้นได้ดี ปีที่แล้วฝ่าาทรงมีพระชนม์มายุครบห้าสิบปี นางเคยบรรเลงเพลงในพระตำหนัก ทว่าตอนนี้ เสียงนี้...กลับฟังดูน่าขนหัวลุก
"ท่านหญิง วันนี้เป็วันที่ท่านจะกลายเป็เ้าสาว ชุดสมรสนี่..."
"แม่นมเฉิน ในเมื่อท่านหญิงไม่้าเปลี่ยน ขอท่านนำชุดนี้ส่งกลับไปวังหลวงเถิด ฝากขอบพระทัยในมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานชุดนี้แทนพวกเราจวนจิ้นอ๋องด้วย" จิ้นหวังเฟยเปิดประตูเข้ามาด้วยน้ำเสียงไม่เป็มิตร เป็เพราะมีเื่กับตระกูลเหนียน ในใจยังคงโทษฮ่องเต้หยวนเต๋ออยู่บ้าง
"นี่...ทว่าวันนี้เป็วันงานมงคล ท่านหญิงคงจะไม่ถึงกับสวมชุดนี้ออกเรือนใช่หรือไม่?” แม่นมเฉินยิ้มแห้ง มีผู้ใดสวมชุดขาวออกเรือนเสียที่ไหน? ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยแต่งกายเช่นนี้ ทำให้งานมงคลสมรสนี้มิเหมือนงานรื่นเริง ทว่าเย็นชืดราวกับงานศพ
เชิงอรรถ
[1] หลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา เป็หนึ่งในหลักมาตรฐานทางจริยธรรมของจีนโบราณยุคศักดินา ซึ่งเป็หลักที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของสตรีในสมัยนั้น หลัก “สามเชื่อฟัง”หรือ"สามคล้อยตาม"คือผู้หญิงหากยังไม่ออกเรือนต้องเชื่อฟังบิดา เมื่อแต่งงานมาต้องเชื่อฟังสามี และเมื่อสามีถึงแก่กรรมต้องเชื่อฟังบุตรชาย ส่วนสี่จรรยาคือ 1.คุณธรรมของสตรี ให้รักษากิริยา สงบเสงี่ยม 2.วาจาสตรี 3.รูปลักษณ์สตรี 4.การงานสตรี