“เหตุใดจะไม่ได้เล่า?” จ้าวอิ้งเสวี่ยลุกขึ้น สาวใช้ข้างกายรีบเร่งสาวเท้าเข้ามาช่วยประคองนางทันที“ทว่าข้ากลับชอบชุดนี้ยิ่งนัก ท่านแม่นม ท่านกลับไปก่อนเถิด”
จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เคยประสบกับความตายมาก่อน และวันนี้มิใช่ว่านางตั้งใจจะเข้าพิธีสมรสทว่านางตั้งใจจะไว้ทุกข์ให้ตัวเองต่างหาก!
แม่นมเฉินยังอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างทว่าสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง“เช่นนั้นบ่าวจะนำชุดสมรสกลับวังหลวงรายงานให้พระองค์ทราบเพคะ”
นางในที่แม่นมเฉินพามาคารวะจิ้นหวังเฟยและจ้าวอิ้งเสวี่ยด้วยท่าฝูเชิน แล้วขอตัวจากไป
ภายในห้อง เหลือเพียงคนของจวนจิ้นอ๋องจิ้นหวังเฟยมองจ้าวอิ้งเสวี่ยในชุดสีขาว ความทุกข์ระทมในใจก็ท่วมท้นออกมา
“อิ้งเสวี่ย เ้าจะลำบากทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”
จิ้นหวังเฟยเก็บงำหลบซ่อนความเ็ปไว้ในใจ บุตรสาวของนางในชุดสีขาวทั้งตัวแฝงอารมณ์อะไรบางอย่าง นางก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ทว่า...
“ไม่ต้องแล้วอิ้งเสวี่ย พวกเราไม่ต้องแต่งแล้วต่อแต่นี้เ้าก็อยู่ในจวนจิ้นอ๋องของเราก็พอ จวนจิ้นอ๋องจะดูแลเ้าไปตลอดชีวิตแม่จะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเ้าได้อีก” จิ้นหวังเฟยสูดหายใจลึก อิ้งเสวี่ยในสภาพเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเ็ปใจถึงตอนนั้นแม้ว่าฝ่าาจะทรงกล่าวโทษอันใดก็ตามแต่ นางจะรับผิดชอบเอง
จ้าวอิ้งเสวี่ยใเล็กน้อย ทว่าชั่วขณะนั้นสายตาที่ปกปิดใต้ผ้าคลุมกลับแฝงรอยยิ้มเย็น “จะไม่แต่งได้อย่างไรเล่าท่านแม่?”
ถ้านางไม่แต่งแล้วจะทำให้เหนียนเฉิงมีชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็ได้อย่างไร?
“ท่านแม่ เขามาแล้วหรือ?” จ้าวอิ้งเสวี่ยจู่ๆ ก็ตัดจบบทสนทนา น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นอย่างมาก
จิ้นหวังเฟยเข้าใจได้ทันทีว่า ‘เขา’ที่นางพูดถึงหมายถึงใคร“ฝ่าาส่งท่านแม่ทัพมาคุ้มกัน ท่านรออยู่นอกจวนแล้ว”
รออยู่แล้วงั้นหรือ?
ฉับพลันนั้นจ้าวอิ้งเสวี่ยใจเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ นางสูดหายใจเข้าลึกกล่าวเสียงดังกังวาน “ไปกันเถิด”
จ้าวอิ้งเสวี่ยออกคำสั่งให้สาวใช้สองคนเข้ามาประคองนางพาออกจากห้อง
จวนจิ้นอ๋องวันนี้ ไม่มีบรรยากาศอันน่าปิติยินดีเลยแม้แต่น้อยแขกที่มาแสดงความยินดีก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกจวนจิ้นอ๋องปฏิเสธที่จะรับคำยินดีและมิให้เข้ามาในจวน
ขบวนเกี้ยวสู่ขอของจวนเหนียนมารออยู่ด้านนอกจวนจิ้นอ๋องแล้วเหนียนเฉิงในชุดสมรสสีแดง นั่งอยู่บนหลังม้า ภายใต้เสื้อคลุมสมรส เขาพยายามประคับประคองร่างกายที่เต็มไปด้วยาแ ข้างขบวนเกี้ยวสู่ขอ นำโดยท่านแม่ทัพหลวง ราชองครักษ์หลายร้อยนายเข้าแถวอย่างเป็ระเบียบ
จิ้นอ๋องอยู่ที่ประตู ยืนอยู่ตรงข้ามขบวนขันหมากของเหนียนเฉิงบรรยากาศแปลกประหลาดเป็อย่างยิ่ง
ในสายตาของผู้คนรอบข้างล้วนมองว่านี่มิใช่การเกี่ยวดองของสองตระกูลพันธมิตรทว่ากลับดูเหมือนตระกูลคู่อริสองตระกูลที่้าห่ำหั่นสู้รบกันเสียมากกว่า
จ้าวอิ้งเสวี่ยที่กำลังถูกสาวใช้ประคองปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนในชุดสีขาวเกือบทุกคนในที่นั้นล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ
เ้าสาวแต่งตัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ผู้คนรอบๆ เริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบกัน
“สตรีนางนี้…” เหนียนเฉิงรอจนหมดความอดทน เห็นจ้าวอิ้งเสวี่ยที่แต่งตัวเยี่ยงนั้นเขาก็ยิ่งะเิความโกรธออกมา “นางคิดว่านี่เป็งานศพหรืออย่างไร?”
จ้าวอิ้งเสวี่ย...นางนี่มัน... เห็นได้ชัดเลยว่านางกำลังหักหน้าเขา! หักหน้าเขาเหนียนเฉิง!
“คุณชาย ท่านอดกลั้นไว้หน่อยนะขอรับฮูหยินกล่าวว่าให้รับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยไปยังจวนเหนียนให้ได้ อย่าสร้างปัญหาเลยนะขอรับ”พ่อบ้านยืนเกลี่ยกล่อมอยู่ด้านข้างฮูหยินคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจวนจิ้นอ๋องคงไม่ปล่อยให้ออกเรือนดีๆ แน่จึงมอบหมายให้เขามากำชับดูแลคุณชายเป็พิเศษ ทว่านี่...
สวมชุดขาวออกเรือน ไม่เป็มงคลเอาเสียเลย!
ทว่าจะมีหนทางทำเช่นไรได้อีก?
เื่ราวเลวร้ายทั้งหมดล้วนเกิดจากคุณชายเหนียนเฉิง
เหนียนเฉิงจ้องมองจ้าวอิ้งเสวี่ยเขม็ง ใต้ผ้าคลุมหน้านั้น...
นึกถึงใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมไม่รู้ว่าถูกไฟไหม้แล้วจะเป็อย่างไรบ้าง ร่องรอยความรังเกียจก็เกิดขึ้นในใจเหนียนเฉิงยิ่งไปกว่านั้น ความเ็ปทุกข์ทรมานที่เขาได้รับในคุก คงต้องขอบคุณนาง จ้าวอิ้งเสวี่ยที่มอบให้!
เมื่อนึกถึงเื่นี้เหนียนเฉิงก็ไม่แม้แต่อยากจะชายตามองจ้าวอิ้งเสวี่ย เขาหันไปสั่งพ่อบ้านอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์“ไปเถิด รีบกลับจวน”
จ้าวอิ้งเสวี่ยครั้นออกจากประตูจวนอ๋องก็รีบมองหาเงาร่างของบุรุษผู้นั้นทันที
มองผ่านผ้าคลุมสีขาวบางนางเห็นเงาดำบนหลังม้าพันธุ์งามอย่างเลือนราง คลุมเครือสลัวไม่ชัดเจนเหมือนกับในเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่วันนั้นเป็เพียงโครงเงาร่างคร่าวๆ เงาหนึ่ง
ทว่านางก็รู้ว่านั่นคือเขา ''ฉู่ชิง'' ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้!
หากได้เห็นเขาชัดๆ ก็คงจะดี ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ทว่าใบหน้าเช่นนี้ของตน...
ความเกลียดชังในใจของจ้าวอิ้งเสวี่ยที่มีต่อเหนียนเฉิงทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นมือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นโดยไม่รู้ตัว ยามนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับฉู่ชิงทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเหนียนเฉิงที่น่ารังเกียจผู้นั้น!
“ท่านหญิง บ่าวช่วยประคองท่านขึ้นรถม้านะเ้าคะ” สาวใช้ผิงเอ๋อร์ประคองจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นจ้าวอิ้งเสวี่ยก็ตั้งสติได้ เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงตัวนางก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ในใจก็ยิ่งยึดมั่นในสิ่งที่ตั้งใจมากขึ้น
สาวใช้ช่วยประคองจ้าวอิ้งเสวี่ยขึ้นรถม้าพ่อบ้านจวนเหนียนเป่าแตรสั่วน่า [1] และขบวนเกี้ยวสู่ขอก็ออกเดินทาง
ภายในรถม้า ในที่สุดจ้าวอิ้งเสวี่ยก็อดรนทนไม่ไหวนางเปิดม่านเกี้ยวออกมองเห็นเงาเลือนรางของบุรุษบนหลังม้าที่ควบม้าเคียงขบวนเกี้ยว “ผิงเอ๋อร์ บอกข้าให้ข้าฟังหน่อยเถิดว่ารูปร่างหน้าตาของท่านแม่ทัพหลวงเป็เช่นไร?”
คำสั่งที่กล่าวขึ้นมาทันใดของจ้าวอิ้งเสวี่ย ทำให้ผิงเอ๋อร์มึนงงไปชั่วครู่ทว่าไม่นานก็รีบตอบสนองคำสั่งทันที นางพินิจเงาร่างตั้งตรงบนหลังม้าพันธุ์งามนอกรถม้านึกถึงสมญานามของท่านแม่ทัพหลวง ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ท่านหญิง วันนี้ท่านแม่ทัพหลวงสวมชุดดำทั้งตัวสูงสง่าตั้งตรงตระหง่าน บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดาบ่าวได้ยินมาว่ายามนี้ในบรรดาผู้คนรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถและชาญฉลาดในแคว้นเป่ยฉีผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือท่านแม่ทัพหลวง นี่ก็เพิ่งอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเองเ้าค่ะ ทว่าช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ใบหน้านั้น... ถ้ามิใช่เพราะใบหน้านั้นเกรงว่าคงเป็บุรุษที่เหล่าคุณหนูบุตรีบ้านอื่นไล่ตามประจบประแจงมากที่สุดในรัฐชุ่นเทียนของเรามิใช่มู่อ๋องและหลีอ๋อง ทว่าเป็ท่านแม่ทัพหลวงแน่เ้าค่ะ”
“ใบหน้า...” จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำ
ผิงเอ๋อร์ตระหนักได้ว่านางเผลอหลุดปากพูด ใบหน้าแข็งชะงักตื่นตระหนกวิตกกังวล “ท่านหญิง บ่าว...บ่าวมิได้ตั้งใจเอ่ยถึง…”
เหตุใดนางถึงได้สะเพร่าเช่นนี้ รู้อยู่แล้วว่าหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนั้นเื่ที่ท่านหญิงใส่ใจมากที่สุดก็คือใบหน้า
"เขาเองก็เคยาเ็จากไฟไหม้ ใบหน้าของเขา…”จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง “ปีนั้น... เขาเองก็เจ็บมากใช่หรือไม่?”
จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มันส่งผลต่อผิวหน้าของนางความเ็ปของาแกระจายไปทั่ว ความเ็ปแบบนี้เจ็บแทงลึกถึงขั้วหัวใจ ที่แท้...คาดไม่ถึงเลยว่านางกับเขาจะประสบพบเจอเื่ราวเลวร้ายเหมือนกัน!
ในวังหลวง
ณ ตำหนักชีอู๋
ฮ่องเต้หยวนเต๋อฟังรายงานของแม่นมเฉินชำเลืองมองชุดสมรสเครื่องประดับประดาในมือของพวกข้ารับใช้ สีหน้าอึมครึม นางวางถ้วยชาในมือลงอย่างแรง“จวนจิ้นอ๋องก่อความวุ่นวายจริงหรือ? ยังเห็นเจิ้นอยู่ในสายตาหรือไม่?!”
จวนจิ้นอ๋องขอขอบพระทัยในพระเมตตาของนางหรือ?
ช่างกล้าพูดจาผิดทำนองคลองธรรมและดื้อรั้นเยี่ยงนี้!
“ฝ่าา พระองค์โปรดใจเย็นลงก่อนนะเพคะจิ้นหวังเฟยรักบุตรีของนางสุดหัวใจ นางไม่พอใจกับการสมรสครั้งนี้จึงเป็เื่ปกติที่จะมีอารมณ์เช่นนี้เพคะ”ฮองเฮาอวี่เหวินกล่าวปลอบประโลมอย่างนุ่มนวล “ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเองแท้จริงก็น่าสงสารเป็สตรีที่ดีเลิศเยี่ยงนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเหนียนเฉิงผู้นั้น...ความบริสุทธิ์และรูปโฉมของสตรีสำหรับผู้หญิงแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็เื่สำคัญอย่างยิ่งยามนี้ถูกเหนียนเฉิงทำลายทั้งสองอย่างไป ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะทำเช่นนี้…”
“ใช่แล้วเพคะฝ่าาการสมรสครั้งนี้แท้จริงแล้วไม่ยุติธรรมต่ออิ้งเสวี่ยเลย นาง้าสวมชุดขาวออกเรือนก็ปล่อยนางไปเถิดเพคะ”องค์หญิงใหญ่ชิงเหอลูบครรภ์ของนาง “กล่าวตามเหตุตามผลแล้ว อิ้งเสวี่ยออกเรือน ฝ่าาควรไปเป็เ้าภาพที่นั่นด้วยตัวพระองค์เองทว่า...ท่านทำเพียงส่งมู่อ๋องไป!”
เมื่อที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวมานั้นทำให้ความโกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้หยวนเต๋อค่อยๆลดลง เมื่อนึกถึงข้อพิพาทระหว่างจวนจิ้นอ๋องและจวนเหนียน เขาก็ถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม“วันนี้ในวาระโอกาสเช่นนี้ เจิ้นจะกล้าไปปรากฎตัวได้เช่นไร?”
หากเขาปรากฏตัว คงได้เข้าไปพัวพันจนถอนตัวไม่ขึ้นเป็แน่ เพราะฉะนั้นก็ถือโอกาสไม่ไปเสียเลย
งานพิธีสมรสครั้งนี้ เกรงว่าจะไม่ราบรื่นเป็แน่!
งานพิธีสมรสครั้งนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่ราบรื่น
จวนจิ้นอ๋องกล้าที่จะปฏิเสธรับคำยินดีและมิให้แขกเข้ามาในจวน ทว่าฝั่งจวนเหนียนกลับไม่กล้า
อย่างไรก็ตามก็ถือเป็การสมรสกับราชนิกุลจวนเหนียนทำได้เพียงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ไม่กล้าทำเฉยเมยดูแคลนแม้แต่น้อย
ก่อนที่ขบวนเกี้ยวสู่ขอจะมาถึงจวนเหนียน ในจวนเหนียนกลับคับคั่งไปด้วยแเื่แล้วเหนียนเย่าและหนานกงเยวี่ยทักทายแขกด้วยตนเอง พิธีเต็มไปด้วยความคึกคักกลมกลืน
ร่างเล็กๆ ของเหนียนยวี่ ซ่อนอยู่ในฝูงชน ยากที่จะสังเกตเห็นทว่าใครบางคนที่เข้ามาในจวนเหนียน มองเพียงปราดเดียวก็เห็นนางแล้ว
จ้าวอี้เดินเข้ามาหาร่างนั้นบริเวณด้านหลังของเหนียนยวี่อย่างรวดเร็วแขนยาววางบนไหล่เหนียนอวี้อย่างไม่พะว้าพะวงสักนิดการััอย่างกะทันหันทำให้เหนียนยวี่ผู้ซึ่งระมัดระวังอยู่เสมอกำลังจะตอบโต้กลับโดยไม่รู้ตัวทว่าก็ได้ยินเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น
“มิเบื่อหรือที่ต้องมามองใบหน้าเสแสร้งจอมปลอมของผู้คนกลุ่มนี้? ไปเถิด ไปกับข้า”
นางจำเสียงนี้ได้ มู่อ๋องจ้าวอี้!
เหนียนอวี้ล้มเลิกความคิดที่จะตอบโต้กลับชั่ววินาทีถัดไปก็ถูกจ้าวอี้คว้าข้อมือ ลากนางออกมาจากฝูงชน
เชิงอรรถ
[1] สั่วน่า เครื่องดนตรีทางตอนเหนือที่สำคัญในดนตรีพื้นบ้านทางตอนเหนือของจีนโดยเฉพาะมณฑลซานตงและเหอหนาน มีลักษณะคล้ายแตร ใช้ในงานเทศกาลและการทหาร