แม้อวิ๋นสือโม่จะไม่มีเชื้อเ้า แต่ก็ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้มียศมีเกียรติเป็ถึงหนานอ๋อง อีกทั้งพระราชทานของล้ำค่ามากมายให้เขาทุกปี
หนานอ๋องมีรูปโฉมงามยากหาใครเหมือนเข้าขั้นสามารถดึงดูดสตรีได้ทุกหนแห่ง ทุกที่ที่ไปเยือน เขาจะถูกรายล้อมไปด้วยความรักใคร่และมีสาวงามติดตามอยู่เสมอ กระนั้นหลายปีมานี้เขาก็ไม่เคยคิดจะชำเลืองตามองใคร
กระทั่งองค์หญิงฮุ่ยเจินที่เคยมีใจให้ก่อนหน้านี้ ยังต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเป็โจวจื่อเฉิงหลังได้พบกันครั้งแรก
ด้านหลังของอวิ๋นสือโม่มีองค์หญิงฮุ่ยหลิงและองค์หญิงฮุ่ยหยาส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาให้ น่าเสียดายที่อวิ๋นสือโม่ไม่สังเกตเห็น
ฝั่งฮ่องเต้ประทับอยู่เบื้องหน้ากับฮองเฮาและพระสนมเหมย โดยมีพระสนมเหลียนที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็พระสนมขึ้นเคียงข้างเช่นกัน
ทุกการเคลื่อนไหวของฮวาชีเยว่ล้วนอยู่ในสายพระเนตร พระองค์ยังทรงเห็นแจ้งด้วยว่าท้าเดิมพันกับผู้อื่นอย่างใจกล้า และความใจกล้านั่นเองที่ทำให้พระองค์ทรงสับสนยิ่งนัก
“ลือกันว่าฮวาชีเยว่เป็สตรีขี้ขลาดตาขาว เหตุใดนางถึงใจกล้าเข้าร่วมแข่งขันเช่นนี้?”
“นางมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ได้เยี่ยงไร? นางตาขาวอย่างที่เขาว่ากันจริงหรือ?”
ฮ่องเต้สนพระทัยในตัวฮวาชีเยว่ขึ้นมาฉับพลัน พระองค์แย้มพระโอษฐ์และรับสั่งฉู่กงกง “เอากระดาษกับหมึกมาให้ข้า ข้าใคร่เดิมพันข้างบุตรสาวจากจวนสกุลฮวาดูสักตั้ง”
ฮองเฮาหัวเราะ “ฮ่องเต้ทรงใส่ใจประชาชนของพระองค์ยิ่งนัก ทรงโปรดในการเล่นสนุกกับพวกเขาเช่นนี้เอง!”
พระสนมเหมยตอบรับเห็นด้วย “ฮวาชีเยว่นับเป็ตำนานแห่งสตรี นางเคยถูกตีตราว่าช่างไร้ประโยชน์และตาขาวยิ่งนัก ทว่าเหตุการณ์ขโมยปิ่นหยกที่วัดหานเยว่ กอปรกับคำทำนายของไต้ซือเสวียนจีก็ทำให้หม่อมฉันสนใจในตัวนางเช่นเดียวกันเพคะ”
ข้างหลังของพวกเขา ตาของหวงฝู่เซียนเบิกกว้างด้วยความใ เขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิด!
“แม้แต่ราชวงศ์ก็สนอกสนใจเช่นกันงั้นรึ? หญิงแพศยานางนี้ทำเสน่ห์อะไรไยผู้คนจึงลุ่มหลงในตัวนางยิ่งนัก?”
ฉู่กงกงส่งมอบกระดาษ หมึก และพู่กันให้แก่ฮ่องเต้เพื่อเขียนชื่อของผู้ที่พระองค์ทรงเลือกเดิมพัน พระองค์ทรงลงขันเดิมพันเอาไว้ว่า หากฮวาชีเยว่พ่ายแพ้ พระองค์จะทรงมอบทรัพย์ให้นาง 50 ตำลึงเงินเป็รางวัลแด่ความกล้าหาญ
แต่หากฮวาชีเยว่ชนะ พระองค์จะทรงมอบเงินรางวัลให้มากถึง 500 ตำลึงเงิน
นับั้แ่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ อาณาจักรฉางจิงก็มีแต่ความร่มเย็นเป็สุขมานานกว่าสามสิบปี ทุกคนมีทั้งบ้าน ทั้งการงานที่มั่นคง นอกจากนี้ฉางหลงฮ่องเต้ (ฮ่องเต้หวงฝู่เจา) ผู้เป็ที่รักของปวงประชายังเสด็จร่วมทุกงานรื่นเริง และคอยจัดสรรดูแลประชาชนของพระองค์อย่างดี
ในสายตาของคนทั่วไปก็มิใช่เื่แปลกเท่าไรนักที่พระองค์ทรงเลือกเดิมพันผู้แข่งขันตัวเล็กๆ อย่างฮวาชีเยว่
แน่นอนว่าทุกการกระทำของฮ่องเต้อยู่ในสายตาของสกุลจี้ทั้งหมด พวกเขานั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของฮวาชีเยว่ เมื่อตอนที่นางประกาศก้องถึงการเดิมพัน สกุลจี้เองก็รับรู้ถึงเหตุการณ์นั้น
ที่นั่งของสกุลจี้ ผู้นำตระกูลจี้จงนั่งอยู่กับจี้จิงบุตรสาวของเขา ร่วมกับจี้หยางผู้เป็หลานชาย และเทพโอสถจี้เฟิง
จี้เฟิงสวมผ้าคลุมสีขาวสะอาด ดวงตาเรียวยาวของเขามองไปยังฮวาชีเยว่ด้วยความสงสัย
ส่วนฮวาชีเยว่นั้นกำลังจับตามองการประลองถัดไปอย่างใจจดจ่อ สีหน้าของนางนั้นดูจริงจัง ไม่มีแม้แต่แววของความขี้ขลาดหวาดหวั่นเลยสักนิด
“เหมือนว่าข่าวลือจะเป็เท็จ!”
“พี่ชาย ท่านดูฮวาชีเยว่นั่นสิ ช่างเป็สตรีที่โดดเด่นเหลือเกิน ฮ่าๆ กล้าดีเดือดเสียจริง แม้ถูกคนอื่นกดขี่ ก็ยังท้าเดิมพันกับบรรดาคุณหนูโง่เขลาเ่าั้ นางนิ่งสงบดีจริง! พี่ชายท่านอยากลองลงขันเดิมพันด้วยหรือไม่?”
จี้จิงกล่าวพลางหัวเราะไปพลาง จี้เฟิงยิ้มบางด้วยใบหน้าที่ขาวผ่องคล้ายหิมะในวสันตฤดู เย็นเยือกแต่งดงาม ท่าทีอันสูงส่งของเขาดึงดูดสายตาของเหล่าหญิงสาวได้ไม่น้อย
“จิงเอ๋อร์เ้าตัดสินคนแต่เพียงภายนอกมิได้ ฮวาชีเยว่ผู้นี้... ดูต่างจากที่เขาลือกันนัก การประลองวันนี้ดูท่าจะสนุกมากทีเดียว” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ
สกุลจี้เป็ตระกูลแห่งโอสถวิเศษ ด้วยความสามารถของจี้เฟิง พวกเขาสามารถปรุงโอสถวิเศษได้หลากชนิด แม้แต่ฉางหลงฮ่องเต้เองยังยกยอเกียรติให้กับสกุลจี้
อย่างไรก็ดี สกุลจี้ไม่เคย้าอำนาจและเงินทอง พวกเขาจึงขอพระาานุญาตไม่รับยศถาบรรดาศักดิ์และของรางวัลใด
ดวงตาฉ่ำโตของจี้จิงกลับมาจับจ้องที่ฮวาชีเยว่ผู้สงบนิ่ง
นางชอบสตรีเช่นนี้ สตรีที่ไม่ยอมหวั่นเกรงต่อสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็อันตรายหรือโกลาหล คำยกยอหรือคำดูถูก อันมีสตรีจำนวนหนึ่งถูกกระทำเช่นนี้
จริงดังพี่ชายของนางว่า การประลองวันนี้ดูท่าแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย!
ขณะฮวาชีเยว่สำรวจผลการแข่งขันอย่างใจเย็น องค์หญิงฮุ่ยเจินและโจวจื่อเฉิงนั่งอยู่ไม่ไกลจากนางมากนัก อันเนื่องจากโจวจื่อเฉิงหมั่นถวายของมีค่าให้ราชสำนัก เขาจึงได้ที่นั่งพิเศษเช่นกัน
โจวจื่อเฉิงมองฮวาชีเยว่ ไม่ต่างจากวันก่อน เขาจำได้ว่าสตรีนางนี้คือบุตรสาวของสกุลฮวา ส่วนรูปโฉมของนางนั้นมิใช่สิ่งที่องค์หญิงฮุ่ยเจินจะเทียบได้
หัวใจของโจวจื่อเฉิงยามนี้เต็มไปด้วยตัณหา หากแต่เกรงใจองค์หญิงฮุ่ยเจิน ทางที่ดีจึงควรเลิกมองฮวาชีเยว่เสียก่อน
การแข่งขันรอบที่สองจบลง ในฝั่งของคนดูนั้นบ้างก็เบิกบาน บ้างก็สิ้นหวัง
สนามต่อสู้ห้ายกแรกในยามเช้านั้นเป็่เวลาของเหล่าผู้เข้าแข่งขันชาย ส่วนสนามต่อสู้ห้ายกถัดไปนั้นจะเป็่เวลาของเหล่าผู้เข้าแข่งขันหญิง
ผู้เยี่ยมวรยุทธ์นับพันตั้งใจลงสมัครในสนามประลองแห่งนี้ ทว่าสกุลจี้คัดเลือกเหลือเพียงห้าร้อยคนในรอบแรก แน่นอนว่าการแข่งขันนั้นจัดขึ้นยาวนานกว่าหนึ่งเดือน
ฮวาชีเยว่สังเกตผู้เข้าแข่งขันทุกคนบนสังเวียนอย่างละเอียดขณะจิบชา พบว่าศาสตร์พลังชี่ของพวกเขานั้นเข้าขั้นหน่ออ่อน บ้างอยู่ในขั้นเมฆาทะยาน แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ยังไม่มีใครคู่ควรแก่การเป็คู่ต่อสู้ของนางเลยแม้แต่น้อย
ทว่านางยังไม่รู้ชัดแจ้งว่ามีผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในระดับเทียบเท่าปรมาจารย์แฝงตัวอยู่ในนี้หรือไม่
ฮวาชีเยว่คิดโดยใช้สัญชาตญาณว่าปรมาจารย์ผู้ฝึกพลังชี่สำเร็จเข้าขั้นภูมิลักษณ์ันั้นควรเป็บรรดาผู้ฝึกฝนอย่างขันแข็งในหุบเขากว้าง และคงไม่มีทางปรากฏกายในการประลองยุทธ์ก่อนเป็แน่แท้ ปรมาจารย์ศาสตร์พลังชี่ส่วนใหญ่มักไม่คำนึงถึงเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์ พวกเขาปฏิเสธการถูกผูกมัดโดยสิ้นเชิง หากแต่ก็ไม่แน่ว่าอาจมีปรมาจารย์ศาสตร์พลังชี่ปรากฏตัวในการประลองครั้งนี้บ้าง
จากสถานการณ์ตอนนี้นางมีโอกาสชนะมากโข
การแข่งขัน่แรกเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฮวาเมิ่งซือจะลงสนามประลองกับเซ่าหวัน บุตรสาวของตระกูลชื่อก้อง
เทียนพี่พูดถูก ผู้ใช้พลังชี่ระดับสูงนั้นจะััได้ถึงระดับพลังของผู้ใช้พลังชี่อื่น เซ่าหวันผ่านการฝึกฝนมาอย่างขันแข็งจนระดับพลังชี่ของนางนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับฮวาเมิ่งซือ ทั้งสองสำเร็จขั้นหน่ออ่อนแล้ว
เหมือนว่าการแข่งครั้งนี้จะตึงเครียดอยู่มาก
เซ่าหวันประสานมือเข้ากับกำปั้นของนางแล้วกล่าวว่า “เซ่าหวันต้องขอรบกวนท่านแล้ว"
ฮวาเมิ่งซือยิ้มรับอย่างสดใส "มิได้ มิได้! เชิญแม่นางเซ่าเริ่มก่อนเลยเ้าค่ะ!"
เซ่าหวันฟึดฟัดเมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ค่อนไปทางดูแคลน นางรวบรวมพลังเอาไว้ที่มือแล้วโจมตีฮวาเมิ่งซือด้วยพลังที่แปรเปลี่ยนเป็รูปร่างของั
ร่างกายของฮวาเมิ่งซือนั้นราวกับใบไม้ นางหลบหลีกจิตันั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งว่องไวและปราดเปรื่อง
ตัวของนางรายล้อมไปด้วยพลังสีฟ้าบริสุทธิ์ที่ปกป้องร่างกายเอาไว้ เมื่อปราณของเซ่าหวันกลับมา ฮวาเมิ่งซือยิ้มเยาะก่อนพุ่งเข้าหาเซ่าหวันด้วยการเคลื่อนไหวที่คล้ายกับสายหมอกขณะมีพลังชี่ปกคลุม!
กลิ่นอายของความกระหายเืที่ปรากฏทำให้เซ่าหวันผงะ นางรู้แจ้งในทันทีว่าต้องระวังตัวเพราะคู่ต่อสู้นั้นมีพลังชี่อยู่ในระดับเดียวกัน
ด้านคนดูนั้นกลั้นหายใจและมองดูการต่อสู้นี้อย่างตึงเครียด
ฮวาเมิ่งซือลือเลื่องในเื่ของการเป็บุตรีดีเด่นและรูปโฉมที่งดงามในเมืองหลวง ส่วนพลังชี่ของนางนั้นเป็ที่รู้กันดีว่าอยู่ในระดับสูงกว่าผู้ฝึกส่วนมาก
แม้ฮวาเมิ่งซือจะโด่งดังในรูปลักษณ์ภายนอก หากแต่มารยาของนางเองก็ดึงดูดเหล่านักรักจากสกุลหวังได้ไม่น้อย วันนี้นางสวมอาภรณ์และแต่งเติมหน้าอย่างงดงาม ยิ่งความสง่าผ่าเผยของนางผนึกรวมเข้ากับจิตสังหารแล้ว ยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว
“ขอให้ท่านโชคดี เมิ่งซือ!”
“น้องฮวา ข้าว่าท่านชนะได้! จัดการนางเร็วเข้า!”
บุรุษไร้สมองจากสกุลหวังเริ่มส่งเสียงให้กำลังใจฮวาเมิ่งซืออีกครั้ง
ส่วนฮวาชีเยว่นั้นยังคงนั่งมองอย่างใจเย็นไม่เปลี่ยน
บนสนามประลอง ฮวาเมิ่งซือต่อสู้กับเซ่าหวันอย่างที่ไม่มีใครออมมือให้ใคร ยากที่จะตัดสินได้ว่าใครอยู่เหนือกว่า
อี๋เหนียงสองและสาวใช้เริ่มรู้สึกประหม่าหาที่สุดไม่ได้ พวกนางเริ่มสวดขอพรอยู่เงียบๆ เมื่อทราบว่าคู่แข่งในครั้งนี้เป็คนที่ยากจะรับมือ เซ่าหวันเป็บุตรสาวเ้าสำนักชางิที่มีโอสถวิเศษมากมาย
แม้การโจมตีนับร้อยกระบวนท่าสิ้นสุดลง ผู้ชนะยังคงไม่ชัดเจน
ั์ตาของฮวาเมิ่งซือวูบวาบเป็ประกาย นางรู้ดีว่ายิ่งการต่อสู้ครั้งนี้ยืดเยื้อมากเท่าไร ชื่อเสียงของนางจะยิ่งป่นปี้มากขึ้นเท่านั้น ในฐานะที่เป็บุตรีดีเด่นของเมืองหลวง ศาสตร์พลังชี่นั้นคือหนึ่งในวิชาที่นางชำนาญการเช่นกัน
ฮวาเมิ่งซือรวมปราณในสองมือของนางอีกครั้ง เซ่าหวันคาดว่าคู่ต่อสู้มีพลังชี่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยจึงตัดสินใจไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ฮวาเมิ่งซือแสยะ ผู้ชมด้านล่างเห็นว่านางลอยตัวขึ้นแล้วโจมตีพลังหมอกใส่เซ่าหวัน พลังปราณและจิตสังหารนั้นดูบางเบาเหลือเกิน หากนี่เป็การโจมตีครั้งสุดท้าย ก็เท่ากับว่าฮวาเมิ่งซือพ่ายแพ้แน่แล้ว
เซ่าหวันยิ้มกลับ “นี่น่ะหรือยอดสตรีแห่งเมืองหลวง!”
ระหว่างที่เอ่ยปาก เซ่าหวันรวบรวมกำลังสร้างแหวนสีน้ำเงินสดขึ้นมาในมือแล้วฟาดไปยังหมอกสังหารนั้นทันที!
ฮวาเมิ่งซือเม้มปากอย่างแรง นางบินขึ้นฟ้าราวกับผีเสื้อแล้วดึงร่างของตนเข้าใกล้กับเซ่าหวันแทน กระบี่สีฟ้าบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วเรียวของนาง เพียงพริบตาจิตสังหารขนาดมโหฬารก็พุ่งเข้าใส่เซ่าหวันนับครั้งไม่ถ้วน!
“อาหวัน ระวัง!”
“อาหวัน!”
ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าฮวาเมิ่งซือยังมีกระบวนท่าร้ายกาจซ่อนอยู่ ถึงอย่างนั้นหลังจากโจมตีไปล่าสุด ดูเหมือนว่านางจะสูญสิ้นทั้งแรงกายและพลังชี่ไปมาก
ทว่านั่นเป็เพียงการเสแสร้งของฮวาเมิ่งซือเพียงเท่านั้นเพื่อให้เซ่าหวันประมาทไม่ระวังตัว ก่อนโจมตีด้วยกระบี่เล่มบางในตอนที่เซ่าหวันไม่คาดคิด คราวนี้เซ่าหวันต้องพ่ายเป็แน่!
เซ่าหวันััได้ ความหวานหวั่นเริ่มมาเยือน เวลาเดือนหกในคิมหันตฤดูเช่นนี้เหงื่อในมือนางกลับเย็นเยือก
เซ่าหวันรู้สึกจุกและเจ็บที่ท้องน้อยอย่างแรง นางตัดสินใจโดดออกจากสนามประลองทันที!
และการออกมาจากสนามประลองนั้นเท่ากับว่าพ่ายแพ้!
ฮวาเมิ่งซือกลับมายืนบนพื้นในท่าทางที่ดูนิ่งสงบ พลางยิ้มแล้วยกสองมือขึ้นประสาน “ใช้อุบายในามิใช่เื่ผิดกระมัง แม่นางเซ่า”
บรรดาชายหนุ่มที่หมายมั่นในตัวฮวาเมิ่งซือปรบมือโดยพร้อมเพรียง ขณะฮ่องเต้ยังเห็นแจ้ง “ฮวาเมิ่งซือผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หากนางเป็ชาย อาจลงเอยด้วยการเป็แม่ทัพใหญ่ฝีมือฉกาจ”
ฮองเฮาและคนอื่นต่างก็เห็นพ้องต้องกัน เมื่อเซ่าหวันล้มลง พี่น้องของนางต่างก็รีบเข้ามาแบกร่างที่โชกเืเอาไว้
“ฮวาเมิ่งซือ! นางแพศยาจอมเ้าเล่ห์! เ้าหลอกพี่ข้า! ฮึ! ใช้อุบายหน้าไม่อาย! นี่น่ะหรือยอดหญิง!”
เซ่าเตียผู้เป็น้องสาวของเซ่าหวันะโลั่น ก่อนเซ่าหวันจะออกแรงบีบมือของนางไว้แน่น “อย่าโกรธไปเลย น้องพี่ นางพูดถูกแล้วว่าานั้นไร้กลยุทธ์ และมิได้มีการห้ามใช้อุบายแต่อย่างใด เป็ข้าที่ประมาทเสียเอง ไปเถอะ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” เซ่าหวันใจกว้างพอที่จะให้อภัยฮวาเมิ่งซือ
ขณะที่ฮวาเมิ่งซือฉีกยิ้มบางแล้วตวัดสายตาไปยังจี้เฟิง เสียดายที่จี้เฟิงกลับมองไปยังเซ่าหวัน มิใช่นาง
หัวใจของฮวาเมิ่งซือสั่นสะท้านแต่ยังสามารถก้าวออกมาสนามประลองด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผยเช่นเคย
ฮวาชีเยว่แสยะยิ้ม คนเหล่านี้รู้จักใช้เพียงกระบวนท่าคร่ำครึทั้งสิ้น แม้แต่ฮวาเมิ่งซือเองยังคิดใช้อุบายเ้าเล่ห์ กลับกลายเป็เซ่าหวันเสียเองที่พ่ายเพราะซื่อสัตย์มากเกินไป และคงไม่อาจคาดคิดว่าฮวาเมิ่งซือจะกล้าใช้เหลี่ยมเช่นนี้
ครึ่งเดือนมานี้ฮวาชีเยว่ไม่เพียงแต่เรียนรู้ศาสตร์พลังชี่เท่านั้น หากแต่เทียนพี่ยังพร่ำสอนกระบวนท่าที่เหนือกว่าฮวาเมิ่งซือใช้เมื่อครู่
การมีอาจารย์เป็เื่ดีเช่นนี้นี่เอง!
ฮวาชีเยว่กินแตงโมที่ลู่ซินเตรียมไว้ให้อย่างเพลิดเพลินขณะรับชมการประลองไปด้วย
“ดูสตรีไร้ประโยชน์นั่นสิ! ยังมีหน้ามากินของว่างอยู่อีก!”