“นางคงเป็ผีบ้าผู้หิวโหยหากไม่ได้กินอะไรกระมัง!”
“ฮ่าๆๆ ประเดี๋ยวก็ถึงตาของนางแล้ว! สตรีสวะเยี่ยงนาง หากโดนโจมตีคงสิ้นลมไม่ก็สาหัส!”
“แค่พูดถึงนางก็รู้สึกเสียเวลานัก ดูนั่นเถอะ ท่านจี้เฟิงไม่ใช่หรือ? หล่อเหลาน่าดูจริงเชียว! หากข้าได้มีโอกาสนั่งข้างเขาละก็...”
“ใช่แล้ว ท่านจี้เฟิงก็ดูไม่เลว”
“เป็หนานอ๋องที่งามสง่าที่สุด!”
“องค์ชายรัชทายาทเล่า? องค์ชายก็เข้าทีเช่นกัน อีกทั้งพระองค์ยังไม่มีพระชายา!"
เสียงซุบซิบของเหล่าสตรีดังขึ้น พวกนางดูให้ความสนใจกับบุรุษรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าตั้งใจรับชมการแข่งขันประลองยุทธ์ ต่างกับฮวาชีเยว่ที่ไม่ละสายตาจากสนามประลองเลยแม้แต่น้อยเพื่อจดจำทุกกระบวนท่าที่ผู้เข้าแข่งขันใช้
นางละม้ายคล้ายบัณฑิตผู้รู้จักหมั่นเพียร ทั้งยังตั้งใจ และผ่อนปรนในการเรียนรู้ คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นบางครั้ง ขมวดบ้างบางครา ทุกเมื่อที่นางเปลี่ยนสีหน้า
ชิวอวิ๋นกลับมาแล้ว นางส่งมอบกระดาษเดิมพันทั้งหมดให้พ่อบ้านหวังผู้ภักดีแก่ฮวาชีเยว่ เขาจึงเป็ตัวเลือกที่น่าไว้ใจที่สุดสำหรับเก็บรักษากระดาษแทนเงินเดิมพันเ่าั้
เมื่อการแข่งขันคู่ที่สิบมาถึง สีหน้าของลู่ซินตึงเครียดมากขึ้น หันไปมองเห็นฮวาชีเยว่ซึ่งยังคงเคี้ยวแตงโมอย่างเอร็ดอร่อย นางจึงรีบเข้าไปกระซิบเตือน “คุณหนูเ้าคะ ระ…รีบไปเถอะเ้าค่ะ”
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วขณะมองกลับไปยังลู่ซิน “เหตุใดข้าต้องไป? ถึงตาของข้าแล้วหรือ?”
ลู่ซินรู้สึกหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว การแสดงออกของนางบ่งบอกว่านางคือสาวใช้ที่ห่วงใยผู้เป็นายจากใจจริง ขณะที่ชิวอวิ๋นผู้อยู่ข้างกายนั้นแสร้งทำเป็ตึงเครียดไปด้วย “เ้าค่ะคุณหนู ท่านต้องไปเตรียมตัวก่อนนะเ้าคะ แม้จะไปตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตหรอกเ้าค่ะ”
ฮวาชีเยว่วางเปลือกแตงโมในมือลงก่อนเช็ดริมฝีปากสวย “ดูพวกเ้าสิ นี่เป็เพียงการประลองบนสนามเท่านั้น นายของพวกเ้าต้องคว้าชัยชนะแน่นอน ดูกระบวนท่าของพวกเขาสิ ช่างง่ายดาย ซ้ำข้าเองก็รู้จักกระบวนท่าเ่าั้แล้วด้วย!”
คำพูดของฮวาชีเยว่ได้รับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอีกครั้งราวกับว่านั่นเป็คำพูดที่ออกมาจากปากคนเขลา
ผ้าเช็ดหน้าในมือของฮวาชีเยว่ถูกวางลงพร้อมกับการแข่งขันลำดับที่สี่ของผู้เข้าแข่งขันหญิงสิ้นสุดลงด้วยการที่ผู้แพ้กระเด็นออกจากสนามพอดี หลังจากผู้ประกาศแจ้งนามผู้ชนะ เขาจึงอ่านรายชื่อผู้เข้าแข่งขันลำดับถัดไปทันที
“คู่ที่สิบ การแข่งขันระหว่างสองแม่นาง ฮวาชีเยว่พบกับโอวหยางหลิวเอ๋อร์! จะเริ่มต้นในอีกหนึ่งเค่อนับจากนี้!”
หมายความว่าผู้ชมจะได้พักผ่อนหย่อนใจระหว่างรอการแข่งขันลำดับถัดไปเริ่มต้น
ฮวาชีเยว่ยิ้มกว้าง ถึงคราวของนางได้ประลองกับโอวหยางหลิวเอ๋อร์เสียที ส่วนคู่ต่อสู้นั้นเองนั่งอยู่ไม่ไกล นางจ้องมายังฮวาชีเยว่พร้อมส่งยิ้มแสนเ็าให้
ฮวาชีเยว่ลุกขึ้นยืน ลู่ซินซีดเซียวไปทั่วทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว ก่อนยื่นมือไปจับชายผ้าคุณหนูของนางไว้ “คุณหนูเ้าคะ...”
“ลู่ซิน เ้าต้องเชื่อในตัวนายของเ้า วันนี้ข้าจะต้องชนะแล้วนำกองเงินรางวัลมาให้เ้าอย่างแน่นอน!” ฮวาชีเยว่ทำทีเป็พูดอย่างขำขัน
ชิวอวิ๋นกลับดูตั้งมั่นเมื่อเทียบกับลู่ซิน “คุณหนูกล่าวถูกต้อง เมื่อเราติดตามมาถึงนี่แล้ว เราต้องเชื่อใจในตัวคุณหนูใหญ่ของเรา!”
ใจจริงชิวอวิ๋นสาปส่งให้ฮวาชีเยว่สิ้นใจ คุณหนูฮวาเมิ่งซือของนางจะได้รับเงินเดิมพันกองโต!
เป้าหมายเดียวของฮวาเมิ่งซือคือการฆ่าฮวาชีเยว่ให้สิ้น ระหว่างมื้อเช้าชิวอวิ๋นจึงทำตามคำสั่งของฮวาเมิ่งซือ ลอบวางยาถ่ายในสำรับอาหาร
ยาพิษนั้นเป็ชนิดที่ออกฤทธิ์ทีละเล็กน้อย หากเวลาประจวบเหมาะฤทธิ์ของมันจะออกมาเมื่อฮวาชีเยว่ก้าวขาขึ้นสนามประลองพอดิบพอดี! จากนั้นนางจะต้องถอนตัวหนีหาย ชื่อเสียงเสื่อมสลายป่นปี้!
ด้านโอวหยางหลิวเอ๋อร์เองก็เกลียดชังฮวาชีเยว่ไม่น้อยไปกว่าใคร นางหวังอาศัย่ชุลมุนเพื่อทำลายฮวาชีเยว่ให้สิ้นซาก!
ฮวาชีเยว่มองลู่ซินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู นางมุ่งหน้าเดินตามขั้นบันไดอย่างมั่นใจด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่คิดแม้แต่จะสนใจเสียงล้อเลียนรอบข้าง
“ฮวาชีเยว่พบกับโอวหยางหลิวเอ๋อร์ เริ่มได้!”
ผู้ประกาศเป็ชายรูปร่างท้วมเตี้ย เขาสวมผ้าคลุมสีแดงสวย พาลให้ฮวาชีเยว่นึกถึงเทียนพี่ อาจารย์ผู้ทรงเสน่ห์ของนาง
ท่าทางของฮวาชีเยว่ที่กำลังก้าวขึ้นสนามประลองนั้นดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง
ตลอดเวลาก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับฮวาชีเยว่มากมายทั้งดีและร้าย แต่บัดนี้สตรีในข่าวลือนั้นกลับปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของผู้คนด้วยท่าทีที่สำรวมและมั่นใจ ขนาดที่ทุกคนเริ่มไม่อาจเชื่อในข่าวเสียหายเ่าั้
โอวหยางหลิวเอ๋อร์ตามฮวาชีเยว่ขึ้นมาบนสนามประลอง ทั้งสองมองกันและกันด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ใจจริงโอวหยางหลิวเอ๋อร์อยากกล่าวคำเย้ยหยันถึงฮวาชีเยว่ หากแต่นางยังเกรงใจผู้สูงส่งทั้งหลายในที่นี้ รวมถึงหนานอ๋องและจี้เฟิงที่นางแอบมีใจ
เหตุใดนางต้องทำให้ตัวเองขายหน้ากันเล่า? โอวหยางหลิวเอ๋อร์ตามืดบอดด้วยเสน่ห์ของเหล่าบุรุษ นางคงมีชีวิตที่ยืนยาวเป็แน่แค่เพียงได้รักกับหนึ่งในบุรุษสองท่านนี้
“ขออภัยหากข้าทำเ้าเจ็บ แม่นางฮวา!”
โอวหยางหลิวเอ๋อร์แสยะยิ้มพร้อมยกมือแสดงความเคารพตามธรรมเนียม ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม
ฮวาชีเยว่กะพริบตาก่อนหันมองกองเืใต้เวทีของเหล่าผู้แข่งขันก่อนหน้า
นางหลับตาลงเพื่อขจัดความกลัวภายในใจแล้วสูดหายใจลึก “ช่างเป็่ชีวิตที่ยากลำบากของคนเหล่านี้เสียจริง ข้าหวังเพียงแม่นางโอวหยางจะสู้ด้วยความเมตตา ข้าไม่รู้ความถึงศาสตร์พลังชี่เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อไต้ซือเสวียนจีทำนายว่าข้าจะชนะ เช่นนั้นข้าขออนุญาตลงมือ!”
ท่ามกลางกลุ่มผู้ชม ชายในชุดสีน้ำเงินกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ฮวาชีเยว่ผู้นี้ใช้ข้าแอบอ้างเสแสร้งอีกแล้ว!”
แท้จริงนางรู้ศาสตร์พลังชี่เป็อย่างดีทั้งยังฝึกฝนจนอยู่ในระดับสูง นางต้องชนะในศึกนี้เป็แน่ แต่ยังกล้าใช้เขาเป็ข้ออ้างอีก! ดูท่าคำอวดอ้างนั้นจะเป็สัญญาณการแสดงดีๆ แล้ว!
เสียงหัวเราะดังลั่นรอบสนามยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ “หากคำทำนายของไต้ซือเสวียนจีเป็จริง ยากจนข้นแค้นคงหมดสิ้นไปแล้วกระมัง!”
“ข้าแต่์ทรงโปรด เ้าเชื่อคำพูดโง่เง่าของพระรูปนั้นด้วยหรือ? ฮ่าๆๆๆๆ” โอวหยางหลิวเอ๋อร์หัวเราะ แต่เมื่อมองไปยังรอบข้าง นางจึงหลุบยิ้มนั้นลง
อวิ๋นสือโม่ขมวดคิ้ว “สตรีเช่นโอวหยางหลิวเอ๋อร์ช่างน่ารำคาญจริง!”
“แล้วถ้าฮวาชีเยว่พูดจริงเล่า? หากจริงอย่างว่านี่คงเป็เื่อัศจรรย์ของนางโดยแท้ที่กล้ามาลงสมัครแข่งขันเพียงเพราะคำทำนายของไต้ซือเสวียนจี”
ทว่าอวิ๋นสือโม่มิได้รู้สึกเสียใจในตัวเลือกเดิมพันของเขาแต่อย่างใด
ข้างกายเขา หวงฝู่เซียนหัวเราะหนักแทบจะสำลัก “ฮ่าๆๆ พี่อวิ๋น ท่านได้ยินหญิงผู้นั้นหรือไม่? สตรีไร้สติเช่นนางมาแข่งขันเพียงเพราะคำทำนายของไต้ซือเสวียนจี น่าขันสิ้นดี ฮ่าๆๆ นิสัยโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้นางต้องตาย หรือไม่ก็เจ็บหนักแน่นอน!”
ทุกสายตาจับจ้องไปยังฮวาชีเยว่อย่างประหลาดใจ พวกเขาเริ่มสนใจฮวาชีเยว่มากขึ้นหลังวางเดิมพันไว้ข้างนาง
ด้านที่นั่งของสกุลจี้ สีหน้าของจี้จงหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเคยได้ยินมาก่อนว่าบุตรสาวสายตรงของสกุลฮวาเป็สตรีไร้สตินางหนึ่ง แต่ยังคงอนุญาตให้นางเข้าร่วมการแข่งขันเพราะเห็นแก่หน้าของสกุลฮวา
เขาไม่คาดคิดเลยว่าฮวาชีเยว่จะทำให้ตนกลายเป็ตัวตลกในสนามประลองกันทรงเกียรติด้วยการพูดถึงไต้ซือเสวียนจีเช่นนี้!
“หากฮวาชีเยว่จิตฟั่นเฟือนและไม่รู้เกี่ยวกับศาสตร์พลังชี่จริง คงเสียเวลาเรามากแล้ว” จี้จงกล่าวเสียงเย็น
จี้หยางมองไปยังฮวาชีเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเช่นเดียวกัน สตรีทั้งสองยังคงยืนจ้องหน้ากันระหว่างรอการแข่งขันเริ่มต้น “ท่านลุง ท่านพูดถูก บุตรสาวสายตรงของสกุลฮวาผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็เศษสวะเพราะปราณพลังชี่ของนางถูกสกัดกั้น เป็เหตุให้ไม่สามารถฝึกฝนศาสตร์พลังชี่ได้เลย”
จี้จิงลอบมองพี่รองของนางแต่ไม่อาจกล่าวอะไร
จี้เฟิงยกถ้วยชาของเขาขึ้นมาจิบอย่างละเมียด ชาถ้วยนี้อบอวลกลิ่นหอมและน่าหลงใหลชวนให้เขามีสมาธิกลับไปจับจ้องฮวาชีเยว่อีกครั้ง
“ตกลงสตรีชุดขาวผู้นี้มีสติฟั่นเฟือน หรือเป็สตรีที่มีความมุ่งมั่นกันแน่? สิ่งไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนาง?”
จี้เฟิงเกิดความสนใจในตัวฮวาชีเยว่ขึ้นอีกหลายขุม
“เริ่มการประลองได้!”
ชายร่างท้วมะโส่งสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน โอวหยางหลิวเอ๋อร์พุ่งโจมตีฮวาชีเยว่ในทันที!
ฮวาชีเยว่เบิกตาด้วยความใ สำนึกภายในของนางนั้นถูกกัดกินไปด้วยความหวาดกลัว วินาทีที่ฝ่ามือกำลังจะปะทะเข้ากลางหน้าอก นางได้ยินเสียงโห่ร้องอย่างสิ้นหวังจากลู่ซิน
ทว่าทันใดนั้นแผ่นหลังของฮวาชีเยว่ก็เอนกาย สองเท้าของนางขยับเคลื่อนไปยังด้านข้าง งดงามดั่งภาพของฝนดาวตก นางหลบหลีกโอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้ในพริบตาเดียว!
การเคลื่อนไหวนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ชมไม่น้อย
ล้วนแต่เชื่อว่าฮวาชีเยว่ควรจะตายไปแล้ว!
ไม่คิดเลยว่านางกลับ “โชคดี” ที่สามารถหลบการโจมตีที่รุนแรงนั้นได้!
เมื่อเห็นว่าฮวาชีเยว่หลบฝ่ามือของตนได้ โอวหยางหลิวเอ๋อร์ยิ่งโกรธเกรี้ยว “ฮวาชีเยว่ เ้าเป็หญิงเขลาที่รู้จักเพียงวิ่งหนี เตรียมรับฝ่ามือของข้าเสียเถิด!”
เสียงของนางกดต่ำลงจนผู้ชมนอกสนามแทบไม่ได้ยิน
ส่วนใต้เวทีนั้น ลู่ซินป้องปากของนางไว้แน่น ขณะน้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งสอง
อี๋เหนียงสองและฮวาเมิงซื่อเฝ้ามองการแข่งขันจากที่นั่งของตน เมื่อได้เห็นจังหวะการหลบหลีกนั้น พวกนางจึงหันมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง ทั้งยังฉงนสงสัยว่าฮวาชีเยว่สามารถหลบการโจมตีที่ตั้งใจเอาถึงตายจากโอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้อย่างไร
ฮวาชีเยว่กรีดร้อง “อ๊า! ช่างอันตรายยิ่งนัก! โชคดีแล้วที่ข้ามีสติ!”
ขณะกำลังพูด โอวหยางหลิวเอ๋อร์ลงมืออีกครั้ง! คราวนี้นางไม่รุดเข้าโจมตีแบบปรกติอีกต่อไป หากแต่เรียกใช้พลังชี่เพื่อสังหารฮวาชีเยว่
ในใจของนางคิดว่าแท้จริงแล้วนางไม่จำเป็ต้องสู้สุดตัวเพื่อฮวาชีเยว่ หญิงบ้าที่ปราณพลังชี่ถูกสกัดกั้นแม้แต่น้อย อารมณ์ทั้งหมดของโอวหยางหลิวเอ๋อร์เริ่มแสดงออกทางสีหน้า
ผู้ชมทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกประหม่าจากบรรยากาศที่เปลี่ยนไปบนเวทีประลอง กระบวนท่าถัดมาของโอวหยางหลิวเอ๋อร์ไม่แม้แต่คิดให้โอกาสฮวาชีเยว่มีชีวิตรอดด้วยการโจมตีจุดบอดของร่างกาย
ทว่าฮวาชีเยว่กลับหลบหลีกได้ทุกการเคลื่อนไหวเ่าั้ นางขยับตัวดั่งสายฟ้าฟาดด้วยฝีเท้าอันว่องไว ทำให้สามารถเว้นระยะห่างจากคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างง่ายดาย!
โอวหยางหลิวเอ๋อร์ไม่มีจังหวะที่ได้เปรียบเลยสักครั้ง ศาสตร์พลังชี่ของนางช่างไร้ประโยชน์ต่อฝีเท้าการหลบหลีกอันสมบูรณ์แบบของฮวาชีเยว่ ใช่แล้ว นี่เป็กระบวนท่าที่นางเล่าเรียนมาจากเทียนพี่!
ผู้คนต่างก็ตื่นตะลึงกับการแข่งขันของสองสตรี ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าหญิงบ้าผู้นั้นจะสามารถหลบหลีกการโจมตีของโอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้บนเวทีประลอง
จี้เฟิงหรี่ตาของเขาขณะเผยรอยยิ้มบาง
“สตรีผู้เปี่ยมไปด้วยความลับ”
“แม้นางมิรู้ศาสตร์พลังชี่ การขยับเท้าหลบหลีกของนางกลับยอดเยี่ยมเพียงนี้!”
“สกัดกั้นการโจมตีเป็เื่ง่าย หากแต่การหลบหลีกทุกการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้เป็เื่ยากโดยแท้ แต่ฮวาชีเยว่ผู้นี้กลับทำได้ หากตัดเื่ความรู้ในศาสตร์พลังชี่ออกไป เพียงท่าร่างเท้านี้ก็บ่งบอกแล้วว่านางเล่าเรียนมาจากปรมาจารย์เป็แน่!”
ดวงตาของผู้นำจี้จงเบิกกว้างด้วยความสับสนเมื่อได้เห็นกระบวนท่าของฮวาชีเยว่ “อาเฟิง เ้าดูการเคลื่อนไหวของฮวาชีเยว่ผู้นั้น… นั่นมิใช่กระบวนท่าอันเลื่องลือในเจียงหูหรอกหรือ? ทักษะที่น่าประทับใจเช่นนี้มีอยู่จริงหรือนี่?”
จี้เฟิงใช้เวลาออกเดินทางเก็บเกี่ยวหยูกยาและพบพานสหายจากเจียงหูมากมาย แน่นอนว่าเขาต้องรู้ดีเกี่ยวกับกระบวนท่าของเจียงหูและเคล็ดวิชาพลังชี่
จี้จงเอ่ยถามบุตรชายผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ทว่าจี้เฟิงกลับส่ายหัวของเขา “ท่านพ่อ ข้ามิอาจบอกได้เลยว่าเคล็ดวิชานี้คืออะไร วิชานี้...ช่างน่าประทับใจนัก สามารถแปรเปลี่ยนภัยร้ายกลายเป็ความว่างเปล่าทั้งสิ้น นับว่าโดดเด่นจริงๆ!"