จี้หยางยังคงมองฮวาชีเยว่ด้วยสายเหยียดหยามแม้จะตระหนักแล้วว่าฮวาชีเยว่มีสิ่งพิเศษบางอย่างในตัว
ในขณะที่จี้จิงกลับมองนางด้วยสายตาชื่นชม ก่อนเอ่ยปากอย่างมีความสุขว่า “พี่ชาย ไม่ว่านางจะชนะหรือไม่ ไม่ว่านางจะได้เป็ศิษย์ของสกุลจี้หรือไม่ ข้าจะต้องเป็สหายนางให้ได้!”
จี้จงผู้รักและเอ็นดูบุตรสาวของเขาได้แต่ยิ้มและตอบกลับ “จิงเอ๋อร์ เ้าพูดอย่างกับนางเป็สมบัติอย่างไรอย่างนั้น! แต่เป็จริงดังที่เห็น กระบวนท่าของนางน่าตื่นตะลึงนัก หลบหลีกการโจมตีสี่สิบกระบวนท่าของศัตรูย่อมไม่ใช่เื่ง่าย”
คนของสกุลจี้ต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้นำของพวกเขา
ฝั่งของราชวงศ์ ฮ่องเต้ทรงโปรดการแข่งขันของสตรีคู่นี้ยิ่งนัก ฮวาชีเยว่ในชุดขาวบนเวทีประลองดูละม้ายคล้ายหิมะผ่องที่ถูกพัดพาไปด้วยสายวายุ ภายใต้แสงอาทิตย์ระอุเช่นนี้กลับมีนาง์ขยับเคลื่อนกายด้วยท่าทางที่น่าพิศวงและสง่างาม เส้นผมของนางปลิวไสวล้อกับลมที่พัดอ่อน ความงดงามของนางนั้นตราตรึงในใจของผู้ชมทุกคน
แม้นางจะตื่นตระหนกในทุกกระบวนท่า แต่นางกลับหลบการโจมตีของโอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้ทั้งหมด!
อวิ๋นสือโม่มองฮวาชีเยว่ขณะเกิดความรู้สึกแปลกขึ้นภายในใจ
ฮวาชีเยว่คือบุตรีสายตรงของสกุลฮวา ก่อนหน้านี้นางถูกตีตราว่าเป็เศษสวะ แพศยา และถูกทำร้ายอย่างสาหัสจากคนในตระกูล
แต่เหตุครานี้กลับทำให้เขาได้เห็นอีกด้านของนาง “ฮวาชีเยว่ในตอนนี้คือฮวาชีเยว่ที่ไร้ซึ่งประโยชน์และอ่อนแอคนนั้นจริงหรือ?”
มีเพียงฮ่องเต้ อวิ๋นสือโม่ และผู้นำสกุลจี้ที่รู้แจ้งในกระบวนท่าอันน่าทึ่งของฮวาชีเยว่
ในสายตาของคนทั่วไป ฮวาชีเยว่ดูตื่นใและประหม่าไม่น้อย นางเพียงอาศัยความโชคดีทำให้หนีจากการโจมตีของโอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้ แถมยังมีโชคลาภมากมายเป็พิเศษ ทำให้นางบังเอิญหลบทุกการโจมตีได้เท่านั้น
ผ่านไปกว่าห้าสิบกระบวนท่า โอวหยางหลิวเอ๋อร์สิ้นแล้วซึ่งความอดทนและร่างกายเริ่มเหนื่อยล้า นางตะคอกอย่างเ็า “ฮวาชีเยว่ เ้าท้าทายข้าใช่หรือไม่? เ้า! เ้าจึงทำเพียงแค่หลบการโจมตีของข้าเช่นนี้! ในเมื่อเ้าไม่กลัวข้า ไยเ้าไม่เข้ามาสู้กับข้าอย่างจริงจังเสีย?”
ฮวาชีเยว่แสร้งหอบหายใจไม่ทันพลางยกมือเช็ดเหงื่อด้วยสีหน้าใสซื่อไร้พิษภัย “ข้า… ข้าเพียงรอคอยชัยชนะของข้า! ไต้ซือเสวียนจีกล่าวไว้ว่าข้าจะชนะ แต่ถ้าข้าไม่ขยับเขยื้อนเลย เ้าต้องฆ่าข้าเป็แน่!”
ถ้อยคำของฮวาชีเยว่เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันไปทุกสารทิศ
องค์หญิงฮุ่ยเจินเองก็เริ่มร้อนรนทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน นางตะคอกอย่างหัวเสีย “ฮวาชีเยว่นางนี้ทำข้าเสียเวลานัก!”
องค์ฮุ่ยหลิงหัวเราะ “ท่านพี่ สตรีนางนั้นรับเด็กในอุปถัมภ์มิใช่หรือ? ดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักพ่อของเด็กเสียด้วย?”
งานวิวาห์ระหว่างองค์หญิงฮุ่ยเจินและโจวจื่อเฉิงไม่ได้รับพระาานุญาตจากฮ่องเต้ องค์หญิงฮุ่ยหลิงกล่าวเช่นนี้ทำให้องค์หญิงฮุ่ยเจินหม่นหมองพระทัยขึ้นมา
เมื่อยังไม่สบโอกาส องค์หญิงฮุ่ยเจินไม่สามารถลบล้างคำพูดหรืออธิบายเื่ที่นางเกือบได้สมรสกับโจวจื่อเฉิงต่อหน้าฮ่องเต้ได้เลย นางจึงทำได้แค่จ้ององค์หญิงฮุ่ยหลิงกลับอย่างเกลียดชังเท่านั้น
เหล่าองค์หญิงรอบข้างฉลาดมากพอที่จะแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินเื่ราวนี้
ฮวาชีเยว่ผู้น่าทะนุถนอมบนเวทีขโมยหัวใจชายหนุ่มมากมาย
ด้วยความที่นางไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่หรือมีหน้าตาน่าหวาดกลัวจึงทำให้เหล่าบุรุษรู้สึกอยากเข้าไปปกป้องนางเหลือเกิน ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ไต้ซือเสวียนจีกลับหัวเราะจนรู้สึกปวดท้อง “การแสดงของฮวาชีเยว่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
“นางคือเสือใหญ่ที่แสร้งทำตัวเป็ลูกแมว ฮ่าๆๆๆ” เสวียนจีคืออีกหนึ่งคนที่มองขาดถึงกระบวนท่าเฉพาะตัวที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นของฮวาชีเยว่
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางคิดค้นกระบวนท่านี้ด้วยตัวเอง หรือนางแค่มีโชคลาภ กระบวนท่านี้เห็นได้ชัดว่าถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์เป็แน่!
“ฮวาชีเยว่นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เ้าอยากยืดเยื้อไปต่องั้นรึ? เ้าจงรู้ไว้ว่าการทำให้ฮ่องเต้ทรงเสียเวลานั้นผิดต่อกฏศาลใต้หล้า!” ท่าทางไม่ใส่ใจและแยแสของฮวาชีเยว่ทำให้โอวหยางหลิวเอ๋อร์เกรี้ยวกราดอีกครั้ง
ฮวาชีเยว่หันไปมองผู้ประกาศด้วยั์ตาใสซื่อ ผู้ประกาศมองกลับไปยังนางด้วยสายตาที่ดูแคลน
“แม่นางโอวหยางหลิวเอ๋อร์ช่างชาญฉลาดที่อ้างฮ่องเต้มาเอี่ยวเช่นนี้” หากแต่จริงอย่างว่าเพราะเวลาก็ล่วงเลยมานานจนผู้ชมเริ่มหิวโหยแล้วซื้อซาลาเปากับถั่วมานั่งกิน
ฮ่องเต้ไม่สนพระทัยหากจำต้องอดพระกระยาหาร พระองค์เพียงประสงค์ที่พักผ่อนที่ร่มรื่นเย็นสบายกว่านี้ เนื่องจากอากาศเริ่มร้อนอบอ้าว
ฮวาชีเยว่มองไปยังฮ่องเต้ด้วยท่าทางที่แสร้งทำเป็ตระหนกก่อนก้มหัวให้เล็กน้อย “ย่อมได้ ข้าจะเริ่มสู้!”
โอวหยางหลิวเอ๋อร์เบิกบานยิ่งหลังได้ยินคำกล่าวนั้น นางรู้เพียงว่านางต้องชนะเป็แน่แท้ แม้ชัยชนะเหนือหญิงสวะจะไม่ใช่เื่ใหญ่ และคนอื่นอาจคิดว่านางรังแกคนอ่อนแอ ทว่านางเพียงทำตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ โอวหยางหลิวเอ๋อร์จะพ่ายให้แก่ฮวาชีเยว่ไม่ได้!
“เอาลละ เหมือนว่าเ้าจะรู้ชะตากรรมแล้ว! ข้าจะชนะให้ได้ในสามกระบวนท่า!” โอวหยางหลิวเอ๋อร์เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ความหยิ่งผยองของนางทำให้คิ้วของจี้เฟิงยุ่งเหยิงครั้งแล้วครั้งเล่า
ฮวาชีเยว่ยืนนิ่งรอโอวหยางหลิวเอ๋อร์เข้าโจมตี โอวหยางหลิวเอ๋อร์รู้อยู่เต็มอกว่าพลังชี่ของนางเริ่มเหลือน้อยลงทุกที นางจึงไม่อยากเรียกใช้อย่างฟุ่มเฟือย หากเพียง้าล้มคู่ต่อสู้ของนางบนเวทีให้ได้เท่านั้น
“คุณหนู ระวังเ้าค่ะ!!” ลู่ซินะโสุดเสียง
ใบหน้าเรียวสวยของฮวาชีเยว่แสดงออกถึงความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ ได้เห็นนางเป็เช่นนี้ อวิ๋นสือโม่แทบบังคับตนมิให้หัวเราะไม่ได้ เขาจำได้แม่นถึงภาพของสตรีที่ดูดุดันและน่ายำเกรงเมื่อครั้งนางแบกหน้าอ้อนวอนให้เขารักษาเทียนซี ครานั้นได้พิสูจน์แล้วว่านางมิใช่สตรีธรรมดาทั่วไป
หากแต่ครานี้นางกลับแสร้งทำเป็กระต่ายตื่นตูมเรียกร้องความสนใจจากเหล่าบุรุษ เขาอยากลั่นหัวเราะให้กับการแสดงของนาง แต่ไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ที่มี เขากลั้นหัวเราะขนาดที่ปอดภายในร่างกายนั้นเริ่มมีอาการเจ็บขึ้นมา
บนเวทีประลอง โอวหยางหลิวเอ๋อร์พุ่งเข้าหาฮวาชีเยว่ นางฟาดการโจมตีด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า แต่ฮวาชีเยว่กลับหลบได้ ทำให้โอวหยางหลิวเอ๋อร์พลาดเป้าอีกครั้ง
ทว่าก่อนที่โอวหยางหลิวเอ๋อร์จะรวบรวมพลังชี่ไว้ได้อีกครั้ง ฮวาชีเยว่กลับยกขาเตะข้อมือของนางเข้าอย่างจัง โอวหยางหลิวเอ๋อร์ร้องะโลั่นเมื่อถูกเตะกระเด็นออกจากสังเวียน
มีเพียงเสียงฮือฮาจากคนดูเท่านั้นที่ฮวาชีเยว่ได้ยิน นางกลั้นหายใจพร้อมปาดเหงื่อขณะมองไปรอบกายโดยที่ยังไม่รับรู้ว่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้น
ร่างของโอวหยางหลิวเอ๋อร์ออกจากเวทีเป็ที่เรียบร้อย แขนขาทั้งสี่ของนางชี้ขึ้นฟ้า ขณะสะโพกเจ็บแปลบจากเหตุที่นางไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ฮวาชีเยว่โจมตีอย่างรวดเร็วเกินไป เร็วขนาดที่นางยังรวบรวมพลังชี่ในมือไม่ทัน
โอวหยางหลิวเอ๋อร์ตกอยู่ในภวังค์แห่งความตกตะลึงขนาดลืมป้องกันร่างกายของตนจากแรงกระแทกลงพื้นดิน
“การแข่งขันรอบที่สิบสิ้นสุดแล้ว ฮวาชีเยว่ชนะ!”
ผู้ประกาศมองไปยังฮวาชีเยว่ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนมองไปยังโอวหยางหลิวเอ๋อร์ด้วยความเวทนา เขาประกาศผลชนะสุดท้ายอย่างไม่เต็มใจสักเท่าใด
โอวหยางหลิวเอ๋อร์ได้รับการช่วยเหลือดูแลจากเหล่าสาวใช้ นางะโลั่นหลังได้ยินการประกาศผล “ไม่จริง! ข้าไม่ได้แพ้! อีกครั้ง! มาสู้กันอีกสักครั้ง! นางแค่โชคดีเท่านั้น!!”
ปรมาจารย์แห่งสกุลหลิวส่งสัญญาณให้สาวใช้พาตัวโอวหยางหลิวเอ๋อร์ออกไป หลังบุตรีของเขามีท่าทีไม่สำรวมต่อหน้าฮ่องเต้
ฮวาชีเยว่นั่งอยู่กับที่ด้วยความมึนงงจนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศ นางกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยถามลู่ซินที่ก้าวขึ้นมาบนเวที “เอ่อ… ข้าชนะจริงหรือ? ชนะแล้วจริงหรือ?”
น้ำตาแห่งความปีติไหลพรากจากตาของลู่ซินขณะที่นางพยักหน้าซ้ำๆ ให้กับคุณหนูของนาง “เ้าค่ะ คุณหนู เราชนะแล้วเ้าค่ะ ข้า… ข้ากลัวเหลือเกิน ข้านึกว่าท่าน… ท่านจะ...”
หลังจากฮวาชีเยว่ได้สติ นางก้มลงมือที่มือทั้งสองสลับกับผู้ชมรอบข้าง สีหน้าของพวกเขายังดูตกตะลึงราวกับรับไม่ได้ที่ฮวาชีเยว่เตะโอวหยางหลิวเอ๋อร์กระเด็นออกจากสนามประลอง
ฮวาชีเยว่รู้สึกดีอกดีใจเหมือนกับสาวน้อยมักมากที่ได้ชายรูปงามมาเป็สามี นางก้าวลงจากเวทีขณะจับมือลู่ซินไปด้วย
จี้เฟิงและจี้จงมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมายเนื่องจากพวกเขาคาดการณ์ผลลัพธ์เช่นนี้ไว้แล้ว ฮวาชีเยว่แสร้งทำเป็คนฟั่นเฟือนไร้สติก็จริง แต่กระบวนท่าจากฝีเท้าของนางนั้นยังคงตราตรึง
แม้พวกเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่านั่นคือกระบวนท่าศาสตร์วิชาใด มันก็ยังคงเป็เอกลักษณ์ น่าพิศวง และจับจิตจับใจเหลือเกิน นางอาจได้เล่าเรียนมาจากผู้เป็อาจารย์ แต่ฮวาชีเยว่กลับไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ถึงความสามารถที่แท้จริง และแสร้งทำตัวฟั่นเฟือนดังที่แสดงออก
อวิ๋นสือโม่เลิกคิ้วขึ้นขณะที่หวงฝู่เซียนะโลั่น “์! หญิงแพศยานั่นชนะได้อย่างไรกัน? เป็ไปได้อย่างไร?!”
อีกด้านหนึ่ง ลูกหลานผู้ดีทั้งหลายล้วนกำลังผิดหวังที่แพ้เดิมพันให้กับฮวาชีเยว่
คนที่ผิดหวังที่สุดน่าจะเป็ฮวาเมิ่งซือและอี๋เหนียงสอง สีหน้าของพวกนางซีดเซียวพร้อมกำหมัดไว้แน่นขณะจับจ้องไปยังฮวาชีเยว่ผู้กำลังเดินลงมาจากเวทีประลอง
ทว่าอี๋เหนียงสองยังคงยิ้มอย่างเบิกบาน “น่ายินดียิ่งนักที่ชีเยว่คว้าชัย แต่ยังมีการแข่งขันยิบย่อยอีกมากที่ต้องเข้าร่วม”
ฮวาเมิ่งซือรับรู้ในทันทีว่าผู้เป็มารดาแฝงความนัยเอาไว้ว่าฮวาชีเยว่อาจรอดมาได้หนึ่งครั้ง ใช่ว่าจะมีครั้งที่สอง!
นางต่อว่าชิวอวิ๋นที่ไม่เชื่อฟัง เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปในมื้อเช้าของฮวาชีเยว่ นางจึงไม่มีอาการท้องร่วงอย่างที่คาดไว้
คำอธิบายมีแค่อย่างเดียวก็คือชิวอวิ๋นไม่ได้ใส่ยาพิษลงไป!
ทั้งนี้ทั้งนั้น ฮวาเมิ่งซือกลับลืมสนิทว่าต้นหลงแดงมีสรรพคุณของสมุนไพรวิเศษ สามารถเยียวยาพิษได้ทุกชนิด
ขณะฮวาชีเยว่เดินลงจากเวที นางโบกมืออย่างร่าเริงให้กับเหล่าทายาทตระกูลเศรษฐีที่วางเดิมพันกันไว้ “เอ้อ พวกท่าน โปรดจำฮวาชีเยว่ชนะแล้วนะเ้าคะ ฮ่าๆๆ อย่าลืมส่งเงินเดิมพันที่ท่านแพ้มาจวนสกุลฮวาด้วยนะเ้าคะ!"
“ฮวาชีเยว่ เ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! อย่าหยิ่งผยองนักเลย ฮึ เ้าคิดว่าพวกเราจ่ายเงินแค่ร้อยตำลึงเงินไม่ไหวหรืออย่างไร? มาเอาเงินกลับไปยังจวนสกุลฮวาของเ้าเสีย!"
หนึ่งในลูกคุณหนูะโก้องขณะสาวใช้ข้างกายนางเตรียมส่งมอบเงินเดิมพันจำนวนร้อยตำลึงเงิน
คนอื่นจึงเริ่มตระเตรียมเงินเดิมพันเช่นเดียวกันเพราะไม่อยากเสียหน้าให้กับฮวาชีเยว่ เพราะเคยลั่นวาจาไว้ว่าตำลึงเงินจำนวนนี้เป็เพียงเศษเงินสำหรับพวกนาง
ฮวาชีเยว่เบิกบานใจเมื่อขึ้นไปยังรถม้ากับลู่ซิน อีกสิบวันนับจากนี้การประลองจะดำเนินต่อไปด้วยการแข่งขันของผู้เข้ารอบกว่าห้าร้อยคน
“เอ่อ แม่นางฮวา รอประเดี๋ยว!”
เสียงอันร่าเริงของสตรีนางหนึ่งหยุดฮวาชีเยว่เอาไว้
นางเปิดหน้าต่างและมองเห็นหญิงสาวสวมชุดที่มีเอกลักษณ์ของเจียงหูกำลังวิ่งมาหา นางยกมือขึ้นพร้อมส่งยิ้มกว้าง “สวัสดี แม่นางฮวา! ข้าจี้จิง น้องสาวของจี้เฟิง ข้าชอบเ้า ข้าอยากเป็เพื่อนกับเ้า!”
ฮวาชีเยว่นิ่งงันไปพักใหญ่ จี้จิงดูแล้วอายุราวสิบสี่หรือสิบห้า แววตาของนางนั้นราวกับมีคำว่า “จริงใจ” เขียนอยู่ นางดูเป็สหายที่ไร้พิษไร้ภัย