กู้ชิงฮั่นเห็นหยางหนิงลงมืออย่างเืเย็น ก็ขมวดคิ้ว
มีดสั้นเล่มนั้นเป็อาวุธที่ร้ายกาจยิ่งนัก ไม่เพียงแค่คมเท่านั้น ทั้งตัวมีดยังไม่เปื้อนเือีกด้วย ขณะที่ดึงออกมาจากหัวไหล่ ยังคงใสสะอาดอยู่ ผู้ดูแลหลัวพูดด้วยน้ำเสียงติดอ่าง “นายน้อย นาย...นายท่าน เป็...เป็คำสั่งของท่านเหล่าโหวจริงๆ ข้า...ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นขอรับ...!”
หยางหนิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาเชื่อว่าจากวิสัยของผู้ดูแลหลัว คงไม่มีทางทนไหว หากเป็อื่นที่ออกคำสั่ง ผู้ดูแลหลัวไม่มีทางยืนยันว่าเป็จิ่นอีโหวอยู่อย่างนี้แน่ๆ
“ไม่ว่าคนที่บงการพวกเ้าจะเป็ใคร กลับไปบอกคนที่ส่งเ้ามา บอกเขาว่า จุดจบของเขามาถึงแล้ว” หยางหนิงเก็บมีดสั้นของเขาไป แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น มองไปที่เหล่าชายฉกรรจ์ สายตาคมราวกับคมดาบ ถึงแม้เขาจะตัวเล็ก แต่ในตอนนี้ราศีของเขามันเืเย็นเหมือนมีแค่ิญญา “พวกเ้ายังคิดจะสู้อยู่ใช่หรือไม่?”
เหล่าชายฉกรรจ์ก็รู้ว่าวันนี้พวกเขาเจอของแข็งให้แล้ว ตอนที่หยางหนิงลงมือ พวกเขาก็เห็น รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ดูผิวเผินเหมือนคนอ่อนแอ แต่เมื่อลงมือ กลับเืเย็นไม่ไว้หน้าผู้ใด เห็นผู้ดูแลหลัวถูกตัดเอ็นข้อเท้า ใครจะกล้าเดินเข้าไปอีก อีกอย่างก็เป็แค่นักเลง ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตมาทิ้งอย่างแน่นอน
“กลับ...!” ผู้ดูแลหลัวเห็นชายฉกรรจ์ะโมาเช่นนั้น ก็อดกลั้นเจ็บแล้วะโออกไปว่า “ยังไม่มาแบกข้าไปอีก”
เขาเองก็เป็คนที่เจออะไรมาเยอะ รู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่เพียงใด มีอะไรแปลกๆ มากมาย วันนี้เขามาเจอคนที่ร้ายกาจ ถอยกลับไปก่อนดีที่สุด
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” หยางหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “พวกเ้าทำคนอื่นาเ็ คิดจะไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ?”
ผู้ดูแลหลัวรู้ว่าหยางหนิงหมายถึงสิ่งใด จึงรีบะโออกไปว่า “เอาเงินที่มีอยู่ออกมาให้หมด”
เหล่าชายฉกรรจ์รีบดึงถุงเงินของตัวเองออกมา ผู้ดูแลหลัวก็เอาถุงเงินของตัวเองมากองรวมกันไว้ แล้วมองไปที่หยางหนิง “นายท่าน พวกเรามีกันแค่เท่านี้หากท่าน... เห็นว่ามันไม่พอ เดี๋ยวพวกข้ากลับไปจะให้คนส่งมาให้อีก”
หยางหนิงพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “ผู้ดูแลหลัว ข้ารู้ว่าเ้าเป็อย่างไร ข้าบอกเ้าไว้ตรงนี้เลยนะ หากหลังจากนี้เ้าย้อนกลับมาแก้แค้นคนในหมู่บ้านหลูหวังอีก ต่อให้เป็แค่ต้นไม้ใบหญ้าเพียงต้นเดียว ข้าก็จะเอาชีวิตเ้า ได้ยินหรือไม่?”
ผู้ดูแลหลัวรีบพูดว่า “ข้าน้อยไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าจริงๆ ขอรับ...!” จากนั้นก็กวักมือให้พวกของเขาแล้วพูดว่า “ยังไม่รีบไปอีก!”
ชายฉกรรจ์บางคนเดินไปแบกคนที่ถูกหยางหนิงตีสลบ บางคนเดินไปแบกผู้ดูแลหลัว หยางหนิงยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “พวกเ้าจะไปกันอย่างนี้หรือ?”
ผู้ดูแลหลัวคิดในใจว่าตีก็ตีแล้ว เงินก็เอาไปแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก? ขาของเขาเจ็บมากในตอนนี้ เืไหลไม่หยุด รู้ว่าถูกตัดเส้นเอ็นแน่ๆ ต่อไปการเดินอาจมีปัญหา ตอนนี้หากทำให้เ้าหนุ่มผู้นี้โกรธอีก ขาของเขาอาจจะไม่เหลือก็ได้ เขาได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ว่า “นายท่านมี... มีอะไรจะสั่งอีกหรือขอรับ?”
“ข้าจำได้ว่ามีคนพูดว่า จะให้ข้าคลานเหมือนหมาตัวหนึ่ง ข้าไม่มีวาสนานั้น แต่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหมามันคลานอย่างไร” หยางหนิงชี้ไปที่คนคนหนึ่ง “เ้าแบกคนที่สลบ ส่วนคนอื่น คลานออกจากหมู่บ้านนี้เสีย”
สีหน้าของผู้ดูแลหลัวเปลี่ยน หยางหนิงหน้านิ่งแล้วพูดว่า “อะไรกัน ไม่พอใจหรือ?”
ผู้ดูแลหลัวแค้นมาก แต่ก็ทำอะไรมิได้ เขาตะคอกด้วยความโกรธว่า “ยังไม่คลานลงไปอีก คลานออกจากหมู่บ้านเดี๋ยวนี้” เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ แม้แต่วินาทีเดียว หันหลังแล้วอดทนต่อความเ็ปแล้วก็คลานออกไปหมู่บ้าน ม้าหลายตัวไม่มีผู้ใดกล้าเอากลับไปด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นผู้ดูแลหลัวที่ไม่กลัวใครเมื่อก่อนหน้านี้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ต่างก็สะใจ เด็กน้อยหลายคนก็ปรบมือ ชายหนุ่มต่างยินดี มีแต่คนแก่ๆ เท่านั้นที่เห็นสถานการณ์แล้ว รู้สึกเป็กังวลใจ
จิ่นอีโหวเป็ตระกูลศักดินาของแคว้น ในสายตาของชาวบ้านทั่วไป นั่นคือตระกูลสูงศักดิ์ แถมตระกูลฉีก็มีอิทธิพลมากในเจียงหลิง วันนี้มีเื่กับคนของตระกูลฉี ถึงแม้จะสะใจ แต่เกรงว่าภัยจะมาในอีกไม่ช้านี้
ถึงแม้หยางหนิงจะเตือนผู้ดูผลหลัวห้ามกลับมาแก้แค้น แต่ว่าชาวบ้านไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ในใจคิดว่าหยางหนิงเป็วีรบุรุษที่ผ่านทางมาช่วยเท่านั้น พอเขาไป ผู้ดูแลหลัวก็อาจจะไม่ได้ทำตามที่เขาพูดก็ได้
กู้ชิงฮั่นทั้งดีใจทั้งใ ใเพราะหยางหนิงเป็เสือซ่อนเล็บ เขามีฝีมือถึงขนาดนี้ แถมยังองอาจกล้าหาญ ดีใจเพราะเห็นหยางหนิงปลอดภัย นางรีบเดินเข้าไปหาเขา แล้วมองเขาอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่าหยางหนิงไม่เป็อะไร ก็ถอนหายใจ “หนิงเอ๋อร์ เ้าทำข้าใแทบแย่”
หยางหนิงยิ้ม ไม่ได้สนใจพวกคนที่กำลังคลานออกจากหมู่บ้าน เขาหยิบถุงเงินบนพื้น เดินไปหาหานอี้ แล้วยื่นถุงเงินให้กับเขา แล้วพูดว่า “เงินพวกนี้ เอาไปรักษาชาวบ้านที่าเ็เถอะ แล้วก็ซื้อยาบำรุงให้พวกเขากินด้วย” จากนั้นก็ชี้ไปที่ม้า “ส่วนม้าพวกนั้น ก็เก็บไว้ที่หมู่บ้านนี้ก่อน”
หานอี้คิดๆ ดูแล้ว ก็รับเอาถุงเงินมาแล้วยื่นให้กับคนที่อยู่ด้านหลัง แล้วยกมือขึ้นคำนับ “ขอบคุณท่านที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ บุญคุณครั้งนี้ พวกข้าชาวหลูหวังจะไม่มีวันลืม แต่ว่าที่นี่ไม่ควรอยู่นานนัก ข้าว่าพวกท่านรีบไปเถอะ บุญคุณครั้งนี้ ข้าจะจำไว้ หากมีโอกาส ข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน”
“เ้ากังวลว่าผู้ดูแลหลัวจะกลับมาแก้แค้นพวกเ้าใช่หรือไม่?” หยางหนิงเข้าใจความคิดของหานอี้ดี
ฮานอี้เองก็ไม่ได้ปกปิดอะไร พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตระกูลฉีมีอิทธิพลมากหมู่บ้านหลูหวังเป็หมู่บ้านเล็กๆ จะไปสู้ได้อย่างไร เ้าคนแซ่หลัวผู้นั้นเป็คนที่หากมีแค้นต้องชำระ วันนี้เขาเสียหน้า คงไม่รามือง่ายๆ กลับไปคงพาคนกลับมาอีกแน่ๆ ตระกูลฉีเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับขุนนาง หากเรียกเ้าหน้าที่ทางการมา ถึงตอนนั้นพวกท่านอยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว”
ในที่สุดกู้ชิงฮั่นก็เอ่ยปากพูดว่า “ฮานอี้ จิ่นอีโหวไม่มีทางเลี้ยงคนเลวๆเช่นนั้นแน่ๆ ตระกูลฉีไม่ใช่ตระกูลที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ผู้ดูแลหลัวรีดไถภาษี ใครบงการอยู่เื้ั ไม่นานนักความจริงต้องปรากฏ จิ่นอีโหวจะต้องคืนความเป็ธรรมให้กับพวกเ้าแน่นอน”
หานอี้รู้สึกอดไม่ได้ที่จะมองไปที่กู้ชิงฮั่น เห็นกู้ชิงฮั่นหน้าตาสำอาง ก็รู้สึกตะลึงไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจกู้ชิงฮั่นเลย ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าข้างๆ ของหยางหนิงจะมีเพื่อนร่วมทางหน้าตาดีถึงเพียงนี้ ได้ยินคำที่เขาช่วยจิ่นอีโหวแก้ต่าง คำพูดคำจาก็หนักแน่น จึงรู้สึกตะลึงไปไม่น้อย
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านหาน ฟ้าใกล้มืดแล้ว พวกเราก็คงไม่สะดวกเดินทางตอนกลางคืน” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดอีกว่า “ไม่ทราบว่าข้าจะขอรบกวนค้างแรมในหมู่บ้านสักคืนจะได้หรือไม่?”
หานอี้รู้ว่าหากทั้งคู่ยังอยู่ในหมู่บ้านอาจจะมีอันตรายได้ แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้วจริงๆ หากบังคับให้พวกเขาต้องเดินทางออกนอกหมู่บ้าน ก็คงแล้งน้ำใจเกินไป เขารู้สึกลังเล ชาวบ้านคนอื่นเริ่มพูดกันว่า “บ้านข้ามีห้องว่าง หากไม่รังเกียจ ไปค้างที่บ้านข้าสักคืนก็ได้”
สุดท้ายหานอี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านทั้งสองอยู่ที่นี่ พวกเราทุกคนที่นี่ยินดีอยู่แล้ว” ตอนนี้ชาวบ้านสองสามคนเดินไปจูงม้าที่ผูกเอาไว้ แล้วพาพวกหยางหนิงไปที่บ้านของตน ส่วนพวกของผู้ดูแลหลัวคลานออกจากหมู่บ้านไป ไม่หันกลับมามองเลย จึงคลานไปอย่างน่าอนาถ
คนในหมู่บ้านใช้ชีวิตเรียบง่าย แน่นอนว่าคงไม่มีอาหารที่สมบูรณ์มากนัก แต่หานอี้เป็คนมนุษยสัมพันธ์ดี เขาให้คนไปฆ่าไก่ที่บ้านเขา แล้วให้ชาวบ้านไปทำอาหารมาเพื่อขอบคุณพวกของหยางหนิง อีกทั้งยังส่งของใช้จำนวนหนึ่งมาให้อีก
ในขณะที่บ้านของหานอี้กำลังยุ่งกันอยู่ หยางหนิงก็หาโอกาสแอบถามกู้ชิงฮั่นว่า “ซานเหนียง ที่จวนเก่าของพวกเรามีเ้าคนแซ่หลัวผู้นั้นหรือไม่?”
กู้ชิงฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตอนที่ข้าแต่งเข้ามาตระกูลฉี เคยกราบไหว้บรรพชนที่จวนเก่าครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็อยู่เมืองหลวงมาโดยตลอด ไม่เคยได้กลับมาที่เจียงหลิงอีกเลย ตอนที่ท่านแม่ทัพมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้กลับมาที่นี่ราวๆ สี่ห้าปี เื่ของที่นี่ทั้งหมด เป็ความรับผิดชอบของพ่อบ้านใหญ่ พ่อบ้านใหญ่จะเข้าเมืองหลวงทุกปี เพื่อรายการสถานการณ์ต่างๆ ข้าเคยเจอเขาสองครั้ง แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็พ่อบ้านชิวเสียมากกว่าที่เป็คนรับหน้า” จากนั้นนางก็นิ่งไป แล้วพูดว่า “ข้ารู้แค่ว่าคนที่จวนเก่ามีไม่กี่สิบคน และไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ดูแลอะไรนี่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่มีพวกไม่มีประโยชน์พวกนี้ด้วย”
“ก่อนหน้านี้เ้าคนแซ่หลัวนั่นบอกว่ามีคนไปร้องเรียนที่จวนโหว ท่านไม่รู้เื่นี้เลยหรือ?” หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คนจากเจียงหลิงไปยังจวนโหว ทำไมท่านถึงไม่รู้เล่า?”
“ข้าก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน” สายตาของกู้ชิงฮั่นโกรธยิ่งนัก “หากเป็เช่นนั้นจริงๆ ข้าไม่มีทางไม่รู้อะไรเลย นอกเสียจาก... นอกเสียจากว่าจะมีคนตั้งใจปิดบังข้า”
“ซานเหนียงหมายถึงพ่อบ้านชิวหรือ?” หยางหนิงนิ่งไปครู่หนึ่ง “พ่อบ้านชิวกำลังปิดบังพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือ?”
กู้ชิงฮั่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ พวกเราไม่มีหลักฐาน อย่าเพิ่งตัดสินอะไรง่ายๆ ถึงแม้จะมีบ้างที่พ่อบ้านชิวจะดูเ้าเล่ห์ แต่ว่าเขาก็อยู่ในจวนโหวมานาน ผลงานก็เห็นๆ กันอยู่ อีกอย่างเหตุใดเขาจะต้องปิดบังเื่นี้ด้วยเล่า? ต่อให้เป็พ่อบ้านใหญ่ของจวนเก่า ข้าก็เคยเจอเขาสองครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักกันอะไรมากมาย แต่ว่าเขาเป็คนทำงานดี นิสัยก็ดูหนักแน่น ดูไม่เหมือนคนที่มีเล่ห์อะไรเลย เขาทำงานอยู่ที่จวนเก่ามานานกว่าสิบปี เขาเป็คนที่ท่านเหล่าโหวเลือกเองกับมือั้แ่ท่านยังมีชีวิตอยู่ คนที่ท่านเลือกไม่ทางผิดแน่นอน”
หยางหนิงคิดมาตลอดเวลาว่าพ่อบ้านใหญ่น่าจะเป็คนที่อยู่เื้ัเื่นี้ แต่เมื่อได้ยินกู้ชิงฮั่นพูดเช่นนี้แล้ว ลึกๆ เขาก็รู้สึกว่าเขาอาจจะเดาผิดก็ได้
กู้ชิงฮั่นเป็ผู้หญิงที่ฉลาดมาก ท่านเหล่าโหวเองยิ่งเป็คนที่ยอดเยี่ยม พ่อบ้านใหญ่เป็คนที่ท่านเหล่าโหวเลือกเองกับมือ กู้ชิงฮั่นเองก็ประเมินพ่อบ้านใหญ่เอาไว้ว่าดี เมื่อเป็เช่นนี้ พ่อบ้านใหญ่ก็ดูไม่เหมือนเป็คนหลอกลวงเลย หากป็นเช่นนี้จริง เื่นี้มันก็แปลกมาก
“หนิงเอ๋อร์ ยังดีที่เชื่อเ้า ไม่ไปที่จวนเก่าเลย” กู้ชิงฮั่นถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ไม่เช่นนั้นเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ พวกเราคงไม่มีทางรู้จริงหรือไม่? ข้าคิดมาตลอดเวลาว่าที่ดินศักดินาของจวนโหว ชาวบ้านจะอยู่กันอย่างสงบสุข มีกินมีใช้ไม่ขาด วันนี้ถึงได้รู้ว่า เื่มันไม่ได้เป็เช่นนั้น” จากนั้นนางก็มองไปที่หยางหนิง “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่ดินศักดินามีปัญหา จะต้องปลอมตัวมาแอบสืบความหรือ?”