เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งมีเวลาพิจารณาอูหลันฮวาอย่างละเอียด
รูปร่างผอมมาก แต่สูงกว่าเธอ ผิวค่อนข้างคล้ำ คิ้วหนาตาโต เครื่องเคราใบหน้าแลดูองอาจ ให้ความรู้สึกคล้ายบุรุษอยู่บ้าง ผมเปียสองเส้นบนศีรษะยุ่งเล็กน้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่เก่ามาก มีรอยปะเต็มตัว รองเท้าที่สวมอยู่ก็ปะแล้วปะอีก
มือหิ้วตะกร้าผักใบเก่าผุๆ ในนั้นมีผักสดปลีกย่อยจำนวนมาก
"หลันฮวา เ้ามาขายผักหรือ สะใภ้ต้าฟางให้ออกมาด้วยหรือ" ซีมู่เซียงเห็นตะกร้าผักในมือของนาง
อูหลันฮวาแค่นเสียงหึ "ไม่ให้ก็จะออก"
แม้จะพูดไม่ชัด แต่เสียงกลับไม่เบา
ผู้คนสัญจรที่เดินผ่านต่างหันมามองนางโดยไม่รู้ตัว มีบางคนมองนางด้วยสายตาชอบกล
อูหลันฮวาถลึงตาใส่คนเ่าั้ ใช้สายตาไล่คนไป
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม แม่นางคนนี้น่าสนใจจริงๆ
"แม่นางอู เ้าจะขายผักใช่ไหม งั้นขายให้ข้าเถอะ ข้าจะได้ประหยัดเวลาไปซื้อผัก"
ผักในตะกร้าไม่เยอะมาก มีเห็ดกองหนึ่ง ถั่วฝักยาวสองสามกำ มะเขือยาวสองสามผล ผักใบเขียวมัดรวมกันอีกสองสามกำ วางระเกะระกะรวมกันอยู่ ดูไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไร
อูหลันฮวาเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยเสื้อผ้าเป็ระเบียบเรียบร้อย ก็ขี้จมูกอย่างเก้อเขิน
"ผักไม่ค่อยสวยเท่าไร"
ผักเหล่านี้นางแอบไปปลูกไว้ที่หลังเขา ปรกติถ้างานเยอะก็ไม่ค่อยมีเวลาไปดูแลแปลงผัก ดังนั้นผักจึงไม่ค่อยงามเท่าไร
"ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร ก็ดีอยู่นะ ข้ากลับไปเด็ดออกก็ใช้ได้แล้ว มา ข้าเอาหมดเลย บ้านของพวกเราไม่ได้ปลูกผัก ครั้นจะกินแต่ผักของบ้านน้องมู่เซียงทุกวันก็รู้สึกเกรงใจ ต่อไปถ้าเ้ามีผัก้าขาย ก็ส่งไปบ้านเดิมของครอบครัวซีหย่วนที่ท้ายหมู่บ้านได้เลย พวกเราเอาหมด"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบสมุนไพรกับผ้าขึ้นมาจากกระบุง แล้วให้นางวางผักลงไปใต้ล่างสุด
อูหลันฮวามองซีมู่เซียงอย่างลังเล นางได้ยินคนในหมู่บ้านพูดกันว่า มีคนมาขอยืมบ้านเดิมของครอบครัวซีหย่วนพักอาศัย
"หลันฮวา นี่คือต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียน" ซีมู่เซียงยิ้มพลางหันไปพยักหน้ากับนาง
อูหลันฮวาฉีกยิ้ม "เหลียนต้าเหนียงจื่อ"
คำพูดสองสามคำนั้นเหมือนอมอยู่ในปาก คลุมเครือไม่ชัดเจน
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยิ้มตอบกลับไป บอกให้นางใส่ผักลงกระบุงได้เลย
อูหลันฮวาเห็นอัธยาศัยของนางแตกต่างจากคนทั่วไป ไม่มีทีท่าจะหัวเราะเยาะตนเองแม้แต่กระผีก ดวงตาก็ทอประกายวับวาว ไม่พูดให้มากความ หยิบถั่วฝักยาวกับมะเขือยาววางลงใต้ล่างสุดหลังจากนั้นก็เป็ผักใบเขียว แล้วค่อยวางเห็ดลงไปในมุมที่ว่างของกระบุงเป็อันดับสุดท้าย
เพื่อไม่ให้เห็ดถูกของหนักทับจนช้ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดจะวางสมุนไพรลงไป แต่อูหลันฮวากับกล่าวว่า "รอก่อน" หลังจากนั้นก็วิ่งไปนอกตลาดนัด
เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีมู่เซียงต่างสบตากัน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไร
รออยู่ครู่หนึ่งอูหลันฮวาก็กลับมาพร้อมกับใบเผือกป่าใบใหญ่สองใบไม่รู้ไปเด็ดมาจากไหน คลุมปิดลงไปบนผักกาดเขียว "เอาล่ะ เรียบร้อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มออกทันที แม่นางผู้นี้เป็คนรอบคอบทีเดียว "แม่นางอู ทั้งหมดเท่าไร"
วางของเสร็จเรียบร้อย เซวียเสี่ยวหรั่นก็หยิบเหรียญทองแดงที่ร้านขายยาทอนให้ออกมา
อูหลันฮวาครุ่นคิด "ยี่สิบอีแปะแล้วกัน"
ผักฤดูใบไม้ผลิราคาถูก น้ำหนักก็มาก ราคานี้ไม่นับว่าสูง
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นผักมากมาย ราคาแค่ยี่สิบอีแปะ แม่นางผู้นี้ไม่ขาดทุนหรือ เธอหันไปมองซีมู่เซียง "น้องมู่เซียง แม่นางอูขายถูกเกินไปรึเปล่า"
อูหลันฮวาตกตะลึง
ซีมู่เซียงหัวเราะ "ใช่ ถูกไปหน่อย แต่ท่านเอ่ยคำเดียวช่วยเหมาซื้อของนางหมดเลย ได้ราคาย่อมเยาย่อมสมควรแล้ว "
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเช่นนั้น ก็นับเหรียญทองแดงยี่สิบห้าเหรียญส่งให้อูหลันฮวา "แม่นางอู เ้าปลูกผักไม่ง่าย ข้าจะเอาเปรียบเ้าไม่ได้"
อูหลันฮวารับเหรียญทองแดงมาถือ ดวงตาเบิกกว้าง ผู้อื่นซื้อผักมีแต่กดราคาให้ต่ำสุด แต่ต้าเหนียงจื่อท่านนี้กลับว่าเธอจะขาดทุน เพิ่มให้นางเองอีกห้าอีแปะ
"รีบเก็บเถอะ ระวังถูกพวกหัวขโมยหมายตา" เซวียเสี่ยวหรั่นเก็บถุงเงินก่อนสะพายกระบุงขึ้นหลัง
"ใครกล้า" อูหลันฮวาทำตาขึง กวาดมองไปรอบด้านด้วยท่าทางดุดัน
เซวียเสี่ยวหรั่นขบขัน รู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้น่าสนใจจริงๆ
"ไปซื้อรองเท้าก่อน แล้วค่อยไปซื้อเนื้อ หลังจากนั้นค่อยไปร้านขายของชำ เสร็จแล้วค่อยไปหาบิดาเ้า" เซวียเสี่ยวหรั่นปรึกษากับซีมู่เซียง
ซีมู่เซียงทำสีหน้าวิตกกังวล นางกลัวหัวขโมยเ่าั้จะตามมา
อูหลันฮวาเห็นเช่นนั้นก็ยืนตบอกรับประกันด้วยสีหน้าของผู้ผดุงคุณธรรม มีนางอยู่ พวกนั้นมาหนึ่งคนนางก็จะซัดหนึ่งคน มาสองคนนางก็จะจัดการให้น่วมทั้งคู่
มีอูหลันฮวามาเป็เพื่อน ซีมู่เซียงย่อมจะอุ่นใจมากขึ้น
ทั้งสามมาถึงแผงขายรองเท้า ซื้อรองเท้าผ้าฝ้ายสี่คู่ ของเซวียเสี่ยวหรั่นสองคู่ เหลียนเซวียนสองคู่
หลังจากนั้นเลี้ยวไปยังแผงขายเนื้อซึ่งอยู่ไกลหน่อย
เนื้อหมูติดมันหนึ่งชั่งสิบหกอีแปะ เนื้อไม่ติดมันหนึ่งชั่งสิบสี่อีแปะ ซี่โครงสิบสองอีแปะ กระดูกสิบอีแปะ อุ้งตีนหมูสิบอีแปะ หากซื้อเยอะยังแถมกระดูกหน้าแข้งหมูให้อีกต่างหาก
เมื่อวานแผนการเลี้ยงแขกล้มเหลว วันนี้ต้องซื้อเนื้อมากหน่อย และเชิญพวกเขามากินข้าวที่บ้านเย็นวันนี้
"ท่านลุง ขอเนื้อติดมันให้ข้าห้าชั่ง ไม่ติดมันก็ห้าชั่ง ซี่โครงสองชั่ง กระดูกสองชั่ง ช่วยสับเป็ท่อนเล็กๆ ให้ด้วย"
ถ้าซื้อไว้กินเอง เธอคงจะซื้อแต่เนื้อไม่ติดมัน แต่คนที่นี่ชอบกินเนื้อติดมัน เลี้ยงแขกทั้งที ก็ต้องเลี้ยงอาหารตามความชอบของผู้อื่น
เนื้อมากขนาดนี้เลย อูหลันฮวาตาโต ต้าเหนียงจื่อผู้นี้เอ่ยปากคำเดียวก็ซื้อเนื้อเยอะขนาดนี้ ควรรู้ว่าต่อให้เป็เทศกาลปีใหม่ อย่างมากลุงใหญ่ของนางก็ยังซื้อเนื้อแค่หนึ่งชั่ง นางได้กินกากหมูนิดหน่อยก็นับว่าไม่เลวแล้ว
คนในหมู่บ้านของพวกเขาส่วนใหญ่ก็เป็เช่นนี้ มีแต่่เทศกาลปีใหม่
หรือไม่ก็สิบวันถึงสิบห้าวันถึงจะซื้อเนื้อมากินสักครั้ง ปรกติแค่มีของกินให้อิ่มท้องก็นับว่าไม่เลวแล้ว
"น้องมู่เซียง พวกเ้ากินเครื่องในหมูกันหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นมองกระเพาะหมูมันย่องด้านข้างพลันนึกอยากกินกระเพาะหมูผัดพริกขึ้นมา
"กินสิ พวกเรากินได้หมดล่ะ ไม่ว่าจะบินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้นดิน หรือว่ายอยู่ในน้ำล้วนกินหมด" ซีมู่เซียงอมยิ้ม
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะลั่น อย่างนี้ค่อยน่าเลี้ยงข้าวหน่อย "ได้เลย งั้นเพิ่มกระเพาะหมูผัดพริกอีกอย่าง"
อูหลันฮวาได้ยินแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้
"หลันฮวา ถ้า่เย็นไม่มีอะไรต้องทำ ก็มากินข้าวด้วยกันเถอะ พวกท่านลุงซีมีแต่บุรุษ สตรีมีแค่ข้ากับน้องมู่เซียงสองคน เ้าก็มาด้วยกันสิ วันนี้จะทำเนื้อน้ำแดง เนื้อกลับกระทะ ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน กระเพาะหมูผัดพริก อ้อ ที่บ้านยังมีอุ้งตีนหมู เอามาทำอุ้งตีนหมูตุ๋นอีกอย่าง"
อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวหรั่นอายุใกล้เคียงกัน อุปนิสัยก็เข้ากันได้ แม้จะเพิ่งรู้จักกันแค่เดี๋ยวเดียว แต่เซวียเสี่ยวหรั่นก็เรียกชื่อนางอย่างสนิทสนม
เซวียเสี่ยวหรั่นหยุดคิดว่าจะมีรายการอาหารไหนที่เหมาะสมอีกบ้าง
"โครก..." ท้องของอูหลันฟางร้องเสียงดัง แค่ฟังเฉยๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
ซีมู่เซียงเข้ามากระซิบถามใกล้ๆ "ผู้อื่นไม่ให้เ้ากินมื้อเช้าอีกแล้วหรือ"
อูหลันฟางลูบท้องพลางส่ายหน้าอย่างเก้อเขิน "พวกเขาไม่กล้าหรอก"
ตอนไปอยู่กับครอบครัวอูต้าฟางใหม่ๆ พวกเขามักจะหาเหตุผลให้นางต้องอดอาหารเป็ครั้งคราว
ต่อมาอูหลันฮวาหิวจนตาลาย ใจก็เด็ดขาด หนังหน้าย่อมหนาตาม พวกเขาไม่ให้กินข้าว นางก็อาละวาดจนพวกเขาอยู่ไม่เป็สุข นางมีแรงเยอะ พวกเขาทั้งบ้านก็สู้นางคนเดียวไม่ได้
