ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ฮั่วฉีอวี่ อันที่จริงเ้าไม่จำเป็ต้องมาพบข้า”
‘เพราะสุดท้ายข้าจะทำให้เ้าต้องเ็ป’
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูบริสุทธิ์และไม่เป็พิษเป็ภัยของอีกฝ่าย นางยิ่งหักห้ามใจได้ยาก
นางไม่้าทำร้ายคนบริสุทธิ์
โจวยี่และตระกูลเย่ย่อมเป็ศัตรูของนางอย่างแน่นอน แต่ตระกูลฮั่วไม่ใช่
ฮั่วฉีอวี่รู้สึกงงงวย เขาจ้องมองอย่างสงสัยและถามว่า “เหตุใดองค์หญิงใหญ่ถึงกล่าวเช่นนั้น?”
อวิ๋นจื่อมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก “ฮั่วฉีอวี่ องค์หญิงเหวินฮวาได้ตายไปแล้ว ข้าเป็เพียงคณิกาต่ำต้อยเท่านั้น”
นางกล่าวต่อว่า “ตระกูลอวิ๋นกับตระกูลเย่เป็ศัตรูที่ไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกันได้ ข้าเกรงว่าทั้งเ้าและแม่ทัพเจิ้นหนานจะไม่อาจหลีกหนีจากเื่นี้” แต่อวิ๋นจื่อไม่ได้กล่าวต่อว่า ‘แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเ้าจะเลือกข้างใด’
นางเชื่อว่าฮั่วฉีอวี่เป็คนฉลาด ขอเพียงบอกใบ้เล็กน้อยเขาย่อมรู้ได้เองว่านาง้าจะบอกอะไร
ฮั่วฉีอวี่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้น “จริงสิ ข้าเคยพบองค์หญิงเมื่อนานมาแล้วที่จวนอ๋องอวิ๋นเมิ่ง”
อวิ๋นจื่อตกตะลึงเล็กน้อย
เขาหมายความว่าอย่างไร?
เขาคิดจะเปลี่ยนเื่หรือ? เขาจำเป็ต้องแสดงท่าทีชัดเจนเพียงนี้เชียว? อวิ๋นจื่อตัดสินใจรอฟังเงียบๆ
ฮั่วฉีอวี่กล่าวต่อว่า “ข้าจำได้ว่าในเวลานั้นท่านอ๋องรักและเอ็นดูองค์หญิงมาก เขามักกอดองค์หญิงและปล่อยให้องค์หญิงนั่งบนตักขณะทรงงาน”
ทุกคนในเมืองรู้ว่าเสด็จอารักนางมาก บางครั้งผู้คนยังกล่าวว่านางเป็บุตรสาวของเสด็จอาด้วยซ้ำ นางเคยถามเื่นี้กับเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หรือว่าบางทีเสด็จอาอาจเป็บิดาของนางจริงๆ?
นางไม่มีทางรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตของคนรุ่นก่อน นับประสาอะไรกับการพิสูจน์มัน
อวิ๋นจื่อชอบเสด็จอามากกว่าเสด็จพ่อ เพราะตอนที่นางยังเด็กเสด็จพ่อชอบเล่าเื่ต่างๆ ให้ฟังทั้งที่นางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ส่วนเสด็จอามักยอมทำทุกอย่างตามที่นาง้าและไม่เคยตำหนินางเลย แต่ก็อาจเป็เพราะนางยังเด็กอยู่ก็เป็ได้
เมื่อเสด็จอาสิ้นพระชนม์ นางจำได้ว่าเสด็จแม่โศกเศร้าไม่น้อย
ทั้งหมดล้วนเป็เื่ราวในอดีตของคนรุ่นก่อน ลืมมันเสียเถอะ!
อวิ๋นจื่อมองฮั่วฉีอวี่และสังเกตเห็นแววตาอันอ่อนโยนของชายหนุ่ม ทันใดนั้นอารมณ์อันอ่อนไหวก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง นางคิดถึงเสด็จอาจริงๆ
“เสด็จอารักข้ามาก อาจเป็เพราะเขาไม่มีทายาท ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อข้าราวกับข้าเป็บุตรสาวของเขาเอง” อวิ๋นจื่อตอบอย่างนุ่มนวล
ฮั่วฉีอวี่กล่าวเสียงทุ้ม “หรือองค์หญิงไม่เคยสงสัยในเื่นี้เลย? ”
เพราะมันไม่มีทางเป็เื่จริงไม่ใช่หรือ?
อวิ๋นจื่อถามอย่างไม่พอใจ “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ฮั่วฉีอวี่มององค์หญิงเหวินฮวาอย่างลึกซึ้ง “อันที่จริงบิดาขององค์หญิงคือท่านอ๋อง”
ตอนนี้การคาดเดาในวัยเด็กของอวิ๋นจื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว นางรู้สึกอึดอัดราวกับกำลังเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้คน
อวิ๋นจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เ้ารู้ได้อย่างไร?”
น้ำเสียงของฮั่วฉีอวี่อ่อนลง “ข้ารู้เพราะท่านปู่ของข้าเป็อาจารย์ของท่านอ๋อง ตอนนั้นพระองค์ยังเป็เพียงองค์ชาย”
อวิ๋นจื่อไม่เชื่อว่าเื่นี้จะเป็ความจริง
บางทีสิ่งที่ฮั่วฉีอวี่กล่าวมาอาจเป็เื่โกหกทั้งหมด!
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยท่าทีเย้ยหยัน “เหตุใดข้าต้องเชื่อเ้าด้วย?”
ฮั่วฉีอวี่คุกเข่าและกล่าวว่า “องค์หญิง ข้าไม่จำเป็ต้องโกหก ท่านอ๋องมีเมตตาต่อตระกูลฮั่วของเรา ข้าเล่าเื่นี้เพียงเพื่อ้าให้ความปรารถนาของท่านอ๋องเป็จริง”
เสียงของชายหนุ่มฟังดูอ่อนโยน
อวิ๋นจื่อถามเสียงต่ำ “เหตุใดเสด็จแม่ของข้าไม่เคยเอ่ยถึงเื่นี้เลย?”
ฮั่วฉีอวี่กล่าวว่า “องค์หญิงไม่จำเป็ต้องรู้เื่นี้ ท่านอ๋องได้ฝากฝังองค์หญิงไว้กับตระกูลฮั่วของเรา จากนี้ไปตระกูลฮั่วจะติดตามรับใช้องค์หญิงเพียงผู้เดียว”
อวิ๋นจื่อใเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “หากข้า้าเป็ศัตรูกับตระกูลเย่ล่ะ? การตัดสินใจของเ้าจะส่งผลต่อท่านปู่ของเ้าหรือไม่?”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวว่า “องค์หญิงไม่ต้องกังวล ถ้าองค์หญิง้า ข้าสามารถทำสิ่งต่างๆ ในนามของตนเองได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างจบลง ข้าเพียงขอให้องค์หญิงปฏิบัติต่อเย่เช่อด้วยความเมตตา”
เย่เช่อ...
ปฏิบัติต่อเย่เช่อด้วยความเมตตาหรือ?
แน่นอนว่าย่อมเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว
แต่เย่เช่อ...ถ้าเขารู้ว่านางเป็ใคร เขาจะคิดอย่างไร?
อวิ๋นจื่อไม่กล้าคิดไปไกล
อวิ๋นจื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีร่องรอยความเ็ปเล็กน้อย นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ฮั่วฉีอวี่ บางทีข้าอาจกลายเป็ภรรยาของเย่เช่อหรือบางทีข้าอาจต้องทำสิ่งที่โหดร้ายกับเย่เช่อ เ้าต้องพิจารณาเื่ราวอย่างรอบคอบ”
สีหน้าของฮั่วฉีอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “องค์หญิงโปรดคิดทบทวนให้ดี เย่เช่อเป็คนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง”
อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างเ็า “แต่เขามาจากตระกูลเย่”
ฮั่วฉีอวี่กล่าวว่า “หากองค์หญิงยังคงยืนกรานเช่นนั้น ข้าย่อมเคารพการตัดสินใจขององค์หญิง แต่ข้ามั่นใจว่าเย่เช่อแตกต่างจากคนอื่นๆ ในตระกูลเย่ หากเย่เช่อรู้ว่าองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะหาทางช่วยองค์หญิงอย่างแน่นอน เพราะท่านอ๋องและเย่เช่อมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน องค์หญิงไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ในฐานะสมาชิกของตระกูลฮั่ว ข้าขอกล่าวด้วยความสัตย์จริงว่าสถานะของเย่เช่อในตระกูลฮั่วนั้นเทียบเท่ากับลูกหลานสายตรง”
คำพูดของฮั่วฉีอวี่ฟังดูจริงใจมาก
ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็ยอมลงให้ “ข้าจะพิจารณาคำพูดของเ้าอย่างรอบคอบ ข้าหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้”
ไข่มุกราตรีส่องประกายพร่างพราว ใบหน้าอันขาวผ่องของหญิงสาวมีรอยยิ้มจางๆ แลดูงดงามราวกับดวงดาวบน์ชั้นเก้า
ฮั่วฉีอวี่ไม่อยากทำสิ่งอื่นนอกจากจ้องมองใบหน้านั้นเงียบๆ
หลังจากนั้นฮั่วฉีอวี่ก็ส่งป้ายไม้ให้อวิ๋นจื่อและรีบจากไปทันที
อวิ๋นจื่อพิจารณาป้ายไม้ที่ดูงดงามเป็พิเศษนั้น ท่ามกลางลวดลายแปลกๆ บนป้ายไม้ มีตัวอักษรเล็กๆ สลักเป็คำว่า “เซียว”
นี่คือสมบัติของเสด็จอาใช่หรือไม่?
คำพูดของฮั่วฉีอวี่น่าเชื่อถือแค่ไหน?
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าในใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ลืมไปเสีย อย่าคิดถึงเื่นี้อีก
นางเก็บไข่มุกราตรีไว้ข้างหมอน และผล็อยหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน
ห่างออกไปไม่ไกล จวนผู้ว่าการหยงโจวยังคงจุดโคมสว่างไสว
บ่าวรับใช้ทุกคนในจวนรู้ว่าแขกคนสำคัญจากเมืองอวิ๋นเมิ่งกำลังจะเดินทางมาถึงในค่ำคืนนี้ พวกเขาจึงเตรียมการต้อนรับอย่างพิถีพิถัน ทุกคนวิ่งวุ่นทำงานั้แ่เช้าจรดค่ำ แต่แขกคนสำคัญกลับยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้