เมื่อตั้งใจแน่วแน่แบบนั้นแล้ว หมี่หลันเยว่ก็ยิ่งวางตัวได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ประจบประแจง อำนาจอยู่ในมือแล้ว จะต้องรีบร้อนไปทำไมกันเล่า เธอจะรักษาสถานะนี้ไว้จนถึงที่สุด แม้ว่าลูกค้าจะเซ็นสัญญาแล้ว พวกเขาก็ยังต้องรู้สึกว่าเธอได้ดูแลพวกเขาเป็อย่างดี พวกเขาถึงจะได้สินค้าสำเร็จรูปไป
หมี่หลันเยว่มั่นใจเช่นนั้น เธอจะสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองให้เป็ผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับประเทศ ถึงเวลานั้นลูกค้าเก่าเหล่านี้จะต้องขอบคุณเธอมากขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนลูกค้าพื้นฐานพวกนี้ เธอก็ต้องคัดเลือกกันหน่อย เธอหวังว่าลูกค้าเก่าเหล่านี้จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับเธอได้ ดังนั้นเธอจึงพิถีพิถันในเื่รสนิยมและมาตรฐานของลูกค้า
"คุณเซี่ยคะ ฉันพยายามทำให้เป็ร้านค้าแบบลูกโซ่ทั่วประเทศ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อห้องเสื้อหลันเยว่ของเราแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อลูกค้าในเครือข่ายของคุณด้วย ดังนั้นราคาสินค้าของฉันจะเป็ราคาเดียวทั่วประเทศ"
นี่ไม่ใช่แค่การพูดจาโอ้อวด หมี่หลันเยว่ได้กำหนดรูปแบบการดำเนินงานของเธอไว้แล้ว เธอจะไม่เปลี่ยนแปลงมันเพื่อลูกค้าเพียงหนึ่งหรือสองราย ลูกค้าเพียงหนึ่งหรือสองรายเป็เพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายของหมี่หลันเยว่มากนัก
"ไม่เพียงแต่ราคาขายส่งเท่านั้น แม้แต่ราคาขายปลีกภายนอก ฉันก็้าให้ลูกค้าของฉันรักษาราคาให้สอดคล้องกันด้วย ถ้าทำได้ตามนี้ ฉันถึงจะขายส่งเสื้อผ้าให้คุณได้ ข้อกำหนดนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับคุณเท่านั้น ลุงหนิวและลุงจาง ฉันก็มีข้อกำหนดเดียวกัน เพราะงั้นคุณเซี่ยลองคิดดูดีๆ อีกทีนะคะ"
คำพูดที่เด็ดเดี่ยวนี้ทำให้เซี่ยหย่งเลี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วของเขาก็ค่อยๆ คลายออก ดวงตาเปล่งประกาย เขาไม่ใช่ผู้ประกอบการรายย่อยที่เพิ่งเริ่มต้น ก่อนที่จะเปิดร้านค้าของตัวเอง เขาเคยเป็หัวหน้างานในร้านค้าของรัฐ ดังนั้นเขาจึงมองเห็นภาพรวมที่หมี่หลันเยว่บรรยายได้
"คุณหมี่ ถ้าคุณสามารถรักษามันไว้ซึ่งเป้าหมาย หรือจะเรียกว่าอุดมการณ์ของคุณ และมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายนั้นอย่างไม่ย่อท้อ นั่นก็เป็เื่น่ายินดีสำหรับลูกค้าอย่างเรา"
เซี่ยหย่งเลี่ยงกลัวว่าหมี่หลันเยว่อายุยังน้อยเกินไป และไม่สามารถรับประกันแรงผลักดันของตัวเองได้
"คุณเซี่ยวางใจได้ค่ะ ทางเดินถูกสร้างขึ้นทีละก้าว ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าตัวเองจะสามารถเดินไปตามเส้นทางนี้จนถึงจุดสิ้นสุดได้ บางทีอาจจะเลี้ยวไปสองสามโค้ง บางทีอาจจะมีแม่น้ำขวางกั้น นี่เป็สิ่งที่บอกไม่ได้ แต่ตราบใดที่เป้าหมายคือจุดสิ้นสุดก็ใช้ได้แล้ว พระถังซัมจั๋งยังต้องเผชิญกับความยากลำบากเก้าสิบเก้าแปดสิบเอ็ดประการ ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะสู้พระไม่ได้"
ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยหย่งเลี่ยง แม้แต่หนิวต้าลี่ยังหัวเราะกับคำพูดของหมี่หลันเยว่
"นั่นใช่พระเหรอ นั่นคือพระถังซัมจั๋ง เป็พระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ หนูน้อย เธอช่างกล้าหาญ กล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับท่าน ท่านไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีลูกศิษย์ดีๆ สามคนอยู่ข้างกาย"
"คนรอบข้างฉันก็ไม่น้อยนะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีสิบคนแล้วนะ แถมยังได้รับการช่วยเหลือจากพวกคุณอีก ต่อไปคนรอบข้างฉันก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ลุงหนิว ลุงจาง คุณเซี่ย วางใจได้เลย ขนาดของเป้าหมายไม่ใช่ปัญหา ระยะทางของถนนก็ไม่ใช่อุปสรรค สิ่งสำคัญคือคุณมีความมั่นใจที่จะเดินต่อไปหรือไม่"
"ฉันอายุแค่สิบเอ็ดปี แม้ว่าจะผ่านไปอีกห้าปี ฉันก็อายุแค่สิบหกปี ดังนั้นความฝันของฉันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น สามารถไปได้ไกลแค่ไหนก็ไม่มีใครประเมินได้ และคุณเซี่ย ธุรกิจคือการลงทุน ตัวมันเองก็มีความเสี่ยง การลงทุนก็เหมือนกับการเดิมพัน ผลประโยชน์และความเสี่ยงมีอยู่คู่กัน ความเสี่ยงสูงย่อมมาพร้อมผลตอบแทนสูง"
"ดังนั้นฉันถึงอยากให้คุณคิดดูให้ดี ฉันจะไม่ดึงคุณมาลงทุนในห้องเสื้อหลันเยว่ของฉัน แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ไม่อยากให้คุณพลาดโอกาส เพราะฉันคิดว่าสินค้าที่คุณสามารถต่อรองราคาได้ อาจจะไม่สามารถให้การรับประกันแก่คุณได้ คุณว่าไหมคะ คุณเซี่ย?"
คำพูดของหมี่หลันเยว่ทำให้เซี่ยหย่งเลี่ยงตัดสินใจครั้งสุดท้าย ใช่แล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้เป็สิ่งที่เขาชอบและมองเห็นโอกาส อนาคตจะต้องดีอย่างแน่นอน จะพลาดโอกาสนี้ไปเพียงเพราะไม่สามารถต่อรองราคาได้ไม่ได้ สินค้าที่สามารถต่อรองราคาได้ จะสามารถรับประกันผลประโยชน์ถาวรของตัวเองได้จริงหรือ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้
"ถูกคุณพูดโน้มน้าวแล้ว ั้แ่โบราณมาวีรบุรุษย่อมมาจากคนหนุ่มคนสาว ผมไม่ยอมแก่ก็ไม่ได้แล้ว"
เซี่ยหย่งเลี่ยงไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอายุมาก สามสิบกว่าๆ กำลังอยู่ในวัยที่เหมาะสม แต่ในขณะนี้เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหมี่หลันเยว่ เขากลับรู้สึกถึงความผันผวนของกาลเวลา
เด็กสาวพูดได้ดี อีกห้าปีเธอก็อายุแค่สิบหกปี ยังมีโอกาสให้สู้ ไม่ว่าจะเดินผิดทาง หรือปีนเขา ข้ามแม่น้ำ เธอก็ยังมีโอกาสและเวลา ตัวเขาเองล่ะ อีกห้าปีก็เข้าสู่วัยสี่สิบแล้ว การเปรียบเทียบนี้ทำให้เซี่ยหย่งเลี่ยงตระหนักว่า เวลาไม่ได้มีมากอย่างที่คิด
"คุณเซี่ยยังไม่แก่เลยค่ะ สามสิบกว่าๆ กำลังเป็วัยที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจ ฉันยังต้องขออวยพรให้คุณเซี่ยประสบความสำเร็จในธุรกิจ แหล่งเงินทองไหลมาเทมา ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง"
คำพูดที่ไพเราะเหล่านี้หมี่หลันเยว่สามารถนำมาใช้ได้อย่างง่ายดาย
"ไม่ใช่เพื่ออะไรอื่น แต่เพื่อคำพูดเหล่านี้ของคุณหมี่ ผมก็ต้องไม่ลังเลแล้ว การหาหุ้นส่วนที่เหมาะสมนั้นเป็โอกาสที่หายากจริงๆ ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าพลาดไปก็จะเป็ความสูญเสียของผม เอาล่ะ ผมจะสั่งซื้อสินค้าจากหลายๆ แบบ ส่วนข้อกำหนดของคุณหมี่ ผมก็จะทำตามนั้น"
หนิวต้าลี่และจางเหรินซ่านไม่คาดคิดว่าคุณเซี่ยคนนี้จะเป็คนที่เด็ดขาดกว่าที่พวกเขาคิด เขามาถึงเป็คนสุดท้าย แต่กลับเป็คนแรกที่สั่งซื้อสินค้า หนิวต้าลี่ตั้งใจจะสั่งซื้ออยู่แล้ว จึงไม่รีบร้อน ส่วนจางเหรินซ่านกลับกำลังคิดถึงข้อบกพร่องของตัวเองจากการสนทนาเมื่อครู่นี้
จางเหรินซ่านคบหากับหนิวต้าลี่มาหลายปี เห็นเขาทำธุรกิจจนเติบโตและเชี่ยวชาญ แต่บุคลิกของหนิวต้าลี่นั้นเขาเรียนรู้ไม่ได้จริงๆ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าความระมัดระวังของตัวเองไม่ดี ตรงกันข้ามเขากลับคิดว่าธุรกิจของหนิวต้าลี่ที่ทำได้ใหญ่โตนั้น น่าจะมีโชคช่วยอยู่บ้าง
แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาทำธุรกิจอย่างระมัดระวังเกินไป ความระมัดระวังที่มากเกินไปคือการพลาดโอกาส เหมือนกับคุณเซี่ย เขาเพิ่งพบกับหมี่หลันเยว่เป็ครั้งแรก ก็สามารถตัดสินใจเข้าร่วมเรือลำเดียวกับหมี่หลันเยว่ได้แล้ว ลองนึกถึงตัวเองในตอนนั้น ติดตามหนิวต้าลี่มาสองครั้ง ถึงจะได้ส่วนแบ่งออกมาเล็กน้อยในตอนท้าย
ในเื่ของการตัดสินใจ ตัวเองด้อยกว่าคนทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นเซี่ยหย่งเลี่ยงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จางเหรินซ่านก็เข้าใจว่า หนิวต้าลี่ไม่ได้พึ่งพาโชคเพียงอย่างเดียว ถ้าดูจากตอนที่เขาพบกับหมี่หลันเยว่ครั้งแรก ก็คล้ายคลึงกับคุณเซี่ยท่านนี้มาก ส่วนตัวเองจนถึงตอนนี้ก็ยังลังเลอยู่
ตัวเองยังด้อยกว่าเด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนนี้ด้วยซ้ำ คำพูดที่เธอพูดกับเซี่ยหย่งเลี่ยงเมื่อครู่นี้ ถ้าตัวเองเป็คนชี้นำ ก็คงพูดออกมาไม่ได้แน่นอน ตัวเองคงจะกลัวที่จะเสียสัญญานี้ เสียลูกค้ารายนี้ แต่หมี่หลันเยว่ไม่กลัว เธอเดินตามจังหวะของตัวเองมาโดยตลอด ไม่ปล่อยให้ใครหรือสิ่งใดเบี่ยงเบนทิศทาง
"ฉันทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ถึงรู้ว่าตัวเองเป็กบในกะลาจริงๆ สายตาคับแคบ เมื่อเทียบกับทั้งสามท่าน ไม่ว่าจะด้านความฮึกเหิมหรือความใจกว้าง ฉันก็ด้อยกว่ามาก โชคดีที่คำพูดของหลันเยว่เตือนสติฉัน สามสิบกว่าๆ กำลังเป็วัยที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจ ฉันก็ต้องเร่งเครื่องให้เต็มที่แล้ว"
จางเหรินซ่านพูดออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้หมี่หลันเยว่ทั้งสามคนงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น จางเหรินซ่านก็ไม่ได้คิดจะอธิบายให้ทั้งสามคนฟัง แต่กลับเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หมี่หลันเยว่ ในครั้งนี้เขาก็จะตัดสินใจครั้งหนึ่งสำหรับธุรกิจของตัวเอง
"หลันเยว่ ครั้งนี้ฉันตัดสินใจจะฟังเธอทั้งหมด เธอก็รู้ว่าความสามารถในการตัดสินใจของฉันด้อยกว่าสองคนนี้ แต่ฉันเชื่อในสายตาของเธอ เธอช่วยฉันจัดสินค้าหน่อยนะ จำนวนเท่าไหร่ไม่สำคัญ ตราบเท่าที่เธอคิดว่าเหมาะสม ช่วยฉันจัดร้านหน่อยนะ"
"แล้วก็ให้คำแนะนำฉันที ช่วยวางแผน ฉันจะทำตามข้อกำหนดของเธอทั้งหมด ดูว่าสายตาของฉันในครั้งนี้ จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ให้กับอนาคตของตัวเองได้หรือไม่ และโอกาสในครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเธอทั้งหมด หลันเยว่ เธอต้องช่วยฉันนะ"
"ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาดูสินค้า แต่มาดูคน ประสบการณ์ของเธอที่นี่ ฉันต้องเรียนรู้อย่างเต็มที่ เธอก็รู้ว่าฉันเป็คนที่ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น การไปรับสินค้าข้างนอก ต้องพึ่งพาสายตาและประสบการณ์ของตัวเองทั้งหมด สวนนี้เป็จุดอ่อนของฉัน"
"ตอนนี้ฉันจะถือว่าตัวเองเป็ร้านค้าที่บริหารโดยตรงภายใต้ร้านของเธอ เธอแนะนำ ฉันบริหารจัดการ ฉันจะบอกจุดอ่อนของฉันให้เธอ ให้คนอื่นตัดสินใจ ฉันจะทำแต่จุดแข็งของตัวเอง ในด้านการบริหารจัดการ ฉันยังมั่นใจอยู่บ้าง"
"ดังนั้นหลันเยว่ เรามาร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ถ้าทำได้ดี ฉันตัดสินใจจะเปลี่ยนร้านค้าของฉันให้เป็ป้ายห้องเสื้อหลันเยว่ โดยจะขายเฉพาะสินค้าของพวกเราเท่านั้น ตราบเท่าที่เธอยังคงจัดหาสินค้า ฉันก็จะช่วยเธอขายต่อไป ฉันหวังว่าฉันจะช่วยเธอขายห้องเสื้อหลันเยว่ไปทั่วประเทศได้"
นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ สามารถเรียกว่าเป็การเดิมพันครั้งใหญ่จริงๆ แต่หมี่หลันเยว่รู้ว่า นี่คือเส้นทางที่สดใสที่สุด เธอแค่ไม่คาดคิดว่า ต่อหน้าผู้ประกอบการสองคนที่มองการณ์ไกล คนแรกที่ตัดสินใจแบบนี้ กลับเป็จางเหรินซ่านที่เธอไม่ค่อยเห็นด้วย
"ลุงจาง ความคิดของคุณดีมาก ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ฉันก็มีความมั่นใจที่จะสร้างร้านค้าของคุณให้เป็ร้านสาขาที่บริหารโดยตรงแห่งแรกภายใต้สังกัดของฉัน และถ้าคุณบริหารจัดการได้ดีจริงๆ ฉันจะให้สิทธิ์พิเศษแก่คุณในการจำหน่ายห้องเสื้อหลันเยว่ในเมืองอื่นๆ แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องเชื่อใจฉัน"
จางเหรินซ่านรีบพยักหน้า
"เชื่อ...ฉันเชื่อแน่นอน ฉันไม่ได้แสดงท่าทีไปแล้วเหรอ ครั้งนี้เธอตัดสินใจ ส่วนฉันดำเนินการ ฉันรับประกันว่าการตัดสินใจทั้งหมดของเธอ ฉันจะดำเนินการให้ถึงที่สุด"
หมี่หลันเยว่ยื่นมือออกไป จางเหรินซ่านรีบจับไว้
"ลุงจาง คุณจะรู้สึกภูมิใจกับการตัดสินใจของวันนี้ ฉันรับประกันกับคุณว่า นี่จะเป็การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของคุณ จะมีแต่ความสำเร็จ ไม่มีวันล้มเหลว"
เมื่อได้รับการยืนยันจากหมี่หลันเยว่แบบนี้ ในใจของจางเหรินซ่านก็รู้สึกสบายใจอย่างแท้จริง หมี่หลันเยว่พูดถูก นี่คือการตัดสินใจครั้งหนึ่งของตัวเอง แต่เธอก็เพิ่งบอกไม่ใช่เหรอว่า ความเสี่ยงสูงมีแนวโน้มที่จะนำมาซึ่งผลตอบแทนสูงที่สุด ตัวเองในครั้งนี้ ต่อให้ไม่ใช่การทุ่มสุดตัว ก็เป็การวางเดิมพันที่ค่อนข้างใหญ่ ขอให้สมหวัง
ที่จริงแล้วหมี่หลันเยว่เป็คนที่ตื่นเต้นมากกว่าจางเหรินซ่านอีก เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอ้ามาโดยตลอดคือ เส้นทางของร้านค้าแบบลูกโซ่ ตอนนี้มีคนเสนอที่จะร่วมมือกับเธอในรูปแบบลูกโซ่ นี่ทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก เธอคิดในใจว่า จะต้องตกแต่งร้านค้าของลุงจางให้ดี
จะต้องสร้างรูปแบบร้านค้าลูกโซ่ที่บริหารโดยตรงแห่งแรกตามแบบที่เธอวางไว้ ร้านค้าลูกโซ่ที่บริหารโดยตรงในอนาคต จะต้องใช้รูปแบบนี้เป็เกณฑ์ นี่คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของธุรกิจของเธอ และเธอก็จะได้รับแหล่งเงินทองไหลมาเทมาอย่างแท้จริง
