“ยอมถูกจับเสียดีๆ เถอะ ขอแค่เ้ายอมรออย่างว่าง่าย พวกเราไม่มีทางทำให้เ้าลำบากใจแน่นอน”
เด็กหนุ่มที่พุ่งเข้ามาหาเนี่ยเทียนเป็คนแรกร่างกายบึกบึนใหญ่โต บนร่างไม่มีไอสังหาร เขาแค่้าควบคุมตัวเนี่ยเทียนไว้ เพื่อไม่ให้เนี่ยเทียนช่วยพวกอันอิ่งได้ก็เท่านั้น
ในสายตาของเขา ในเมื่อเนี่ยเทียนปรากฏตัวแล้ว พวกอันอิ่งของหอหลิงเป่าก็น่าจะรีบตามมาถึงในไม่ช้า
“เ้าพวกโง่เง่ารนหาที่ตาย!”
เนี่ยเทียนด่าออกมาหนึ่งประโยค เขาที่เดิมทีคิดจะอธิบายเื่การปรากฏตัวของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต ถูกคนของอารามเสวียนอู้กระตุ้นความโกรธ จึงแสดงฤทธิ์เดชให้พวกเขาเห็นเสียก่อน
“มอบของออกมา เ้ายอมให้พวกเราจับมัดก็จะไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น” เด็กหนุ่มอีกคนเอะอะเสียงดัง
เด็กหนุ่มสองคนล้วนมาจากตระกูลในสังกัดของอารามเสวียนอู้ ตบะรวมลมปราณขั้นแปด ฝีมือไม่ถือว่าอ่อนด้อย
แต่เนื่องจากสภาพจนตรอกของเนี่ยเทียน บวกกับที่เขาเดินทางมาเพียงลำพัง ดังนั้นเวลาลงมือจึงไม่ได้ใช้อาวุธวิเศษใดๆ
สองคนขนาบซ้ายขวา ยื่นมือออกมาคิดจะโอบจับเนี่ยเทียนเอาไว้ ให้เขายินยอมแต่โดยดี
ผู้ประลองของอารามเสวียนอู้คนอื่นๆ หัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้รู้สักนิดว่าตอนนี้โลกมายามรกต ได้มีการมาเยือนของลูกศิษย์สำนักภูตผีและสำนักโลหิต เวลานี้ได้มีคนตายไปมากมายแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เหมือนเนี่ยเทียนที่พอเข้ามาในโลกมายามรกตได้ไม่นานก็ต้องเผชิญหน้ากับการสังหารจากสำนักภูตผีและสำนักโลหิตติดๆ กัน
เนี่ยเทียนที่สังหารหยวนเฟิง อวิ๋นซง และตู้คุนแห่งสำนักภูตผี ทั้งยังเปิดศึกนองเืกับอวี๋ถงไปหนึ่งรอบในโลกมายามรกต ใบหน้าพลันเ็า ั์ตาเผยไอดุร้ายอย่างเด่นชัด
“หลีสี่ เจี่ยนเสวียน ระวังหน่อย!” เจิ้งปินตวาดขึ้นกะทันหัน
นับั้แ่ที่เนี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสี เขาก็ััได้ถึงความอันตราย อยู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าเนี่ยเทียนไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
แต่เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของเขาช้าไปแล้ว!
ไม่รอให้หลีสี่และเจี่ยนเสวียนโอบล้อมสำเร็จ เนี่ยเทียนแค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง ร่างก็พุ่งเข้ากระแทกหลีสี่อย่างแรงราวกับลูกธนูแหลมคม
เขายกมือขึ้นตบลงไปบนไหล่ของหลีสี่
“ป้าบ!”
หลีสี่ที่รูปร่างบึกบึนยังไม่ทันตั้งตัวได้ก็ถูกฝ่ามือของเขาตบจนโซเซถอยกรูดออกไป
เนี่ยเทียนที่ลงมือรวดเร็วดุจสายฟ้าหันตัวกลับมา มองเห็นร่างของเจี่ยนเสวียนที่อยู่ข้างกายก็พุ่งเข้าหาอย่างดุดัน
“ตูม!”
หมัดหนึ่งของเนี่ยเทียนกระแทกลงบนมือที่ชูขึ้นสูงของเจี่ยนเสวียนอย่างแรง
เจี่ยนเสวียนที่ยังไม่ทันออกกระบวนท่าใดๆ พลันรู้สึกถึงความเ็ปไร้เรี่ยวแรงที่ส่งตรงมาจากมือ ไหล่ที่ยกขึ้นสูงลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรงทันที
ั์ตาเขาแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน รีบกระตุ้นพลังิญญาในร่าง พยายามที่จะเอาคืนใหหนักๆ
แต่เวลานี้เอง เนี่ยเทียนกลับพุ่งเข้ามากระแทกที่หน้าอกเขาอีกครั้งรวดเร็วดุจเงาของผีร้าย
ในความรู้สึกของเจี่ยนเสวียน เขาเหมือนถูกรถม้าคันหนึ่งพุ่งชนอย่างรุนแรง ร้องอู้อี้อยู่ในลำคอหนึ่งครั้ง ถอยออกไปไม่เป็ท่า
ส่วนเนี่ยเทียนกลับฉวยโอกาสที่ร่างของเขายืนได้ไม่มั่นคง พุ่งเข้าหาอีกครั้ง ลงมือกะทันหัน คว้าลำคอของเขาเอาไว้ได้
เนี่ยเทียนรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนวัยเดียวกันเล็กน้อย แล้วก็แข็งแรงกว่ามาก ทั้งๆ ที่เจี่ยนเสวียนผู้นั้นแก่กว่าเขาถึงสองปี แต่กลับเตี้ยกว่าเขาถึงครึ่งศีรษะ
หลังจากเขาคว้าลำคอของเจี่ยนเสวียนเอาไว้ได้ก็ออกแรงบีบ แล้วยกเจี่ยนเสวียนลอยขึ้นกลางอากาศ
เจี่ยนเสวียนที่พอลอยจากพื้นมาได้ครึ่งเมตร ก็หายใจได้ยากลำบาก ใบหน้าจึงเริ่มแดงก่ำ
มือทั้งสองข้างของเขาที่จับมือของเนี่ยเทียนเอาไว้ออกแรงอย่างสุดชีวิต พยายามดึงมือของเนี่ยเทียนข้างที่กุมลำคอของเขาออก คิดจะสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากท่วงท่าน่าอับอายนี้
“อื้อๆ!”
เขาดิ้นรนอย่างยากลำบาก เท้าสองข้างที่ลอยอยู่กลางอากาศก็เตะอย่างสะเปะสะปะไม่หยุด
ทว่ามือข้างนั้นของเนี่ยเทียนที่กุมลำคอของเขาเอาไว้ราวกับคีมเหล็ก ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะบีบคอเ้าให้แตกละเอียดเดี๋ยวนี้ได้!” เนี่ยเทียนสีหน้าเย็นเยียบ ั์ตาโชนแสงอำมหิต ถลึงตาดุดันใส่เจี่ยนเสวียนหนึ่งครั้ง
ทั้งยังออกแรงบีบที่มืออีกนิดด้วย
พอเขาออกแรง แม้แต่เสียง “อื้อๆ” เจี่ยนเสวียนก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ มองเนี่ยเทียนที่อยู่ประชิดตัว เจี่ยนเสวียนพลันบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ
ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่เจี่ยนเสวี่ยนก็รู้ชัดว่าโลกมายามรกตห้ามให้มีการฆ่าแกงกันเกิดขึ้น แต่เขากลับมีความรู้สึกว่าหากไม่เชื่อฟังเนี่ยเทียน ก็จะถูกเนี่ยเทียนบีบลำคอจนแหลกละเอียดจริงๆ
เขาพลันสงบลงอย่างรู้ความ ไม่กล้าดิ้นรนสะเปะสะปะอีกแล้ว กลัวว่าจะไปกระตุ้นให้เนี่ยเทียนโกรธ
“ปล่อยเจี่ยนเสวียนซะ!”
และเวลานี้เอง หลีสี่ร่างล่ำสันถือขวานส่องประกายสีเงินเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยโทสะเดือดดาล
เนี่ยเทียนที่ชูร่างของเจี่ยนเสวียนเอาไว้หมุนตัวกลับมา หันร่างเจี่ยนเสวียนไปทางเขา กล่าวด้วยความนิ่งสงบ “เ้าอยากให้เขาตายหรือ?”
หลีสี่พลันหันไปมองเจี่ยนเสวียน กลับเห็นว่าใบหน้าของเจี่ยนเสวียนแดงก่ำ ใช้สายตาบอกเป็นัยกับเขาว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม
เขาจึงหยุดชะงักลงทันที
“หยุดนะ!” เจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้ะโเสียงดัง
“เมื่อครู่ข้าก็อยากให้พวกเ้าหยุดเหมือนกัน ทว่าพวกเ้ากลับไม่ให้โอกาสข้า แถมยังตรงเข้ามาลงมือกับข้าทันที” เนี่ยเทียนแค่นเสียงเ็าหนึ่งครั้ง มือข้างนั้นของเขาที่กุมลำคอของเจี่ยนเสวียนเอาไว้คลายออกทีละนิด เพื่อให้เจี่ยนเสวียนหายใจได้คล่องขึ้น
ทว่าเขาไม่ได้ปล่อยตัวเจี่ยนเสวียน ยังคงชูเจวี่ยนเสวียนขึ้นสูง กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราจะคุยกันดีๆ ได้หรือยัง?”
“ปล่อยตัวเจี่ยนเสวียน มีอะไรก็พูดกันดีๆ” เจิ้งปินพูดอย่างร้อนรน
“เ้าเป็ประสาทหรืออย่างไร? เมื่อครู่นี้เ้าเกือบจะฆ่าเจี่ยนเสวียน! พวกเราก็แค่อยากจับตัวเ้าไว้ เพื่อให้เ้าไปช่วยอันอิ่งไม่ได้ก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายเ้าจริงๆ เสียหน่อย เหตุใดเ้าต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ด้วย?”
ดรุณีน้อยหน้ารูปไข่มองเนี่ยเทียนด้วยความโกรธ ตวาดตำหนิเขาอย่างขุ่นเคืองใจ
เด็กหนุ่มเด็กสาวคนอื่นๆ ที่เหลือ เวลานี้ต่างก็ชี้หน้าด่ากราดเนี่ยเทียน บอกว่าเนี่ยเทียนโเี้เกินไป
เนี่ยเทียนไม่ได้โต้ตอบกลับ ทว่าใช้สายตาน่าสะพรึงกลัวกวาดมองใบหน้าของเด็กหนุ่มเด็กสาวเ่าั้ของอารามเสวียนอู้
พวกคนที่ประณามเขาด้วยเสียงอันดัง เมื่อเจอเข้ากับสายตาของเขาก็ต้องทยอยพากันปิดปากเงียบ
เวลานี้ เนี่ยเทียนที่ยังคงชูตัวเจี่ยนเสวียนเอาไว้ เนื่องจากออกแรงมาก ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า บวกกับรอยแผลเป็ที่ตกสะเก็ดพวกนั้นจึงยิ่งดูดุร้ายน่ากลัว
รอยแผลเป็ที่ตัดสลับกันไปทั่ว ประสานเข้ากับใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมเ็าของเนี่ยเทียน ขับให้ตอนนี้เนี่ยเทียนคล้ายจะกลายมาเป็สัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่ชอบเขมือบกลืนคน บนร่างแผ่ปราณที่ทำให้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึงออกมา
“ผลั่ก!”
รอจนทุกคนเงียบลงแล้ว เนี่ยเทียนจึงพยักหน้าแล้วโยนเจี่ยนเสวียนลงไปด้านข้าง
เจี่ยนเสวียนที่หลุดพ้นมาได้ นั่งคุกเข่า หอบเอาอากาศเข้าปอดคำใหญ่ แต่กลับไม่กล้าลงมือกับเนี่ยเทียนอีกครั้ง
กลับเป็หลีสี่ตัวใหญ่นั่นเสียอีกที่พอเห็นว่าเขาปลอดภัยแล้วดวงตาก็เป็ประกาย คิดจะลงมือกับเนี่ยเทียน
“หลีสี่ ช่างเถอะ” เจิ้งปินขมวดคิ้วห้าม “ในเมื่อเขาปล่อยเจี่ยนเสวียน ถ้าอย่างนั้นก็ให้เกียรติเขาหน่อย รอจนคนของหอหลิงเป่ามาถึงแล้ว พวกเราค่อยลงมือก็แล้วกัน”
“เ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา เขาจะเป็กำลังสำคัญที่แข็งแกร่งให้กับหอหลิงเป่า หากตอนนี้พวกเราไม่...” หลีสี่กล่าวอย่างร้อนใจ
“เพิ่มเขามาแค่คนเดียวก็เท่านั้นแหละ” เจิ้งปินตัดบทคำพูดของเขา มองเนี่ยเทียนด้วยสายตาเ็าหนึ่งครั้ง “ข้ามีหลักการของข้า เ้าปล่อยเจี่ยนเสวียน ตอนนี้ข้าก็จะปล่อยเ้าไปสักครั้ง ทว่าการกระทำของเ้าเมื่อครู่นี้ทำให้ข้าโกรธมากพอแล้ว! ข้าจะรอให้คนของหอหลิงเป่าของเ้ามาถึงแล้วค่อยลงมือกับเ้า เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเจี่ยนเสวียน!”
“พี่ปิน เ้าจิตใจเปิดเผยบริสุทธิ์มากเกินไปหรือไม่?”
“คนโหดร้ายอย่างเ้าหมอนี่ควรจะถูกจับตัวเสียั้แ่ตอนนี้ คนผู้นี้อันตรายเกินไปแล้ว จะปล่อยให้เขาไปรวมตัวกับหอหลิงเป่าไม่ได้!”
“พี่ปิน เ้าอย่าคร่ำครึไปหน่อยเลย หอหลิงเป่าไปที่เขตเกาะน้ำแข็งเชียวนะ พวกเขาอาจจะตัดหัวงูเหลือมน้ำแข็งั์มาแล้วก็ได้! ขอแค่มีหัวของงูเหลือมน้ำแข็งั์ ถึงจะแลกเอาโอสถบรรลุ์เม็ดนั้นมาได้ เป้าหมายหลักที่เ้าเข้ามาในโลกมายามรกตก็เพื่อโอสถบรรลุ์เม็ดนั้นไม่ใช่หรือ?”
เด็กหนุ่มเด็กสาวคนอื่นๆ พากันพูดเกลี้ยกล่อม ้าให้เจิ้งปินจัดการกับเนี่ยเทียนั้แ่ตอนนี้
“หุบปากกันให้หมดเถอะ!” เจิ้งปินตวาดอย่างหงุดหงิด
ผู้ประลองเ่าั้ของอารามเสวียนอู้ที่เอะอะโวยวายเห็นว่าเขาเริ่มโกรธแล้ว ในที่สุดก็เงียบเสียงลงได้ จากนั้นทุกคนจึงใช้สายตาเคียดแค้นถลึงตามองเนี่ยเทียน
โดยเฉพาะเด็กสาวสามคนที่ชื่นชอบเจิ้งปิน สายตาของพวกนางที่มองมายังเนี่ยเทียน ยิ่งไม่เป็มิตรมากที่สุด
เนี่ยเทียนที่ถูกทุกคนมองมาด้วยสายตาดุดันกลับสงบนิ่งอย่างน่าแปลกใจ นั่งแปะลงไปก่อนเป็อันดับแรก จากนั้นถึงได้ชี้ไปยังเนื้อสัตว์วิเศษที่ย่างจนเหลืองกรอบเื้ัของพวกเขา กล่าวว่า “ข้าหิวมาก หาอะไรมาให้ข้ากินก่อน ข้าจะกินไปพูดไป”
“เ้ามียางอายบ้างหรือไม่? เมื่อครู่นี้เ้าเพิ่งจะทำร้ายเจี่ยนเสวียน อีกเดี๋ยวรอคนของสำนักหลิงอวิ๋นของเ้ามาถึง เ้าก็จะกลายมาเป็ศัตรูของพวกเราทันที พวกเราต่างก็เป็ศัตรูกันเข้าใจหรือไม่? เ้ายังจะมีหน้ามาขอของกินจากพวกเราได้อย่างไร?” เด็กสาวใบหน้ารูปไข่อึ้งไปก่อนเป็อันดับแรก จากนั้นก็ชี้นิ้วด่าเนี่ยเทียนทันที คล้ายไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านไร้ยางอายเท่าเขามาก่อน
“ศัตรู” เนี่ยเทียนส่ายหัว “หากข้ามองพวกเ้าเป็ศัตรูจริงๆ...”
เขาหันกลับไปมองเจี่ยนเสวียนแล้วพูดเสริมว่า “ข้าก็คงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนั้น ต่อให้มีกฎของโลกมายามรกตขัดขวาง ข้าสังหารเขาไม่ได้ก็ต้องให้เขานอนติดเตียงอย่างน้อยหลายเดือน ไม่ให้เขาหลงเหลือพลังในการต่อสู้ใดๆ อีก”
เด็กสาวผู้นั้นพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้หน้าก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย
เจิ้งปินมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เ้าคิดจะคุยอะไรกับพวกเรา?”
เนี่ยเทียนที่่ชิงเอาสิทธิ์ในการพูดคุยมาได้อยู่ๆ ก็ยิ้มเจื่อนขึ้นมา ถอนหายใจพูดว่า “ข้าละอิจฉาความโชคดีของพวกเ้าจริงๆ พวกเ้าตายไปแค่คนเดียว ทั้งยังสังหารสัตว์วิเศษระดับสองของเขตูเาไฟมาได้ด้วย”
เขามองเห็นตั้งนานแล้วว่าเื้ัคนเ่าั้มีหัวหมาป่าใหญ่ั์อยู่หัวหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่านั่นคือหมาป่าโลกันตร์ของเขตูเาไฟ
“เ้ากำลังเยาะเย้ยพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือ?” เจิ้งปินสีหน้ามืดคล้ำทันใด ั์ตาเผยความเ็ป “ตอนที่สังหารหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้น เนื่องจากประมาทเกินไป พี่น้องของเราคนหนึ่งถึงต้องตาย ก็แค่สัตว์วิเศษระดับสองตัวหนึ่งเท่านั้น ด้วยฝีมือของพวกเรา เดิมทีไม่ต้องมีการตายใดๆ เกิดขึ้นก็น่าจะจัดการมันได้อย่างง่ายดาย”
“ข้ารู้จักฝีมือของพวกหยวนเฟิงและอันอิ่งดี หากไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น พวกเขาต้องไม่มีคนตายแน่นอน ทั้งยังสามารถสังหารเป้าหมายของพวกเขาได้สบายๆ”
“ไม่เหมือนพวกเราที่พี่น้องตายไปหนึ่งคน ออกไปแล้วข้ายังไม่รู้เลยว่าจะอธิบายกับผู้าุโในอารามอย่างไร”
ตอนที่พูดประโยคนี้ เนี่ยเทียนสังเกตเห็นว่าเจิ้งปินและเด็กหนุ่มเด็กสาวเ่าั้ของอารามเสวียนอู้ล้วนมีสีหน้ามืดคล้ำ คล้ายต่างกำลังกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจ
อยู่ๆ เขาก็เชื่อว่าบรรยากาศภายในของอารามเสวียนอู้น่าจะสามัคคีกันมากที่สุดในบรรดาสี่สำนัก
ทว่าเขายังจำเป็ต้องพูดเื่ที่โหดร้ายออกมา
“พวกเ้าโชคดีมากพอแล้ว ตอนนี้หุบเขาเทาพ่ายแพ้ยับเยิน ไม่เหลือคนที่รอดชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“เป็ไปไม่ได้?”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ผู้ประลองของอารามเสวียนอู้ที่มีเจิ้งปินเป็ผู้นำพากันหน้าเปลี่ยนสี กรีดร้องเสียงแหลมอย่างอดไม่ได้
“ไม่เพียงแต่หุบเขาเทา หอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นก็าเ็และล้มตายกันมาก ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนโชคดีรอดชีวิตอยู่ในโลกมายามรกตอีกกี่คน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตามมาถึงยามใด”
“บางที พวกเขาอาจจะตายกันหมดแล้ว อาจจะไม่มีใครมาถึงที่นี่ได้สักคน”
“เพราะว่าลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตก็เหยียบย่างเข้ามาในโลกมายามรกต!”
“พวกเขาก็มาประลองในโลกมายามรกตเช่นกัน เพียงแต่ว่าภารกิจในการประลองของพวกเขาไม่เหมือนพวกเรา พวกเรามาเพื่อฆ่าสัตว์วิเศษ พวกเขาเข้ามา เพื่อฆ่าพวกเรา”
เนี่ยเทียนพูดเสียงทุ้มหนักดังกังวาน
เพราะประโยคนี้ของเขา เด็กหนุ่มเด็กสาวทุกคนของอารามเสวียนอู้ล้วนตะลึงงันไปในพริบตา แต่ละคนหน้าซีดขาว
-----