บ้านตระกูลสวี่วุ่นวายเหมือนรังผึ้งแตกรัง
หวงรุ่ยเซิงมือข้างหนึ่งกระชากผมของสวี่เจวียนเจวียน มืออีกข้างตบหน้าเพียะๆ อย่างบ้าคลั่ง
เป็กระบวนท่าเดิม แค่เปลี่ยนตัวคนกระทำเท่านั้น
ถึงแม้ว่าหวงรุ่ยเซิงจะเป็ยุวปัญญาชนจากในเมืองที่เคยได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม แต่เขาก็เป็ผู้ชาย ยังไงซะแรงมือก็ต้องมีมากกว่าผู้หญิง
“โอ๊ย...” สวี่เจวียนเจวียนถูกตบตีจนร้องเสียงหลง “หวงรุ่ยเซิง นายกล้าตบฉันเหรอ!”
“นังแพศยา!” หวงรุ่ยเซิงตบไปด่าไป “นังผู้หญิงหน้าด้าน ถึงกับกล้ามายั่วยวนชายอื่นต่อหน้าต่อตาฉัน แกอยากจะยั่วใช่ไหม แกอยากจะสวมหมวกเขียวให้ฉันใช่ไหม นังแพศยา...”
“หวงรุ่ยเซิง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” หวังซิ่วหลิงรีบพุ่งเข้าไป พยายามจะแกะมือของหวงรุ่ยเซิงออก
แต่ตอนนี้หวงรุ่ยเซิงกำลังโมโหจนหน้ามืดตามัว เขาไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่หวังซิ่วหลิงพุ่งเข้ามา เขาก็ยังเตะเธอออกไปด้วย “แกไสหัวไปเลย”
วันนี้ถ้าไม่ได้สั่งสอนนังแพศยาสวี่เจวียนเจวียนนี่ คงจะคิดว่าเขาหวงรุ่ยเซิงเป็คนที่รังแกง่ายจริงๆ
“ฟังฉันก่อน” สวี่เจวียนเจวียนเริ่มจากการสาปแช่ง แต่สุดท้ายก็กลายเป็อ้อนวอน “อย่าตีฉันเลย...ไม่ใช่แบบนี้...”
ตอนนั้นเธอแค่ขาดสติไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่านังเด็กแพศยาอย่างสวี่จือจือยังแต่งงานกับลู่จิ่งซานได้ แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้ จนลืมหวงรุ่ยเซิงไปเสียสนิท
ไม่คิดเลยว่าหวงรุ่ยเซิงที่ปกติจะดูเหมือนบัณฑิตอ่อนแอ พอโกรธขึ้นมาถึงได้น่ากลัวขนาดนี้
“ยังไม่ได้แต่ง? ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส?” หวงรุ่ยเซิงตบหน้าจนเหนื่อย เขาก็ดึงผมของสวี่เจวียนเจวียนไปที่ข้างกำแพง “ลองพูดอีกทีสิ”
เขาด่าไปพลางกระชากผมของสวี่เจวียนเจวียนโขกกับกำแพงไปพลาง
“สวี่จงโฮ่ว ไอ้คนตายยาก ยังไม่รีบไปช่วยเจวียนเจวียนอีก” หวังซิ่วหลิงร้องไห้โวยวาย
“จือจือ...ไปแล้วนะ” สวี่จงโฮ่วพูดด้วยความเศร้าใจเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะทุบตีลูกสาวคนเล็กอยู่บ่อยๆ แต่ในบ้านหลังนี้ ลูกสาวคนเล็กคือคนที่ห่วงใยเขามากที่สุด เวลาที่เขารู้สึกไม่สบายก็จะเป็ลูกสาวคนเล็กที่คอยดูแล
ตอนนี้ลูกสาวกลับถูกพาตัวไปเสียแล้ว สวี่จงโฮ่วก็รู้สึกใจหาย โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าลูกสาวเดินจากไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเลยนั้น สวี่จงโฮ่วก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
ถึงแม้ว่าสวี่เจวียนเจวียนจะแต่งงานกับหวงรุ่ยเซิง แต่ทั้งสองคนก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลสวี่ หวงรุ่ยเซิงก็เหมือนกับลูกเขยของบ้าน ดังนั้นสวี่จงโฮ่วก็เลยไม่คิดอะไร แต่ ‘ลูกเขย’ คนนี้กลับตบตีสวี่เจวียนเจวียนจนแทบปางตาย
สวี่จงโฮ่วยังไม่ทันจะหายจากความรู้สึกเสียใจที่ต้องเสียลูกสาวไป สวี่เจวียนเจวียนก็ถูกหวงรุ่ยเซิงลากไปข้างกำแพง แล้วจับโขกศีรษะกับกำแพงอย่างแรง ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็พากันไปส่งสวี่จือจือ
“รีบปล่อยมือซะ” สวี่จงโฮ่วรีบวิ่งกลับมา ยังไงเขาก็เป็คนทำงาน แรงจึงมากกว่าหวังซิ่วหลิง เขาจึงสามารถช่วยสวี่เจวียนเจวียนออกมาได้ แถมยังผลักหวงรุ่ยเซิงจนหน้าผากกระแทกกับกำแพง
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นดาว
เขาเอามือลูบหน้าผากก็พบว่ามีเืไหลออกมา
ถุ้ย..
หวงรุ่ยเซิงถ่มน้ำลายลงพื้น พร้อมกับจ้องหน้าสวี่เจวียนเจวียนด้วยสายตาเ็า
ตอนนี้สวี่เจวียนเจวียนสลบไปแล้ว ใบหน้าปูดบวมเหมือนหมู ศีรษะเต็มไปด้วยเื
“เจวียนจื่อฟื้นสิลูก” หวังซิ่วหลิงโผเข้าไปหา “อย่าทำให้แม่กลัวนะ ถ้าลูกเป็อะไรไป แม่ก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว”
“แกมันสัตว์เดรัจฉาน!” หวังซิ่วหลิงโผเข้าไปตีหวงรุ่ยเซิงทั้งน้ำตา “ถ้าลูกสาวของฉันเป็อะไรไป ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”
หวงรุ่ยเซิงก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เหตุผลที่เขาคบกับสวี่เจวียนเจวียนก็คือ อย่างแรกสวี่เจวียนเจวียนเป็คนหลอกง่าย แค่พูดจาหวานหูหน่อยก็สามารถขึ้นเตียงกับเขาได้แล้ว อย่างที่สองก็คือ ลุงของสวี่เจวียนเจวียนเป็หัวหน้าหน่วย สามารถช่วยเหลือเื่การทำงานให้เขาได้
เดิมทีเขาไม่ได้อยากจะแต่งงาน ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นจะถูกคนจับได้ว่าเขานอนกับสวี่เจวียนเจวียน เลยทำให้เขาต้องแต่งงาน
ส่วนเื่การจดทะเบียนสมรสนั้นก็ไม่มี เมื่อบ้านตระกูลสวี่ไม่พูดถึง เขาก็ทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสที่จะกลับเข้าไปอยู่ในเมืองได้ เขาก็จะทิ้งสวี่เจวียนเจวียนไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้ใครมาสวมหมวกเขียวให้
“ส่งสถานีอนามัย” หวงรุ่ยเซิงกลืนน้ำลายลงคอ พูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบาก
เมื่อกี้เขาโกรธมากเกินไป พอตั้งสติได้ก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
ถ้าหากว่า...ชีวิตของเขาคงจะต้องจบสิ้นเป็แน่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สวี่ฉางไห่ส่งพวกลู่จิ่งซานเสร็จแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจจึงกลับมาดู แต่ก็เห็นสวี่เจวียนเจวียนนอนจมกองเื ส่วนหวงรุ่ยเซิงก็มีเืเต็มหน้า
“พี่ใหญ่” หวังซิ่วหลิงร้องไห้พูดพลางเหมือนเจอที่พึ่ง “ไอ้เดรัจฉานคนนี้มันทุบตีเจวียนจื่อของเรา”
สวี่ฉางไห่มองหวงรุ่ยเซิงด้วยสายตาเ็า
“ยังมัวยืนทำอะไรกัน รีบอุ้มไปสถานพยาบาลเร็วเข้า” เขาร้องะโอย่างรีบร้อน “เ้ารอง รีบเข้า”
ส่วนหวงรุ่ยเซิง “ไอ้หนู ฝากไว้ก่อนเถอะ แกกล้าทุบตีลูกสาวของบ้านตระกูลสวี่ แกคิดว่าบ้านตระกูลสวี่ไม่มีพวกแล้วหรือไง?”
หวงรุ่ยเซิงก้มหน้า
เขาไม่ได้อยากให้มันเป็แบบนี้สักหน่อย แต่เขาเป็ผู้ชาย ผู้ชายคนไหนจะยอมให้ผู้หญิงของตัวเองคิดถึงผู้ชายคนอื่นได้?
แถมยังเป็ต่อหน้าต่อตาเขา ต่อหน้าคนเยอะแยะมากมาย แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ถึงแม้สวี่จือจือจะไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาออกไปแล้วจะมีเื่สนุกสนานอะไรเกิดขึ้น แต่ก็สามารถจินตนาการได้
หวงรุ่ยเซิงที่ภายนอกดูเหมือนเป็หนุ่มยุวปัญญาชนที่อัชยาศัยดี แต่แท้จริงแล้วเป็อันธพาลที่ชอบใช้ความรุนแรง แถมยังรักศักดิ์ศรีเป็อย่างมาก
ไม่รู้ว่าสวี่เจวียนเจวียนคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมาต่อหน้าคนจำนวนมาก เมื่อหน้าของหวงรุ่ยเซิงถูกตบอย่างแรงขนาดนั้น เขาย่อมไม่มีทางปล่อยสวี่เจวียนเจวียนไปอย่างแน่นอน
“คุณรอผมเดี๋ยวหนึ่งนะ ได้ไหม?” ยังไม่ทันที่จะออกจากหมู่บ้านซ่างสุ่ย ลู่จิ่งซานก็พูดขึ้น “ผมจะไปหาของ”
สวี่จือจือทำหน้างุนงง แต่ก็พยักหน้า
ไม่คิดเลยว่าเดี๋ยวเดียว ลู่จิ่งซานก็เข็นจักรยานมา
“ผมจำได้ว่าที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณมีจักรยานอยู่คันหนึ่ง โชคไม่เลวเลย” วันนี้จักรยานอยู่ที่บ้านพอดี เลยถูกเขายืมมา
ลู่จิ่งซานตบเบาะหลังของจักรยาน “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวผมจะเข็นคุณไปส่งที่บ้านตระกูลลู่”
จักรยานสองล้อคันนี้ เมื่อเขาเป็คนเข็นให้ กลับดูเหมือนรถฮัมวี่ที่ดูมีสง่าราศี สวี่จือจือเพิ่งจะเคยนั่งจักรยานแบบนี้เป็ครั้งแรก เธอกลับรู้สึกว่านั่งได้สบายดี แถมยังรู้สึกปลอดภัยอีกด้วย
ทั้งสองหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลกัน มีแค่แม่น้ำกั้นกลางอยู่
ตอนนี้ก็ยังมีเด็กน้อยบางคนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ริมแม่น้ำ เมื่อเห็นพวกลู่จิ่งซานมา เด็กพวกนั้นก็หัวเราะคิกคัก พร้อมกับะโขึ้น “ได้เมียแล้ว ได้เมียแล้ว”
เด็กๆ ต่างก็สาดน้ำใส่กันไปมา
สวี่จือจือนั่งอยู่บนเบาะหลัง มองรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กๆ ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
โจวเป่าเฉิงที่เดินตามหลังมาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ถมึงทึง ั้แ่ที่ลู่จิ่งซานปรากฏตัว เขาก็เงียบราวกับนกกระทา พยายามที่จะลดการมีตัวตนของตัวเองให้น้อยที่สุด
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาก็พลันชะงัก
ไม่คิดว่านังแพศยาคนนี้จะมีเสน่ห์อยู่บ้าง
เมื่อนึกถึงเื่ที่เธอทำให้เขาต้องอับอายขายหน้า ก็อยากจะผลักสวี่จือจือลงน้ำไปเสียเดี๋ยวนี้
นังแพศยา คอยดูเถอะ เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
แต่ไม่ว่าโจวเป่าเฉิงจะคิดอะไรในใจ ก็มาถึงบ้านตระกูลลู่ในเวลาไม่นาน
“สะใภ้คนใหม่กลับมาแล้ว”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้