เมื่อมี “ความช่วยเหลือ” จากสองสามีภรรยาตระกูลหลิง สองวันหลังจากนั้นทะเบียนบ้านของซูอินก็ถูกย้ายกลับมาที่ตระกูลซูอย่างราบรื่น
วันนั้นเป็วันเกิดอายุครบสี่สิบปีของเมิ่งเถียนเฟินพอดี ก่อนหน้านี้หล่อนไม่เคยเอ่ยถึงเื่นี้ แต่ตอนที่ได้รับเล่มทะเบียนบ้านกลับมา ซูอินถึงได้รู้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด แต่โชคดีที่เวลานี้พวกเธออยู่ในเมือง ทำให้ค่อนข้างสะดวกในหลายๆ ด้าน
ในห้องพักผู้ป่วยอันหรูหรา มีเค้กสองชั้นและอาหารมากมายเต็มโต๊ะ
สองสามีภรรยาตระกูลซูไปจัดการเื่ย้ายทะเบียนบ้านที่สถานีตำรวจเสร็จแล้วก็รีบนำสมุดทะเบียนบ้านเล่มใหม่กลับมา เมื่อเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยก็พบภาพบรรยากาศนี้
เมิ่งเถียนเฟิน “วันเกิดอินอินหรือ ไม่ใช่สิ เพิ่งจะผ่านวันเกิดของอินอินมาเมื่อไม่นานนี้ วันเกิดของอันอันก็อยู่่ฤดูหนาว…”
เป็ซูเจี้ยนจวินที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก่อนที่เขาจะขยับตัวเล็กน้อย
“สุขสันต์วันเกิด!”
ประตูห้องพักผู้ป่วยด้านข้างเปิดออก สองพี่น้องสวมมงกุฎกระดาษสีทองที่ร้านแถมให้พร้อมกับคำว่าสุขสันต์วันเกิด ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เดินตรงเข้ามาตรงหน้าเมิ่งเถียนเฟิน
“นี่…”
เมิ่งเถียนเฟินเพิ่งจะเข้าใจและเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าค่อยๆ เผยความรู้สึกประทับใจ แต่สิ่งที่เอ่ยออกมากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ “ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว จะมาฉลองวันเกิดอะไรกัน เสียเงินเปล่าๆ …”
“เอาละ นี่เป็ความจริงใจจากลูกๆ นะ”
ซูเจี้ยนจวินหยุดไม่ให้เธอบ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกปลง
ซูอินลากเด็กชายตัวน้อยเข้ามาสมทบ “ใช่แล้ว วันนี้ไม่ได้เป็แค่วันเกิดของแม่ แต่ยังเป็วันที่ครอบครัวของเราได้กลับมารวมกันจริงๆ สักที เื่มงคลคู่เลย...ไม่ใช่สิ…”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ซูอินชะงักเล็กน้อย ภายใต้แววตาฉงนของคนในครอบครัวทั้งสามคน เธอหมุนตัวเดินไปที่โซฟาซึ่งมีกระเป๋าถือที่หลิวชิ่งกั๋วนำมาให้เมื่อวานนี้วางอยู่
“พ่อคะ แม่คะ มาดูนี่สิ”
เมิ่งเถียนเฟินรับมันไว้ จากนั้นหยิบสมุดสีแดงเล่มหนึ่งออกมา
“หนังสือรับรองการอสังหาริมทรัพย์ นี่มันอะไรกัน”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเนื้อหาข้างในชัดเจนแล้วก็ชะงักไปทันที
“นี่…”
เธอตัวแข็งทื่อ ส่งหนังสือรับรองการอสังหาริมทรัพย์ให้ซูเจี้ยนจวิน หลังจากที่เขาดูอย่างชัดเจนแล้วก็แสดงปฏิกิริยาเดียวกัน
ความรู้สึกสับสนมากมายในตอนแรกหายไป เหลือไว้เพียงความตกตะลึง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูเจี้ยนจวินถึงได้มีปฏิกิริยา เขาหันไปมองซูอินด้วยความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
“นี่…ของลูกหรือ”
ซูอินพยักหน้าโดยไม่คิดปิดบัง
“ก่อนหน้านี้เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือคะว่าหนูเคยช่วยเด็กคนหนึ่ง…”
ในที่สุดเมิ่งเถียนเฟินก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง “เด็กคนนั้นคือเด็กที่ทำให้ตระกูลหลิงพยายามทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวลูกไว้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ บ้านของเด็กคนนั้นมีฐานะ เพื่อแสดงความขอบคุณ พวกเขาไม่เพียงช่วยจัดเตรียมที่พักให้หนูได้เตรียมอ่านหนังสือสอบอย่างสบายใจ ยังมอบเงินให้ห้าพันหยวน ก่อนหน้านี้ไม่นานมีแข่งฟุตบอลโลก มีการขายลอตเตอรี่ฟุตบอล หนูก็เลยลองซื้อสักหน่อย แต่กลับถูกรางวัล”
สองสามีภรรยาตระกูลหลิงไม่ค่อยเข้าใจเื่ลอตเตอรี่สวัสดิการ ลอตเตอรี่กีฬา รวมถึงลอตเตอรี่แบบขูด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินรางวัลแบ่งเป็ระดับต่างๆ ในความเข้าใจของพวกเขา หากถูกลอตเตอรี่ก็จะได้เงินรางวัลทั้งหมดห้าล้านหยวน
“ถูกลอตเตอรี่ห้าล้านหยวนหรือ”
“ไม่มากขนาดนั้นค่ะ ประมาณเจ็ดถึงแปดแสนหยวน”
เสียงสูดหายใจของทั้งคู่ประสานกัน ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ในประเทศจีนหากครัวเรือนใดมีเงินเท่านี้ก็ถือว่ามั่งคั่งแล้ว ในสายตาของสองสามีภรรยาตระกูลซูตอนนี้ แค่เงินมากกว่าหนึ่งแสนหยวนก็เยอะมากแล้ว
เจ็ดถึงแปดแสนหยวน…นี่มันเป็เงินก้อนโตมาก
มีเพียงเด็กชายตัวน้อยที่ไม่สนใจเื่เงิน ใบหน้าน่ารักเงยหน้า ดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นมองไปทางซูอิน
“พี่ครับ เงินมากขนาดนี้สามารถซื้อต้าต้าเจวี่ยน[1]ได้เยอะเลยใช่ไหม”
ซูอินลูบศีรษะน้องชาย “ใช่ ต่อจากนี้ไปเงินที่ซื้อต้าต้าเจวี่ยนของอันอัน พี่จะเป็คนรับผิดชอบเอง”
แววตาของเด็กชายตัวน้อยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พี่สาวดีที่สุดเลย”
ซูอินยิ้มเช่นกัน “พ่อคะ แม่คะ นี่ถือเป็เื่ดี อย่าคิดมากเลย จุดเทียนและร้องเพลงกันดีกว่า เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อน”
เมิ่งเถียนเฟินพยักหน้าด้วยท่าทีแข็งทื่อ “ใช่ นี่เป็เื่ดี…เื่ดี…”
เธอเอ่ยซ้ำๆ หลายครั้ง ความรู้สึกในใจค่อยๆ สงบลง แต่ในตอนที่มองอาหารเต็มโต๊ะ เธอก็บ่นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“มีเงิน…แต่จะสิ้นเปลืองแบบนี้ไม่ได้…”
ซูเจี้ยนจวินพยักหน้าเช่นกัน เขาเห็นด้วยกับเื่นี้เป็อย่างยิ่ง
แม้ในใจของเขาจะยังคงใ แต่สติกลับรับรู้อย่างชัดเจน อย่าบอกว่าพวกเขาไม่เคยเลี้ยงดูอินอินหลายปีที่ผ่านมาเลย ต่อให้เลี้ยงั้แ่เล็กจนโต เงินของลูกอย่างไรก็เป็เงินของลูก
ลูกมีความสามารถ พวกเขาเป็พ่อแม่ย่อมภาคภูมิใจ ในเวลาเดียวกันกลับหันมามองตนเองว่าเหตุใดไร้ความสามารถในการทำให้ลูกได้ใช้ชีวิตสุขสบาย
ซูอินไม่รู้เลยว่าซูเจี้ยนจวินคิดเช่นนี้ แต่คำพูดแค่ประโยคเดียวกลับทำให้เธอหมดความกังวลสุดท้ายนี้ลงได้
เธอได้สารภาพเื่ทรัพย์สินของตนเอง เมื่อเผชิญหน้าเงินจำนวนมากขนาดนี้ บิดามารดาแท้ๆ กลับไม่แสดงท่าทีโลภในทรัพย์สินเหล่านี้ ยังคงเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“ที่แม่พูดมาก็ไม่ผิดค่ะ ต่อให้มีเงิน แต่สิ่งใดที่ควรประหยัดก็ต้องประหยัด แต่วันนี้สถานการณ์ต่างออกไป วันเกิดของแม่ หนูได้ทะเบียนบ้านคืน โฉนดที่ดินก็ได้มา เื่มงคลตั้งสามอย่างมารออยู่ ก็ควรฉลองสักหน่อย”
“เฮ้อ~”
เมิ่งเถียนเฟินถอนหายใจยาว แต่สีหน้าปกปิดความสุขไว้ไม่มิด
จุดเทียน ร้องเพลงวันเกิด อธิษฐาน…พวกเขาสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกลางโซฟา ฉลองวันเกิดด้วยกันด้วยความรื่นเริง
หลังจากร่วมฉลองวันเกิดอย่างมีความสุข ซูอินยังคงพักฟื้นต่ออยู่ที่โรงพยาบาล
อาการ “ป่วย” ของเธอดีขึ้นนานแล้ว แต่ยังเหลือผลข้างเคียงที่ห้วงมิติทิ้งไว้ ทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบในส่วนต่างๆ และพบว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย หยางอวี้หลานซึ่งเป็หมอเ้าของไข้จึงเสนอให้เธออยู่ที่โรงพยาบาลต่อเพื่อตรวจดูอาการ
“อินอิน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับสมองล้วนเป็เื่ใหญ่ ต่อให้ประหยัด แต่ก็ไม่ควรใช้กับเื่รักษาพยาบาล ฉันรู้ว่าเธอยังมีความรู้สึกต่อตระกูลหลิง แต่ข้อแรก การรักษาเป็เื่สำคัญ ข้อสอง พวกเขาไม่ใช่ไม่มีเงิน…”
ซูอิน : …
ทำไมทุกคนต่างคิดว่าเธอยังรู้สึกผูกพันกับตระกูลหลิง ให้์เป็พยาน ในใจของเธอคาดหวังอย่างยิ่งว่าตระกูลหลิงจะได้พบความโชคร้าย
แต่การที่เธออยู่ที่นี่ต่อก็สามารถขุดหลุมฝังหลิงเมิ่ง
ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ต่อไป!
เธอตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ซูอินพักอยู่ที่ห้องหรูต่อไป และช่วยดูแลน้องชายตัวน้อยของเธอ
เพราะถ้าเทียบกันแล้ว เขาต่างหากที่ได้รับาเ็ ตอนนี้เขาอายุสี่ขวบครึ่ง อีกทั้งั้แ่คลอดออกมาสุขภาพก็ไม่ดีนัก ก่อนหน้านี้เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ช็อก เรียกว่าอาการรุนแรงได้เช่นกัน
ระหว่างนี้ยังอยู่ใน่วุ่นวายกับการทำนา ในหมู่บ้านตงผิงทำนากันเยอะ ก่อนหน้านี้เมิ่งเถียนเฟินอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลสองพี่น้อง มีเพียงซูเจี้ยนจวินที่ทำงาน เื่นี้ทำให้เมิ่งเถียนเฟินบ่นไม่น้อย
อันที่จริงเื่ทำนา ในความหมายของซูอินคือให้คนอื่นทำโดยให้เช่าที่ดิน เพราะอย่างไรในตอนนี้เธอก็ไม่ได้ขัดสนเื่เงิน ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น
แต่เมื่อกล่าวถึงเื่นี้ ก็ถูกเมิ่งเถียนเฟินปฏิเสธ
“ทุกคนในชนบทต่างทำนา หากเป็เหมือนคุณลุงเมิ่งของลูกที่ออกไปทำงานที่อื่นถือเป็เพียงส่วนน้อย แม่กับพ่อของลูกทำการเกษตรมานาน ทำอยู่หลายปีก็คุ้นชิน ไม่คิดว่ามันเหนื่อย หรือพูดง่ายๆ คือ การได้ตรากตรำทำงานทำให้ในใจรู้สึกมั่นคง”
ซูอิน : …
เธอยังจะพูดอะไรได้อีก
เมิ่งเถียนเฟินกลับชนบทไปทำงาน ซูอินพักอยู่ที่โรงพยาบาลต่อเพื่อดูอาการ และเธอก็จะได้ดูแลเ้าตัวน้อยไปด้วย
ในที่สุดน้ำพุแห่งจิติญญาในห้วงมิติที่อัปเกรดก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เสียที
ในอ่างอาบน้ำของห้องพักผู้ป่วย เ้าตัวน้อยยืนแก้ผ้าอยู่ในนั้น มือที่ไม่ค่อยมีเนื้อมีหนังปิดถั่วลิสงน้อยของตนเอง
“พี่ครับ พี่พยาบาลบอกว่าตรงนี้ให้คนอื่นเห็นไม่ได้”
ซูอินนำฝักบัวมาเปิดน้ำใส่อ่าง ห้องน้ำในห้องพักผู้ป่วยมีเครื่องทำน้ำอุ่น จึงสะดวกต่อการอาบน้ำของพวกเขา ขณะที่เปิดน้ำอุ่น เธอได้ใส่น้ำพุแห่งจิติญญาลงไปในสัดส่วนที่เหมาะสม
“อืม พี่พยาบาลพูดถูก จุดที่สวมกางเกงในห้ามให้คนอื่นแตะต้องเด็ดขาด รวมถึงจุดที่ผู้หญิงสวมชุดชั้นในด้วย อันอันห้ามให้คนอื่นจับ และอย่าไปจับของคนอื่นมั่วซั่วนะ”
ดวงตาโตราวกับผลองุ่นแสดงท่าทีงุนงง แต่เขาก็เชื่อพี่สาว เขาครุ่นคิด จากนั้นจึงพยักหน้าแรงๆ
“จำได้แล้วครับ”
ทำไมถึงน่ารักเช่นนี้นะ
เมื่อหนังศีรษะของเขาเปียกแล้ว ซูอินจึงบีบแชมพูสระผมใส่มือ ถูมือไปมาแล้วนวดศีรษะของเ้าตัวน้อย
“พี่ครับ ฟองฟองสนุกมากเลย~”
เ้าตัวน้อยชอบเล่นน้ำ ครั้งก่อนอวี๋ฉิงมาเยี่ยมได้ให้ปืนฉีดน้ำแก่เขา สองพี่น้องจึงอาบน้ำในห้องน้ำอย่างมีความสุข
ในเวลาเดียวกันที่สถานีของหน่วยสำรวจซึ่งอยู่ห่างจากเมืองผิงไปราวๆ หนึ่งร้อยไมล์
ผมของฉินหล่างเปียกชื้นทั่วศีรษะ เขาสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้น เผยให้เห็นร่างกายที่มีสัดส่วนสวยงาม กล้ามเนื้อที่ไม่แน่นจนเกินไป และอยู่ใน่ที่ฮอร์โมนเพศชายกำลังพลุ่งพล่าน
เขาถือกะละมังล้างหน้ากลับห้องพัก เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ก็ถูกชายหนุ่มที่มีท่าทีอ่อนหวานคนหนึ่งขวางไว้
“อ้าว กลับมาแล้วหรือ”
“อืม”
“ผมกลับมาก่อนคุณสองวัน การสำรวจครั้งนี้ราบรื่นมาก ต้องขอบคุณสำหรับงานก่อนหน้านี้ที่คุณทำไว้ หัวหน้าฉิน ขอบคุณมากจริงๆ”
ท่าทีของชายหนุ่มอ่อนหวานผู้นี้แสดงอาการยั่วยุและพึงพอใจ
ฉินหล่างเหลือบมองนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิปที่อยู่บนข้อมือของชายตรงหน้า “ยินดีกับหัวหน้าหวงด้วยนะครับที่การสำรวจราบรื่นดี”
“เอาละ ผมต้องรีบไปรายงานหัวหน้าถึงภารกิจครั้งนี้ ผมไปก่อนนะ”
ชายหนุ่มอ่อนหวานผู้นั้นหมุนตัวเดินออกไป ฉินหล่างดันประตูเข้าไปในห้องพัก กะละมังล้างหน้าถูกวางลงแรงๆ
ครั้งก่อนที่ไปสำรวจทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เขาสำรวจไปจนใกล้เสร็จแล้ว เหลือเพียงแค่เขียนรายงาน
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พิงบนโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ครั้งนี้เขาออกไปทำงานราวๆ ครึ่งเดือน มีข้อความและโทรศัพท์เข้ามากมาย เขาค่อยๆ ทยอยอ่าน และไล่ตอบกลับสั้นๆ
ไม่นานเขาก็เลื่อนมาเจอข้อความของซูอิน
เนื้อหาในข้อความพูดถึงเื่กองทุนการกุศล โดยบอกว่าเงินห้าพันหยวนของเขาถูกนำไปใช้แล้ว อีกทั้งแจกแจงอย่างละเอียดว่าบริจาคให้ใคร และแนบชื่อกับข้อมูลผู้ติดต่อมาให้ด้วย ข้อความนี้ยาวมาก เนื่องจากจำนวนตัวอักษรถูกจำกัด ทำให้แบ่งเป็สามข้อความ
เขาอ่านข้อความทีละคำ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใบหน้าสดใสราวกับดอกลิลลี่บนหุบเขาสูง
และทำให้เขาอารมณ์สดใสมากขึ้นด้วย
จากวันที่ได้เข้าร่วมทีมสำรวจ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะอุทิศชีวิตนี้ให้กับงานด้านธรณีวิทยา ใครออกหน้าไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสำรวจเป็ไปอย่างราบรื่น
สำหรับตัวเขา ไม่ใช่คนเที่ยงตรงมากขนาดนั้น มีตระกูลฉินคอยสนับสนุนอยู่เื้ั มันควรเป็ความดีความชอบของเขา หวงเจ๋อไม่ควรได้รับมันไป
เมื่อเข้าใจในส่วนนี้อย่างชัดเจนแล้ว เขาจึงกระจ่างแจ้งในทันที
“รับทราบ”
เมื่อตอบกลับไปแล้ว เขาจึงเลื่อนหน้าจอลงมา ก็เห็นข้อความของหลินเฉวียน เมื่อได้อ่านเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
ทำไมเกิดเื่อีกแล้ว
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองกดปุ่มโทรออกไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หลินเฉวียนกล่าวราวกับรายงานภารกิจ เขาเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในระยะนี้แบบกระชับ น้ำเสียงแสดงความเคารพ
“ตอนนี้ล่ะ”
“อินอินติดต่อนักข่าว ทำให้มันกลายเป็เื่ใหญ่ แต่สองสามวันมานี้จู่ๆ เื่ก็เงียบไป คุณชายหลินครับ ผมได้ยินมาว่าหลิงจื้อเฉิงมีความสามารถอย่างไม่คาดคิด เขาไปติดต่อคนในมณฑล ผมตรวจสอบแล้ว เหมือนกับว่าคนคนนี้จะอยู่ในหน่วยสำรวจของคุณ และเพื่อเื่นี้ เขาได้มอบนาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิปให้โดยเฉพาะด้วยครับ”
หน่วยสำรวจ นาฬิกาปาเต๊ะ
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉินหล่างทันที
----------------------------------------------------------------------------
[1] ต้าต้าเจวี่ยน หมายถึง ชื่อขนมยี่ห้อหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกับขนมเยลลี่เทปในไทย