หลายวันต่อมาฟางเมี่ยวก็ไปที่ภัตตาคารเพื่อเลือกพ่อครัวคนใหม่ นางเลือกมาได้สองคนที่มีฝีมือค่อนข้างดีเยี่ยม อีกทั้งระยะนี้นางยังจะต้องศึกษาสมุนไพรและเครื่องหอมที่ท่านแม่เคยบันทึกเอาไว้ มันไม่ง่ายเลย นางลองทำตามสูตรที่เขียนเอาไว้แต่ก็ยังไม่สำเร็จ แต่นางก็ไม่ละความพยายาม จนกระทั่งนางสามารถปรุงยาขี้ผึ้งดอกบัวออกมาได้ตามที่หวังเอาไว้
ยาทาตลับนี้มีดอกบัวและใบบัวเป็วัตถุดิบหลัก ต้องเด็ดดอกบัวสดตัดรากอ่อนมาสองท่อนนำมาตากแห้งบดเป็ผงร่อนผ่านกระชอน ผสมน้ำใส่ลงในหม้อดินเผา อบไล่ด้วยไฟแรงสลับไฟอ่อนสองวัน นำออกมาทิ้งให้เย็นแล้วบดเป็ผง ใช้กระชอนร่อน สุดท้ายนำไปผสมกับแป้งฝุ่น ลองเอามาทาข้อมือดูถ้าไม่มีผลข้างเคียงก็ใช้ได้ ผงดอกบัวรากบัวใช้บรรเทาการอาการปวด ลดบวม ลดฟกช้ำ ในส่วนผสมยังมีชะเอมแก้อักเสบและสะระแหน่ที่เย็นทำให้ลดอาการบวมแดง สามารถใช้ทาที่ใบหน้าหรือว่าตรงที่ระบมฟกช้ำได้เป็อย่างดี
อีกทั้งนางยังทำยาสระผมออกมาได้อีกด้วย ส่วนผสมของมันมีเพียง ดอกจำปีตูม ดอกกุหลาบอย่างละห้าเฉียน สนแผง ใบหม่อน เปลือกรากโบตั๋น อย่างละสี่เฉียน แล้วจึงใส่น้ำชาค้างคืนลงไปต้มเพื่อสกัดน้ำมันสระผม จึงทำให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และสมุนไพรติดเส้นผมชวนให้สดชื่นไม่น้อย
นางคัดเลือกเครื่องประทินผิวที่พอจะใช้ได้อีกไม่น้อยมาเก็บไว้ สองวันหลังจากนั้นจึงเปิดร้านขายเครื่องประทินผิวอีกครา ลูกค้าที่ได้ยินว่ามีสินค้ามาใหม่จึงเข้ามาลองดู ฟางเมี่ยวสั่งให้ผู้ดูแลนำสินค้าขนาดทดลองใช้ไปแจกจ่ายให้ลูกค้าได้ใช้ก่อน หากติดใจค่อยมาซื้อก็ได้ อีกทั้งยังบอกอีกว่า หากลูกค้าท่านใดซื้อยาทาขี้ผึ้งและยาสระผมพร้อมกัน นางจะแถมแป้งหอมกลิ่นมะลิไปให้อีกหนึ่งตลับอีกด้วย
สินค้าวางขายได้เพียงสามวันก็หมดเกลี้ยงจนแทบไม่พอขาย ฟางเมี่ยวต้องเกณฑ์สาวใช้ที่เป็สตรีมาช่วยกันทำ นางต้องสอนอยู่หลายวันกว่าสาวใช้พวกนั้นจะทำได้คล่องตามสูตร
"คุณหนู น้ำชาเ้าค่ะ"
"ขอบใจท่านมากแม่นมหลิ่ว"
"คุณหนู ระยะนี้ท่านทำงานหนักไปแล้วเ้าค่ะ บ่าวเกรงว่าอาจจะล้มป่วยเอาได้"
"แม่นมหลิ่วไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าน่ะอยากทำรายได้ให้เยอะๆ"
"คุณหนูเติบโตแล้วจริงๆ"
"แน่นอนสิ ข้าน่ะเติบโตแล้ว อ้อ เื่สวนดอกไม้ที่บ้านสวนของท่านแม่จัดการไปถึงไหนแล้ว"
"บ่าวให้คนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ เหลือเพียงคุณหนูเดินทางไปเท่านั้น"
"ดี อีกสักสิบห้าวันข้าจะไป จะได้ดูว่าดอกไม้ที่นั่นเติบโตงดงามเพียงใด ข้าจะได้นำมาทำแป้งหอมประจำฤดูกาล"
"เ้าค่ะ คุณหนู"
ฟางเมี่ยวบิดี้เีไปมาด้วยความเมื่อยล้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาบิดาตนที่เรือนใหญ่ เสนาบดีฟางเหลียนที่กำลังอ่านตำราเมื่อเห็นว่าบุตรสาวมาหาก็วางตำราในมือลง ก่อนจะเอ่ย
"เมี่ยวเอ๋อร์"
"ท่านพ่อ ลูกนำขนมดอกกุ้ยมาให้เ้าค่ะ"
"โอวว ดียิ่งนัก นั่งลงก่อนเถิด"
ฟางเมี่ยวทิ้งกายนั่งลง ก่อนจะเอ่ยกับบิดาอย่างไม่รีรอ
"อีกสิบห้าวันลูกจะเดินทางไปบ้านสวนเ้าค่ะ"
"ไปทำไมกัน?"
"มีเื่ให้ต้องจัดการเกี่ยวกับที่นั่นเ้าค่ะ"
"พาคนติดตามไปเยอะๆ หน่อยเล่า เมี่ยวเอ๋อร์ ได้ยินว่าระยะนี้กิจการเ้าทำรายได้ไม่น้อยเลย"
"ข่าวถึงหูท่านพ่อรวดเร็วยิ่งนัก ไม่ทราบว่าอนุนางใดคาบข่าวมาบอกหรือเ้าคะ"
เสนาบดีฟางเหลียนสะดุ้งโหยง ก่อนจะเอ่ย
"ไม่มีหรอก กิจการเ้ารุ่งเรืองผู้คนเล่าลือกันปากต่อปาก"
"อ้อ ยามนี้ลูกหาเงินได้แล้ว ช่างดีนัก ลูกขอตัวก่อนนะเ้าคะ"
"พอดีเลย พ่อก็จะไปข้างนอกเช่นกัน"
"ไปที่ใดหรือเ้าคะ"
"ไปที่ค่ายทหารน่ะ ยามนี้ยังจัดการเื่ภาษีและค่ายุทโธปกรณ์ไม่แล้วเสร็จเลย ใกล้จะมีาอีกคราแล้ว คงจะวุ่นวายไม่น้อย"
"าหรือเ้าคะ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ฏเหลียงไท่น่ะยกทัพมาที่ชายแดนอีกแล้ว พ่อต้องเตรียมจัดการเื่นี้ให้แล้วเสร็จ แล้วนำไปกราบทูลแก่ฝ่าา"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยกับบิดาตนทันที
"ลูกไปด้วยได้หรือไม่เ้าคะ"
"ไปทำไมกัน"
"ลูกเบื่อน่ะเ้าค่ะ อีกอย่างลูกซื้อขนมมาเยอะเลย อยากเอาไปแบ่งปันให้ทหารในค่ายได้กินเ้าค่ะ ท่านพ่อก็ออกหน้าแทนลูก นำขนมไปฝากพวกเขาได้หรือไม่เ้าคะ ลูกขอเพียงได้ติดตามท่านพ่อไปเปิดหูเปิดตาเพียงเท่านั้น"
"เมี่ยวเอ๋อร์ ในขนมนั่นเ้าคงไม่ได้ใส่ของพิสดารลงไปใช่หรือไม่?"
"ท่านพ่อ!!!"
"ไปเถิด รีบไปกัน"
ฟางเมี่ยวสั่งให้ลู่ชิงและสาวใช้อีกหลายนางนำขนมใส่กล่องไปร่วมหลายสิบกล่อง ในกล่องมีขนมหลากหลายที่นางซื้อมา เมื่อมาถึงที่ค่ายทหารเสนาบดีฟางเหลียนก็จัดการนำขนมนั้นไป ส่วนอีกกล่องที่เหลือยามนี้มันอยู่ในมือฟางเมี่ยว
"เมี่ยวเอ๋อร์ อย่าเที่ยวเดินไปเรื่อยเล่า เ้านำป้ายนี้ติดกายไว้ พวกเขาจะได้รู้ว่าเ้าเป็บุตรสาวข้า"
เสนาบดีฟางเหลียนมอบป้ายประจำตำแหน่งให้บุตรสาวนำติดตัวเอาไว้ระหว่างที่อยู่ในค่ายทหาร เดิมทียามที่ไม่ได้เข้าวังหลวงป้ายนี้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใดมากนัก เพียงมีไว้ประดับบารมีก็เท่านั้น
"ได้เ้าค่ะ"
ฟางเมี่ยวยิ้มพร้อมกับรับป้ายนั้นมาถือเอาไว้ ก่อนจะพาลู่ชิงเดินไปยังที่หนึ่ง
นางจำได้ว่าชาติที่แล้ว หลี่เยี่ยนเฉินมักจะชอบอยู่ที่ลานขี่ม้าในค่ายทหาร ที่นางจำได้เพราะชาติที่แล้วนางมักจะติดตามท่านพ่อมาที่นี่เพราะอยากพบกับเย่จิ้นหยาง ทุกคราเย่จิ้นหยางมักจะขี่ม้ากับหลี่เยี่ยนเฉิน
นางจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นพร้อมกับขนมในมือทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าหลี่เยี่ยนเฉินเพิ่งจะะโลงจากหลังม้า ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย ฟางเมี่ยวราวกับตกอยู่ในความฝัน นางจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน!!!
หลี่เยี่ยนเฉินรับรู้ได้ว่าถูกคนจ้องมอง เขาจึงหันมา ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
สตรีหน้าไม่อายผู้นั้นมาที่นี่ทำไมกัน!!!
เขาแสร้งทำเป็ไม่เห็นฟางเมี่ยวเพื่อหวังจะเดินหนีจากนาง แต่ทว่าฟางเมี่ยวกลับวิ่งมาตรงหน้าเขา แล้วยื่นกล่องขนมมาตรงหน้าเขาพร้อมกับยิ้มตาหยี
"พี่เยี่ยน เหนื่อยหรือไม่ มากินขนมก่อนเถิด ข้าตั้งใจนำมาให้ท่านเลยนะเ้าคะ ขนมร้านนี้อร่อยมากๆ"
หลี่เยี่ยนเฉินหรี่ตามองกล่องขนมในมือของฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ข้าไม่หิว เ้าเก็บไว้กินเองเถิด"
"เดี๋ยวสิ ลองชิมสักชิ้นสิเ้าคะพี่เยี่ยน"
หลี่เยี่ยนเฉินรู้สึกขนลุกขนชันอย่างบอกไม่ถูก วาจาไพเราะที่ออกจากปากนางเช่นนี้เขาไม่คุ้นชินเอาเสียเลย หรือว่าสมองนางมีปัญหากันแน่!!!
หรือดื่มสุราจนเลอะเลือนไปแล้ว!!!
"พี่เยี่ยน"
"ฟางเมี่ยว เ้า้าสิ่งใดจากข้ากันแน่ ปกติเ้าไม่เคยเรียกข้าเช่นนี้ หรือว่าสติเ้าเลอะเลือนไปแล้ว ลงแดงใช่หรือไม่ ยามที่กลับมาข้าได้ยินว่าเ้าชอบดื่มสุรา เ้าคงลงแดงจนมีอาการทางประสาทสินะ รออยู่ตรงนี้เถิด ข้าจะให้คนนำสุรามาให้เ้า"
ฟางเมี่ยวอ้าปากค้าง รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
นี่เขาคิดว่าที่นางทำดีกับเขาเพราะนางลงแดงอย่างนั้นหรือ?
ให้ตายเถอะ ก็ช่างจะคิดออกมาได้!!!
"พี่เยี่ยน ข้าไม่ได้ดื่มสุรามานานแล้วเ้าค่ะ ยามนี้ข้ากำลังวุ่นวายอยู่กับกิจการที่มี"
"เ้าออกจากจวนไปทำงานด้วยหรือ?"
"เ้าค่ะ"
"ฟางเมี่ยว เ้าไปบำบัดเถิด!!!"
"อ้าว!!! พี่เยี่ยน มากินขนมก่อนสิ!! หลี่เยี่ยนเฉิน ข้าโมโหแล้วนะ!!!"
หลี่เยี่ยนเฉินเดินหนีนางมา แต่นางก็ยังตามเขาไม่ลดละ จนเดินมาถึงศาลาริมสระน้ำที่ตั้งเอาไว้ให้เหล่าทหารได้มานั่งผ่อนคลาย เขาจึงหันมาเอ่ยกับนาง
"จะตามข้าอีกนานหรือไม่ แล้วเ้ามาทำอันใดที่นี่?"
"พี่เยี่ยน ข้าก็บอกแล้วว่าข้านำขนมมาให้ท่าน อ้อ ข้านำมาแบ่งให้ทหารของท่านด้วยนะเ้าคะ"
"แบ่งทหารข้า!!!"
"เ้าค่ะ"
ผีเข้านางหรือไรกัน!!! ปกติห่วงแต่เอาเงินไปเข้าโรงพนัน
"พี่เยี่ยน หากท่านไม่กินขนมนี่ ข้าจะไม่ยอมไป"
"เช่นนั้นเ้าก็ยืนต่อไปเถิด ข้ามีงานต้องสะสางอีกมาก"
"พี่เยี่ยน ฮึก ฮือออ!!!"
"นี่ เ้าร้องไห้ทำไมกัน!!!"
หลี่เยี่ยนเฉินที่เห็นว่าฟางเมี่ยวเริ่มร้องไห้ดังขึ้นก็เริ่มร้อนใจ เหล่าทหารที่ผ่านไปมาต่างมองเขาเป็ตาเดียว
"หยุดร้องนะ เดี๋ยวผู้อื่นก็คิดว่าข้ารังแกเ้า"
"ฮืออออ"
"กินแล้ว ข้ากินแล้ว!!!"
หลี่เยี่ยนเฉินหมดหนทางแล้ว ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มพลางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะเปิดกล่องขนมและนำขนมที่จัดไว้ในจานอย่างสวยงามออกมาวางให้เขา หลี่เยี่ยนเฉินรับไปกัดกินคำหนึ่ง รสชาติขนมของนางค่อนข้างดีเป็อย่างมาก
"อีกสักชิ้นสิเ้าคะ"
"ข้าอิ่มแล้ว"
"ฮึก"
"อีกชิ้นก็ได้"
เมื่อเห็นว่าฟางเมี่ยวเริ่มเบ้หน้าทำท่าว่าจะร้องไห้ออกมาอีกครา เขาก็จำต้องยื่นมือมาหยิบขนมกินอีกชิ้น
ให้ตายเถิด!!! ฟางเมี่ยวเ้ากำลังรังแกข้าอยู่รู้หรือไม่?
"กินสิ่งใดกันอยู่หรือ น่าอร่อยยิ่งนัก"
เสียงของบุรุษผู้หนึ่ง ทำให้ฟางเมี่ยวต้องหันไปมอง ก่อนจะลอบสบถออกมา
มาทำไมกัน ตามเป็ผีเลย กลับหลุมไปเสียเย่จิ้นหยาง!!!
"อ้าว คุณหนูฟาง"
ฟางเมี่ยวลุกขึ้นยืนก่อนจะทำความเคารพเย่จิ้นหยางด้วยใบหน้าเรียบเฉย เย่จิ้นหยางมองขนมในจานที่วางอยู่ ก่อนจะเอ่ย
"ขนมนี่น่ากินยิ่งนัก เ้านำมาหรือคุณหนูฟาง ข้าเห็นบิดาเ้าแจกจ่ายขนมให้เหล่าทหารเมื่อครู่นี้ เป็ขนมแบบเดียวกับในจานนี่เลย เ้าช่างมีน้ำใจยิ่งนัก"
"เ้าค่ะ นอกจากนำมาให้เหล่าทหารกล้าแล้ว หม่อมฉันยังนำมาให้พี่เยี่ยนได้ชิมเป็พิเศษอีกด้วย"
"อ้อ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยนะอาเยี่ยนว่าเ้ากับคุณหนูฟางสนิทสนมกันถึงเพียงนี้"
หลี่เยี่ยนเฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใด ฟางเมี่ยวเองก็เงียบงันเช่นกัน เย่จิ้นหยางจึงเป็คนเอ่ยทำลายความเงียบก่อน
"ขนมนี่น่าอร่อย ข้ายังไม่ได้กินสิ่งใดรองท้องมาเลย ขอลองชิมสักชิ้นเถิดว่ารสชาติดีหรือไม่?"
เย่จิ้นหยางชี้มือไปที่ขนมดอกกุ้ยที่เหลืออยู่สองชิ้นในจาน ในขณะที่เย่จิ้นหยางกำลังจะยื่นมือมาหยิบ ฟางเมี่ยวก็รีบชิงหยิบขนมสองชิ้นนั้นยัดเข้าปากตนอย่างรวดเร็ว
ฝันไปเถิดเย่จิ้นหยาง!!! ข้าไม่ให้เ้ากินหรอก!!!
การกระทำของนางรวดเร็วเสียจนเย่จิ้นหยางและหลี่เยี่ยนเฉินที่ได้เห็นต่างมองหน้าพลางอ้าปากค้าง
นางยัดขนมเข้าปากจนแก้มป่องเป็ปลาปักเป้าเลย!!!
"ขออภัยเพคะ โฮะ ขนมนี่ไม่อร่อยเลย อันอ้ามอ้ออ!!"
ฟางเมี่ยวทำความเคารพเย่จิ้นหยางอย่างลวกๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วไม่ได้สนใจมารยาทใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เย่จิ้นหยางหันมามองหลี่เยี่ยนเฉินด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก
"อาเยี่ยน เ้าเห็นหรือไม่ นางยัดขนมชิ้นใหญ่เข้าปากสองชิ้นเลย นางทำได้เช่นไรกัน?"
"ข้าเห็นแล้ว"
"ข้ายังไม่ได้กินเลย"
"เ้ายังจะอยากกินของนางอีกหรือ?"
"กินไม่ได้หรือ?"
หลี่เยี่ยนเฉินถอนหายใจออกมาอีกครา เหตุใดชาตินี้ทุกคนจึงมีนิสัยประหลาดกว่าชาติก่อนกันนะ!!!
