แม้ฉินอวี่จะรู้ดีว่าคำโกหกที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจะสร้างความวุ่นวายเพียงใด แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก ขอแค่อาศัยชื่อของผู้าุโนั่นคุ้มครองตนเองไว้ก่อนก็พอ ส่วนจะเกิดเื่อะไรขึ้นมาบ้าง นั่นก็ไม่ใช่เื่ที่เขาควรจะสนใจ ถึงอย่างไร เขาก็เน้นย้ำอยู่เสมอว่าผู้เฒ่าร้องไห้นั้นมีสติฟั่นเฟือน พูดอะไรเชื่อถือไม่ได้
เมื่อเดินไปตามถนนของเมืองเทียนโหมวชั้นนอก ฉินอวี่ก็ลองคาดเดาเหตุการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่าคนของเผ่าประหลาดน่าจะเป็อาจารย์หวงถิงอย่างแน่นอน
เมื่อได้บทสรุปเช่นนี้ ฉินอวี่ก็มีความรู้สึกตื้นตันแต่ก็รู้สึกหมดหนทาง รู้สึกตื้นตันที่ขึ้นชื่อว่าเป็ศิษย์อาจารย์กัน แม้จะยังไม่ใช่อย่างสมบูรณ์ นึกไม่ถึงว่าเขาจะบุกมายังสถานที่อันแสนอันตรายแห่งนี้เพื่อตนเอง แต่สิ่งที่รู้สึกหมดหนทางคือ... เข้ามาเป็เื่ง่าย แต่ออกจากที่นี่เป็เื่ยากยิ่งนัก
ตามความเข้าใจของฉินอวี่ แม้ว่าอาจารย์จะไม่ตายอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่งของแดนต้าโหมวเทียน แต่ก็ไม่มีทางออกไปจากแดนต้าโหมวเทียนเช่นกัน เพราะเท่าที่เขารู้มา การออกไปจากแดนต้าโหมวเทียนจะต้องผ่านสนามรบปรโลกไปเท่านั้น
แต่คนขั้นกายจุติลงมาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยังสนามรบปรโลก หรืออาจพูดได้ว่า ถ้าไม่ทำลายกรงกักขังของแดนต้าโหมวเทียน แม้อาจารย์หวงถิงจะไม่ตายในมือของผู้แข็งแกร่งแดนต้าโหมวเทียน แต่ก็ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
“ผู้าุโ ท่านกำลังสร้างเื่ยุ่งยากให้ข้าอีกแล้วหรือนี่? ในตอนแรกข้าเองสามารถจะถอนตัวออกไปได้เต็มตัว แต่ตอนนี้... ข้าจะถอนตัวได้หรือ?” สีหน้าของฉินอวี่เริ่มมืดมนและดูเอาแน่นอนไม่ได้ การเข้ามาของอาจารย์หวงถิงยิ่งสร้างปัญหายุ่งยากให้ฉินอวี่อย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ต้องพาตนเองออกไปเท่านั้น แต่ยังต้องพาอาจารย์ออกไปจากที่นี่ด้วย ซึ่งมีทางเดียวที่จะพาอาจารย์ออกไปได้ นั่นคือต้องทำลายการกักขังของแดนต้าโหมวเทียน
สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่ถึงกับต้องปวดหัวอย่างยิ่ง พลังที่แดนต้าโหมวเทียนได้สะสมมาตลอดระยะเวลาหลายปีมีความน่ากลัวมาก หากหลุดไปจากการกักขังนี้ ส่วนที่เหลือของจอมอสูรที่โหดร้ายรุนแรงก็จะทำให้ทั่วทั้งแดนคุ่นหลงซิงเฉินต้องตกอยู่ในสภาวะาอย่างแน่นอน
“คงทำได้เพียงค่อยๆ ดูไปทีละขั้นแล้วล่ะ อีกอย่าง แดนต้าโหมวเทียนก็คงเตรียมการเื่การออกไปจากที่กักขังแห่งนี้มานานแล้ว เหตุที่หลัวชิงเยว่ยอมรับคำขอของตนเอง นั่นก็เป็เพราะ้าโน้มน้าวตนเอง เพื่อให้ตนเองโน้มน้าวผู้เฒ่าร้องไห้ บางที... หากผู้เฒ่าร้องไห้ยอมเข้าร่วม ความมั่นใจที่จะออกไปจากที่นี่ก็จะยิ่งมีมากขึ้น หรืออาจบอกได้ว่า แดนต้าโหมวเทียนอาจจะถูกทำลายการกักขังนี้ได้ใน่วินาทีสุดท้าย”
ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสนอย่างยิ่ง การอยู่ในแดนต้าโหมวเทียนไปตลอดกาลก็เหมือนจะเป็เื่ดี แต่หากอาจารย์หวงถิงต้องถูกกักอยู่ตลอดชีวิต แม้ว่าตนเองจะสามารถออกไปได้ จะสามารถสงบจิตใจอยู่ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ชิงซวีก็มีโอกาสที่จะมีความสัมพันธ์ที่ยากอธิบายกับจอมอสูร ในตอนนี้ฉินอวี่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าชิงซวีจะโง่ถึงขั้นยอมเสี่ยงอันตรายที่จะออกโรงช่วยจอมอสูร!
“ความลับของแดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้ ข้ายังรู้เื่เกี่ยวกับมันเพียงเศษเสี้ยวของมันเท่านั้น!” ฉินอวี่พูดเบาๆ
ขณะที่ฉินอวี่กำลังเดินไปเหมือนไร้จุดหมาย ก็มีผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยรอบด้านที่กำลังให้ความสนใจฉินอวี่ ในตอนแรกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหลิงซวี สยงถู และเหลยหย่วนทั้งสามคน ทำให้คนจำนวนมากต่างจดจำฉินอวี่ได้ ในขณะนี้ที่ฉินอวี่กำลังเดินอยู่บนท้องถนน จึงเป็จุดดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนจำนวนมาก แต่ละคนจึงเริ่มมีการแอบจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์
ฉินอวี่ยิ้มเล็กน้อย และนี่คือสิ่งที่เขา้า
แม้การตกเป็เป้าจะง่ายต่อการเปิดเผยตัวตนของตนเอง แต่บางครั้งมันก็อาจตรงกันข้าม สถานะและตำแหน่งของคนคนหนึ่งยิ่งสูงส่งเท่าไร คนอื่นก็จะยิ่งไม่กล้าตั้งคำถาม ในตอนนี้ฉินอวี่ก็จัดอยู่ในสภาวะเช่นนี้ สถานะความเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ จัดว่าทำให้ผู้คนไม่มีความสนใจที่จะสืบหาอะไรเลย ไม่เช่นนั้น ก็คงจะทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าจริงหรือเท็จกันแน่
ทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน เกรงว่าตอนนี้คงมีเพียงหยางเต้าและอาจารย์ผู้มีอาการปางตายเหลือเพียงครึ่งชีวิตเท่านั้นที่รู้จักตัวตนแท้จริงของเขา หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยออกไป ปัญหาทั้งหมดก็คงตกอยู่กับหยางเต้าแล้ว และยังไม่รู้เช่นกันว่าเมื่อเข้ามายังเหวลึกแล้ว หยางเต้าไปตกอยู่ที่ใด จะถูกจับหรือถูกสังหารไปแล้วหรือยัง
ฉินอวี่ไม่ได้สนใจว่าหยางเต้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และด้วยเพราะรู้จักในตัวหยางเต้า เขาเป็นักวางแผน มีความลึกล้ำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากหยางเทียนผู้เป็น้องชายจากไป นิสัยของเขาก็เหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย คนเช่นนี้ ยากนักที่จะคบเป็มิตรสหาย เพียงแต่ ในแดนต้าเทียนโหมวแห่งนี้ ฉินอวี่ไม่มีความกังวลหากหยางเต้าจะเผยตัวตนของตนเองขึ้นมา เพราะถึงอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็เป็เพียงคนนอกคนหนึ่ง
หลังจากระงับความคิดของเขาไว้แล้ว ฉินอวี่ก็เดินไปโดยรอบเพื่อเข้าดูร้านค้าแต่ละร้านในเมืองเทียนโหมวชั้นนอก โดยสิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจเื่เกี่ยวกับการทดสอบสามสิบหกขุนพล์
หลังจากได้สอบถามไล่เรียงมา ฉินอวี่จึงเข้าใจว่าสถานที่ทดสอบสามสิบหกขุนพล์นั้นมีชื่อว่าหอคอยเทียนกัง เช่นเดียวกับหอคอยขัดเกลาของเผ่าหยาจื้อ มีทั้งหมดเจ็ดชั้นเช่นกัน ร่ำลือกันว่า ในชั้นที่เจ็ดของหอคอยเทียนกัง มีโชคอันวิเศษที่จอมอสูรโหมวเซี่ยนทิ้งเอาไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงจะต้องได้รับของโชควิเศษของจอมอสูรโหมวเซี่ยนเท่านั้น จึงจะได้เป็หนึ่งในสามสิบหกเทียนกัง
มิน่าล่ะหลัวชิงเยว่จึงบอกว่าไม่เพียงต้องมีพละกำลังแข็งแกร่ง แต่ยังจำเป็ต้องมีโชคที่วิเศษ และโอกาสที่ดีอีกด้วย!
“โชควิเศษของโหมวเซี่ยน?” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว เขามีความรู้สึกได้ว่ามันไม่น่าเป็เื่ง่ายเช่นนี้ หรืออาจบอกได้ว่า เขารู้สึกเกรงกลัวต่อจอมอสูรโหมวเซี่ยน เมื่อได้เห็นชั้นที่เจ็ดของหอคอยขัดเกลาในแดนมรณะด้วยตนเองมาแล้ว ฉินอวี่ก็พอจะจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของจอมอสูรโหมวเซี่ยน คนเช่นนี้จะต้องมีความเหี้ยมโหดอย่างแน่นอน หากในหอคอยเทียนกังแห่งนี้มีโชคอันวิเศษที่โหมวเซี่ยนทิ้งเอาไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่จริง เกรงว่าตนเองคงอยู่อย่างกระวนกระวายใจแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น โหมวเซี่ยนได้ถูกบรรพชนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายสะกดเอาไว้ จะต้องทิ้งหมากบางอย่างเอาไว้เื้ัเป็แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็โชคอันวิเศษที่ว่าก็เป็ได้ ดังนั้น หากพูดถึงโชคอันวิเศษนั้น ไม่แน่มันอาจจะเป็เผือกร้อน ที่เมื่อได้รับไปแล้ว อาจกลายเป็ทุกขลาภก็ได้!
“แต่เมื่อข้า้าจะเข้าเป็สามสิบหกขุนพล์ ก็จำเป็ต้องได้โชคอันวิเศษนั้นมา เฮ้อ นี่ผู้เฒ่าร้องไห้้าสร้างความอึดอัดใจให้ข้าหรือ?” ฉินอวี่แอบบ่นในใจ ในตอนนี้ จู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และยกมือข้างขวาขึ้นอย่างกะทันหัน ก้มลงมองฝ่ามือข้างขวา และพึมพำอยู่ในใจ
สำหรับเื่เสี่ยวหลิง ฉินอวี่คาดเดาได้เลยว่าที่มาที่ไปของนางจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับจอมอสูรโหมวเซี่ยน แต่ฉินอวี่ไม่อาจล่วงรู้รายละเอียดที่มากไปกว่านั้นได้ เพียงแต่ ในตอนนี้เสี่ยวหลิงยังไม่มีเจตนาร้ายหรือเป็ศัตรูต่อตนเอง ไม่เช่นนั้น ตนเองคงไม่สามารถต้านทานไว้ได้
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สายตาของเขาก็มองไปตรงหน้าอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อพบกับเงาร่างเงาหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ฉินอวี่ก็แอบใ!
นึกไม่ถึงเลยว่านั้นคือหยางเต้า!
หยางเต้าในตอนนี้ดูเหมือนจะกลมกลืนเข้ากับแดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้แล้ว เขาสวมชุดสีดำ ใบหน้าขาว แต่สายตาดูลึกล้ำน่ากลัว สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องใคือ ข้างกายของหยางเต้ามีชายหนุ่มอยู่สองสามคน เมื่อมองจากชุดแล้ว ชายหนุ่มเหล่านี้คงเกิดมาพร้อมความวิเศษ!
“เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” ฉินอวี่แปลกใจ เขาสามารถสถานะในแดนต้าเทียนโหมวได้ก็เป็เพราะผู้เฒ่าร้องไห้ ผนวกกับรอยผนึกที่มือข้างขวา ทั้งสองจึงเป็สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่หยางเต้าผู้นี้ ประการแรกไม่มีเื่ของผู้เฒ่าร้องไห้ ประการที่สองไม่มีรอยผนึกที่ฝ่ามือ แล้วเขาทำเช่นไรไม่ให้คนจับได้? อย่างไรก็ตาม ในแดนต้าโหมวเทียนนั้น ใครที่ไม่มีการเปิดรอยผนึกต้องถูกสังหารทั้งสิ้น!
“หรือว่า... หยางเต้าก็มีการเปิดรอยผนึกบางอย่างขึ้นมาแล้ว?”
“เดี๋ยวก่อนนะ หรือจะเป็ในแดนมรณะ? หยางเต้าได้รับของดีมาจากแดนมรณะ ได้เปิดรอยผนึกหรือ น่าจะเป็เช่นนี้แน่นอน ในตอนแรกที่เผชิญหน้ากับเผ่าหยาจื้อ เขาได้เริ่มขอเข้ามายังเหวลึกแห่งนี้ ก็คงเป็เพราะเขามีที่พึ่งอยู่จึงไม่เกรงกลัว!” สายตาของฉินอวี่สว่างขึ้นมา และพึมพำอยู่ในใจ
ดูเหมือนหยางเต้าก็รู้สึกได้ถึงสายตาของฉินอวี่เช่นกัน เขาหยุดฝีเท้าลง และทอดสายตากลับมา
ฉินอวี่ไม่ได้หลบหลีก แต่จ้องกลับไปทางสายตาของหยางเต้า
ดวงตาของหยางเต้าตกตะลึง ดูเหมือนเขาจะจำฉินอวี่ได้ แต่หลังจากทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ต่างก็ละสายตากลับมา และไม่มีใครพูดอะไร ฉินอวี่จึงเลือกดูของต่อไป ส่วนหยางเต้าก็เดินเข้าร้านค้าร้านหนึ่งไป
ทั้งสองทำเหมือนเป็คนแปลกหน้า แต่ทุกคนต่างก็คิดในใจ ว่าไม่สามารถจะทำเป็รู้จักกันได้
“น่าสนใจ!” ฉินอวี่เดินไปก็พึมพำในใจไป เขาได้ยินมารางๆ ว่าคนข้างกายหยางเต้าเรียกเขาว่าศิษย์น้องหยาง หรืออาจพูดได้ว่า หยางเต้าได้มอบตัวเป็ศิษย์กับใครบางคนในแดนต้าโหมวเทียนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเขาก็น่าจะไม่ธรรมดา
“เหลาอู่ อีกไม่กี่วันตระกูลโหมวของตี้หวังจะจัดงานเลี้ยง เหล่าอัจฉริยะของแดนต้าโหมวเทียนต่างจะพากันไปที่นั่น ไม่ทราบว่าเ้าอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?” ขณะที่ฉินอวี่เลือกดูของอยู่นั้น เสียงของฉวีหย่งเซิงก็ดังก้องอยู่ในสมอง
“ตระกูลโหมวของตี้หวัง?” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว และพยักหน้าเล็กน้อย
