ครู่ต่อมา…
“ท่านพี่คะ… ท่านช่วยไปซื้อเต้าหู้ให้ข้าที”
ซูเจียวรู้มาจากปากของลี่ิว่าพ่อสามีของนางชอบกินเต้าหู้ยัดไส้นึ่งซีอิ๊ว แต่วันนี้ที่บ้านไม่มีเต้าหู้
“ได้… เดี๋ยวข้าไปซื้อให้”
ลี่ิอยากให้ผู้เป็บิดาได้กินของอร่อย และอยากให้สะใภ้ได้แสดงเสน่ห์ปลายจวัก
จึงกุลีกุจอออกไปซื้อเต้าหู้ทั้งที่ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว จะมีก็ที่ร้านใหญ่ในตลาดที่ยังเปิดขายถึงค่ำ
“ข้าจะรีบไป งั้นเ้าทำอย่างอื่นไปก่อนนะ… ”
ลี่ิบอกแล้วรีบออกไปจากบ้าน
“อันที่จริงไม่ต้องก็ได้… อะไรข้าก็กินได้”
ลี่ถังรู้สึกเกรงใจจึงรีบแทรกขึ้น
“ไม่เป็ไรค่ะท่านพ่อ… ท่านพี่เคยพูดไว้นานแล้วว่าอยากให้ท่านพ่อได้ลิ้มรสฝีมือของข้า นานๆ ท่านพ่อจะมาเยี่ยมบ้านขออย่าได้เกรงใจ… ”
ซูเจียวกล่าวแล้วเดินไปที่เตาฟืน…
คว้าซีอิ๊วมาเทลงถ้วยคลุกเคล้ากับวัตถุดิบสำหรับทำไส้ยัดเต้าหู้ จากนั้นขยับมาที่ถาดคว่ำจาน
เอื้อมคว้าผ้ามาเช็ดถ้วยจานโดยหารู้ไม่ว่าลี่ถังกำลังแอบจ้องมองก้นกลมกลึงของนางด้วยแววตากลัดมัน
“ขอให้ข้าช่วยตรวจดูอาการของเ้าโดยละเอียดได้ไหม… ”
ลี่ถังขยับเข้ามาจนใกล้
“ได้ค่ะท่านพ่อ… ”
ซูเจียวรู้สึกตื่นเต้น
“ข้าขอตรวจด้วยการฝังเสียงหายใจ”
“ค่ะ… ”
ซูเจียวตอบ…
ก่อนที่นางจะใเมื่อพ่อสามีโน้มกายเข้ามาเอาใบหูแนบกับทรวงอกของนาง เพื่อฟังเสียงหายใจตามที่เขาบอก
“อุ๊ย… ท่านพ่อ”
ซูเจียวใ…
“เ้าไม่ต้องใมันคือวิธีการตรวจซึ่งทำได้หลายวิธี เช่นการมองด้วยตา การดม การฟังและถามซักถามอาการ รวมถึงการจับชีพจร… ”
“ค่ะท่านพ่อ… แล้วรู้หรือยังว่าข้าเป็อะไร”
ซูเจียวออกอาการประหม่าเกร็ง
“อาการของเ้ามิใช่การเจ็บป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด เป็แค่เพียงความป่วยไข้ทางอารมณ์เท่านั้น… ”
ลี่ถังตอบสิ่งที่สะใภ้สงสัย…
คำว่าเจ็บป่วย ‘ทางอารมณ์’ สะดุดหูของซูเจียวเข้าอย่างจัง คงจะจริงอย่างที่เขาว่า เพราะนางรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ในบางครั้งก็มีอาการกระสับกระส่ายแปลกๆ
“แล้วจะมีวิธีใดรักษาได้คะท่านพ่อ… ”
“ถ้าเจ็บป่วยทางอารมณ์ก็ต้องรักษาด้วยอารมณ์”
ลี่ถังกล่าวให้สะใภ้ยิ่งสงสัย
“งั้นเ้าต้องยอมให้ข้าตรวจให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเ้าเจ็บป่วยทางอารมณ์จริงหรือเปล่า… ”
“เชิญตรวจได้เลยค่ะ… ”
ในทันทีที่หญิงสาวพูดจบ…
พ่อสามีก็เอามือโอบเอวนาง หมุนร่างของซูเจียวหันหน้าเข้าหาโต๊ะ หันหลังออกมาหาร่างสูงใหญ่สืบเท้าเข้ามาประชิดจากทางด้านหลัง
“ขอข้าตรวจ… เ้าต้องอยู่ในท่าที่ข้าจะตรวจได้ง่าย”
ในทันทีที่พูดจบลี่ถังก็จับขาข้างหนึ่งของสะใภ้ยกขึ้นมาตะแคงลำตัวคร่อมขอบโต๊ะเอาไว้
ก่อนจะเอามือเลิกชายกระโปรงของนางขึ้นมากองอยู่เหนือบั้นเอว อวดหนั่นก้นกลมกลึงตึงแน่นทั้งเนียนทั้งขาว
“อู้ววว… แม่คุณเอ๊ย… ”
ลี่ถังอุทานตาลุกวาว…
เืกำเดาแทบทะลักออกมากับสิ่งที่เห็น เพ่งมองกลีบสวาทสีชมพูปลิ้นอ้าเป็ยวงออกมาระหว่างง่ามก้นของนาง
รีบหงายฝ่ามือสอดเข้ามาัักลีบสาวโหนกนูนเหมือนหลังเต่า คว่ำลงมาประกบกับอุ้งมือพอดี ตวัดนิ้วกลางเสียดสีขยี้ร่องจนน้ำเสียวของนางแตกนองออกมาอย่างไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้
“อ๊า… ซี้ดดดดดด… ”
ซูเจียวร้องคราง…
ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใดร่างกายของนางจึงไวต่อััถึงเพียงนี้
“กลีบสวาทของเ้าค่อนข้างจะเย็น เพียงแค่โดนนิ้วของข้าััมันก็เริ่มอุ่นขึ้นมา… เ้ารู้สึกเช่นนั้นหรือไม่”
“ค่ะ… ตอนนี้ข้ารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว”
ซูเจียวตอบเสียงกระเส่า…
เป็เพราะว่านางพยายามข่มกลั้นเสียงคราง รู้สึกเสียวเพราะนิ้วของเขากำลังเขี่ยคลึงเม็ดกระสันของนาง
“สิ่งนี้ช่วยยืนยันว่าความเจ็บป่วยของเ้าเกี่ยวข้องกับอารมณ์ งั้นข้าจะเติมเต็มอารมณ์ที่เ้าขาดหาย อาการแบบนี้รักษาได้ด้วยแท่งหยกแห่งความเป็ชายของข้า”
ลี่ถังกล่าวพร้อมกับแก้เชือกคาดเอว…
ถอดกางเกงลงไปกองที่ปลายเท้า จับแท่งหยกแห่งความเป็ชายซึ่งมีขนาดยาวใหญ่มหึมาราวกับท่อนแขนเด็ก กดเข้าใส่กลีบสวาทของนางจนมิดสุดตอโคนอวบหนา
“ฮึ่ก… อ๊ายยยย… ”
ซูเจียวสะดุ้งคราง…
แม้ว่านางจะอยู่ในตำแหน่งที่สายตาไม่อาจมองเห็นภาพของการสอดใส่ที่เกิดขึ้นจากทางด้านหลัง
แต่ร่างกายก็รู้ซึ้งด้วยความรู้สึกตึงแน่น ฝืด คับ ปริร้าวเหมือนรูจะฉีก ช่วยยืนยันว่าสิ่งที่กำลังสอดใส่เต็มลำเต็มรูอยู่ในตอนนี้ต้องใหญ่และยาวใกล้เคียงกับท่อนแขนของนางอย่างแน่นอน
“ขะ… ข้าแน่น… ของท่านใหญ่เหลือเกิน”
ซูเจียวเหลียวหลังกลับมาทั้งสีหน้าบิดเบ้…