คราวนี้กลับไม่มีผู้ใดขวางทางสำนักบริบาลเดรัจฉาน นั่นเพราะไม่มีความจำเป็แต่อย่างใด เมื่อครู่โจรกลุ่มนี้เพิ่งจะทดลองมาแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีผู้ใดเข้าไปได้สักคน ต่อจากนั้นจึงได้แต่เข้าร่วมแถวแย่งแผ่นป้ายศิลา ยามนี้มาทดลองอีกแล้ว ผลยังมิใช่เหมือนเดิมอีกหรือ ถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ล้วนได้ลองดูแล้ว ทั้งหมดล้วนเข้าไปไม่ได้ มิสู้ปล่อยให้พวกโจรเหล่านี้ได้ทดลองแล้วไสหัวไปเร็วๆ เล่า มิฉะนั้นคนเหล่านี้พร้อมด้วยสัตว์ป่ากลุ่มหนึ่ง แม้ว่าหลังจากคว้าแผ่นป้ายศิลาสองแผ่นไปได้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ก็น่าเกรงขามนัก
“หนึ่ง สอง สาม! ชนประตูถ้ำนี้ให้พังทลายลงแก่บิดา!” เลวี่ยเหวินซิวะโเสียงดัง
“หนึ่ง สอง สาม…ชน…” ลูกศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานะโขึ้นพร้อมกัน เฉกเช่นสัญญาณตามท่าเรือที่เป็ที่นิยมร้องะโกัน คนของแต่ละสำนักนิกายที่ได้ยินล้วนรู้สึกตื่นตระหนก พวกนี้เป็คนประเภทใดกันเนี่ย ปรากฏว่าเป็พวกเดียวกับผู้สุดยอดเด่นล้ำผู้นั้น
“ไอ้หยา…โอ้โห…”
“โครม…โครม…บัดซบเอ๊ย…”
เสียงร้องดังต่อเนื่องมาจากภายในฝูงสัตว์อสูรเ่าั้ คนภายนอกที่ถูกคั่นด้วยฝูงสัตว์อสูรสามารถมองเห็นพวกโง่เขลาของสำนักบริบาลเดรัจฉานได้อย่างเลือนราง พวกเขาเป็เหมือนกับนกตัวน้อยที่ชนถูกแผ่นเหล็กมิมีผิด ไถลลงมาตามผนังถ้ำ คนที่อนาถกว่าถูกสะท้อนกระเด็นออกมาโดยตรง ถูกกระแทกไปอยู่ภายในกองสัตว์อสูร ใบหน้าเกือบจะบี้แบนแล้ว
ทุกคนอดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ หัวเราะครืนขึ้นมาแล้ว พวกคนกลุ่มนี้เกินจะบรรยายยิ่งนัก รวมกลุ่มขึ้นมาทำเื่เช่นนี้
“หัวเราะ หัวเราะ มีเื่อะไรน่าขบขัน? หัวเราะอีก ข้าจะตัดลิ้นพวกเ้าออกมา!” เสียงโกรธเคืองของเลวี่ยเหวินซิวดังแว่วมาจากภายในกลุ่มสัตว์อสูร
มีคนเห็นว่า หน้าของคนคลั่งเฒ่าล้วนเขียวไปแล้ว เมื่อครู่นี้กลับกระแทกจนจมูกออกเืแล้ว คราวนี้กลับมิค่อยมีคนกล้าหัวเราะแล้ว แน่นอน นอกจากตัวประหลาดเฒ่าอย่างเช่นเสวียนเสวียนจื่อและเหยียนเต้าจื่อ
เลวี่ยเหวินซิวย่อมมิกล้าโมโหใส่ตัวประหลาดเฒ่าเหล่านี้ ผู้อื่นเป็ถึงหนึ่งในบรรดาบรรพบุรุษผู้เฒ่าของสำนักิญญา์และสำนักิญญาเร้นลับ ศักดิ์ฐานะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เลวี่ยเหวินซิวที่กำลังโกรธจัดพากลุ่มสัตว์อสูรที่ส่งเสียงคำรามล่าถอยออกจากโขดหิน คล้ายดั่งไม่้าเข้าร่วมเื่ของถ้ำคุนเผิงอีกต่อไปแล้วจริงๆ
ไม่มีผู้ใดพบว่า ในกลุ่มคนสำนักบริบาลเดรัจฉานที่ล่าถอยออกจากโขดหิน ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานนับร้อยรวมกับสัตว์อสูรนับพัน ส่งเสียงคำรามผ่านไปเหมือนคลื่นบ้าคลั่งระลอกหนึ่ง มิมีผู้ใดกล้าขัดขวาง และไม่มีผู้ใดมองเห็นชัดเจนเช่นกันว่าในกลุ่มสัตว์อสูรที่ความสูงต่ำแตกต่างกัน มีจำนวนศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานกี่คนกันแน่
การต่อสู้นอกถ้ำคุนเผิงยังคงดำเนินต่อไป การสัประยุทธ์ระยะประชิดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คนที่ยังไม่สามารถคว้าแผ่นป้ายศิลาสำเร็จ หลังจากพวกโง่เขลาสำนักบริบาลเดรัจฉานกระแทกประตูแล้ว ทราบว่าไม่มีความหวังที่จะเข้าถ้ำคุนเผิง ก็หันเป้าหมายไปที่แผ่นป้ายศิลาที่ยังไร้เ้าของเ่าั้ พลังเหนือธรรมชาติอันเป็พร์ของคุนเผิง มรดกตกทอดแห่งคุนเผิง อาจจะมีความลับที่สามารถทะลวงด่านบรรลุขอบเขตเหนือเทพเ้าา จึงมีแรงดึงดูดที่ยากอธิบายสำหรับนักบ่มเพาะทุกคน บางทีอาจไม่สามารถหยั่งรู้ลวดลายยันต์ลึกลับที่มีมนต์ขลังเหล่านี้ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนมีความหวัง
ตำนานเล่าขานหลังจากที่คุนเผิงกลายเป็ผู้นำสูงสุดแล้ว ก็้าจะทำลายกฎเกณฑ์ฟ้าดิน บินทะยานขึ้นสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ น่าเสียดายที่พลังของแก่นแท้จิติญญาไม่เพียงพอ ไม่สามารถเปิดประตูของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิออก แต่กลับบังเอิญทำลายม่านปิดผนึกของแผ่นดินนี้ออกสำเร็จ เข้าไปสู่อีกแผ่นดินหนึ่งได้แล้ว
เวลานับแสนปีมานี้ ผู้คนมัก้าแสวงหาเส้นทางไปสู่แผ่นดินอื่นตลอดมา แต่ล้วนถูกผนึกปิดไว้จนหมด หลายแสนปีมานี้ คุนเผิงเป็คนแรกที่สามารถเปิดผนึกออกจนสำเร็จ น่าเสียดายที่คุนเผิงถูกผู้พิทักษ์ของแผ่นดินอื่นๆ ร่วมมือกันโจมตี
อีกแผ่นดินหนึ่งก็เหมือนกับแผ่นดินพั่วเหยียนเมื่อหลายแสนปีก่อน สามารถััได้ถึงพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ระดับเหนือกว่าเทพเ้าาสามารถกลืนกินและคายพลังปราณเข้าออกอย่างอิสระ ทำให้ตนเองมีพลังความสามารถเพียงพอที่จะผ่านทัณฑ์สายฟ้า ดังนั้นในอีกแผ่นดินหนึ่ง พวกเขาจึงมียอดฝีมือสูงส่งที่เหนือกว่าเทพเ้าามากมาย คุนเผิงถูกยอดฝีมือระดับเหนือกว่าเทพเ้าาจำนวนมากเหล่านี้รุมล้อมทำร้ายจนาเ็สาหัสกลับมา
ชนเผ่าสมุทรมีข้อมูลบันทึกเก่าแก่ระบุว่าคุนเผิงกลับถึงถ้ำกลับไม่ได้เสียชีวิต ด้วยฐานบ่มเพาะของคุนเผิง ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจ ก็จะไม่เสียชีวิตอย่างง่ายดาย คุนเผิงกลับจากอีกแผ่นดินหนึ่งมาถึงถ้ำรักษาตัวจนหายจากอาการาเ็ เกิดความหยั่งรู้บางอย่างต่อพลังแก่นแท้จิติญญาของฟ้าดิน ตั้งใจแน่วแน่จะทลายผนึกของฟ้าดินออกอีกครั้ง สร้างประตูที่มั่นคงขึ้นแห่งหนึ่งระหว่างแผ่นดินพั่วเหยียนและอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ลอบลำเลียงพลังแก่นแท้จิติญญาจากอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ เพื่อให้ฐานบ่มเพาะของนักฝึกฌานบ่มเพาะทั่วทั้งแผ่นดินทวีความแข็งแกร่งขึ้น และจะได้ชำระแค้นจากการถูกตามไล่ล่าจากอีกแผ่นดินหนึ่งเช่นกัน
คุนเผิงประเมินพลังสะท้อนกลับของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิต่ำเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่จนสุดกำลังแล้ว สร้างโครงสร้างประตูขึ้นแห่งหนึ่งสำเร็จแล้ว แอบลำเลียงพลังแก่นแท้จิติญญาจากอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ แต่ทว่าพลังสะท้อนกลับของเจตจำนงแห่งฟ้าของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ทำให้คุนเผิงร่างแหลกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย โชคดีที่คุนเผิงคาดการณ์ไว้ก่อนเนิ่นนานแล้ว แกะสลักมรดกตกทอดของตนเป็ลวดลายลึกลับบนแผ่นป้ายศิลาสิบแปดชิ้น
ด้วยเหตุนี้ สำหรับแผ่นป้ายศิลาลวดลายลึกลับสิบแปดชิ้นนี้ บางคนบอกว่าเป็ความลับในการดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ บางคนบอกว่าเป็สิ่งที่คุนเผิงเรียนรู้มาตลอดทั้งชีวิต ยังมีบางคนบอกว่าแผ่นป้ายศิลาเป็สิ่งที่คุนเผิงแย่งชิงมาจากแผ่นดินอื่น จารึกบนแผ่นป้ายศิลาเป็ความลับของผนึกปิดฟ้าดินต้องห้ามอันชั่วร้ายนี้ ขอเพียงคนรุ่นหลังสามารถเข้าใจลวดลายลึกลับของแผ่นป้ายศิลาทั้งสิบแปดแผ่น ก็สามารถปลดเปลื้องความทุกข์จากการปิดผนึกของแผ่นดินพั่วเหยียนได้ ฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อหลายแสนปีก่อนอีกครั้ง ััพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิอีกครั้ง มีโอกาสที่จะเหินบินขึ้นสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ
สำหรับเื่ที่ว่าคุนเผิงร่างแหลกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเสียชีวิตเป็เื่จริงหรือเท็จ ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ แรกเริ่มมีคนไล่ติดตามจ้านอู๋มิ่ง มุ่งหน้าวิ่งไปยังทิศทางแม่น้ำจิติญญา ก็เพราะได้ฟังตำนานเล่าขานที่คุนเผิงสร้างประตูสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ สงสัยว่าต้นแม่น้ำจิติญญาคือประตูลึกลับสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมินั่นเอง เสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้ และก็ไม่มีผู้ใดสามารถผลักออกได้เช่นกัน ประตูนั้นเปิดออกเพียงช่องว่างเล็กๆ เท่านั้น พลังแก่นแท้จิติญญาหลั่งไหลออกมาจากภายในนั้นอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของฟ้าดิน ผันแปรกลายเป็แม่น้ำจิติญญา ประตูบานนั้นทะลุไปสู่ที่ใด มิมีผู้ใดสามารถทราบได้
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ไปตรวจสอบ เนื่องจากเขารู้สึกถึงภัยคุกคามมาจากส่วนลึกในใจชนิดหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้หมูล่าขุมทรัพย์ค้นหาลูกั์ตาคุณสมบัติธาตุลมให้พบเท่านั้น และยอมล่าถอยออกมา
มีคนขี้สงสัย อยากรู้มากกระทั่งเดินไปที่ประตูนั้น แต่ว่าแค่เดินเข้าไป ระยะห่างจากประตูสามวา ก็ถูกทำลายแหลกสลายแล้วโดยเจตจำนงไร้สภาพชนิดหนึ่ง ลอยกระเด็นลงไปในแม่น้ำจิติญญา
และแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าลองอีก พวกเขาเชื่อว่า ประตูนั้นถูกบุกเบิกขึ้นโดยคุนเผิงจริงๆ เป็ประตูใหญ่ที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงแห่งฟ้าของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ แม้แต่คุนเผิงก็ยังถูกทำลายร่างแหลกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว พวกเขาจะเหนือกว่าคุนเผิงได้อย่างไร? ในที่สุดทุกคนก็ทราบว่าไฉนจ้านอู๋มิ่งถึงวิ่งจากไปรวดเร็วขนาดนั้นแล้ว
ขณะเดียวกัน ทุกคนก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ค่ายกลขนส่งสามารถทำงานมาได้เนิ่นนานถึงเพียงนี้ ก็เนื่องจากมีพลังแก่นแท้จิติญญาอ่อนๆ นี้คอยสนับสนุนอยู่นั่นเอง
……
รังของคุนเผิง จ้านอู๋มิ่งััได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง นี่คือพลังแก่นแท้จิติญญาในส่วนลึกของชีพจรสายเืคุนเผิง ผนึกจิติญญาชีวิตที่คุนเผิงหลงเหลือไว้หลังจากที่ร่างแหลกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จ้านอู๋มิ่งมองเห็นลำแสงพร่างพราวตากลุ่มหนึ่ง ภาพเงาครึ่งปลาครึ่งนกกระพือปีก เต้นรำกลางอากาศอยู่ภายในรัง ต้นไม้ั์ที่สร้างรังของคุนเผิงล้วนเต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา คล้ายดั่งสามารถสูดเอาพลังเหนือธรรมชาติและพลังแก่นแท้จิติญญาระหว่างฟ้าดินได้อย่างอิสระก็ปาน เขามิได้รู้สึกผิดพลาดแต่อย่างใด รังของคุนเผิงถูกควบคุมโดยเจตจำนงของคุนเผิง คุนเผิงจะคัดเลือกเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดกับตนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเท่านั้น จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้
บนร่างของจ้านอู๋มิ่งไม่เพียงมีกลิ่นอายพลังธาตุวารีของคุนเผิงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีลูกั์ตาธาตุวายุที่คุนเผิงทิ้งไว้หลังจากที่ร่างแหลกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยหน้าประตูอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ด้วยเหตุนี้ เจตจำนงของคุนเผิงไม่ปฏิเสธจ้านอู๋มิ่ง สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจก็คือ ผู้ที่เข้าไปในถ้ำคุนเผิงมิใช่มีเขาเพียงคนเดียว ก่อนหน้าเขา มีคนเข้ามาก่อนเนิ่นนานแล้ว
“ดูดซับเจตจำนงคุนเผิง?” จ้านอู๋มิ่งตกตะลึงวูบ คนที่เข้ามากลับมีถึงห้าคน สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ลำแสงครึ่งปลาครึ่งนกบินนั้นกำลังบินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะคนเหล่านี้ ดูเหมือนว่ากำลังดำเนินการสื่อสารกับิญญาของคนเหล่านี้ และยังถูกคนเหล่านี้ดูดซับอีกด้วย
“คิดไม่ถึงว่ากลับยังมีคนที่หกที่สามารถเข้ามาได้ หรือว่ามิใช่เป็การรวบรวมให้ครบจำนวนห้าธาตุประเภทนั้น?” ่เวลาที่จ้านอู๋มิ่งเข้าสู่ถ้ำคุนเผิงนั่นเอง ชายหนุ่มสวมชุดเกราะอ่อนสีทองก็ลืมตาขึ้นโดยทันที เห็นได้ชัดว่าในระหว่างที่เขาอยู่ในกระบวนการสื่อสารกับเจตจำนงคุนเผิง สามารถััรับรู้ทุกอย่างในถ้ำคุนเผิงได้
“ที่นี่เป็สถานที่ที่ดีแห่งหนึ่ง เงียบสงบกว่าข้างนอกมาก” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ พิจารณามองไปรอบกาย คราหนึ่ง พบว่าตนเองอยู่ในพื้นที่ว่างกว้างใหญ่ที่เต็มเปี่ยมด้วยลำแสงแห่งหนึ่ง ที่ไกลๆ มีประตูหินขนาดใหญ่โตบานหนึ่ง ไม่ทราบนำไปสู่สถานที่ใด
“ตูมมม!” ความกดดันอันรุนแรงพุ่งพรวดสูงขึ้น พลังเขตแดนระลอกหนึ่งแผ่ขยายออกมา
“เอ๊ะ!” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกประหลาดใจวูบ กลับมีคนที่หลังจากเชื่อมโยงเจตจำนงของคุนเผิงแล้ว ปลดเปลื้องการสะกดข่มฐานบ่มเพาะของคุนเผิงออกแล้ว ฟื้นคืนฐานบ่มเพาะสู่ระดับราชันาสูงสุด
จ้านอู๋มิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย สถานที่นี้เจตจำนงของคุนเผิงมีผลสูงที่สุดคือให้ผู้ที่เข้ามาสามารถหลีกเลี่ยงการสะกดข่มจากเจตจำนง ข้อกำหนดเบื้องต้นคือ เพื่อดำเนินการเชื่อมโยงกับเจตจำนงของคุนเผิงและหลังจากดูดซับเจตจำนงส่วนหนึ่งแล้วจึงจะใช้ได้
ฐานการบ่มเพาะของคนผู้หนึ่งได้รับการฟื้นฟูแล้ว พลันคนอื่นๆ ที่เหลือดูวิตกกังวลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดในทันใด ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาในสถานที่นี้ล้วนกลายเป็คู่ต่อสู้ พวกเขาไม่สามารถละทิ้งโอกาสใดๆ ที่จะกำจัดคู่ต่อสู้ลงได้ ผู้ใดฟื้นคืนสู่ระดับราชันาสูงสุด ก็จะมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าคนอื่นๆ ที่เหลือ
“ตูมมม…” การสะกดข่มได้รับการปลดเปลื้องออกเพิ่มอีกคนหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งยักไหล่อย่างอับจนปัญญา คิดไม่ถึงว่าเสียเวลาที่แม่น้ำจิติญญาครู่เดียว ก็มีคนล่วงหน้าเข้ามาก่อนแล้ว คนเหล่านี้เข้ามากลับไม่มีผู้ใดที่อยู่ข้างนอกสังเกตเห็น ภูมิหลังของคนเหล่านี้จะต้องแข็งแกร่งไม่น้อย
“อูสิงอวิ๋น ความเร็วของเ้าไม่ช้าแม้แต่น้อยเลย!” ชายหนุ่มชุดเกราะดำลุกขึ้นยืน หัวเราะเสียงดังพูดขึ้น เป็คนแรกที่ปลดเปลื้องการสะกดข่มออก
“มันยังช้ากว่าความเร็วของราชันอสูรอยู่บ้าง แต่ก็เพียงพอแล้ว!” ชายหนุ่มคนที่สองที่ปลดเปลื้องการสะกดข่มออกก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ประสานตากับชายหนุ่มชุดเกราะดำแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววจิตสังหารเข้มข้นวูบวาบ
จ้านอู๋มิ่งก้าวถอยหลังเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าในบรรดาห้าคนที่อยู่ข้างหน้ากลับมีราชันิญญา อูสิงอวิ๋นและราชันอสูร กงซุนจื้อ ไม่น่าแปลกใจที่พวกที่อยู่ข้างนอกจะมิพบร่องรอยของคนเหล่านี้ ดูแล้วสองคนนี้ก็มีโอกาสที่ดีมากเช่นกัน
อีกสามคนนอกเหนือจากสองคนนี้ดูเหมือนจะมิใช่มาจากเส้นทางเดียวกัน มิฉะนั้นพวกเขาก็คงไม่เกิดสำนึกฆ่าฟันขึ้นมาเช่นกัน แน่นอน สำหรับจ้านอู๋มิ่ง เพียงแค่ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นและราชันอสูร กงซุนจื้อปลดเปลื้องการสะกดข่มฟื้นฟูฐานการบ่มเพาะแล้ว นับว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ราชันแห่งอัจฉริยะสองคนฟื้นฟูกลับคืนสู่ระดับราชันาสูงสุด ถ้า้าร่วมมือกำจัดตนก่อนจริงๆ เกรงว่าตนเองต้องปวดศีรษะยิ่งนักเช่นกัน
“ทั้งสองใช่้าฉวยโอกาสที่พวกเรายังไม่ปลดเปลื้องการสะกดข่ม ลงมือก่อนจะดีกว่าหรือไม่?” ในดวงตาของชายหนุ่มชุดเกราะสีทองฉายแววเยียบเย็นวูบหนึ่ง เอ่ยปากถามกลับ
“เกรงแต่ว่าพวกเ้าต้องผิดหวังแล้ว!” ชายหนุ่มในชุดเขียวลุกขึ้นยืนในทันใด พลังรุนแรงแข็งแกร่งสายหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างของเขา เห็นได้ชัดว่าการสะกดข่มของเขาก็คลายออกแล้วเช่นกัน
“ตูมม…ตูมมม…” ที่เหลืออีกสามคนต่างฟื้นคืนเขตแดนพลังตามลำดับก่อนหลัง เห็นได้ชัดว่าช่องว่างระหว่างหลายคนนี้ไม่ห่างกันมากนัก ก่อนหลังไม่เกินหนึ่งหรือสองอึดใจเท่านั้นก็พ้นจากการสะกดข่มของเจตจำนงคุนเผิงแล้ว
ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นและราชันอสูร กงซุนจื้อสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง พวกเขาพลาดโอกาสลงมือที่ดีที่สุดไปแล้ว มิฉะนั้นสมบัติวิเศษภายในถ้ำคุนเผิงแห่งนี้ก็จะเป็ของทั้งคู่แล้ว
