วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป กระทั่งหลี่เฉิงหายตัวไปนานถึงสองเดือนแล้ว ในที่สุดนายช่างหันก็มาเยี่ยมซ่งอวี้ที่เรือน นายช่างหันยิ้มแก้มปริ ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว แค่มองก็รู้แล้วว่ามีเื่ดีๆ เกิดขึ้น
เวลานั้นซ่งอวี้กำลังฝังเข็มให้ลุงสือโถว นายช่างหันเห็นั้แ่ตอนอยู่ที่หน้าประตูจึงไม่ได้เข้าไปรบกวน กระทั่งฝังเข็มเสร็จเขาค่อยเดินเข้าไปด้านใน
"น้องซ่งทำให้ข้าได้เห็นโลกกว้างจริงๆ เดิมทีข้าคิดว่าพลั่วที่เ้าคิดค้นก็ฉลาดหลักแหลมมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็หมออีกด้วย ข้าต้องมองเ้าใหม่แล้วจริงๆ"
ลุงสือโถวตบหัวไหล่นายช่างหัน ยิ้มตาหยีแล้วพูด "ซ่งอวี้ย่อมเป็คนมากความสามารถ โดยเฉพาะวิชาแพทย์ของนาง เ้าเองก็รู้ว่าข้าปวดหัวเข่า ยามปวดขึ้นมาแทบเป็แทบตาย แต่ตอนนี้ข้าสบายขึ้นมากแล้ว"
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แค่มองก็รู้ว่ารู้จักกันมานานแล้ว
นายช่างหันพูดด้วยความเศร้า "พวกเราไม่ได้เจอกันสามปีแล้วกระมัง? ถึงแม้หมู่บ้านเสี่ยวหนิวจะห่างจากในเมืองไม่ถึงสิบลี้ แต่เท้าของเ้าเกรงว่าเดินเพียงหนึ่งลี้ก็ไม่ไหวแล้ว"
ลุงสือโถวพยักหน้า แล้วถามขึ้น "จริงด้วย เมื่อครู่เ้าพูดถึงพลั่ว พลั่วคืออะไรหรือ? เกี่ยวข้องกับซ่งอวี้อย่างไร?"
พูดถึงเื่นี้ นายช่างหันก็ตีศีรษะของตนเอง "ดูความจำข้าเล่า เมื่อได้พูดคุยกับเ้าแล้วก็ไม่จบไม่สิ้น ข้ามาครั้งนี้เพราะมาหาน้องซ่ง ภาพวาดที่นางเอามาให้ข้าทำเมื่อคราวก่อนคือพลั่ว พลั่วช่วยให้การทำงานง่ายดายขึ้น ข้ามาที่นี่เพื่อนำส่วนแบ่งมาให้น้องซ่ง"
เื่นี้ซ่งอวี้ไม่เคยพูดในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวมาก่อน ดังนั้นลุงสือโถวจึงไม่รู้
แต่ว่าลุงสือโถวเป็คนฉลาด รู้สึกขอบคุณซ่งอวี้อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเป็ธรรมชาติ 'รักษาเสร็จแล้ว ข้าหิวแล้ว ขอตัวกลับไปกินข้าวที่เรือนก่อน' หลังจากนั้นก็เดินออกไป
นายช่างหันเป็คนตรงไปตรงมา เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดลุงสือโถวต้องไปด้วย อยากจะรั้งเขาเอาไว้แล้วพูดคุยกัน แต่ลุงสือโถวกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองเขา ทั้งยังไม่หันกลับมา ทว่าลุงสือโถวก็ใส่ใจอย่างยิ่งเขาเปิดประตูกว้างๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนนำเื่นี้ไปนินทาแล้วทำให้ซ่งอวี้เดือดร้อนโดยไม่จำเป็
โชคดี ั้แ่ซ่งอวี้มีความรู้ด้านวิชาแพทย์ คนป่วยที่มาหานางมีมากมายนับไม่ถ้วน มีทั้งหญิงและชาย แม้จะเห็นนายช่างหันอยู่ในเรือนของซ่งอวี้ก็ล้วนเข้าใจว่ามารักษาอาการเจ็บป่วย ไม่สงสัยอื่นใด
"น้องซ่ง นี่คือส่วนแบ่งของงานแรก เ้าลองนับดู" หลังจากลุงสือโถวเดินออกไป นายช่างหันก็หยิบถุงเงินขึ้นมาแล้วหยิบเงินออกมาสามสิบตำลึง
งานแรกที่นายช่างหันพูดถึงไม่ใช่งานเพียงงานเดียว แต่เป็งานชุดแรกที่เขารับไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งทำเสร็จหมดแล้ว
ความเป็จริงงานชุดที่สองก็มาแล้วแต่ต้องใช้เวลาในการตีพลั่ว ตอนนี้เขาเชิญช่างเหล็กที่มีฝีมืออีกหลายคนมาช่วยงานจึงจะพอทำงาน
ทว่างานเหล็กล้วนต้องใช้ฝีมือในการผลิต ใช้เวลาในการทำนาน ทั้งยังไม่อาจรีบร้อนได้ ส่วนแบ่งงานชุดที่สองคาดว่าต้องรอประมาณสองเดือน
ความเป็จริงซ่งอวี้ในเวลานี้ หลังจากร่วมงานกับร้านยาถงอันนางก็ไม่ค่อยสนใจรายได้จากพลั่วแล้ว เดิมทีนางคิดว่านี่เป็รายได้เพียงครั้งเดียว หลังจากได้รับแล้วถือโอกาสแสดงน้ำใจคืนสัญญาให้กับนายช่างหัน หลังจากนี้ไม่ว่านายช่างหันจะมีคำสั่งซื้อใดอีก กำไรที่ได้ล้วนเป็ของเขาไม่ต้องนำมาแบ่งให้นางแล้ว
ทว่าซ่งอวี้เพิ่งพูดออกไป ทางด้านนายช่างหันกลับไม่ยินยอม ราวกับว่าตนเอาเปรียบมากมายอย่างไรอย่างนั้น
"น้องซ่ง เ้าอย่าพูดเช่นนี้อีก ขืนเ้าพูดอีก ข้าคงไม่มีหน้ามาเจอเ้าแล้ว ข้ารู้ เ้ารู้สึกว่าคนที่เหน็ดเหนื่อยคือข้า รู้สึกไม่สบายใจที่รับเงินเช่นนี้ แต่เ้าไม่ลองคิดดูเล่า เ้าเป็คนให้ภาพวาดนั้นกับข้า เ้าไม่รู้หรอกว่าตอนที่พวกเศรษฐีเห็นคุณสมบัติของพลั่วแล้วตื่นตาตื่นใจเพียงใด คนมากมายถึงกับวางเงินมัดจำทันที ไม่สนใจราคาที่เราตั้งไว้แม้แต่น้อย มีเพียงคำขอเดียว ขอให้พวกเรารีบทำให้เสร็จโดยเร็ว"
ไม่เคยมีเศรษฐีคนใดเห็นค่านายช่างหันเช่นนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้ตอนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำเสียงของเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความตื้นตัน "หากไม่มีภาพวาดของเ้า ข้าจะมีเกียรติเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่มีแม้แต่เงินเข้ากระเป๋า ก่อนที่ข้าจะมาหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ภรรยาของข้ายังกำชับกับข้าว่าต้องขอบคุณเ้าให้ดี ไม่ให้เสียแรงที่เ้ามาหาพวกเราเป็คนแรก"
ซ่งอวี้รีบพูดขึ้นทันที "นายช่างหันอย่าพูดเช่นนี้ ข้าเพียงเสนอความคิดเล็กน้อยเท่านั้น เื่อื่นล้วนไม่ผ่านมือข้าแม้แต่น้อย ข้าคือคนที่สบายที่สุด คนที่ควรจะเกรงใจคือข้า ก็ได้ พวกเราไม่ต้องเกี่ยงกันแบบนี้ ข้ารับส่วนแบ่งไว้ แต่นายช่างหันอย่ากล่าวขอบคุณเช่นนี้อีกเลย มิเช่นนั้นข้าไม่กล้าไปหาท่านที่ร้านตีเหล็กแล้ว"
ซ่งอวี้ครุ่นคิด นางช่างโชคดีเหลือเกิน แม้จะพบเจอคนแปลกๆ บ้าง แต่คนส่วนมากล้วนใจดีกับนาง ถึงขั้นที่ว่าไม่เอาเปรียบนางแม้แต่น้อย
นางอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ผู้คนมีฐานันดรศักดิ์แตกต่างกัน ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเหงา แต่น้ำใจของคนเหล่านี้นางััได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้นางจึงเข้าใจยุคสมัยนี้มากขึ้นเล็กน้อย
นายช่างหันนั่งครู่หนึ่ง แล้วตั้งใจจะไปบ้านลุงสือโถวครู่หนึ่ง
ซ่งอวี้ครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้น "นายช่างหัน ข้าได้ยินว่าลูกชายคนโตของท่านทำการค้า? ต้องออกเดินทางตลอดทั้งปี เดินทางผ่านแทบทุกหนทุกแห่งของเป่ยเฉิน?"
เื่นี้คนในเมืองต่างรู้ ซ่งอวี้บังเอิญได้ยินคนอื่นพูด
นายช่างหันพยักหน้า รอซ่งอวี้พูดประโยคถัดไปเงียบๆ
ซ่งอวี้เม้มกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูด "หลี่เฉิงสามีของข้าออกไปจากหมู่บ้านเสี่ยวหนิวสองเดือนแล้ว..."
หลังจากนั้นนางก็เล่าเื่ของหลี่เฉิงให้เขาฟังคร่าวๆ เมื่อพูดถึงเหตุผลในการจากไป ก็บอกเพียงว่าเกิดเื่ขึ้นที่บ้านของหลี่เฉิง เขารีบร้อนกลับไปจึงลืมฝากคนอื่นมาบอกข่าวคราวกับนาง
นายช่างหันเป็คนซื่อตรงและจริงใจ ไม่สงสัยว่ามีจุดประสงค์ใดแอบแฝง เขาถามขึ้น "น้องซ่งอยากจะให้ลูกชายคนโตของข้าส่งจดหมายให้หรือ? เื่นี้ไม่ยาก เ้าเขียนจดหมายแล้วนำมาให้ข้า คราวหน้ายามลูกชายข้ากลับมา ข้าจะเอาให้เขา"
ซ่งอวี้ส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง "ข้าไม่รู้ว่าบ้านของหลี่เฉิงอยู่แห่งหนใด และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาต้องจากไป ข้าเพียงอยากถาม นายช่างหันให้ลูกชายคอยช่วยใส่ใจเมืองต่างๆ ที่เดินทางผ่านได้หรือไม่? หาไม่เจอก็ไม่เป็ไร ข้าเพียง ข้าเพียง..."
นายช่างหันฟังคำพูดของซ่งอวี้ เพิ่งรู้ว่าตอนที่หลี่เฉิงจากไปคล้ายจะมีบางอย่างซ่อนเร้น อดไม่ได้ที่จะเห็นใจซ่งอวี้
เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง สาเหตุที่หลี่เฉิงแต่งงานกับซ่งอวี้เป็เพราะซ่งอวี้ช่วยชีวิตเขา ทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง คนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวเห็นกันหมด พวกเขาจึงต้องแต่งงานกัน หรือว่าแท้จริงแล้วหลี่เฉิงแต่งงานและมีลูกเมียอยู่แล้ว รอเพียงาแหายดีแล้วค่อยจากไป?
นายช่างหันมองสีหน้าเศร้าหมองของซ่งอวี้ ทันใดนั้นเองเขาก็คิดจินตนาการไปต่างๆ นานา
สองครั้งที่เจอกัน เขารู้สึกเพียงว่าหลี่เฉิงเป็คนฉลาดหลักแหลม น้องซ่งต้องมีชีวิตที่มีความสุข ทว่าคิดไม่ถึง เพียงชั่วพริบตา หลี่เฉิงกลับหายไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้