ผู้คนทั้งหลายในใจล้วนไม่ยินยอม พวกเขาหิวมาก แม้แต่ในฝันก็ยังเป็ของกิน ตอนนี้ได้พบอาหารแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ต้องได้กินให้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องหิวตายจริงๆ แน่
พวกเขาได้กลิ่นหอมของเนื้อั้แ่เช้าตรู่ เดินตามมาหากลิ่น ประจวบเหมาะที่ในบ้านนี้ไม่มีคน มีเพียงแค่เด็กน้อยหนึ่งคน พวกเขาคิดว่าจะเอาเนื้อมาแบ่งกัน คิดไม่ถึงว่าเพื่อของกินเพียงเล็กน้อย คนในบ้านนี้จะกลายเป็คนตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนี้ ถ้ารู้แต่แรกอย่างนี้ พวกเขาจะเอาเนื้อไปทำอาหารเสียเลย เมื่อสักครู่มัวแต่เกรงอกเกรงใจกันจึงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปเสียแล้ว
ตอนนี้คนมาเยอะมากขนาดนี้แล้ว ยามนี้คงแย่งไม่ได้แล้วกระมัง?หลี่เจิ้งเด็ดขาดและยุติธรรมมาตลอด ถ้าหากรู้เื่เช่นนี้ โทษสถานเบาก็คือโดนโบย โทษสถานหนักก็จะโดนขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล
ต้องกล่าวว่า โชคชะตาชาวบ้านของหมู่บ้านตระกูลหยางไม่เลว หลี่เจิ้งค่อนข้างยุติธรรม ไม่เหมือนกับหลี่เจิ้งหมู่บ้านตระกูลหลิงที่โลภเช่นนั้น
หลี่เจิ้งในสมัยโบราณไม่ใช่ดูแลเฉพาะหมู่บ้านเดียว หลี่เจิ้งหนึ่งคนดูแลคนหลายหมู่บ้าน หลี่เจิ้งของหมู่บ้านตระหยางดูแลห้าหมู่บ้านในเวลาเดียวกัน และเป็ที่รักของชาวบ้านที่นี่เป็อย่างยิ่ง
เมื่อครู่หลี่เจิ้งของหมู่บ้านตระกูลหยางเรียกถังซื่อเพราะอยากถามสถานการณ์ใน่นี้ของนาง จนถึงตอนนี้ หมู่บ้านตระกูลหยางยังไม่มีชาวบ้านที่หิวตายหรือหนาวตาย สถานการณ์บ้านของหลี่เจิ้งก็ไม่ได้ดีซะทีเดียว เขากำลังคิดหาวิธีสำรวจสถานการณ์ของแต่ละครัวเรือน ถ้าหากชาวบ้านทนไม่ไหวแล้ว เขาก็จะตัดสินใจนำพวกบุรุษที่ร่างกายกำยำไปเสี่ยงโชคบนูเา ดูว่าจะสามารถล่าสัตว์เพื่อให้ผ่าน่เวลานี้ได้หรือไม่ แน่นอนว่า ทางออกของหมู่บ้านก็ต้องทำความสะอาดเช่นกัน ไม่เช่นนั้นสถานการณ์ความหิวโหยของพวกเขายิ่งยาวนานขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ก็ยิ่งจะไม่มีแรงในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม
“พวกเ้าห้อมล้อมทำอันใดกันที่นี่?” มีคนไปเรียกหลี่เจิ้งมาแล้ว หลี่เจิ้งเห็นผู้คนมากมายขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
นั่นคือชายชราอายุหกสิบกว่าคนหนึ่ง ดวงตาคู่ที่น่าเกรงขามของเขา พวกชาวบ้านไม่กล้าสบตาเขา ตอนที่เห็นเขาก็รีบร้อนแตกกระจายแยกออกจากกัน
หลังจากที่พวกชาวบ้านกลับไป ในที่สุดที่นี่สงบลงสักที หลี่เจิ้งไม่ได้กลับไปในทันที แต่กลับเดินเข้ามาในบ้าน
เขามองเนื้อหมีดำที่นอนอยู่บนพื้น เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย และเงยหน้ามองไปทางสองพี่น้องหลิงมู่เอ๋อร์กับหลิงจื่อเซวียน
เขากล่าว “พวกเ้านับว่ามีน้ำใจ รู้จักมาเยี่ยมท่านยายของพวกเ้า เก็บเนื้อไว้ดีๆ ทางที่ดีที่สุดก็หาที่ซ่อนเอาไว้ ถึงแม้ว่าคนในหมู่บ้านตระกูลหยางของพวกเราจะไม่กล้ามาวุ่นวาย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีม้าทำลายฝูง [1] ที่ไม่เชื่อฟัง นี่เป็อาหารที่รักษาชีวิตของท่านยายเ้า อย่าทำหายเป็อันขาดล่ะ”
“ข้านึกว่าคุณปู่จะโน้มน้าวให้พวกข้านำเนื้อออกไปแบ่งให้ทุกคนกิน” หลิงมู่เอ๋อร์มองหลี่เจิ้งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย
เขาดูเหมือนกับคนน่าเกรงขาม แต่ความทุกข์ใจในดวงตาเขาไม่สามารถปิดนางไปได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังนึกว่าเขาจะพูดคำพูดทรงเกียรติสง่าผ่าเผยเ่าั้ ทว่าผลสุดท้าย…
ดูเหมือนว่าหลี่เจิ้งของที่นี่จะดีมากๆ ถ้าหมู่บ้านตระกูลหลิงมีหลี่เจิ้งเช่นนี้ ชีวิตของครอบครัวพวกเขาก็จะดีขึ้นมาก
“เนื้อชิ้นเล็กแค่นี้ของพวกเ้า ยังไม่พอไปติดซอกฟันของพวกเขาเลย” หลี่เจิ้งหัวเราะ “ยังมิสู้ทำให้ท้องตนเองอิ่มจะดีกว่า”
“ขอบคุณหลี่เจิ้งมาก” ถังซื่อกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ครอบครัวของพวกข้ารบกวนหลี่เจิ้งแล้ว เพื่อพวกข้า อากาศหนาวขนาดนี้ต้องให้ท่านมาถึงที่นี่ น้ำแกงเนื้อที่ตุ๋นเมื่อเช้า ท่านเข้ามาดื่มสักถ้วยเถิด!”
“ไม่ต้องแล้ว ครอบครัวของพวกเ้าเองก็ลำบาก ข้าจะเอาเปรียบพวกเ้าได้อย่างไร พวกเ้าไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน” หลี่เจิ้งกล่าวอย่างอ่อนโยน “ถ้าหากมีเื่อันใดอีกอย่าลืมมาบอกข้า พวกเรานับว่าสนิทสนมกันมาั้แ่เด็ก ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกเ้าได้”
“ขอบคุณมาก” ถังซื่อก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
หลิงมู่เอ๋อร์มองหลี่เจิ้งแล้วมองไปที่ถังซื่อ มิน่าล่ะนางถึงรู้สึกถึงความสนิทสนมของหลี่เจิ้ง ที่แท้พวกเขาก็สนิทสนมกัน เช่นนี้นางก็ไม่กังวลว่าถังซื่อจะถูกรังแกแล้ว
หลังจากหลี่เจิ้งกลับไป หลิงมู่เอ๋อร์และหลิงจื่อเซวียนช่วยกันซ่อมเครื่องใช้ในครัวเรือนให้กับถังซื่อ
บ้านของพวกเขาเก่ายิ่งนัก ชนไม่กี่ครั้งก็พังลงมาโดยง่าย ในฤดูหนาวนี้พวกเขาไม่กล้าขึ้นไปซ่อม เกรงว่าในบ้านทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยรู เดิมทีก็ไม่สามารถปิดลมหนาวได้อยู่แล้ว
สองพี่น้องช่วยหยางต้าหนิวทำสิ่งต่างๆ มากมาย หยางเสี่ยวหู่ชอบหลิงมู่เอ๋อร์มาก ตามติดทำตัวเป็หางน้อยๆ ของหลิงมู่เอ๋อร์ตลอดเวลา
หลังเที่ยง หยางต้าหนิวเตรียมอาหารกลางวัน ให้หลิงมู่เอ๋อร์กับหลิงจื่อเซวียนสองพี่น้องกินอิ่มแล้วค่อยกลับ
หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่ตีนเขา มองดูกระท่อมน้อยจากที่ไกลๆ กล่าวกับหลิงจื่อเซวียน “พี่ชาย ข้าไม่วางใจท่านยายกับพวกเขาเลย สายตาชาวบ้านพวกนั้นหิวจนตาเขียวแล้ว ท่านยายไม่เอาเนื้อให้พวกเขา พวกเขาคงไม่ทำให้นางลำบากใจใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“หลี่เจิ้งของพวกเขาไม่เลว คิดว่าต้องให้ความยุติธรรมแก่ท่านยายแน่นอน ปัญหาย่อมมี แต่มีหลี่เจิ้งคอยปกป้องท่านยายอยู่ ไม่เกิดเื่แน่” หลิงจื่อเซวียนกล่าวพร้อมลูบหัวหลิงมู่เอ๋อร์ “เ้าเด็กคนนี้ชอบเป็ห่วงคนอื่น อายุยังน้อยยังชอบขมวดคิ้ว ระวังต่อไปจะแต่งงานไม่ออก”
“ข้าไม่อยากแต่งงาน” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวเสียงเย็นขึ้นจมูก “ข้าจะอยู่แย่งห้องนอนท่าน เดินเตร็ดเตร่ตรงหน้าท่านทุกวัน เพื่อกันไม่ให้ท่านแต่งภรรยาแล้วลืมน้องสาว”
หลิงจื่อเซวียนลูบผมของหลิงมู่เอ๋อร์ “ท้องฟ้ามืดแล้ว พวกเรารีบเดินกันเถิด!ถ้าหากนานเกินไปแล้วยังไม่กลับ ท่านแม่จะเป็ห่วงเอาได้”
หลิงมู่เอ๋อร์ตอบรับ
ถ้าไม่ได้เป็ห่วงหยางซื่อกับหลิงจื่ออวี้ พวกเขาก็จะอยู่กับถังซื่ออีกสองสามวัน ั้แ่เมื่อคืนวานจนถึงตอนนี้ถังซื่อมีท่าทางดีอกดีใจนัก การมาของพวกเขาทำให้บ้านที่เงียบสงบนี้มีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย
ท่านย่าของเ้าของร่างเดิมเป็คนเลวชั้นยอด ท่านลุงรองท่านอาเล็กและท่านป้าล้วนเป็พวกเลวชั้นยอด นางถูกห้อมล้อมไปด้วยคนเลวชั้นยอดหนึ่งฝูง ในใจรู้สึกรังเกียจเป็อย่างยิ่ง ถังซื่อและท่านลุงหยางต้าหนิวน่าจะเป็ญาติที่อบอุ่นที่สุดในส่วนลึกของหัวใจเ้าของร่างเดิมแล้ว!เป็เพราะมีความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ดังนั้นนางจึงไม่ได้กีดกันคนในตระกูลหยางขนาดนั้น
เมื่อตอนที่พวกเขากลับถึงหมู่บ้านตระกูลหลิงนั้น สีท้องฟ้าก็มืดแล้ว เพิ่งเดินถึงตีนเขา หลิงมู่เอ๋อร์ก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน นางมองเงาที่อยู่ตรงหน้า กล่าวอย่างหยั่งเชิงว่า “ใช่พี่ใหญ่ซั่งกวนหรือไม่เ้าคะ?”
เงาดำตอบรับสียงเบาๆ “ในูเาอันตราย พวกเ้าสองพี่น้องสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยนับว่าโชคดีมาก ภายหลังอย่าได้เสี่ยงอันตรายตามใจอีก”
“เมื่อวานก็เป็พี่ใหญ่ซั่งกวนที่ส่งพวกข้าจนถึงหมู่บ้านตระกูลหยางใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวขอบคุณจากใจจริง “ขอบคุณพี่ใหญ่ซั่งกวนมากๆ เ้าค่ะ”
“เมื่อวานข้าเพียงแค่ไปล่าสัตว์บนูเา ไปทางที่พวกเ้าผ่านพอดี ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปส่งพวกเ้า” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวนิ่งๆ จบก็หันหลังกลับเดินไปในบ้านของตนเอง
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นเงาดำของซั่งกวนเลือนหายไป ในใจของนางก็ปรากฏกระแสไออุ่นขึ้นมา
“พี่ใหญ่ซั่งกวนท่านนี้เป็คนดีที่ภายนอกดูเ็าแต่ภายในอบอุ่นจริงๆ ” หลิงจื่อเซวียนกล่าว “มู่เอ๋อร์ เ้าได้รับความช่วยเหลือจากเขา นับว่าได้เจอผู้สูงศักดิ์จริงๆ!”
“อืม พวกเรากลับบ้านกันเถิด!” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้โต้ตอบคำพูดของหลิงจื่อเซวียน
ซั่งกวนเซ่าเฉินคนนี้มีความลึกลับ แต่ที่สามารถแน่ใจได้ก็คือเขาไม่ใช่คนไม่ดี
นิสัยเฉพาะตัวของเขาดีกว่าคนในหมู่บ้าน ทุกครั้งที่เข้าใกล้เขานั้น มักจะรู้สึกถึงพลังที่น่าเกรงขามที่เขาซุกซ่อนไว้อย่างเห็นได้ชัด
หยางซื่อรอพวกเขาอยู่ที่ประตูตลอด เมื่อเห็นพวกเขากลับมา นางก็ถามสถานการณ์ของถังซื่อ ในใจก็พลันรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านยายของพวกเ้าลำบากจริงๆ!ตอนนั้นท่านพ่อข้าจากไปเร็ว นางเลี้ยงดูพวกข้าสองคนมาจนเติบใหญ่ ตอนนั้นคนที่ชอบนางมีเยอะมาก แต่เพื่อลูกลูกอย่างพวกเรา นางยอมที่จะใช้ชีวิตเป็แม่หม้าย แต่ไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่นอีก” อีกด้านหนึ่ง หยางซื่อคล้ายกับถังซื่อมาก พวกเขาชอบนึกถึงเื่ราวในอดีตที่ผ่านไป
“วันนี้ทำความสะอาดถนนเป็อย่างไรบ้างแล้วเ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์ขัดจังหวะการพูดไม่หยุดของหยางซื่อ
ถ้าหากไม่ขัดจังหวะของนาง หยางซื่อนั้นสามารถพูดได้ทั้งคืน เมื่อคืนวานนางฟังถังซื่อรำพันทั้งคืนแล้ว วันนี้ไม่อยากฟังพระเทศนาอีกทั้งคืนแล้วจริงๆ
“วันนี้ทุกคนในหมู่บ้านล้วนไปกันหมด ถึงแม้ว่าจะเพิ่มสตรีและเด็กเข้าไปด้วย แต่ถ้าเทียบกับปกติก็นับว่าเร็วขึ้นเยอะมากแล้ว ถ้าตามความเร็วของวันนี้ ห้าหกวันหลังจากนี้ก็สามารถทำความสะอาดเสร็จแล้ว ครอบครัวของพวกเรามีอาหารกิน อดทนอีกห้าหกวันก็ไม่มีปัญหา ทว่าชาวบ้านพวกนั้นไม่มีอาหารกิน เกรงว่าจะทนได้ไม่ถึงห้าหกวันนี้” หยางซื่อทอดถอนใจเบาๆ
“ท่านแม่ ท่านไม่ได้จะทำตัวเป็คนใจดีอีกแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เลิกคิ้วมองไปที่หยางซื่อ
หยางซื่อจะไม่บ่นกับพวกเขาอย่างไร้เหตุผล ต้องมีความคิดอะไรในใจแน่นอน นางเป็คนที่มีจิตใจดี มักจะถูกผู้อื่นใช้ประโยชน์โดยง่าย
“ข้าจะทำตัวเป็คนใจดีได้อย่างไรล่ะ?ข้าก็แค่รู้สึกว่า ได้ยินเ้าพูดว่าหมีดำนั้นตัวใหญ่มาก มิสู้แบ่งส่วนหนึ่งออกมาให้กับคนในหมู่บ้านเดียวกันเพื่อความอยู่รอดใน่เวลานี้ไม่ดีกว่าหรือ?” หยางซื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์แล้วกล่าว “ถ้าหากเ้าคิดว่าไม่ดี ก็ทำเป็ว่าข้าไม่ได้พูดอันใดก็แล้วกัน”
หลิงมู่เอ๋อร์คิดถึงน้ำพุิญญาในมิติ ตอนที่ไปหมู่บ้านตระกูลหยางนั้น นางได้ไปพบลูกปลาตัวน้อยๆ จากธารน้ำแข็ง ตอนนี้ในมิติน่าจะกลายเป็บ่อปลาไปแล้ว
เพียงแค่นางยินยอม คนในครอบครัวของพวกเขาก็ไม่มีทางขาดเสบียงอาหารกินอย่างแน่นอน ตอนอยู่กับถังซื่อที่นั่นนางก็ยังพบเมล็ดพันธุ์ผักอีกจำนวนหนึ่งด้วย เมล็ดพันธุ์ผักพวกนั้นเป็ถังซื่อที่เก็บเอาไว้ หลังจากที่นางได้มาก็เร่งรีบนำเข้าไปในมิติ จากนั้นก็โรยลงบนดินสีดำ ผ่านไปไม่กี่วัน คนในครอบครัวของพวกเขาก็จะได้กินผักสดๆ กันแล้ว
แต่ว่า นี่ไม่ได้หมายความว่านางจะยินยอมนำเนื้อหมีดำให้กับผู้อื่นกิน ถ้าคนในหมู่บ้านปฏิบัติต่อพวกเขาดี นางก็จะยินยอมให้ด้วยความเต็มใจ นางยินดีที่จะเสียสละความแข็งแกร่งของตนเอง ทว่าเมื่อก่อนเ้าของร่างเดิมมักจะถูกเหยียดหยามและถูกรังแก คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนเป็พวกเห็นคนตายแต่ไม่เข้ามาช่วย พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหญิงสาวผู้หนึ่งที่ถูกอันธพาลท้องถิ่นเ่าั้ใช้ถ้อยคำเหยียดหยามจะมีชีวิตอย่างไร หากไม่ใช่เพราะเ้าของร่างเดิมคิดถึงคนในครอบครัว เกรงว่าจะรับแรงโจมตีนี้ไม่ไหวจนฆ่าตัวตายไปนานแล้ว
“ท่านแม่ ถ้าพวกเราเอาเนื้อหมีดำออกมาั้แ่แรก พวกชาวบ้านอาจจะมีความซาบซึ้งอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เนื้อหมีดำเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ถ้านำออกไปมอบตอนนี้ ก็มีแต่จะทำให้พวกชาวบ้านเกลียดชัง พวกเขาต้องขนาดตั้งคำถามแน่ ว่าเหตุใดถึงปล่อยให้พวกเขาหิวมาหลายวันเช่นนี้?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนิ่งๆ “ความโลภที่ไม่รู้จักพอเป็สันดานไม่ดีของมนุษย์ พวกเราไม่จำเป็ต้องนำเนื้อแค่หนึ่งชิ้นนี้ไปทดสอบพวกเขา ถ้าอยากจะช่วยพวกเขาจริงๆ ก็ไปช่วยพวกเขาทำความสะอาดให้เรียบร้อย รีบทำความสะอาดได้เร็วหน่อย ก็สามารถไปในเมืองได้เร็วขึ้น”
“น้องหญิงพูดได้ถูกต้อง พวกเราไม่ได้นำออกมาั้แ่แรก เอาออกมาตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้พวกชาวบ้านเคียดแค้น พวกเขาไม่มีทางที่จะซาบซึ้งน้ำใจของพวกเรา อีกอย่าง ตอนแรกครอบครัวของพวกเราเป็ครอบครัวแรกๆ ที่เสบียงอาหารหมด แต่ก็ไม่มีผู้ใดจะมาใส่ใจความเป็ความตายของพวกเรา ต่อให้น้องชายจะหิวจนสิ้นลมต่อหน้าพวกเขา แม้แต่จะช่วยประคองพวกเขาก็ยังไม่คิดจะทำ” หลิงจื่อเซวียนหัวเราะเยาะ
“ฟังพวกเ้า…” หยางซื่อกล่าวหน้าแดง “เช่นนั้นพวกเราไปทำความสะอาดถนน ออกแรงช่วยหมู่บ้านสักหน่อย”
“รีบไปนอนเถิด!พรุ่งนี้พวกเราไปทำความสะอาดถนน เช่นนี้ก็จะได้เจอท่านพ่อได้เร็วขึ้นแล้ว” หลิงจื่อเซวียนกล่าวอย่างอ่อนโยน
เชิงอรรถ
[1] ม้าทำลายฝูง หมายถึง เปรียบเปรยกับคนที่เป็อันตรายต่อส่วนรวม ซึ่งก็ตรงกับของไทยก็คือแกะดำ หรือกาดำ