หยางต้าหนิวกินของที่อยู่ในถ้วยจนหมด ลูบท้องแล้วทำท่าเพลิดเพลิน ได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว เขาจึงกล่าวต่อ “คนในหมู่บ้านของพวกข้าก็กำลังทำความสะอาดเช่นกัน เพียงแต่หิมะถล่มลงมาได้รุนแรงเกินไป ไม่สามารถทำความสะอาดให้เสร็จได้ภายในเวลาอันสั้น อีกอย่างทุกคนไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว แม้ว่าพวกคนเ่าั้จะสังหารสุนัขของตนเอง ก็อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งเดือน”
“ท่านลุงก็ไปช่วยทำความสะอาดถนนหรือเ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยถาม
“แน่นอน คนในหมู่บ้านของพวกข้าต้องไปกันทุกคน” หยางต้าหนิวนั่งอยู่ด้านข้างหยางเสี่ยวหู่ เช็ดริมฝีปากของหยางเสี่ยวหู่แล้วกล่าว “เพียงแต่ทุกคนล้วนหิวกันจนไม่ไหว เมื่อก่อนงานที่ทำสามวันก็เสร็จ ตอนนี้ต้องใช้เวลาห้าถึงหกวัน ด้วยความเร็วเช่นนี้ เกรงว่าทำความสะอาดปากทางไม่ทันเสร็จ พวกเรามีแต่ต้องหนาวตายและหิวตายกันในหมู่บ้านเท่านั้น”
“ไม่หรอกเ้าค่ะ ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวปลอบใจ “พลังชีวิตของมนุษย์นั้นเข้มแข็งมาก อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะกินเปลือกไม้ พวกเราก็สามารถอยู่รอดต่อไปได้เ้าค่ะ”
“เปลือกไม้บนูเาถูกพวกข้ากินไปเกือบจะหมดแล้ว ด้านในนั้นก็มีสัตว์ป่าอยู่มากมาย พวกข้าไม่กล้าไป” หยางต้าหนิวกล่าวกับหยางเสี่ยวหู่ “กินอิ่มแล้วใช่หรือไม่?รีบเข้านอนพักผ่อน ตอนนี้ร่างกายอบอุ่นแล้ว คืนนี้สามารถนอนหลับได้อย่างสบายแล้ว”
หยางเสี่ยวหู่จับมือหลิงจื่อเซวียน กล่าวเบาๆ “ข้านอนกับญาติผู้พี่ชายได้หรือไม่ขอรับ?”
“ได้ ญาติผู้พี่ชายจะนอนกับเ้า” หลิงจื่อเซวียนรีบขานรับในทันที
“คืนนี้ข้าจะนอนเบียดกับท่านยาย นานมากแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกับท่านยาย ท่านยายอย่ารำคาญข้านะเ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวขณะกอดแขนถังซื่อไว้
ถังซื่อยิ้มจนหุบไม่ลง นางอายุมากแล้ว สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือถูกคนรุ่นหลังทอดทิ้ง หลิงมู่เอ๋อร์พึ่งพิงนางแบบนี้ นางหาเช่นนี้ที่ไหนไม่ได้แน่นอน
ในคืนนั้น ทุกคนนอนหลับได้อย่างสบายใจ
ใน่กลางดึก หลิงมู่เอ๋อร์ฉวยโอกาสที่ถังซื่อนอนหลับแล้ว แอบเข้าไปในมิติเงียบๆ
หมอกสีขาวปกคลุมทั่วพื้นที่ของที่นี่ นอกจากหนึ่งในสามหมู่ของพื้นที่แล้ว ก็มีเพียงแค่น้ำพุิญญาหนึ่งผืนเท่านั้น นอกจากนั้น ที่นี่ก็ไม่มีสิ่งของอย่างอื่นอีกเลย
“เหตุใดถึงเป็เช่นนี้ไปได้?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับตนเอง “ชาติที่แล้วตอนเปิดใช้งานมิติ ด้านในได้มีการปลูกสมุนไพรจำนวนมากเอาไว้แล้ว พื้นที่ของมิติคือหนึ่งร้อยเท่าของตอนนี้ สามารถพูดได้ว่านั่นเป็โลกขนาดเล็กหนึ่งใบ ตอนนี้ที่นี่ไม่เพียงแต่ไม่มีสมุนไพร แม้กระทั่งพื้นที่เพาะปลูกก็ยังมีขนาดเล็กมาก หรือว่าตอนที่ทะลุมิติมาทำให้มิติได้รับความเสียหายอย่างนั้นหรือ?”
ในมิติไม่มีอะไรเลย หลิงมู่เอ๋อร์ดื่มน้ำพุิญญาเล็กน้อยก็ออกจากมิติไป
นางรู้ว่าที่ดินในมิติแบ่งออกเป็สองสี ชนิดหนึ่งคือดินสีแดง อีกชนิดหนึ่งคือดินสีดำ ดินสีแดงสามารถปลูกสมุนไพรได้ ดินสีดำสามารถปลูกผักได้
ถ้าหากนางมีเมล็ดผัก ก็จะสามารถปลูกในมิติได้ เวลาในมิติกับด้านนอกต่างกัน ถ้าปลูกผักธรรมดาทั่วไป สามสี่วันก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถ้าหากปลูกสมุนไพร แน่นอนว่าเวลายิ่งนานขึ้นประสิทธิภาพก็จะยิ่งดีขึ้น
นอกจากนี้ น้ำพุิญญายังสามารถเลี้ยงปลาได้ ปลาที่เลี้ยงออกมาจากมิตินั้นมีรสชาติอร่อยเป็อย่างยิ่ง ชาติก่อนนางชอบกินของที่อยู่ในมิติที่สุด
เช้าวันถัดมา หลิงมู่เอ๋อร์ตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า
ครอบครัวตระกูลหยางไม่มีเสบียงอาหารแล้ว นางสามารถใช้ได้ก็มีแค่เนื้อไม่กี่ชั่งที่นำมาเท่านั้น เนื้อชิ้นนั้นไม่เล็ก แต่ว่าถ้ากินแต่เนื้ออย่างเดียว ก็พอให้พวกเขากินได้ไม่กี่มื้อ เป็การดีที่สุดคือใช้เนื้อชิ้นนี้แล้วปรุงอาหารผักป่าอื่นๆ เพิ่มอีก เช่นนี้ถึงจะทำให้สามารถอิ่มท้องได้จริงๆ
เพื่อให้คนในครอบครัวตระกูลหยางได้กินข้าวอิ่ม นางขึ้นูเาไปอีกครั้ง
ตามที่หยางต้าหนิวพูดไว้ ของที่สามารถกินได้บนเขาถูกพวกเขากินไปจนหมดเกลี้ยง ไม่ต้องพูดถึงเปลือกไม้เลย แม้แต่หญ้าที่กินไม่ได้เ่าั้ก็ไม่เหลือแม้แต่นิด
หลิงมู่เอ๋อร์มองหญ้าแห้งเ่าั้ที่ตนเองนำมา
เมื่อก่อนนางคิดจะเพราะปลูกเห็ดมาโดยตลอด ทว่าการปลูกเห็ดจำเป็ต้องมีสภาพอากาศที่อบอุ่น เมื่อไม่กี่วันก่อนนางโชคดี พบเห็ดในสถานที่ค่อนข้างอบอุ่นแห่งหนึ่งบนูเา อย่างไรก็เป็เพียงแค่ความโชคดี คิดจะพบเห็ดเช่นนี้อีกก็เป็ไปไม่ได้แล้ว อย่างเช่นตอนนี้มิติได้เปิดแล้ว นางสามารถใช้ประโยชน์จากความอบอุ่นของภายในมิติเพาะปลูกเห็ดได้
ทว่าเพาะปลูกเห็ดจำเป็ต้องใช้เชื้อเห็ด ถ้าหากเจอเชื้อเห็ด หลังจากนี้ก็มีเห็ดกินไม่ขาดแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็หาของที่สามารถกินได้บนูเาไปทั่วทุกที่ เพราะความที่นางคุ้นเคยกับูเา ของที่ผู้อื่นหาไม่พบ นางก็สามารถหาพบได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้ของเ่าั้จะถูกหิมะกลบฝังไปหมดแล้วก็ตาม อย่างไรเสียนางยังสามารถหาสิ่งที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในที่ต่างๆ ได้
เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์นำสิ่งของพะรุงพะรังนั้นกลับมาถึงบ้านตระกูลหยาง ประตูของบ้านตระกูลหยางถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนไม่น้อย คนเ่าั้เห็นหลิงมู่เอ๋อร์กลับมา ก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้มตาหยี
“เ้าคือเสี่ยวมู่เอ๋อร์ใช่หรือไม่?เติบโตเป็หญิงสาวเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ เด็กสาวตัวน้อยในตอนนั้นโตถึงขนาดนี้แล้ว” สตรีคนหนึ่งกล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์ ดวงตาชำเลืองมองไปที่ตะกร้าสะพายหลังของนาง “นางหนูมู่ เ้าหาอะไรได้บ้างแล้ว?อาสะใภ้ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ถ้าหากเ้าเจอของดีๆ อย่าได้ลืมอาสะใภ้เล่า ตอนนั้นอาสะใภ้ยังเคยอุ้มเ้าอยู่เลย!”
หลิงมู่เอ๋อร์หลีกเลี่ยงสายตาของคนเ่าั้ ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “คนที่เคยอุ้มข้ามีมากมาย ถ้าจะต้องดูแลทุกคน ข้าดูแลไม่ไหวหรอกเ้าค่ะ”
“เ้าเด็กคนนี้นี่…” สตรีผู้นั้นยิ้มแห้ง “ข้าเป็อาสะใภ้เ้า เ้าช่างไร้น้ำใจต่ออาสะใภ้นัก”
“ั้แ่เช้าข้าก็ได้กลิ่นหอมมาจากบ้านของพวกเ้า ทำอาหารกันใช่หรือไม่?” หญิงชราอีกคนที่อยู่ข้างๆ จ้องที่หลิงมู่เอ๋อร์แล้วกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรพวกข้าก็เป็ผู้าุโของเ้า หรือว่าเ้าไม่ควรที่จะแสดงความเคารพกตัญญูต่อพวกข้าบ้างหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หญิงชราผู้นั้นด้วยความงงงัน เคยพบพานคนที่หน้าหนา แต่ไม่เคยพบพานคนที่หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเช่นนี้
มีเสียงคนมากมายดังออกมาจากในบ้าน หลิงมู่เอ๋อร์มองสตรีที่อยู่ด้านนอกหลายคน มองประตูใหญ่ที่ถูกอัดจนแน่นอีกครั้ง ในใจคิดว่าหรือว่าสตรีทั้งหมู่บ้านล้วนมาที่นี่กันหมด?
“ที่นี่คือบ้านของท่านยายข้า พวกท่านมายืนอออยู่ที่นี่ทำอันใด?” หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกหมดความอดทน “ถ้าไม่มีเื่อันใด พวกท่านทุกคนก็กลับบ้านตนเองไปเสียเถิด!”
“จะไม่มีเื่ได้อย่างไร?” สตรีคนหนึ่งหันกลับมามองหลิงมู่เอ๋อร์ “พวกข้าใกล้จะหิวตายแล้ว ตอนนี้บ้านพวกเ้ามีอาหารกิน ก็แบ่งให้ทุกคนสักหน่อย คงไม่ใจร้ายขนาดมองพวกข้าหิวตายหรอกนะ?”
“ตามที่ข้ารู้มา ในธารน้ำแข็งมีปลาและกุ้งอยู่ตลอด ถ้าหากพวกท่านหาอาหารไม่ได้จริงๆ ก็สามารถลงไปจับปลาในน้ำได้” หลิงมู่เอ๋อร์แสดงสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ต้องกล่าวว่าจับไม่ได้อะไรพวกนั้น เพียงแค่เจาะรูบนน้ำแข็ง ปลาพวกนั้นก็ะโออกมาเองแล้ว”
“อากาศหนาวขนาดนี้…” ทุกคนได้แต่มองหน้ากันไปมา ในใจมีความลังเลเล็กน้อย
“อากาศหนาวขนาดนี้ ก็ไม่ต้องกินข้าวเช่นนั้นหรือ?ในเมื่อรังเกียจรังงอนขนาดนั้น ก็เชิญกลับบ้านกันไปเถิด!” หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเยาะ
หมู่บ้านตระกูลหลิงของพวกเขาไม่มีทะเลสาบน้ำแข็งที่ดีอย่างนี้ ถ้าหากมีมัน นางจะต้องพาคนในบ้านไปจับปลาทุกวันแน่นอน
ทว่า นี่ก็เป็อีกสิ่งที่เตือนสตินาง ในเมื่อไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงหมู่บ้านตระกูลหยาง ที่นี่ยังมีพันธุ์ปลาที่นางอยากได้ มิสู้จับปลาตัวเล็กๆ เ่าั้มาเลี้ยงดีกว่า
แววตาของนางเปล่งประกาย มีความคิดอยู่ในใจแล้ว
“ท่านอย่ามาแย่งเนื้อของพวกข้า” เสียงร้องของหยางเสี่ยวหู่ดังออกมาจากในบ้าน
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยิน จึงรีบสาวเท้าเก้าใหญ่เดินเข้าไป
“หลีกทาง” คนไม่น้อยดันกันอยู่ที่หน้าประตู คนเ่าั้ได้ยินเสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ เห็นใบหน้าที่สวยงามของนางอึมครึม แต่ละคนจึงหลีกทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภายในบ้าน สตรีวัยกลางคนหนึ่งคนกำลังแย่งเนื้อหมีดำกับเสี่ยวหู่ที่ตัวเล็กอยู่ เนื้อหมีดำที่เหลืออยู่ยี่สิบกว่าชั่งถูกสองคนนั้นดึงจนเปลี่ยนรูปร่าง
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นคือหลานสะใภ้ของถังซื่อ นางมีใบหน้าที่ดูเหมือนพูดจาเสียดแทงใจให้คนอื่นรู้สึกเ็ป มองผ่านๆ คลับคล้ายกับเป็ด ลักษณะพิเศษที่เห็นได้ชัดคือไฝเม็ดนั้นที่มุมปากนาง
นางเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ คิ้วบางของนางพลันขมวดขึ้น กล่าวอย่างไม่พอใจ “เ้าเป็ผู้ใด?มายุ่งอันใดกับเื่ของพวกข้า?”
“ข้าเป็ลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขา ของที่ท่านแย่งเป็ข้าเองที่นำมา ท่านว่านี่ยังเป็เื่ของคนอื่นอีกหรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างเ็า “วางของของบ้านพวกข้าลงซะ ไม่อย่างนั้น…ข้าจะตัดมือข้างนี้ที่ไม่รู้ความของท่านทิ้ง”
“เ้ากล้าหรือ!” สตรีวัยกลางคนเท้าสะเอว จ้องถมึงทึงอย่างไม่เกรงกลัวไปทางหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์พุ่งตัวเข้าชนสตรีวัยกลางคนผู้นั้น เห็นเพียงแต่สตรีที่จิตใจฮึกเหิมเมื่อครู่ตัวอ่อนในทันที คนทั้งคนล้มพับลงไปกับพื้น
เสียงดังโครม ใบหน้าของสตรีคนนั้นกระแทกเข้ากับพื้น
“กรี๊ด...” นางร้องอย่างน่าเวทนา
คนจำนวนมากที่อัดกันอยู่ที่ประตูอยู่ตัวสั่น มองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยความหวาดกลัว
หลิงมู่เอ๋อร์มองหยางเสี่ยวหู่ที่อยู่ข้างๆ กล่าวถาม “ท่านย่า ท่านพ่อและพี่ชายข้าล่ะ?”
หยางเสี่ยวหู่กล่าว “เมื่อครู่หลี่เจิ้งเรียกท่านย่าไป ท่านย่าอายุมากแล้ว ท่านพ่อกับญาติผู้พี่ชายประคองนางไปขอรับ”
หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “พวกเขาไปแล้ว เ้าก็เลยถูกรังแกหรือ?คนในหมู่บ้านตระกูลหยางก็ช่างกระตือรือร้นยิ่งนัก!”
“นางเด็กตัวเหม็น…” สตรีที่ล้มอยู่ที่พื้นพยายามลุกขึ้นมา กล่าวเสียงสั่นเทา “เหล่าเหนียงไม่ปล่อยเ้าไว้แน่”
“ท่านก็ลองเข้ามาอีกดูสิ” หลิงมู่เอ๋อร์บังหยางเสี่ยวหู่ไว้ด้านหลัง “พวกท่านไม่อยากหิวตาย ก็สามารถแย่งของคนอื่นได้หรือ?วันนี้พวกท่านผู้ใดกล้าแย่งของของพวกเขา ข้าจะใช้มีดตัดมือของมันให้ขาดเป็ท่อน”
“นี่เกิดเื่อันใดขึ้น?” ถังซื่อเดินเข้ามาจากด้านนอก นางเห็นผู้คนมากมายเช่นนี้ ก็ร้องกล่าวถาม “พวกเ้ามาทำอันใดที่นี่?”
“พี่สาว หลานสาวของท่านช่างกตัญญูจริงๆ เดินทางมาอย่างไกลมาเยี่ยมท่าน” สตรีคนหนึ่งกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ได้ยินว่ายังนำของขวัญมาให้ด้วย ท่านว่า……พวกเราทุกคนล้วนหิวกันมานานแล้ว ให้…ก็ให้พวกเราดื่มน้ำแกงสักคำเป็กระไร?”
“ใช่แล้วใช่แล้ว บ้านข้ายังมีเกลือ ข้าให้เกลือ เช่นนั้นท่านก็ให้ทุกคนดื่มน้ำแกงสักคำเถิด” อีกคนหนึ่งกล่าวตามมา
ถังซื่อได้ยินทุกคนพูดเช่นนี้ สีหน้านิ่งชะงัก นางกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “หิมะโปรยปรายปกคลุมพื้นดินนี้ ทุกคนต่างลำบาก ข้าก็รู้ว่าทุกคนไม่ได้กินอันใดมานานแล้ว เพียงแต่อาหารที่นางหนูมู่มอบให้มาเป็แค่ชิ้นเล็กๆ ยังไม่พอสำหรับสองมื้อด้วยซ้ำ ข้าและต้าหนิวอยากเก็บไว้ให้เสี่ยวหู่จื่อ ถ้าหากทำอาหารไปจนหมดแล้ว… เสี่ยวหู่จื่อจะทำอย่างไร?ทุกคนต่างก็รู้สถานการณ์ของบ้านพวกข้า เสี่ยวหู่จื่อเป็ต้นกล้าเดียวของบ้านข้า ถ้าเขาอันเป็อะไรไป ยายแก่เช่นข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อแล้ว!”
“เพียงแค่ดื่มน้ำแกงสักคำ ท่านหั่นเนื้อชิ้นเล็กๆ ก็พอแล้ว ทำเหมือนกับหั่นเนื้อของตัวท่านเองอย่างไรอย่างนั้น” สตรีคนหนึ่งกล่าววาจาถากถางหัวเราะเยาะ “ผู้อื่นล้วนกล่าวว่าท่านย่าถังมีไมตรีที่สุด แท้จริงแล้วไมตรีล้วนหลอกลวง ท่านย่าถังตระหนี่ถึงเพียงนี้ ช่างน่าทำให้ผู้คนเสียใจจริงๆ ”
“พอได้แล้ว ท่านแม่ข้าไม่ได้ติดหนี้พวกเ้า พวกเ้าอย่าทำท่าเหมือนมาทวงหนี้” หยางต้าหนิวเป็คนซื่อสัตย์มาแต่ไหนแต่ไร ทว่าเขามีจุดอ่อนอย่างเดียวนั้นก็คือถังซื่อผู้นี้
ปกติคนในหมู่บ้านกล่าวว่าเขาไม่มีประโยชน์ ดังนั้นภรรยาจึงหนีตามผู้อื่นไป เขาได้ยินแต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่เคยโต้เถียงกับพวกเขามาก่อน เวลาผ่านไปนาน ผู้คนในหมู่บ้านยิ่งดูถูกเขาขึ้นไปอีก คิดว่าเขาไม่มีอารมณ์โกรธ เป็บุคคลที่อ่อนแอ จนกระทั่งมีวันหนึ่ง มีชายชรามาว่ากล่าวถังซื่อ จึงถูกหยางต้าหนิวทำร้ายเกือบตายคาที่