เช้าวันถัดมา ทุกคนในครอบครัวต่างกินอะไรง่ายๆ รองท้องแล้วจึงออกเดินทาง เวลานี้ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง แสงสลัวสาดส่องลงมาที่พื้น เป็แสงสว่างนำทางให้กับพวกเขา
หลิงมู่เอ๋อร์ประคองหยางซื่อเดินอยู่ด้านหน้า หลิงจื่อเซวียนจัดแจงให้หลิงจื่ออวี้เดินตามหลังมา
“ท่านแม่ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงมีรอยขีดข่วนเล่า?” เมื่อคืนวานกลับมาดึกมากแล้ว จึงมองไม่เห็นอันใด นางพูดคุยกับหยางซื่อไม่กี่ประโยคก็นอนหลับไปก่อนแล้ว เวลานี้อาศัยแสงสลัวจึงพอมองเห็นว่าใบหน้าของหยางซื่อบวมเล็กน้อย ใบหน้าด้านขวายังมีรอยขีดข่วนอย่างชัดเจน “พวกข้าไม่อยู่ ผู้ใดรังแกท่านเ้าคะ?”
หยางซื่อััเข้าที่ใบหน้า กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “น่าจะถูกกิ่งไม้ข่วน!ไม่ได้ร้ายแรงอันใด เ้าไม่ต้องตระหนกเช่นนี้”
“ท่านแม่…” หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เป็ท่านย่าทำให้ท่านลำบากใจใช่หรือไม่?”
เมื่อวานชาวบ้านทุกคนต้องเข้าร่วมทำความสะอาดถนน หวังซื่อตัวดีผู้นั้นก็ออกมาด้วยเช่นกัน หยางซื่อเป็เหมือนซาลาเปา ขึ้นอยู่กับหวังซื่อว่าจะนวดอย่างไร จะไม่ถูกรังแกได้อย่างไรกัน?นางจะละเลยเื่ที่สำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร
หลิงจื่อเซวียนเห็นแผลข่วนบนใบหน้าของหยางซื่อ สีหน้าของเขาหม่นหมองลง เอ่ยอย่างโกรธเคือง “พวกเขารังแกท่านอีกแล้ว กลั่นแกล้งกันมากเกินไปแล้ว”
หยางซื่อรีบร้อนปลอบโยนหลิงจื่อเซวียน “จื่อเซวียน แม่ไม่เป็อันใด เ้าอย่ากล่าวเช่นนี้ ข้าเป็สะใภ้ มีบางเื่อดทนอดกลั้นหน่อยก็ผ่านไปได้แล้ว”
“ท่านเป็ลูกสะใภ้ของนาง ไม่ใช่ทาสรับใช้ของนาง อีกอย่าง ทาสรับใช้ก็มีความเป็คนนะเ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวพลางหัวเราะเยาะ “ท่านแม่ ทีหลังหากพวกเขายังกล้ารังแกท่านอีก ท่านห้ามอดทนเป็เด็ดขาด ช่างเถิด!คนที่นิสัยจิตใจดีเช่นท่าน เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่มีทางโต้เถียงกับผู้อื่นได้ หลังจากนี้ข้าและกับพี่ชายจะปกป้องท่านเองเ้าค่ะ”
ตอนที่พวกเขามาถึงปากทาง มีชาวบ้านไม่น้อยทำงานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ใบหน้าที่เหลืองคล้ายดินของแต่ละคนมองแล้วไร้ชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งอารมณ์ใด
พวกชาวบ้านมาจากทั่วทุกสารทิศรีบมากัน หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่านย่าหวังซื่อ ท่านปู่หลิงซง ท่านลุงใหญ่หลิงต้าเจียง ท่านป้าสะใภ้ใหญ่หม่าซื่อ และลูกพี่ลูกน้องหญิงหลิงเยวี่ยเอ๋อร์จากในกลุ่มผู้คนนั้น
ท่านลุงรองหลิงต้าซาน ป้าสะใภ้รองฟางซื่อ พี่สะใภ้เสี่ยวฟางซื่อ ท่านอาเล็กหลิงหลิน และอาสะใภ้เล็กที่ถูกหลิงหลินรังแกหลานซื่อก็มา
แน่นอนว่า ยังมีคนที่ไม่ได้แต่งงานผู้นั้น แต่เคยมีความสัมพันธ์ล่วงล้ำกับบุรุษแล้วเช่นหลิงไฉ่เวยด้วย นางเดินประคองหวังซื่อเดินเข้ามา
หลิงเยวี่ยเอ๋อร์อายุสิบแปดปี ได้หมั้นหมายกับบุรุษหมู่บ้านข้างๆ แล้ว ทั้งสองตระกูลกำหนดวันแต่งงานไว้หลังปีนี้ผ่านไป
หลิงเยวี่ยเอ๋อร์หน้าตาเหมือนกับหม่าซื่อคือธรรมดา นิสัยค่อนข้างเก็บตัว หลังจากครอบครัวนางแยกออกไป หลิงเยวี่ยเอ๋อร์ก็กลายเป็ทาสรับใช้ของหลิงไฉ่เวย ทุกวันต้องเดินตามด้านหลัง ยกน้ำชาส่งน้ำให้หลิงไฉ่เวย
หวังซื่อมีบุตรชายสี่คน บุตรชายอีกสามคนอยู่จวนใหญ่เดียวกันกับหวังซื่อ มีแต่ครอบครัวของหลิงมู่เอ๋อร์ที่ถูกขับไล่ออกมา จนพบบ้านทรุดโทรมทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านจึงพักอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ว่านี่ก็เป็ความปรารถนาที่หลิงมู่เอ๋อร์้าพอดี ถึงอย่างไรเสียการก้มหน้าไม่เจอเงยหน้าเจอ [1] กับคนที่น่ารังเกียจเ่าั้ นั่นถึงจะเป็ความทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง
หลิงจื่อชิ่งได้รับาเ็สาหัส จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา ป้าสะใภ้รองฟางซื่อสาปแช่งหลิงมู่เอ๋อร์ทุกวันที่หน้าปากทางเข้าว่าเป็ตัวซวย เพราะนางมีส่วนข้องเกี่ยวกับหลิงจื่อชิ่ง หลิงจือชิ่งจึงได้รับาเ็สาหัส เสี่ยวฟางซื่อเป็ภรรยาของหลิงจื่อชิ่งและเป็หลานสาวของป้าสะใภ้รองฟางซื่อ นิสัยเฉกเช่นเดียวกันกับฟางซื่อ ลูกสะใภ้ทั้งสองคนกล่าวว่าร้ายหลิงมู่เอ๋อร์ไปทั่ว
บุตรชายของหลิงจื่อชิ่ง หลิงสี่และบุตรชายของหลิงหลิน หลิงจื่อเฉิงล้วนมีอายุห้าขวบ หวังซื่อถึงจะนิสัยไม่ดี ทว่ากลับปฏิบัติต่อหลานชายทั้งสองอย่างไม่มีที่ติ เพียงแต่หวังซื่อไม่ชอบหน้าหลานซื่อ นางปฏิบัติต่อหลานซื่อปานประหนึ่งเป็วัวเป็ม้า
ท่านลุงสองยังมีบุตรชายคนเล็กอีกหนึ่งคน ชื่อว่าหลิงจื่อจวิ้น ปีนี้อายุสิบหกปี เวลานี้เล่าเรียนอยู่สถานศึกษาที่ก่อตั้งส่วนตัวในเมือง คนผู้นี้เป็คนที่สร้างเกียรติยศให้กับตระกูลหลิงมากที่สุด และยังประคับประคองเป็หน้าเป็ตาให้กับหวังซื่อและฟางซื่อด้วย
นี่คือสถานการณ์ของคนบ้านตระกูลหลิง
สรุปได้ว่า ครอบครัวท่านลุงใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่ยังนับว่ามีจิตใจที่ดี ไม่เคยทำให้หยางซื่อลำบากใจ วันนั้นป้าสะใภ้ใหญ่แอบให้ไข่กับหยางซื่อก็เป็เครื่องพิสูจน์แล้ว ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะถูกหวังซื่อด่าประจานไปหนึ่งรอบ ทั้งยังถูกแย่งกลับไป นางที่กลัวหวังซื่ออย่างชัดเจนก็ยังกล้าเผชิญกับแรงกดดันและให้ไข่กับหยางซื่อ ก็นับว่าเป็ความเมตตาของนางแล้ว
“ไฉ่เวย…” หลิงหูเตี๋ยเริ่มโบกมือทักทายจากที่ไกลๆ
เมื่อหลิงหูเตี๋ยเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ นางอยากจะพูดอะไร แต่ว่าเมื่อนึกถึงวิธีการของหลิงมู่เอ๋อร์ จู่ๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
คู่หมั้นของหลิงไฉ่เวย จวงต้าหลินวิ่งเหยาะๆ มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าของหวังซื่อ ถามทุกข์สุขหวังซื่อก่อน จากนั้นก็จับมือของหลิงไฉ่เวย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา “เวยเวย หนาวหรือไม่?รออีกสักครู่ข้าจะทำงานให้มากหน่อย เ้าพักผ่อนอยู่ข้างๆ ข้า”
หวังซื่อมองที่จวงต้าหลินอย่างพึงพอใจ ตบที่มือของหลิงไฉ่เวยแล้วกล่าว “คนในหมู่บ้านล้วนมากันหมดแล้ว ไหนเลยจะ้าให้เด็กอย่างพวกเ้าทั้งสองคนออกแรงกันอีก?นางเด็กสารเลวหลิงมู่เอ๋อร์นั่นไม่ใช่มีเรี่ยวแรงหรือ?รออีกสักประเดี๋ยวข้าจะให้นางเอางานในส่วนนั้นของเ้าทำให้เสร็จ เช่นนี้มือของเวยเอ๋อร์บ้านของเราก็จะไม่เจ็บแล้ว”
“พอได้แล้ว เื่ของชิ่งจื่อยังไม่ได้ข้อสรุป เ้ายังกล้าไปหาเื่ปีศาจชั่วร้ายนั่น” ท่านปู่หลิงซงที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างเ็า “เบื่อชีวิตมากแล้วหรือ?รู้ว่านางเป็ตัวซวย ยังจะไปวุ่นวายกับนางอยู่ได้ ถ้าหากพวกเ้าอยากจะขายหน้าต่อผู้คนทั้งหมู่บ้าน ก็ลองไปหาสตรีปากคอเราะร้ายผู้นั้นดูสิ”
“ท่านแม่ ไม่ต้องให้พวกเราลงมือหรอกเ้าค่ะ” หลิงไฉ่เวยกล่าวอยู่ข้างหูหวังซื่อ “เื่ของหลิงเวยและหลิงต้าหนิวยังไม่ได้ข้อสรุปเลย!คนในครอบครัวของพวกเขาต้องไม่ปล่อยนางไว้แน่”
หวังซื่อได้ยิน แววตาที่แหลมคมเปล่งประกายขึ้นมา
หลิงเวยเป็อันธพาล แม่ของเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร หลิงมู่เอ๋อร์กล้าทำร้ายหลิงเวย หลังจากนี้จะได้เห็นดีกัน และยังมีหลิงต้าหนิว พี่ชายที่บ้านของเขาอีกสองสามคน บุรุษพวกนั้นจะทนได้อย่างไร?
หลี่เจิ้งเร่งรีบออกมาจากบ้าน ผมของเขากระเซอะกระเซิง หางตายังมีขี้ตาอยู่ ดูก็รู้ว่าเพิ่งจะตื่นนอน
คนทั้งหมู่บ้านมีแต่บ้านของพวกเขาเท่านั้นที่ยังมีสีหน้าที่ดูได้ สีหน้าของหยางซื่อและสองพี่น้องหลิงมู่เอ๋อร์ก็ไม่ได้มีเืฝาดเช่นนี้
“เอาล่ะ ทุกคนรีบทำงาน” หลี่เจิ้งหาวแล้วกล่าว “ถ้ายังไม่เคลื่อนย้ายหิมะพวกนี้ให้หมด พวกเราจะต้องติดแล้วตายอยู่ในนี้จริงๆ แน่ จากภัยพิบัติพายุหิมะครั้งนี้ เกรงว่าหมู่บ้านอื่นๆ ก็ประสบพบเจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน ราชสำนักจะมีเวลามาสนใจความเป็ความตายพวกเราที่ไหนกัน?จะต้องพึ่งตนเองแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ต้องกล่าวว่าสิ่งที่หลี่เจิ้งกล่าวมานั้นคือเื่จริง ั้แ่นางปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ นี่เป็คำพูดคำเดียวที่นางเห็นด้วย ภัยพิบัติหิมะในปีนี้รุนแรงเป็อย่างยิ่ง ถ้าหากรอราชสำนักมาช่วยพวกเขา ก็เหมือนรอความตายแล้ว
โครม!หลิงมู่เอ๋อร์ขนย้ายก้อนหินขนาดใหญ่หนึ่งก้อน
ทุกคนมองนางอย่างตกตะลึง
หินก้อนนี้หนักประมาณหนึ่งร้อยกว่าชั่ง แม้ว่าเป็บุรุษขนย้ายมันก็ยังลำบาก ท่าทางของหลิงมู่เอ๋อร์ดูเหมือนเบาสบายอย่างยิ่ง หรือว่าหินก้อนนั้นเป็ของปลอมหรือ?
ความเป็จริงแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็ตกตะลึงเช่นกัน
เมื่อครู่เห็นก้อนหินก้อนนั้น คล้ายกับถูกผีอำ นางก็เคลื่อนย้ายมันได้โดยไม่รู้ตัว
พละกำลังของนางแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดนี้เลยหรือ?
หรือว่าจะเกี่ยวกับน้ำพุิญญาที่ดื่มไปเมื่อวาน?
ชาติที่แล้วนางก็ดื่มน้ำพุิญญาในมิติ แต่ว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงพิเศษอันใด หรือว่าเพียงแค่ทะลุมิติมาในสมัยโบราณนี้ น้ำพุิญญาในนั้นก็เก่งกาจขึ้นแล้วหรือ?
“มู่เอ๋อร์……” หยางซื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างประหลาดใจ
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างเขินอาย “ั้แ่ป่วยหนักครั้งนั้น ข้าก็พบว่าพละกำลังเพิ่มขึ้นมามาก หรือว่านี่อาจจะเป็ของขวัญที่พระเ้าประทานให้ข้ากันเ้าคะ?”
“ฮ่าฮ่า……” สตรีผู้หนึ่งที่อยู่ข้างๆ หัวเราะแห้งๆ พร้อมกล่าว “ก็นั่นนะสิ!แม่นางมู่มีความโชคดีในความโชคร้าย นี่มันเป็เื่น่ายินดีเสียจริงๆ!”
สตรีผู้นั้นวางก้อนหินที่ขนย้ายลง ตัวสั่นก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
หลิงมู่เอ๋อร์เหลือบมองสตรีผู้นั้นหนึ่งที จำได้ว่านางเป็แม่ของหลิงเวย
นางทำอันใดกับหลิงเวย แม้ว่าหลิงเวยจะไม่พูด แต่เป็ไปไม่ได้ที่หลิงไฉ่เวยจะไม่พูด สตรีผู้นั้นเมื่อครู่ยืนอยู่ด้านหลังนาง ทั้งยังเคลื่อนย้ายก้อนหินที่ใหญ่ขนาดนั้นอีก เจตนาไม่ดีเห็นได้ชัดเจนเป็อย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้หลิงมู่เอ๋อร์มีพละกำลังมาก ชั่วขณะหนึ่งนางจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ ไม่กล้าแอบลอบทำร้ายนาง
“นางเด็กน่าตายคนนี้…” หวังซื่อกระซิบอย่างแ่เบาจากที่ไกลๆ “ยากที่จะรับมือจริงๆ ”
“ตอนนี้ทุกคนหิวจะตายอยู่แล้ว สมองเ้ายังมัวแต่คิดเื่พวกนี้อยู่ ช่างเป็สตรีที่ไม่มีสมองจริงๆ!” หลิงซงกล่าวอย่างหมดความอดทน “เด็กคนนั้นเป็หลานสาวของเ้า จะจัดการนางไม่ใช่ง่ายๆ หรือ?ภายหลังยังมีโอกาสอีกมาก ตอนนี้หากทำอันใดนางต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ต่อไปก็รอให้คนทั้งหมู่บ้านแทงกระดูกสันหลังของเ้าแล้ว"
“ใช่แล้ว!นางเด็กคนนี้ร้ายอย่างยิ่ง พวกเราปล่อยนางไปก่อน ให้นางเอาแรงที่มีมากมายนั้นทำความสะอาดให้เสร็จ อย่างน้อยก็ให้พวกเราได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่รอด ข้าไม่อยากกินเปลือกไม้อีกแล้ว ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไป เปลือกไม้บนเขาก็ถูกพวกเรากินจนหมดเกลี้ยงแล้ว” หลิงไฉ่เวยกล่าวอย่างเคียดแค้น “อีกอย่าง ตอนนี้ข้า้าหมอ”
หวังซื่อมองไปที่ท้องของหลิงไฉ่เวย นางหยิกหลิงไฉ่เวยไปหนึ่งที กัดฟันด้วยความแค้นแล้วกล่าว “นางเด็กน่าตาย ใครให้เ้าไม่รักตนเอง ตอนนี้รู้จักเสียใจภายหลังแล้วใช่หรือไม่?”
“ไอหยา ท่านแม่…ท่านหยิกข้าทำไม?” หลิงไฉ่เวยกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“ข้าอยากจะหยิกเ้าให้ตาย เพื่อจะได้ไม่ให้เ้ามาทำให้ข้าอับอายที่นี่” หวังซื่อกัดฟันพูดกระซิบกระซาบ “ต้าหลินว่าอย่างไรบ้าง?”
“เขาจะกล่าวอันใดได้?” หลิงไฉ่เวยมุ่ยปากแล้วกล่าว “เขายังอยู่ใน่ไว้ทุกข์ ยังไม่สามารถแต่งข้าได้ หนทางชีวิตการเป็ขุนนางของเขาไม่้าแล้วหรือ?”
“ควรจะให้พวกเ้าแต่งงานกันเร็วหน่อยั้แ่แรก ก็จะได้ไม่กลายเป็เช่นนี้” หวังซื่อโกรธเป็อย่างยิ่ง “ช่างเถิดช่างเถิด พวกเรารีบหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จัดการเื่ท้องของเ้าให้ได้ก่อน สตรีผู้นั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ข้าเป็ย่าของนางหลังจากนี้ค่อยหาทางจัดการนาง”
หวังซื่อไม่ยอมรับว่าในใจตนเองก็รู้สึกหวาดกลัวหลิงมู่เอ๋อร์เช่นกัน ไม่เพียงแต่เห็นท่าทางที่แข็งแกร่งของนางเมื่อครู่ ยังมีหลายวันมานี้เสียเปรียบในน้ำมือนางอยู่หลายครั้ง นางรู้สึกว่านางเด็กคนนี้เปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนจนกลายเป็ไม่รู้จักแล้ว
เพราะพละกำลังที่มากมายของหลิงมู่เอ๋อร์ ทำให้พวกชาวบ้านต่างเกรงกลัวนาง ไม่ว่าจะเป็พวกที่ดูถูกนาง หรือพวกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง ต่างถอยห่างจากนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หยางซื่อเป็คนที่มีนิสัยอ่อนแอ สตรีจำนวนมากในหมู่บ้านมักจะรังแกนาง วันนี้กลับไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเื่นาง
จนกระทั่งพี่ชายสองสามคนของหลิงต้าหนิวที่หลิงไฉ่เวยเอ่ยถึง ถึงแม้ว่าพวกเขาต่างก็มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับถูกมือของหลิงมู่เอ๋อร์ทำให้กลัวได้ โดยเฉพาะการแสดงต่อไปของหลิงมู่เอ๋อร์จะทำยิ่งทำให้ผู้คนขยี้ตามองใหม่ ไม่ต้องพูดถึงหินที่หนักหนึ่งร้อยกว่าชั่ง แม้แต่หินหลายร้อยชั่งนางก็สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสบายๆ
“นางเด็กนี่โดนผีเข้าสิงแล้วหรือ?”ดวงตาของหลี่เจิ้งเป็ประกาย กล่าวพึมพำ “ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ต้องดีต่อคนในครอบครัวพวกเขาสักหน่อย มีเด็กสาวนี้แล้ว ครอบครัวนี้รับมือไม่ง่ายเลย”
เชิงอรรถ
[1] ก้มหน้าไม่เจอเงยหน้าเจอ หมายถึง ทั้งสองคนเจอกันอยู่บ่อยครั้ง