หน้าประตูจวนสกุลมู่ มู่ชิงหว่านคล้องแขนสตรีในชุดสีน้ำเงินอย่างสนิทชิดเชื้อเมื่อก้าวข้ามธรณีประตู “ศิษย์พี่หญิงหลัน แสดงความยินดีกับท่านด้วยที่ได้เลื่อนขั้นเป็จอมยุทธ์ขั้นที่สี่ ข้าเลื่อมใสท่านจริงๆ! รูปโฉมงดงาม อีกทั้งมีพร์ บนโลกนี้ยังหาสตรีเพียบพร้อมเช่นท่านได้อีกหรือ”
หลันเยว่หรูยิ้มบางๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “หากเปรียบเทียบกับศิษย์พี่ชิงเซียวแล้วข้ายังอยู่ห่างชั้นอีกมาก...ใช่แล้ว ศิษย์พี่ชิงเซียวเล่า วันนี้ข้าตั้งใจมามอบสิ่งของบางอย่างให้เขาโดยเฉพาะ”
มู่ชิงหว่านเม้มริมฝากลอบยิ้ม ศิษย์พี่หญิงหลันขึ้นชื่อว่าเป็สตรีเ็าของสำนักศึกษาเทียนหง มีผู้หมายปองนางนับไม่ถ้วน ได้รับเพลงยาวจนมืออ่อน ทว่าไม่ว่ากับผู้ใดนางล้วนแต่เฉยชาไม่ใส่ใจ มีเพียงกับพี่รองที่แตกต่างออกไป สตรีเ็าจึงจะเผยโฉมหน้าอ่อนโยนดุจสายน้ำออกมาให้เห็น
“พี่รองหรือ...” มู่ชิงหว่านคิดถึงสิ่งใดขึ้นมา สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็หนักอกหนักใจ น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยโทสะที่เก็บอัดเอาไว้ “พี่รองกำลังปรนนิบัติหญิงผู้นั้นอาบน้ำอยู่น่ะสิ!”
สีหน้าของสตรีเ็าเปลี่ยนไปทันที
มู่ชิงหว่านเห็นเช่นนั้นจึงรีบอธิบายว่า “ท่านอย่าได้เข้าใจผิด! หญิงนางนั้นทั้งดำทั้งขี้ริ้ว ไม่มีทางเทียบรูปโฉมของศิษย์พี่หญิงหลันได้เลย! เพียงแต่นางเป็คนที่ฝ่าาส่งมารักษาท่านปู่ของข้า!”
สีหน้าของหลันเยว่หรูผ่อนคลายลงเล็กน้อย “พวกเราไปดูกัน”
หลังจากมาถึงห้องที่อยู่ด้านข้างห้องโถงใหญ่ เห็นมู่ชิงเซียวยืนอยู่ใต้ต้นหวายต้นหนึ่งเพื่อเฝ้าหน้าประตูห้องพักแขก เงาร่างสูงเพรียวนั้นดูสง่างามสุภาพ เส้นผมยาวที่คลุมไหล่นั้นปลิวไปตามแรงลม ให้ความรู้สึกละมุนละไม ั์ตาที่ดูเรียบเฉยเสมอของหลันเยว่หรูปรากฏให้เห็นประกายวูบไหวเล็กน้อย
“พี่รอง หญิงผู้นั้นยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกหรือ” มู่ชิงหว่านจงใจะโเข้าไปในเรือน “ล้วนกล่าวว่าคนขี้ริ้วมักมากเล่ห์ ไม่ผิดแม้แต่น้อย! หน้าตาเยี่ยงนางทั้งดำทั้งขี้เหร่ ต่อให้อาบน้ำสักสามวันสามคืนก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
เริ่มแรกหญิงคนนี้ทำลายโอกาสที่นางและท่านพี่เช่อจะได้อยู่กันตามลำพัง ตอนนี้ยังใช้พี่รองของนางราวกับเป็คนใช้อีก ทนไม่ไหวแล้วนะ!
มู่ชิงเซียวขมวดคิ้ว กล่าวติเตียน “น้องหญิงสาม อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหล! แม่นางเฟิงเป็แขกจากแดนไกล พวกเราสมควรที่จะปฏิบัติต่อนางอย่างมีมารยาท”
มู่ชิงหว่านกลับไม่สนใจ “ต่อให้เป็แขกก็ต้องแยกแยะว่าเป็แขกที่ควรต้อนรับหรือไม่! คนรูปโฉมงดงามและมีความสามารถย่อมเป็แขกที่ได้รับการต้อนรับ ไม่เหมือนเช่นบางคนทั้งขี้ริ้วทั้งไร้ความสามารถ ยังมาเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่นี่ นั่นคือแขกที่ไม่ควรต้อนรับ”
ครึ่งประโยคหลังนางะโเข้าไปในเรือน ทว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานภายในเรือนยังคงเงียบสงบ คนข้างในไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ
ั์ตาของหลันเยว่หรูไหววูบเล็กน้อย หากคนปกติทั่วไปได้ยินคำพูดของมู่ชิงหว่านย่อมต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ทว่าคนในเรือนกลับมีน้ำอดน้ำทน ส่งผลให้นางประหลาดใจขึ้นมาหลายส่วน
“ศิษย์น้องหญิงชิงหว่าน จะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้! คำโบราณกล่าวไว้ คนเรามิอาจวัดกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้ ไม่แน่ว่าแม่นางท่านนี้อาจจะซ่อนรูปโฉมเอาไว้ก็ได้”
“นางหรือ? เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด!” มู่ชิงหว่านกลอกตาขาวมองบนสุดฤทธิ์และพูดดูถูกดูแคลน “หากนางรักษาท่านปู่ให้หายได้จริงๆ ข้ายอมให้นางตัดหัวมาเตะเป็ลูกหนัง!”
หลันเยว่หรูมิได้กล่าวเสริมอันใด มุมมากเรียบเฉยนั้นลอบยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เมื่อได้ยินว่าศิษย์พี่ชิงเซียวกำลังปรนนิบัติสตรีนางหนึ่งอาบน้ำ นางใจนสะดุ้งโหยงจริงๆ บุรุษที่นางหมายปองจะยอมให้หญิงอื่นมาแย่งชิงไปได้อย่างไร เวลานี้เห็นท่าทีดูแคลนที่มู่ชิงหว่านมีต่อสตรีในเรือน นางวางใจได้แล้ว
“ไปๆๆ! พวกเราอย่ามาเสียเวลาอันมีค่ากับสตรีขี้ริ้วนางหนึ่งเลย! เห็นนางแล้วข้าสะอิดสะเอียน!” มู่ชิงหว่านส่ายหน้าอย่างรังเกียจ นางหมุนตัวจะจากไป เสียงประตูด้านหลังเปิดดังแอ๊ด ประตูเปิดแล้ว เสียงกังวานใสของสตรีนางหนึ่งดังออกมา
“ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทำให้คุณหนูมู่สะอิดสะเอียน! แต่ข้านั้นยามปกติไม่มีงานอดิเรกอันใด ที่ชอบทำก็คือทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียน! หากไม่ทันระมัดระวังทำให้เ้าต้องรู้สึกเช่นนั้น ข้าต้องขออภัย!”
มู่ชิงหว่านแทบกระอักเืเมื่อได้ยินเช่นนั้น มีชีวิตอยู่มาสิบหกปียังไม่เคยพบคนผู้ใดหน้าหนาเช่นนี้! นางค้อนปะหลับปะเหลือกเตรียมหันไปด่าคน ทว่าคำพูดยังไม่ได้ทันออกจากปาก นางกลับยืนปากอ้าตาค้างตื่นตะลึงอยู่ที่นั่นเมื่อเห็นสตรีที่อยู่เบื้องหน้า
สตรีนางนั้นสวมกระโปรงยาวสีขาวหิมะ ผิวพรรณขาวผุดผ่อง สันจมูกโด่ง ริมฝีปากราวผลอิง คิ้วตาประดุจภาพวาด
เส้นผมยาวสลวยราวกับขนกานั้นใช้ปิ่นไม้ไผ่ง่ายๆ รวบเอาไว้ เส้นผมดำขลับ เสื้อสีขาวหิมะ มองไปไกลๆ คล้ายบัวหิมะที่เบ่งบานอยู่บนยอดเขา โดดเด่นและอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าเช่นนั้น!
ที่ทำให้คนหลงใหลที่สุดคือดวงตาคู่นั้นของนาง ั์ตาระยิบระยับนั้นราวกับน้ำพุบนยอดเขาหิมะ ราวกับเป็แหล่งรวมความงดงามของสรรพสิ่งของฟ้าและดิน ดึงดูดสายตา กระจ่างใสบริสุทธิ์ราวกับจะดูดิญญาของคนอย่างไรอย่างนั้น
มู่ชิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก และชี้นิ้วสั่นระริกมาที่นาง “เ้า เ้า...เ้าเป็ใครกันแน่”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ กระพริบตาปริบๆ ใส่นาง “ข้าก็คือหญิงขี้ริ้วคนนั้นไงเล่า!”
สีหน้ามู่ชิงหว่านเผือดขาว ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เป็ไปไม่ได้! ทั้งๆ ที่เ้าขี้เหร่เช่นนั้น เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็งดงามได้เล่า”
เมื่อกล่าวออกไปแล้ว นางกลับเคียดแค้นจนต้องตบปากตนเอง
ไฉนนางจึงยอมรับว่าอีกฝ่ายงดงามนะ ตีนางให้ตาย นางก็ไม่ยอมรับ!
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มจนดวงตาโค้งลง “ขอบคุณแม่นางมู่ที่ชื่นชม! ไม่เท่าไหร่ๆ ที่สามของใต้หล้าเท่านั้นเอง!”
มู่ชิงหว่านแค่นเสียงดังฮึ “หน้าไม่อาย!”
มู่ชิงเซียวที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเฟิ่งเฉี่ยนจนโง่งม เขารู้มาตลอดว่านางมีดวงตาที่งดงามคู่หนึ่ง แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านอกจากดวงตางดงามคู่นั้นแล้ว นางถึงกับมีรูปโฉมที่งดงามโดดเด่นเช่นนี้ ตัวเขาเองคิดว่าตนเองมิใช่คนหลงใหลในรูปโฉมภายนอก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนาง เขาถึงกับจิตใจว้าวุ่น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“แม่นางเฟิง เ้า...”
เฟิ่งเฉี่ยนก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ตนสวมอยู่ หรือนางเปลี่ยนไปมากจริงๆ ทำให้พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดถึงเพียงนี้
แม้รูปโฉมของร่างนี้จะงดงามโดดเด่นเหนือผู้อื่น ทว่านางในชาติก่อนก็มิได้ด้อยกว่า ดังนั้นสำหรับเื่รูปโฉม นางไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนัก ในความคิดของนางแล้วรูปโฉมขี้ริ้วหรืองดงามเป็เื่ถัดมา คุณธรรมและจริยธรรมต่างหากควรจะมาเป็อันดับแรก นี่เป็กฎในการคบหาเพื่อนของนางมาโดยตลอด
เผชิญหน้ากับคำถามของมู่ชิงเซียว นางจึงตอบแบบส่งๆ ไปว่า “ไม่ได้ล้างหน้าอาบน้ำมาหลายวัน ทำให้คุณชายมู่เห็นเป็เื่ขบขันแล้ว”
พูดจบนางพลันส่งรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าราวกับบุปผาในวสันตฤดู
มู่ชิงเซียวตื่นตะลึง แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นอย่างมิอาจควบคุม
หลันเยว่หรูเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ในใจเ็ปราวกับถูกเข็มทิ่มตำ
แม้อุปนิสัยของมู่ชิงเซียวจะค่อนข้างเงียบขรึมอ่อนโยน ไม่ว่ากับใครเขาจะปฏิบัติอย่างเกรงอกเกรงใจ สุภาพ แต่มักจะให้ความรู้สึกห่างเหินบางๆ ชนิดหนึ่ง ไหนเลยจะมีความรู้สึกขัดเขินเยี่ยงเด็กหนุ่มเช่นนี้
ความรู้สึกอันตรายชนิดหนึ่งพลันพุ่งเข้าเกาะกินหัวใจ นางจงใจหันเหหัวข้อสนทนาของทุกคน “ศิษย์พี่ชิงเซียว ท่านกำลังเลื่อนขั้นเป็จอมยุทธ์ขั้นที่หกแล้ว ได้ยินว่าหลายวันนี้ใต้เท้าซุน เทพอาหารขั้นสามพำนักอยู่ในจวน ข้าจึงตั้งใจนำวัตถุดิบเทพบางอย่างมาจากบ้าน เพื่อให้ใต้เท้าซุนได้ปรุงเป็อาหารเทพ ช่วยให้ท่านสำเร็จโดยเร็ววัน!”
“วัตถุดิบเทพหรือ นั่นเป็ของดีเชียว!” ดวงตามู่ชิงหว่านเป็ประกาย กล่าวขึ้นอย่างกระตือรือร้น “พี่รอง ท่านดูศิษย์พี่หญิงหลันสิเ้าคะ นางดีกับท่านเพียงใด ไม่ว่าเื่ใดล้วนคิดแทนท่านเสมอ”
มู่ชิงเซียวพูดเรียบๆ “ลำบากศิษย์น้องหญิงหลันแล้ว เงินค่าวัตถุดิบเทพ ข้าจะคืนให้”
หลันเยว่หรูโบกไม้โบกมือเป็พัลวัน ในแววตาเปี่ยมไปด้วยไมตรี “ศิษย์พี่ชิงเซียวเห็นข้าเป็คนอื่นไปแล้ว กับข้ายังต้องเกรงใจอันใดกัน”
“ถูกต้อง ไม่แน่ว่าต่อไปอาจเป็คนครอบครัวเดียวกัน จะแบ่งให้ชัดเจนเช่นนั้นเพื่อเหตุใดกัน” มู่ชิงหว่านคล้องแขนหลันเยว่หรู “ไปๆๆ พวกเราไปศาลาด้านนั้นกันเถิด จะได้ดูวัตถุดิบเทพที่ศิษย์พี่หญิงหลันนำมา”
มู่ชิงเซียวกลับมองไปทางเฟิ่งเฉี่ยน “แม่นางเฟิง จะไปด้วยกันหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจมากเช่นกัน นางอยากเห็นวัตถุดิบเทพที่หลันเยว่หรูนำมา จึงรับคำทันที “ดีสิ!”
มู่ชิงหว่านแค่นเสียงใส่นางดังฮึ “บ้าน...นอกคอกนา นับว่าเ้ามีบุญตา ให้เ้าได้เห็นว่าอะไรคือของล้ำค่าในใต้หล้านี้”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ นางแค่อยากเปรียบเทียบดูว่าวัตถุดิบเทพในวังหลวงกับวัตถุดิบเทพที่หลันเยว่หรูนำมาแตกต่างกันหรือไม่ คิดว่านางไม่เคยเห็นของมีค่าจริงๆ หรือ